Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 570 ตีความ
ในเวลานี้ ทุกคนกำลังระดมสมอง
ซุนหงอคงตัวจริงถูกตีตายจริงหรือ?
แล้วผู้ที่เดินทางไปอัญเชิญพระคัมภีร์กับภิกษุถัง ที่จริงแล้วเป็นลิงปลอม?
ถึงแม้การอนุมานในครั้งนี้ถูกสงสัยว่าเป็นเพียงจินตนาการ แต่เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วกลับรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง ซุนหงอคงคือตัวแปรที่ดื้อรั้นในการเดินทางสู่ชมพูทวีป ทว่าภิกษุถังคือผู้ที่จำเป็นต้องเดินทางสู่ชมพูทวีป
วานรทั้งสองตัวแสวงหาผู้คนนับไม่ถ้วนเพื่อแยกแยะจริงหรือปลอม แต่กลับไม่อาจแยกแยะได้ ผู้ปราดเปรื่องซึ่งแยกแยะได้กลับไม่กล้าพูด…
เมื่อรวมเบาะแสเหล่านี้เข้าด้วยกัน ทุกคนจึงรู้สึกว่ายิ่งคิดยิ่งน่ากลัว!
ถ้าหากเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นคงน่าเศร้าเหลือเกิน!
ซุนหงอคงที่ทุกคนชื่นชอบ ไม่ใช่ซุนหงอคง?
โชคดี
ขาใหญ่ท่านนี้กู้สถานการณ์อีกครั้ง
‘การตีความซึ่งไร้จริยธรรมเช่นนี้ ทุกคนคิดเพียงว่าอ่านเพื่อความสนุกก็พอ ใจจริงผมยังคงเชื่อว่าซุนหงอคงยังไม่ตาย เพราะเนื้อเรื่องด้านหลังได้พิสูจน์ว่าซุนหงอคงคนนี้ซื่อสัตย์ภักดี ถ้าไม่ใช่เพราะวานรหกหู[1] [2]ทำร้ายภิกษุถังเพื่อชิงสัมภาระ ผมว่าโศกนาฏรรมครั้งนี้คงไม่เกิดขึ้น’
ทุกคนจึงเบาใจลง
ทว่าเมล็ดพันธุ์ของการตีความนั้นได้ถูกหว่านออกไปแล้ว
บางทีหลังจากนี้อาจมีมุมมองเช่นนี้ปรากฏขึ้นอีกมาก
เพราะเรื่องนี้มีมูลมากพอให้สงสัยแล้ว
เช่นนั้นทำไมเด็กน่าสงสารจึงบอกว่านี่คือโศกนาฏกรรม?
หลายคนเริ่มสงสัย
กล้าบอกว่าซุนหงอคงถูกทุบตีจนตาย เห็นได้ชัดว่าคนนี้ไม่ธรรมดา
ครั้งนี้ขาใหญ่อธิบายต่อ
‘ภิกษุถังคือกับดักที่พระยูไลและเจ้าแม่กวนอิมสร้างขึ้น ในบทที่ 99 ของบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน การลดระดับจากจินฉาน[2]คือเคราะห์กรรมที่หนึ่ง การถูกสังหารหลายครั้งตั้งแต่คลอดคือเคราะห์กรรมที่สอง การถูกโยนลงแม่น้ำในคืน พระจันทร์เต็มดวงคือเคราะห์กรรมที่สาม การตามหาญาติและล้างแค้นคือเคราะห์กรรมที่สี่…หนังสือเรื่องนี้บันทึกเคราะห์กรรมของภิกษุถังไว้ทั้งหมด พระโพธิสัตว์เฝ้าดูครอบครัวของพวกเขาตั้งแต่ภิกษุถังยังไม่เกิด ทั้งชีวิตของเขา ที่จริงถูกลิขิตมาอย่างชัด ลองนึกดูว่า หากชีวิตของคุณถูกออกแบบโดยคนอื่นคุณคิดว่ามันเป็นโศกนาฏกรรมหรือไม่’
‘อาจมีคนบอกว่า ถ้าชีวิตนี้ดี ก็ไม่นับว่าเป็นโศกนาฏกรรม’
‘เอาล่ะ งั้นเรามาพูดถึงลิงกันต่อ พวกคุณต้องคิดอย่างแน่นอนว่าโต้วจ้านเซิ่งฝัว[3]นั้นซุนหงอคงได้มาเพราะความพยายามของเขาเอง แต่อันที่จริงไม่มีอะไรมากไปกว่าพระยูไลอารมณ์ดี จึงอยากมอบตำแหน่งให้เขาเท่านั้นเอง จินฉานจื่นคือผู้สืบทอดสายตรงของพระยูไล ต่อให้ไม่ทำอะไรก็ควรได้รับการเลื่อนสถานะกลับมา หงอเหนงและหงอเจ๋ง[4]ในฐานะสมาชิกทีมนักประจบซึ่งน่ารักน่าเอ็นดูและไม่ได้เป็นภัยคุกคาม ย่อมต้องมีเช่นกัน แต่มีซุนหงอคงคนเดียวที่ถูกเรียกไปรับตำแหน่ง…’
‘แรกเริ่มซุนหงอคงเป็นอิสระโลดโผนขนาดไหน?’
