Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 503 ไม่เคยจากไป
“ขอบคุณอาจารย์นักรบสำหรับการแสดงอันน่าตื่น…เต้น ขอโทษครับ ฟังเยอะๆ แล้วผมหายใจไม่ออก”
อันหงเอ่ยอย่างขบขัน
ผู้ชมทั้งห้องส่งหัวเราะครืน
ใช่น่ะสิ ไม่รู้ว่านักรบร้องเพลงจนจบด้วยการหายใจน้อยครั้งขนาดนี้ได้ยังไง
“อาจารย์นักรบมีอะไรอยากพูดไหมครับ”
อันหงมองไปยังนักรบ
นักรบปรับลมหายใจ “ทุกท่านอาจสงสัยว่าทำไมผมถึงเลือกเพลงจากไป ที่จริงแล้วมีเหตุผลอยู่สี่ข้อ ข้อที่หนึ่งคือผมอยากแสดงความเคารพต่ออาจารย์หยางจงหมิง สองคือผมใช้เพลงเวอร์ชันเรียบเรียงใหม่ตอบโต้เรื่องการหายใจ ข้อที่สามคือผมคิดว่าการร้องเพลงที่คู่แข่งเคยร้องนั้นน่าสนใจดี ส่วนข้อที่สี่…”
นักรบหยุดชะงัก
อันหงรับลูกคู่ “ข้อที่สี่คืออะไรครับ”
นักรบหัวเราะ “ผมคิดว่าชื่อเพลงนี้ดีครับ”
อันหงอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยขึ้นตามสัญชาตญาณ “จากไป”
โอ้ว!
ผู้ชมนึกออกแล้ว!
‘จากไป’ ไงล่ะ นี่คือมุกซึ่งมีความหมายแฝง ว่าให้หลานหลิงอ๋องจากไป!
ตกรอบ ก็หมายความว่าจากไปใช่ไหมล่ะ?
แรงอยู่นะ!
นี่คุณคิดจะตบหน้าหลานหลิงอ๋องให้ตายคามือเลยหรือไง!
เพลงเดียวสอดแทรกความหมายไว้มากมาย!
สีหน้าของอันหงแลดูแปลกประหลาดอีกครั้ง เขากลั้นขำอีกแล้ว…
บนหน้าจอ
คอมเมนต์ถั่งโถมมาอย่างไม่ขาดสาย
‘ขอบคุณอันหงที่คอยกลั้นขำอย่างแข็งขัน นักร้องพวกนี้แต่ละคนตึงทั้งนั้น!’
‘สะใจ จับหลานหลิงอ๋องแขวนประจานเลย!’
‘หลานหลิงอ๋องฉาวโฉ่แน่!’
‘บ้าน่า เล่นแบบนี้ได้ด้วย?’
‘จากไปก็ดี’
‘…’
อันหงกระแอม “อาจารย์นักรบมีอารมณ์ขันจังเลยนะครับ แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่เราต้องเชิญคู่แข่งของอาจารย์นักรบ ซึ่งก็คืออาจารย์หลานหลิงอ๋องขึ้นแสดงบนเวทีครับ!”
นักรบโค้งคำนับก่อนจะลงจากเวทีไป
มีเสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราว ทว่าขณะที่ผู้ชมกำลังปรบมือนั้น สีหน้ากลับแปลกพิลึก
เวทีนี้ หลานหลิงอ๋องจะใช้อะไรมาสู้
แค่ความน่าเกรงขามก็ถูกข่มซะแล้ว!
คุณบอกว่าคนเขามีปัญหาเรื่องการหายใจ?
ตอนนี้คนเขาจึงอวดเทคนิคการหายใจอันน่าทึ่ง มิหนำซ้ำยังร้องเพลงจากไปที่คุณเคยร้องก่อนหน้านี้อีกต่างหาก!
ยอมหรือยัง?
ผู้ชมยอมแล้ว!
นักรบแข็งแกร่งมาก!
และทุกคนก็ชอบแบบนี้!
