Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 504 ชนะ
ทุกคนต่างตกตะลึง!
กล้องหลายสิบตัวของทีมงานรายการจับไปยังใบหน้าอันตกตะลึงของผู้ชมนับไม่ถ้วน ภาพแล้วภาพเล่าเรียงกัน สร้างความตกใจให้แก่ผู้ชมหน้าจอเป็นอย่างมาก!
ต่อให้บทเพลงจะจบลงแล้ว…
ความตกตะลึงนี้ยังคงไม่น้อยลงไป หนำซ้ำกลับยิ่งชวนให้ประทับใจมากขึ้นเมื่อหวนนึกถึง!
ทันใดนั้น!
ก็มีคนส่งเสียงตะโกนขึ้นมา เสียงปรบมือดังขึ้นจากด้านล่างเวที ตั้งแต่ผู้ชมเจ็ดร้อยคนไปจนถึงคณะกรรมการประเมินห้าสิบคน ล้วนปรบมือให้กับการแสดงในครั้งนี้อย่างกึกก้อง!
“เพลงนี้…”
“ไร้เทียมทาน…”
“ก่อนหน้านี้มีคนบอกว่าทักษะการร้องเพลงของหลานหลิงอ๋องไม่ดีไม่ใช่เหรอ แบบนี้บ้านคุณเรียกว่าไม่ดี?”
“ไม่เคยหายใจ!”
“นี่ไม่ใช่คำถามว่าหายใจหรือไม่หายใจแล้ว แต่เขาเชื่อมต่อช่วงไคลแม็กซ์ที่ยาวนานเข้าด้วยกัน รินไหลไปเรื่อยๆ เหมือนกระแสน้ำที่ไม่มีเขื่อนกั้น ฟังจนจบแล้วสมองแทบว่างเปล่า!”
“บ้าไปแล้ว!”
“หลานหลิงอ๋องแทบบดขยี้การแสดงของนักรบตั้งแต่เรื่องเสียงร้อง การหายใจ ไปจนถึงรูปแบบ ทุกๆ จุดที่นักรบโต้กลับจะได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์แบบโดยหลานหลิงอ๋อง แถมยังทำออกมาได้ดีกว่าด้วย!”
“…”
ท่ามกลางเสียงปรบมือดังกึกก้อง
ผู้ชมนับไม่ถ้วนต่างถกเถียงกัน
พิธีกรอันหงเดินไปยังเวที น้ำเสียงของเขาแปลกไปเล็กน้อย “ขอขอบคุณอาจารย์หลานหลิงอ๋องที่จัดเทศกาลดนตรีให้กับพวกเรานะครับ ผมเห็นทุกคนตื่นเต้นกันมาก นอกจากนั้นจากสถิติชั่วคราวจากหลังบ้าน ในไลฟ์เมื่อครู่นี้มีคอมเมนต์จากชาวเน็ตหนาแน่นที่สุดนับตั้งแต่มีการถ่ายทอดสดในวันนี้ครับ…”
ทั้งในห้องส่งและโลกภายนอก!
ปฏิกิริยาตอบสนองเหมือนกัน!
พิธีกรมองไปยังเจิ้งจิง เจิ้งจิงหอบหายใจอยู่หลายครั้งก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความหวั่นเกรง “คนร้องไม่มีปัญหา แต่คนฟังเกือบขาดใจ ที่จริงฉันไม่ประหลาดใจที่เซี่ยนอวี๋เขียนเพลงแบบนี้ออกมาได้ ตั้งแต่ทำนองไปจนถึงรูปแบบเพลงอยู่ในขอบเขตความสามารถของทุกคน แต่ฉันประหลาดใจที่หลานหลิงอ๋องสามารถรับมือกับเพลงที่ระดับความยากสูงแบบนี้ได้”
“ระดับความยากสูงจริงๆ!”