‘ดูปีศาจกระทิงสิ เปิดเรื่องมาไร้กลุ่มไร้สำนักเช่นเดียวกับซุนหงอคง เป็นอิสระและมีความสุข สุดท้ายแล้วกลับถูกปราบปรามโดยกลุ่มพุทธและเต๋าจนแทบเอาชีวิตไม่รอ ท้ายที่สุดทำได้เพียงยอมจำนนต่อพุทธศาสนา อันที่จริงเรื่องนี้น่าเศร้ามาก ไม่ว่าจะเก่งกาจแค่ไหน ก็ไม่อาจล้มล้างระบอบชนชั้นได้ ฝึกฝนฝีมือจนถึงขั้นสุด ท้ายที่สุดคุณก็เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมันอยู่ดี ดังนั้นซุนหงอคงจึงกลายเป็นโต้วจ้านเซิ่งฝัว’
‘เพราะฉะนั้น ที่จริงแล้วนิยายเรื่องนี้จึงเป็นการประนามระบอบศักดินาโบราณ’
‘ถ้าคิดว่าผมตีความมากเกินไป ลองกลับไปอ่านนิยายอีกสักรอบ พวกคุณจะพบกับกฎข้อหนึ่งคือ ปีศาจที่ถูกซุนหงอคงทุบตีจนตายไม่มีที่มาที่ไปชัดเจน และปีศาจที่มีที่มาที่ไปกลับไม่ตาย ถ้าไม่ถูกเทพเซียนจับไป ก็พึ่งร่มโพธิ์พระตถาคต แบบนี้ไม่น่าเศร้าหรอกหรือ?’
ผู้อ่านบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศล้วนตกตะลึง!
แฟนคลับบรรพกาลยิ่งตกตะลึง!
พวกเขาอ่านนิยาย เพียงแค่สนใจพล็อตเรื่อง ไหนเลยจะคิดลึกซึ้งลงไปอีกชั้นหนึ่ง
แต่เมื่อมีคนกลับไปอ่านหนังสืออีกรอบ กลับต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าสิ่งที่เด็กน่าสงสารพูดล้วนเป็นความจริง!
ปีศาจซึ่งไม่มีเบื้องหลัง เช่นปีศาจกระดูกขาว ตายไปแล้วไม่อาจตายได้อีก!
มีปีศาจบางชนิดถึงขั้นกลายเป็นปีศาจโดยได้รับการอนุมัติโจากเจ้านาย และโดยพื้นฐานแล้วจะไม่ได้รับการลงโทษ แม้แต่พวกที่เคยกินคนก็ตาม!
ยกตัวอย่างเช่นปีศาจคิ้วเหลือง[3] ก็แล้วกัน
อาจารย์ของปีศาจคิ้วเหลืองคือพระศรีอริยเมตไตรย ปล่อยให้หงอคงเข้าไปในท้อง และเข้าทุบตีอวัยวะภายในเพื่อระบายความโกรธ
ทว่าพระศรีอริยเมตไตรยกลับไม่เคยเอ่ยถึงความผิดของปีศาจคิ้วเหลืองเลย เพียงแต่หัวเราะแล้วปล่อยผ่านไป!