ต่อให้หลานหลิงอ๋องทำผลงานออกมาได้ดี ก็ยากที่จะกอบกู้ความรู้สึกของผู้ชมกลับมา เพราะผู้ชมไม่ได้โหวตจากเพลงเพียงอย่างเดียว แต่โหวตเพื่อการตอบโต้เรื่องการหายใจของนักรบในรอบนี้ก็เพียงพอแล้ว!
……
ด้านหลังเวที
เสียงของหงส์ขาวระคนความไม่พอใจ “เวทีนี้ของนักรบตอบโต้ได้ยอดเยี่ยมมาก ใช้การหายใจมาเอาใจผู้ชม แต่เพลงนี้นอกจากการหายใจแล้วไม่ได้มีความน่าสนใจอะไรมากมาย”
“ถูกต้อง!”
ปลาปักเป้าเสริม “นี่เป็นการบีบให้หลานหลิงอ๋องแข่งเรื่องลมหายใจกับเขาไม่ใช่เหรอคะ ถ้าหลานหลิงอ๋องไม่ตอบโต้ไปซึ่งๆ หน้า จะดูเหมือนว่าหลานหลิงอ๋องจงใจหลีกเลี่ยงการต่อสู้”
“เข้าใจได้…”
หุ่นยนต์พยักหน้า “พูดไปก็ป่วยการ นี่เป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งในการแข่งขัน เขาดึงดูดความสนใจของผู้ชมไปไว้ที่ความขัดแย้งเรื่องการหายใจได้ เขาก็ชนะไปครึ่งหนึ่งแล้ว”
ทำไมน่ะหรือ
ก็เพราะเขาใช้ลมหายใจฟาดหน้าไปแล้วน่ะสิ!
เขาพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นเป็นประจักษ์แล้วว่าเทคนิคการใช้ลมหายใจของเขานั้นยอดเยี่ยมแค่ไหน!
“แต่ผลการแข่งขันก็ไม่แน่นอน”
นางเงือกเอ่ยขึ้นทันใด “อย่าลืมว่าใครเป็นคนเขียนเพลงในเวทีที่ผ่านมาของหลานหลิงอ๋อง บางทีเวทีนี้ก็อาจเป็น…”
หืม?
ทุกคนตะลึง แต่กลับส่ายหน้า ต่อให้เซี่ยนอวี๋ช่วยหลานหลิงอ๋องเขียนเพลงแล้วอย่างไร เวทีนี้ไม่ได้วัดกันที่บทเพลงเพียงอย่างเดียวสักหน่อย
……
เมื่อเทียบกับความขุ่นเคืองของทีมที่หนึ่งแล้ว ขณะนี้ทีมที่สามกำลังคึกคัก!
“สุดยอด!”
“สมแล้วที่เป็นนักรบ!”
“เวทีนี้ฟังแล้วสะใจมาก!”
“นี่แหละคือสไตล์ของนักรบ คุณมีจุดไหนไม่พอใจ ฉันก็พิสูจน์จุดนั้นให้เห็นกับตา!”
“เฉียบ!”
นักร้องในทีมที่สามเกรงว่าจะทำให้ผู้ชมไม่พอใจ จึงหันไปอธิบายกับหน้ากล้อง “ที่จริงพวกเราไม่ได้เกลียดหลานหลิงอ๋อง พวกเราเพียงแต่หวังว่าต่อไปเขาจะคิดก่อนพูด ถึงยังไงพวกเราก็…”
พูดต่อไม่ไหวแล้ว
นักร้องในทีมที่สามต่างคนต่างหัวเราะ บางคนหัวเราะจนตัวงอ มีคนหัวเราะจนขาขยับยุกยิกไปมาบนโซฟา บ้างก็ตบหน้าขาของตนเอง จนสามารถสัมผัสได้ถึงความสุขซึ่งพวกเขาส่งผ่านทางหน้าจอ
……
กล้องสลับไปยังมู่สือ
มู่สือคล้ายกับเพิ่งพบเรื่องน่ายินดีบางอย่าง และทำมินิฮาร์ตให้กับกล้อง
คนที่นั่งด้านข้างอดคลี่ยิ้มไม่ได้ พลางตบไหล่มู่สือเบาๆ
เห็นได้ชัด
ว่าใครๆ ก็นึกถึงเรื่อง ‘การหายใจ’ และการตอบโต้ของนักรบช่างเด็ดขาดจริงๆ !