เยี่ยจือชิวซึ่งอยู่ด้านข้างเอ่ยตัดบทเจิ้งจิง สีหน้าแฝงความตกตะลึง “เพลงนี้ต้องใช้การจัดการลมหายใจระดับสูงมาก ไม่ได้หมายถึงหลานหลิงอ๋องมีความจุปอดมากแค่ไหน แต่หมายถึงเขาใช้และควบคุมความจุปอดได้โดยที่ไม่สูญเปล่าเลย นี่คือการหายใจระดับตำราเรียนแล้ว ถ้าพูดถึงการขับร้องเพลงนี้ หลานหลิงอ๋องก็อยู่ในระดับราชาเพลง!”
“ไม่ใช่แค่นั้น!”
อิ่นตงซึ่งเป็นอัมพาตใบหน้าเอ่ยขึ้น “ไม่ได้ยินเสียงหายใจไม่พอ ขณะเดียวกันเขาสามารถลากเสียงสูงและยาวได้นานมาก ผมเชื่อว่าผู้ชมที่ฟังเพลงคงรู้สึกจะหมดลม แต่เขายังทำเสียงให้ดังและสูงขึ้นได้อีก…”
ผู้ชมพยักหน้ารัว!
ก็ใช่น่ะสิ!
ว่ากันว่าลั่นกลองรบครั้งแรกฮึกเหิม ครั้งที่สองเสียขวัญ ครั้งที่สามสูญสิ้นกำลังใจ ทุกคนลำพังแค่ฟังก็รู้สึกสูญสิ้นกำลังใจแล้ว แต่เขากลับยังร้องเสียงดังขึ้นแถมเพิ่มคีย์ของเขาต่อไป ยกระดับให้มโนคติทางศิลปะยิ่งสูงขึ้นด้วย
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
หลินเยวียนนิ่งเงียบ
การหายใจเป็นศาสตร์หนึ่งในการร้องเพลง แต่หลินจื้อเซวี่ยนค้นพบวิธีการร้องเพลงแบบค็อกเทลเนื่องจากโรคจมูกอักเสบของเขา วิธีขับร้องเช่นนี้ทำให้เขาสามารถขับร้องเพลงทั้งหมดในเวอร์ชันแสดงสดได้โดยที่ได้ยินเสียงลมหายใจเพียงน้อยนิด และเพลงไม่เคยจากไปเวอร์ชันแสดงสดนี้นับว่าเป็นหนึ่งในการแสดงสดซึ่งอวดความโดดเด่นด้านการหายใจของหลินจื้อเซวี่ยน ส่วนหลินเยวียนต้องทนทุกข์ทรมานไม่น้อยเพื่อค้นหาเคล็ดลับของวิธีร้องเพลงวิธีนี้ เขาถึงกับใช้มิติเสมือนของระบบเพื่อศึกษาค้นคว้าครั้งแล้วครั้งเล่ากว่าจะจับทิศทางได้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงนับว่าอยู่ในความคาดหมายของหลินเยวียน
อันหงมองไปยังหยางจงหมิง
หยางจงหมิงจ้องมองหลานหลิงอ๋องอยู่หลายวินาที ราวกับกำลังขบคิดบางอย่าง ทว่าสิ่งที่เขาพูดต่อจากนั้นกลับทำให้ทั้งห้องส่งเสียงหัวเราะครืน “คุณหายใจทางรูขุมขนหรือ?”
หายใจทางรูขุมขนไปอีก
หยางจงหมิงไม่ได้แกล้งสัพยอกต่อ สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย “ที่จริงทุกคนไม่จำเป็นต้องคอยถกเถียงกันเรื่องลมหายใจหรอก การหายใจแบบนี้จัดอยู่ในระดับตำราเรียนแล้ว แต่พวกเราควรกลับมาพูดถึงตัวบทเพลงกันบ้าง เพลงนี้เป็นเวทีที่ใช้ทักษะการร้องเพลงได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ผมดูการแสดงของหลานหลิงอ๋องมาหลายเวที โน้ตยาวในเพลงคือบททดสอบความแข็งแกร่งของเส้นเสียง นอกจากนั้น ทำนองเพลงนี้ยังทำออกมาได้ดี เพียงแต่น่าเสียดายที่ในแง่ของความยาก เพลงนี้อาจกลายเป็นฝันร้ายของนักร้องหลายๆ คนได้”
……
ด้านหลังเวที
หุ่นยนต์พยักหน้าอย่างจริงจัง “เพลงนี้ความยากระดับฝันร้ายจริงๆ ไม่ใช่ว่าท่อนเสียงสูงยาก นักร้องที่ถนัดเสียงสูงร้องได้ทั้งนั้น แต่จุดที่น่ากลัวคือท่อนเสียงสูงยาวเกินไป ยาวจนถึงขั้นที่ทุกคนร้องสูงถึง แต่ลมไม่พอให้ใช้ ผมคนหนึ่งแหละที่ไม่ไหว อาจารย์หงส์ขาวก็น่าจะไม่ไหว พวกคุณล่ะ?”