หลังจากกลับไป ปีศาจคิ้วเหลืองไม่ได้รับการลงโทษใดๆ และยังคงทำตัวเป็นเด็กเคาะฉาบทองดังเดิม
ส่วนมหาเทพผู้ขจัดทุกข์[5]ยิ่งตลกเข้าไปใหญ่
เก้าวิญญาณศักดิสิทธิ์[4] ซึ่งเป็นสัตว์พาหนะของเขา ปล่อยให้เหล่าสาวกกระทำสิ่งชั่วร้ายบนโลก ปล้นสะดม ทั้งยังลอบก่อกวนคณะอัญเชิญพระไตรปิฎกอีกด้วย
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับซุนหงอคงกลับไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ เพียงแค่กล่าวกับซุนหงอคงว่า
‘วิญญาณของข้าบำเพ็ญตบะจนเป็นเทพ ไม่มีทางกินมนุษย์’
คำพูดนี้ เขาเอ่ยด้วยท่าทางกระหยิ่มใจ
เมื่อคิดเช่นนี้ผู้อ่านจึงตระหนักได้ว่า เทพเซียนบนสวรรค์เหล่านี้ แท้จริงแล้วมักจะคอยปกปิดความผิดของตนละพวกพ้องอยู่ร่ำไป
ไม่ว่าผู้ใต้บัญชาจะกระทำความผิดใด พวกเขาเพียงเอ่ยวาจาเพียงไม่กี่คำแล้วปล่อยผ่านไป ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
น่าเศร้า!
น่าสังเวช!
ในเวลานี้ เด็กน่าสงสารเองก็สะท้อนใจ
‘แฟนคลับบรรพกาลมีสิทธิ์อะไรมาสบประมาทบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ การตีความนิยายเรื่องนี้ ผมกระจ่างเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง ก็แข่งกับบรรดาผู้ที่เรียกว่านักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการบรรพกาลอย่างพวกคุณได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าฉู่ขวงยังฝังหลุมพรางยักษ์อะไรไว้ในเรื่องนี้อีก!’
หลุมพรางยักษ์?
หลุมพรางก่อนหน้านี้ยังใหญ่ไม่พออีกหรือ?
แฟนคลับเรื่องบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศตะลึงงันไปแล้ว
ส่วนแฟนคลับบรรพกาลก็พูดไม่ออกไปแล้ว…
แฟนคลับบรรพกาลชอบการศึกษาวิจัย และถกเถียงเกี่ยวกับความหมายแฝงในนั้น มีความลับประเภทนี้มากมายซึ่งซ่อนอยู่ในบรรพกาล แต่เมื่อพวกเขาได้ฟังการตีความนี้จึงเข้าใจ ว่าบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศอาจมีความลับมากกว่านั้น!
‘หลุมพรางนี้ ผมเองก็เพิ่งนึกได้ตอนที่เปิดอ่านหนังสือ’
ขาใหญ่คนนี้อธิบาย ‘พวกคุณเคยคิดจะอ่านบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศกลับหลังกันบ้างไหม?’
สมองของทุกคนหยุดชะงักไปชั่วขณะ
อ่านกลับหลัง?
อ่านยังไง
ในที่สุดขาใหญ่คนนี้ก็ทิ้งระเบิดลูกใหญ่!
“อ่านบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศกลับหลัง ก็คือพระยูไลให้อาจารย์และลูกศิษย์นำคัมภีร์แปดเล่มกลับไปเผยแผ่ศาสนายังบูรพาทิศพร้อมกับม้ามังกรขาว ระหว่างทางพบกับภูตผีปีศาจนานาชนิด แต่อาจารย์และลูกศิษย์สู้ไปสู้มาจึงพบว่าภูตผีปีศาจเหล่านี้มีเบื้องหลัง ไม่ว่าจะว่าจะกระทำเรื่องเลวร้ายอย่างไรก็ไม่ได้รับโทษ โป๊ยก่ายกับซัวเจ๋งรู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างมืดมน ด้วยความจนปัญญา คนหนึ่งจึงหลบเข้าไปในหมู่บ้านเกาเหล่า อีกคนหนึ่งดำลงไปในแม่น้ำหลิวซา มีเพียงหงอคงที่ยืนหยัดพิทักษ์ความยุติธรรม ต่อสู้กับเหล่าปีศาจและพาอาจารย์มุ่งหน้าไปเผยแผ่ธรรมะยังแดนตะวันออก ปรากฏว่าวังสวรรค์ทนหงอคนไม่ไหวอีกต่อไป จึงทำข้อตกลงกับพระยูไล