……
ขณะที่ต่างฝ่ายต่างมีปฏิกิริยาตอบสนอง
หลานหลิงอ๋องก็ก้าวขึ้นบนเวที
สิ่งที่รอต้อนรับเขา กลับเป็นสายตาอันซับซ้อนของผู้ชม แน่นอนว่ายังรวมไปถึงคอมเมนต์ต่างๆ บนหน้าจอด้วย
จะแข่งอะไรล่ะ?
ยังต้องร้องเพลงอีกหรือ?
อันหงมองไปยังหลินเยวียน “อาจารย์หลานหลิงอ๋องมีอะไรอยากพูดไหมครับ”
หลินเยวียนส่ายหน้า
ผู้ชมบางคนถอนหายใจ
เขาไม่อยากพูดด้วยซ้ำ
ไม่ปากตะไกรแล้ว ไม่เข้ากับสไตล์ของหลานหลิงอ๋องเอาซะเลย เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาคงจะสับสนมาก
มีคอมเมนต์ส่งมา
‘ทำไมครั้งนี้คุณไม่บอกแล้วล่ะว่าคนเขามีปัญหาเรื่องการเปลี่ยนลมหายใจ’
‘หายใจแบบนี้คุณทำได้ไหม’
‘มู่สือ: แค้นนี้ต้องชำระ!’
‘มู่สือ: การหายใจของผมมีปัญหา งั้นคุณว่าการหายใจของนักรบมีปัญหาไหม?’
แต่ก็มีคอมเมนต์โต้กลับ
‘แฟนคลับของนักร้องบางคนเอาแต่ด่าหลานหลิงอ๋อง’
‘เวทีนี้นักรบมีแต่โชว์หายใจ ที่เหลือไม่มีอะไรเลย’
‘การแสดงเขาดูกันที่การหายใจอย่างเดียวหรือไง?’
‘ยังวางรูปแบบไม่ดีพอ’
‘…’
ยังมีบางคนที่สนับสนุนหลานหลิงอ๋อง
แต่ทว่า
ต่อให้เป็นผู้สนับสนุนหลานหลิงอ๋อง ก็ไม่สามารถตำหนิเกี่ยวกับปัญหาด้านการหายใจของของนักรบ
การหายใจเมื่อครู่ น่าทึ่งเหลือเกิน!
……
อันที่จริงความคิดของหลินเยวียนนั้นเรียบง่าย
เขาเพียงแค่รู้สึกว่าก่อนร้องเพลงไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ
หลินเยวียนหันไป
พยักหน้าให้กับวงดนตรี
แสงไฟส่องกระทบบนร่าง
ทันใดนั้นเสียงเปียโนแผ่วเบาก็ดังขึ้น
ในขณะนั้น
ชื่อเพลงของหลินเยวียนก็ปรากฏบนหน้าจอขนาดใหญ่
ชื่อเพลง: ไม่เคยจากไป
คำร้อง: เซี่ยนอวี๋
ทำนอง: เซี่ยนอวี๋
ขับร้อง: หลานหลิงอ๋อง
ชั่ววินาทีนั้น หลายคนดวงตาเบิกกว้าง
อะไรฟระเนี่ย?
ไม่เคยจากไป?
เพลงที่นักรบเพิ่งร้องเมื่อครู่มีชื่อว่า ‘จากไป’
ปรากฏว่าเพลงในเวทีนี้ของหลานหลิงอ๋องดันมีชื่อว่า ‘ไม่เคยจากไป’
แถมยังเป็นเพลงที่เซี่ยนอวี๋เขียนด้วย?
คุณจงใจหรือเปล่า?
พรึบๆๆ!