ปลาปักเป้าส่ายหน้า
นางเงือกส่ายหน้า
ใครจะไปทำได้?
ทีมที่หนึ่งทำไม่ได้ ทีมที่สามก็ทำไม่ได้ พูดให้ชัดก็คือทีมที่สามยังคงเงียบงัน นับตั้งแต่หลานหลิงอ๋องอ้าปากร้องเพลง ทุกคนในทีมที่สามต่างก็พูดอะไรไม่ออก
ผ่านไปนาน
กว่าเอล์ฟจะกระซิบว่า “ท่อนเสียงสูงไม่นับว่าเกินจริง ฉันร้องได้สูงกว่าเขา…”
ทุกคนมองไปยังเอล์ฟ
ยังไม่กระจ่างสินะ
คุณร้องได้สูงกว่าเขาก็จริง แต่ลมหายใจของคุณสามารถร้องได้นานแบบเขาไหม ถ้าเกิดคนเขานึกคึกเล่นมุกนี้กับคุณโดยไม่หายใจหลายสิบวินาทีขึ้นมาล่ะ…
บนเวที
พิธีกรมองไปยังนักรบด้านข้างซึ่งยืนวิญญาณหลุดลอยไปแล้ว พยายามรักษาน้ำเสียงให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด “ต่อจากนี้ขอเชิญอาจารย์นักรบขึ้นมายืนบนเวทีพร้อมกับหลานหลิงอ๋อง เพื่อรับคะแนนโหวตจากผู้ชมพร้อมกันด้วยครับ”
นักรบเดินมาอย่างเงียบงัน
ยืนอยู่ด้านข้างหลานหลิงอ๋อง
เขาไม่กล้ามองอีกฝ่าย
เวทีนี้แทบทำให้เขาหมดพลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพบว่าการหายใจของหลานหลิงอ๋องคงที่เช่นนี้ นักรบอดไม่ได้ที่จะนึกถึงอาการหายใจหอบของตนหลังจากเพิ่งร้องเพลงจบ…
ปีศาจชัดๆ!
แบบนี้ยังเป็นคนได้อีกหรือ?
หรือเป็นหุ่นยนต์สำหรับร้องเพลง?
มีใครเขาตบหน้ากันแบบนี้ ฉันร้องเพลงจากไป คุณมาถึงก็ร้องเพลงไม่เคยจากไป ใจคอคิดจะให้ฉันจากไปเองใช่ไหม?
นักรบรู้สึกเสียดาย!
ถ้ารู้แต่แรก เขาไม่มีทางแข่งกับหลานหลิงอ๋องเรื่องการหายใจได้ ลำพังเพียงจุดนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย แต่เมื่อหวนนึกถึง นักรบก็ยิ่งหมดหวังเพราะว่า…
ต่อให้เปลี่ยนเพลงก็ทำอะไรไม่ได้!
การแสดงสดในเวทีนี้ของหลานหลิงอ๋องไม่ได้มีเพียงความความน่าสะพรึงกลัวของการหายใจ แต่ยังรวมไปถึงคุณภาพโดยรวมของเพลงด้วย ต่อให้ไม่คำนึงถึงการหายใจ เพลงนี้ก็ยังมีพลังทำลายล้างสูงมาก!
เจอเทพสังหารเทพ!
เจอพระสังหารพระ!
เขาทำได้เพียงลอบถอนใจ
ผู้ชมในห้องส่งยังนับว่ามีมนุษยธรรมอยู่บ้าง ไม่มีใครส่งเสียงหัวเราะเยาะ แต่ถึงอย่างนั้นผู้ชมหน้าจอกลับไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจในด้านนี้ หลายคนระเบิดเสียงหัวเราะโดยไม่ปิดบัง
‘ลากไปตบกลางสี่แยก!’