ว่าพวกข้ารับประกันว่าถังซำจั๋งจะเดินทางถึงฉางอันอย่างปลอดภัย แต่เจ้าจำเป็นต้องจัดการเสี้ยนหนามอย่างซุนหงอคง พระยูไลตอบตกลง ภายใต้แผนการลับ ม้ามังกรขาวบาดเจ็บหนักและหล่นลงไปในลำธารกลางภูเขา หงอคงพ่ายแพ้ และถูกพระยูไลขังไว้ใต้หุบเขาห้านิ้ว ทว่าพระถังซำจั๋งกลับละทิ้งซุนหงอคง เดินทางกลับฉางอันเพียงลำพัง หลังจากเผยแผ่คำสอนในฉางอันแล้ว จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอนุชา หลังจากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายท่ามกลางเกียรติยศและทรัพย์ศฤงคาร ก็ละสังขารไป ผ่านไปห้าร้อยปี ในที่สุดหงอคงก็หลุดพ้นจากหุบเขาห้านิ้ว เขาไม่พูดไม่จา ขึ้นไปทำลายวังสวรรค์ วังสวรรค์ถูกบีบบังคับให้สัญญาด้วยความจนใจ เปลี่ยนตือโป๊ยก่ายให้เป็นร่างมนุษย์ และแต่งตั้งเป็นแม่ทัพเทียนเผิง ส่วนซัวเจ๋งได้รับการแต่งตั้งเป็นแม่ทัพเจวี่ยนเหลียน ตราบใดที่พวกเขาสังหารซุนหงอคงได้ สุดท้ายของสุดท้าย ซุนหงอคงท้อใจเพราะพี่น้องสังหารกันเอง จึงตามหาพระอาจารย์ผู่ถีเพื่อไขข้อสงสัย หลังจากนั้นเขาจึงผนึกตบะ โยนกระบองสารพัดนึกลงสู่ทะเลตงไห่ให้กลายเป็นเสาค้ำมหาสมุทร กลับไปยังเขาฮวากั่วเพื่อใช้ชีวิตอย่างสามัญกับลูกหลานวานร จนสุดท้ายกลายเป็นก้อนหินบนเขาฮวากั่ว…”
ตะลึง!
เมื่อการตีความนี้ปรากฏขึ้น ทุกคนล้วนตกตะลึง!
พล็อตทวิสต์ครั้งใหญ่!
นี่คือการตีความที่มากเกินไป หรือว่าขณะที่ฉู่ขวงเขียนบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ เขาได้วางหลุมพรางขนาดยักษ์ไว้ล้วงหน้า?
ทำไมอ่านกลับหลังแล้วราบรื่นจัง?
ทันใดนั้น!
จู่ๆ หลายคนก็พลันรู้สึกว่า…
ตนอ่านเรื่องบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศไม่เข้าใจเลย!
ฉู่ขวงคนนี้เป็นพวกเพี้ยนแบบไหนกัน!
นิยายแฟนตาซีดีๆ เรื่องหนึ่ง ดันใส่หลุมพรางอยู่เต็มไปหมด!
มีทั้งเชิงเปรียบเทียบและการแดกดัน!
นอกจากนั้น…
ตามที่คนคนนี้บอก การตีความบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศจนถึงจุดนี้เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง?
ทุกคนล้วนตื่นตกใจ!
พวกเขาอ่านนิยายเรื่องเดียวกันอยู่จริงๆ ใช่ไหม?
[1] วานรหกหู เป็นวานรซึ่งมีหูข้างละสามใบ มีกายและจิตวิญญาณเหมือนกันซุนหงอคงทุกประการ ได้ชื่อว่าเป็นซุนหงอคงตัวปลอม ทว่าผู้เขียนไซอิ๋วไม่ได้เฉลยหรืออธิบายรายละเอียดมากนัก ความเป็นมาของวรนรหกหูจึงยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่บ้าง
[2] จินฉาน หรือจินฉานจื่อ คือฉายาของพระถังซำจั๋งขณะเป็นสาวกองค์ที่สองของพระยูไล ก่อนจะมาเกิดเป็นเฉินอี (นามเดิมของพระถังซำจั๋ง)
[3] โต้วจ้านเซิ่งฝัว หรือ โต่วเจี่ยงเส่งฮุก คือตำแหน่งของซุนหงอคงซึ่งได้มาในภายหลัง
[4] หงอเหนงและหงอเจ๋ง หรืออู้เหนิง(ผู้ตื่นรู้ในความสามารถ) และอู้จิ้ง(ผู้ตื่นรู้ในความสงบ) หมายถึงตือโป๊ยก่ายและซัวเจ๋ง ในกรณีนี้จะอ้างอิงจากคำอ่านภาษาแต้จิ๋วหรือภาษาฮกเกี้ยน เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อ ‘หงอคง’ และง่ายต่อการเข้าใจ
[5] มหาเทพผู้ขจัดทุกข์ หรือที่อาจรู้จักกันในชื่อ ‘ไท่อี่จิ้วขู่เทียนจวิน’