สีหน้าของหลายคนตื่นเต้นมาก!
ในตำแหน่งกรรมการตัดสิน
หยางจงหมิงก็สับสนเช่นกัน
เพลงนี้ของเซี่ยนอวี๋มีชื่อว่า ‘ไม่เคยจากไป’?
ถูกต้อง นี่คือเพลง ‘ไม่เคยจากไป’ ของหลินจื้อเซวี่ยน[1]
หลินจื้อเซวี่ยนหรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘เซียนหลิน’ สร้างความตกใจให้กับผู้คนนับไม่ถ้วนหลังจากที่เขาร้องเพลงนี้บนเวที แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ระดับแม่หวง[2]ยังตกตะลึง เพราะไม่มีใครฟังเสียงลมหายใจของหลินจื้อเซวี่ยนออก ทุกคนจึงขนานนามว่าเพลงนี้ ‘ไม่มีการหายใจ’!
นี่คือวิธีขับร้องแบบค็อกเทล[3]ซึ่งหลินจื้อเซวี่ยนเป็นผู้คิดค้นขึ้น ให้ผลลัพธ์ประหนึ่งปราศจากการหายใจ ในเมื่อหลินเยวียนเตรียมเพลงนี้มา แน่นอนว่าเขาต้องศึกษาวิธีขับร้องมาด้วย
เขาจับไมโครโฟน หลับตาลงช้าๆ
เขาไม่ได้เลือกเสียงอื่น แต่ใช้เพียงเสียงบาริโทนซึ่งถนัดที่สุดมาขับร้องท่อนแรก “เคยรักมาก่อน เคยช้ำมาก่อน เคยสัมผัสรสรักขมหวาน หนีชะตามาคอยแกล้งกัน สิ่งที่ต้องการรู้แก่ใจ…”
หืม?
มีผู้ชมสังเกตเห็นว่าขณะที่หลานหลิงอ๋องร้องเพลงแทบไม่ได้ยินเสียงหายใจเลย
“ความในใจที่พูดไม่ออก ความรู้สึกทั้งหมดที่มี โปรดเถิดขอเธอลองคิดดูให้ดี โลกใบนี้จะมีค่าได้อย่างไร ถ้าหากไม่มีเธอ…”
หน้าจอ
ชาวเน็ตตกตะลึง
ทั้งที่มีจังหวะหยุดระหว่างประโยค
แต่เสียงลมหายใจหายไปไหน
แต่ถึงอย่างไร ก็เป็นการร้องเพลงช้าและคีย์ค่อนข้างต่ำ จึงไม่จำเป็นต้องใช้การเปลี่ยนลมหายใจที่มากนัก ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับการร้องเพลงของนักรบเมื่อครู่
อย่างไรก็ตาม!
ทันใดนั้นเสียงของหลานหลิงอ๋องก็ดังขึ้น ราวกับเคลื่อนจากหุบเขาขึ้นสู่ยอดเขาอย่างไม่ลดละ เปล่งเสียงกังวานชัดด้วยท่วงท่าสง่างามที่สุด
“ได้แต่ทอดมองเขาสูงสุดตา กลับมองไม่เห็นเส้นทางข้างหน้า
เมื่อหันกลับมา ถึงพบว่าเธอยังเฝ้ารอไม่เคยจากไป
เสาะหาผืนน้ำบนเส้นขอบฟ้า กลับมองข้ามผ่านสายน้ำรินมา
เมื่อชีวิตเริ่มอ่อนล้า เธอยังคอยเคียงข้างให้ฉันก้าวต่อไป…”
ในชั่วพริบตา ทุกคนล้วนตกตะลึง!
พระเจ้าช่วย!
เพลงนี้ยอดเยี่ยมมาก!
ราวกับความรู้สึกถูกกระสุนเจาะเข้าเต็มรัก!
ระหว่างท่วงทำนองอันไพเราะ เสียงสูงและโน้ตยาวประสานเข้ากัน เสียงของหลานหลิงอ๋องหนักแน่นเปี่ยมพลัง แต่ยังคงความชัดเจนและประณีต จนผู้ฟังรู้สึกประหนึ่งถูกอิฐหนักกระแทกหน้าระลอกแล้วระลอกเล่า
รื่นไหลไม่ติดขัด!