‘ยังต้องแข่งอะไรอีกล่ะ ต่อให้ผู้ชมใช้เท้าโหวตยังรู้เลยว่าจะโหวตให้ใคร คณะกรรมการตัดสินไม่ได้วิจารณ์การแสดงของนักรบด้วยซ้ำ นับว่าไว้หน้านักรบแล้วนะ’
‘ใครเริ่มก่อนแพ้!’
‘คนโบราณไม่หลอกลวง!’
‘พ่อเพลงบอกว่านี่คือการใช้ลมหายใจระดับตำราเรียน ตอนนี้ใครยังกล้าพูดอีกไหมว่าหลานหลิงอ๋องไม่มีคุณสมบัติจะวิจารณ์การหายใจของคนอื่น คนเขาไม่ควรเอ่ยถึงเรื่องนี้?’
‘…’
แฟนคลับของหยวนซีเงียบ แฟนคลับของเฟ่ยหยางเงียบ แฟนคลับของนักร้องทุกคนที่ไม่พอใจหลานหลิงอ๋อง ในขณะนี้ล้วนพูดไม่ออก นับว่าการตบครั้งนี้เฉียบขาดมากพอ
……
ดนตรีซึ่งทีมงานรายการใส่ระหว่างการโหวตค่อนข้างตึงเครียด แต่เมื่อผลออกมา นักรบหันหลังกลับไปมองยังคะแนนโหวต กลับเป็นต้องหน้าตาตกใจ วันนี้เขาอาจทำสถิติคะแนนซึ่งแตกต่างกันมากที่สุด!
นักรบ: 218 คะแนน
หลานหลิงอ๋อง: 766 คะแนน
คะแนนโหวตรวมแล้วไม่ถึงหนึ่งพันคะแนน หมายความว่ามีคนงดออกเสียง แต่การแข่งขันก็อนุญาตให้ทำเช่นนั้น เมื่อมีคนไม่รู้ว่าจะโหวตให้ใครดี จึงจะเกิดการงดออกเสียงขึ้น เห็นได้ชัดว่ามีคนชื่นชอบนักรบ แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องปกติ เพราะคนเราซาบซึ้งกับดนตรีได้จากหลายแง่มุม
“ยินดีด้วยครับ!”
อันหงประกาศเสียงดังท่ามกลางเพลงเฉลิมฉลอง ทำให้ดูคล้ายกับว่าตึงเครียดกับเรื่องเมื่อครู่จริงๆ “อาจารย์หลานหลิงอ๋องได้รับชัยชนะในรอบนี้ ส่วนอาจารย์นักรบของพวกเราต้องไปรออย่างน่าเสียดาย และไปดวลกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ที่แพ้ เพื่อคว้าโควตาเข้ารอบเพียงตำแหน่งเดียว ตอนนี้ทั้งสองท่านมีอะไรจะพูดไหมครับ อาจารย์หลานหลิงอ๋อง…”
“ขอบคุณ”
หลินเยวียนไม่ได้พูดมาก เขาพูดไปแล้วในการวิจารณ์นักรบในฐานะกรรมการพิเศษ ฟังหรือไม่ฟังล้วนเป็นเรื่องของนักรบเอง ถึงอย่างไรทิศทางความก้าวหน้าของอีกฝ่ายก็มุ่งมาหาตน
“อาจารย์นักรบ”
อันหงมองไปยังนักรบ ต่อให้มีหน้ากากบดบังใบหน้า ทุกคนยังสัมผัสได้ถึงความผิดหวังของนักรบ ในเวทีนี้เขาถูกคู่ต่อสู้ขยี้จมดินจริงๆ
“ฮู้ว”
นักรบสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นจึงหยิบไมโครโฟนขึ้นมา “ไม่รู้ว่าวันนี้จะต้องถอดหน้ากากหรือไม่ แต่เรื่องบางเรื่องพูดออกมาตอนนี้ก็ไม่เสียหาย ผมเป็นคนเยี่ยนโจว ชาวเยี่ยนโจวอย่างเราชอบการแข่งขันและเชื่อว่าผู้ชนะคือราชา ผมยอมรับว่าแรกเริ่มผมไม่ยอมจำนน แต่เมื่อมาลองคิดดูให้ดีแล้ว ผมรู้สึกว่าการพ่ายแพ้ของผมนั้นสมเหตุสมผล ผมจะนำคำแนะนำของอาจารย์หลานหลิงอ๋องไปไตร่ตรองให้รอบคอบ สำหรับผมแล้ว บางทีนี่อาจไม่ใช่การแข่งขัน แต่คือการเรียนรู้ ในเวทีนี้ ผมยอมรับอย่างสนิทใจ”
ยอมรับอย่างสนิทใจ!