แต่ว่า…
ลมหายใจล่ะ!
ทำไมไม่เห็นมี?
ผู้ชมต่างตกใจ!
เสียงลมหายใจหายไปไหนแล้ว
คุณเป็นเครื่องเล่นเพลงเวอร์ชันมนุษย์หรือไง?
ทำไมร้องเพลงเสียงสูงขนาดนี้ถึงไม่หายใจ
หลานหลิงอ๋องยังคงร้องเพลงต่อไป แต่ดูเหมือนเขาจะตอบคำถามของผู้ฟังเสียมากกว่า
“บางทีฉันอาจมั่งมี เพราะรักนี้เพียงพอเกินทุกสิ่ง ชีวิตนี้เธอให้พักพิง หัวใจเธอเติมเต็มรอยร้าว นับตั้งแต่วินาทีนี้ อยากโอบกอดเธอไว้ให้นาน อยากมอบความอ่อนหวานให้เธอ ขับขานเพลงรักให้แด่เธอผู้เดียวเท่านั้น…”
ในที่สุดหลานหลิงอ๋องก็หยุดลง
ขณะที่ผู้ชมกำลังผ่อนลมหายใจอย่างแผ่วเบา เสียงเพอร์คัชชันก็ดังขึ้นฉับพลัน!
หลังจากเสียงกังวานใส เสียงเปียโนก็พลันกระหึ่มขึ้น ผสานกับคีย์ที่สูงขึ้นอีกครั้งของหลานหลิงอ๋อง เข้ากระทบโสตประสาทของผู้คนนับไม่ถ้วนในทันที
“ได้โปรดฟังฉัน!!!”
ท่อนคอรัสดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง!
ราวกับเชื่อมโยงทุกคำเข้าด้วยกัน!
ท่วงทำนองนับไม่ถ้วนถูกผนวกเข้าด้วยกันเป็นการเคลื่อนไหวอันงดงามซึ่งปราศจากเส้นแบ่ง!
พลังทะลุทะลวงของเสียงหลานหลิงอ๋องกระจายไปทุกสารทิศ ลมหายใจของเขาราวกับไร้ที่สิ้นสุด “ได้แต่ทอดมองเขาสูงสุดตา กลับมองไม่เห็นเส้นทางข้างหน้า เมื่อหันกลับมา ถึงพบว่าเธอยังเฝ้ารอ ไม่เคยจากไป…”
ทุกคนกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง!
ตู้ม!
ระเบิด!
……
หน้าจอระหว่างการถ่ายทอดสด
คอมเมนต์ถล่มทลาย
‘เพลงนี้ปังมาก!!!!’
‘การหายใจน่ากลัวกว่านักรบอีก!’
‘เพลงนี้โหดแท้ นักรบยังพอฟังออกว่าเขาหายใจบ้าง แต่ของหลานหลิงอ๋องฟังไม่ออกเลย!’
‘ไม่เคยจากไปอะไรล่ะ ไม่เคยหายใจมากกว่ามั้ง!’
‘ไม่หายใจจริงๆ เพลงนี้ห้ามหายใจ!’
‘เขาไม่ต้องหายใจหรือไงนะ’
‘อมก นักรบถอยไปค่าา!’
‘เทียบกับหลานหลิงอ๋องแล้ว จุดนี้นักรบสู้ไม่ได้เลย!’
‘เลือดสาดขนาดนี้เชียว!’
‘พล็อตทวิสต์เหมือนกันนะเนี่ย’
‘ก่อนหน้านี้ใครบอกหลานหลิงอ๋องไม่กล้าพูด!’
‘เขาไม่ใช่แค่กล้า แต่เขาพูดได้โดยที่ไม่หายใจด้วยซ้ำ!’
‘หลานหลิงอ๋อง: จะสอนให้ว่าต้องหายใจอย่างไร’
……
ในตำแหน่งผู้ชม
“ขนลุกไม่ยอมนั่งแล้วคร้าบบ!”
“นี่คือจะสอนวิธีหายใจให้นักรบเลยใช่ไหม!”
“เพลงนี้ปังมาก เหมือนหลานหลิงอ๋องไม่ได้หายใจเลย ฟังแล้วรู้สึกสุดยอดมาก!”
“บ้าไปแล้ว!”
“ลากไปตบกลางสี่แยก!”
“นักรบเล่นครั้งนี้เสียเปล่า!”
“นี่สิถึงเรียกว่าลัทธิไม่หายใจ!”
“เชี่ยยยยยยยย! แม่ไม่ให้พูดคำหยาบ แต่ฉันทนไม่ไหวแล้ว!”
……
ในตำแหน่งคณะกรรมการตัดสิน!
เจิ้งจิงเอ่ย “ไม่มีเสียงหายใจ!”
เยี่ยจือชิวอ้าปากค้าง “ควบคุมลมหายใจได้สมบูรณ์แบบ!”
อิ่นตงคล้ายกับมีสีหน้าปรากฏ แต่แลดูราวกับเขากำลังท้องผูกซะมากกว่า เสียงของเขาราวกับในลำคอกำลังตีบตัน “เสียงสูงขนาดนี้ไม่หายใจเลยหรือ?”
หยางจงหมิงดวงตาเบิกกว้าง!
การควบคุมลมหายใจยอดเยี่ยมมาก แถมเพลงนี้ก็เยี่ยมยอดสุดๆ!
……
ด้านหลังเวที!
หุ่นยนต์มองไปยังหงส์ขาวด้วยความตกตะลึง “แบบนี้…คุณก็ทำได้ไหม?”
หงส์ขาว “ไปไกลๆ เลย!”
ปลาปักเป้าลุกพรวดขึ้นด้วยความตกใจ
นางเงือกกำหมัดแน่น
ในฝั่งของทีมที่สาม นักร้องซึ่งหัวเราะจนตัวโยนด้วยกันเมื่อไม่นานมานี้ต่างเงียบลง ในห้องเงียบสงัดจนแทบได้ยินเสียงเข็มหล่น
……
เพิ่มคีย์อีก!
ร้องคีย์สูงกว่าแล้วอย่างไร!
สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือลมหายใจซึ่งดูราวกับอันตรธานหายไป!
เห็นชัดๆ ว่าเป็นการร้องสด!
แต่หลานหลิงอ๋องซึ่งถือไมโครโฟนอยู่นั้นประหนึ่งไม่จำเป็นต้องหายใจ!
ท่ามกลางแสงสปอตไลต์ส่อง มีเพียงเสียงหนักแน่นระคนความโกรธที่ชัดเจน ตามมาด้วยการเปลี่ยนเสียงอย่างหนักหน่วง
“ทุกความรู้สึกผูกมัดฉันไว้ทำอะไรฉันไม่ได้ โลกของฉันมีเธอส่องแสงนำไป เธอสุขฉันก็สุข เธอเศร้าฉันก็เศร้า…แดนแห่งความรักที่เราเฝ้าหา ขอเพียงเรา เงยหน้า แสงแดดพร่างพราย รู้เพียงไม่ใช่ความฝัน ตอนนี้ขอเธอหลับตา ใช้ใจสัมผัส มีเสียงเสียงหนึ่ง บอกว่ารักของเรา…”
หลินเยวียนยังคงร้องต่อไป แต่ถ้าบอกว่าไม่หายใจน่ะหรือ?
จะไม่หายใจได้อย่างไร คนร้องเพลงต้องหายใจกันทั้งนั้น
เพียงแต่มีวิธีหายใจประเภทหนึ่ง ซึ่งจะไม่ได้ยินเสียงลมหายใจเลย!