เสียงปรบมือจากด้านล่างเวทีดังขึ้น ใบหน้าภายใต้หน้ากากของหลินเยวียนก็ผุดยิ้มเช่นกัน ไม่ใช่เพราะเขาชนะการแข่งขัน แต่เป็นเพราะเขาสัมผัสได้ว่านักรบค้นพบปัญหาของตนเองแล้ว และนี่คือความปรารถนาของเขาเมื่อวิจารณ์ไปตามตรงในฐานะกรรมการพิเศษก่อนหน้านี้
ต่างคนต่างแยกย้ายกันลงจากเวที
ขณะที่หลินเยวียนกลับมายังทางเดิน เขายังคงได้ยินเสียงกู่ร้องจากผู้ชมด้านล่างเวที ส่วนถงถงซึ่งรออยู่ตรงนี้ก็เช็ดน้ำตาและเข้าสวมกอดหลินเยวียน พลอยให้หลินเยวียนงุนงง
ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ
เขากลับไม่รู้เลยว่าหลังจากที่ถงถงได้ฟังนักรบร้องเพลงแล้ว เธอแทบคิดว่าหลานหลิงอ๋องจะแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะฉะนั้นเธอจึงโทษตัวเองว่าทำไมถึงไม่ช่วยหลานหลิงอ๋องจับสลากให้ได้คู่แข่งที่อ่อนกว่านี้
“ไม่เป็นไร”
หลินเยวียนเอ่ยปลอบ
ถงถงเช็ดน้ำตา “อาจารย์หลานหลิงอ๋องนิสัยไม่ดีเลย ซ่อนความสามารถไว้เหมือนนักร้องคนอื่น จนถึงรอบการแข่งขันแบบทีมถึงจะงัดออกมา”
หลินเยวียน “…”
และผู้ชมเห็นฉากนี้ซึ่งถูกแทรกเข้ามาระหว่างถ่ายทอดสด ต่างคอมเมนต์กันอย่างคึกคัก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเห็นด้วยกับคำพูดของถงถง หลานหลิงอ๋องคนนี้ซ่อนฝีมือที่แท้จริงไว้!
‘ผลงานระดับราชาเพลง!’
‘ตอนนี้ฉันชักสงสัยแล้วว่าที่ผ่านมาทุกคนเข้าใจผิดหรือเปล่า ที่จริงแล้วราชาเพลงในทีมที่หนึ่งไม่ใช่หุ่นยนต์ แต่เป็นหลานหลิงอ๋อง เขาเพียงแค่ซ่อนความแข็งแกร่งไว้ลึกกว่า!’
‘เสียงสูงโหดมาก!’
‘ก่อนหน้านี้มีชาวเน็ตบอกว่าหลานหลิงอ๋องร้องเสียงสูงไม่ได้ไม่ใช่เหรอ เพลงไม่เคยจากไปนี่คีย์ไม่ต่ำนะ อย่างน้อยหลังจากนี้เราไปร้องกันในคาราโอเกะก็อาจร้องไม่ไหว!’
‘วิธีลดคีย์เยี่ยมยอด!’
‘อย่างที่เรารู้กันดี อีกชื่อหนึ่งของเพลงไม่เคยจากไปคือไม่เคยหายใจ ใครร้องเพลงนี้แล้วหายใจ เป็นหมาทันที!’
‘โฮ่ง!’
……………………………………………..