นักร้องก็ปรับลมหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าในขณะที่ร้องเพลง โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น จนกว่าเขาจะถึงสภาวะที่ดีที่สุดอย่างแยบยล
นักรบทำแบบนั้น
หลินเยวียนก็เช่นกัน
เพียงแต่หลินหยวนปรับลมหายใจระหว่างร้องเพลงให้นุ่มนวลและเงียบมากขึ้น เพื่อให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาไม่ได้หายใจเลยก็เท่านั้นเอง
แสงไฟไปรวมกันอีกครั้ง
เสียงของหลินเยวียนต่ำลงเป็นครั้งแรก เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นราวกับกำลังสัมผัสความรู้สึกบางอย่าง และบอกอะไรบางอย่าง
“ไม่เคยจากไป…”
เสียงของเขาค่อยๆ เบาลง เสียงของเปียโนซึ่งตามมาค่อยๆ ดังขึ้น ในเวลานี้ กล้องสลับภาพไปยังผู้ชมในทันที
……
มู่สือตะลึงงัน
ไม่ใช่ตกใจ แต่ตะลึงงัน นิ่งค้างเป็นท่อนไม้[4]เช่นเดียวกับชื่อของเขา
หลานหลิงอ๋องตำหนิเรื่องการหายใจของเขา เขาไม่ปักใจเชื่อ การแสดงเมื่อครู่ของนักรบจึงทำให้เขาสะใจมาก
ทว่าในยามนี้…
คนคนนี้ทำได้ยังไงกัน ทำไมถึงปรับลมหายใจได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ แถมเพลงนี้ก็ดีมากด้วย…
ด้านหลังของมู่สือ
นักร้องคนอื่นๆ ซึ่งตกรอบไปแล้ว ทุกคนต่างมีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นเดียวกับมู่สือ
ตัดภาพมาทางนักรบ
มีหน้ากากบดบัง จึงไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของนักรบได้
ทว่ามือของนักรบกำลังดัน ‘กำแพง’ ด้านข้างไว้ คล้ายกับพยายามหาที่ประคอง…
“เฮ้ย!”
นี่มันกำแพงที่ไหนกันล่ะ
มันเป็นเพียงโปสเตอร์รายการราชาหน้ากากนักร้อง และเนื่องจากไม่อาจทนรับแรงของนักรบได้ โปสเตอร์จึงหล่นลงบนพื้น
แควก
โปสเตอร์พังซะแล้ว
ภาพของนักรบบนโปสเตอร์ถูกฉีกขาดพอดี
ฉันขาดแล้วเหรอเนี่ย!
……………………………………………………..
[1] หลินจื้อเซวี่ยน (Terry Lin) นักร้องชื่อดังชาวไต้หวัน เข้าประกวดในรายการแข่งขันร้องเพลงของนักร้องมืออาชีพซึ่งมีชื่อว่า I Am A Singer ซีซันหนี่งในปี 2013 และได้รับรางวัลรองชนะเลิศ
[2] แม่หวง หรือหวงฉี่ซาน (Susan Huang) นักร้องชื่อดังชาวจีน เข้าประกวดในรายการ I Am A Singer ซีซันหนี่งในปี 2013 เช่นเดียวกับหลินจื้อเซวี่ยน และได้รับรางวัลที่สี่
[3] วิธีขับร้องแบบค็อกเทล คิดค้นโดยหลินจื้อเซวี่ยน คือวิธีการขับร้องแบบผสมผสานซึ่งมีเสียงจริงและเสียงหลบซ้อนทับกัน และระดับของการผสมเสียงจริงและเสียงหลบจะเปลี่ยนไปตามอารมณ์ในบทเพลง การขับร้องรูปแบบนี้จำเป็นต้องอาศัยความชำนาญในการเปล่งเสียงเรโซแนนซ์และการควบคุมลมหายใจ และวิธีขับร้องแบบค็อกเทลที่ดีจะต้องขจัดจุดผันเปลี่ยนระหว่างเสียงจริงและฟอลเซตโทให้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมาก
[4] ท่อนไม้ มาจากตัวอักษรมู่ (木 ) ซึ่งแปลว่าไม้ ในชื่อของมู่สือ