Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 577 คุณยินดีมาออดิชันเป็นซุนหงอคงไหมครับ
- Home
- Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
- ตอนที่ 577 คุณยินดีมาออดิชันเป็นซุนหงอคงไหมครับ
หลินเยวียนรับผิดชอบการคัดเลือกนักแสดงในบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ
ในระบบมีบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศหลากหลายเวอร์ชัน ซึ่งหลินเยวียนสามารถใช้อ้างอิง และดูว่านักแสดงประเภทใดเหมาะสมกับบทแบบใด
แต่ถึงกระนั้น..
สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคือ
ตัวละครแรกที่หลินเยวียนเลือกนั้นไม่ใช่อาจารย์และลูกศิษย์ แต่กลับเป็น…
สุนัขฟ้าคำรณ!
ช่วยไม่ได้!
ก็หนานจี๋ตีบทแตก!
หลังจากเรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญู หนานจี๋ก็มีงานโฆษณาติดต่อมาโดยตลอด
ทว่าหลินเยวียนแสดงโฆษณาเพียงงานเดียว จากนั้นก็ไม่ให้หนานจี๋ออกหน้าอีก
น้องสาวยังบ่ นว่าหลินเยวียนไม่ควรจับหนานจี๋ขังไว้ในห้องเย็นเช่นนี้
พี่สาวยังย้ำนักย้ำหนากับหลินเยวียนว่าเธอจะเป็นผู้จัดการส่วนตัวของหนานจี๋…
เวลานี้จะถ่ายทำบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ หลินเยวียนฉุกคิดเรื่องนี้ จากนั้นจึงกำหนดนักแสดงสำหรับบทสุนัขฟ้าคำรณ
หนานจี๋ ออกจากถ้ำ!
บริษัทไม่มีความเห็นต่างในเรื่องนี้
และขณะนั้น
ในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์
นักแสดงหลายคนได้รับข่าวเกี่ยวกับการคัดเลือกนักแสดงซีรีส์บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ
เห็นได้ชัด
ว่าเป็นไปไม่ได้ที่สตาร์ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์จะย่อยตัวละครต่างๆ ในบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศให้เพียงนักแสดงภายในบริษัทของตนเองได้
เพราะฉะนั้นนักแสดงหลายคนต่างรีบร้อนติดต่อผู้จัดการของคน โดยหวังว่าจะได้รับสักบทบาทหนึ่งในซีรีส์
การคัดเลือกตัวละครซึ่งได้รับความสนใจมากที่สุดคือบทซุนหงอคง
“ซุนหงอคงเป็นพระเอก ตัวละครนี้ได้รับความนิยมมากที่สุดแน่นอน”
“ถึงซีรีส์บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศจะไม่ได้น่าสนใจเท่าบรรพกาล แต่บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศมีทางการหนุนหลัง ไม่แน่ต่อไปซีรีส์อาจได้รับการโปรโมตจากทางการ ถ้าบวกกับเรื่องนี้ การแสดงบทนี้จะต้องส่งผลดีต่อการเติบโตในอนาคตอย่างแน่นอน!”
“ตัวละครนี้สตาร์ไลท์น่าจะเก็บไว้ให้นักแสดงในบริษัทล่ะมั้ง?”
“งั้นลองไปแคสต์บทภิกษุถังดีไหม?”
“เป็นหยางเจี่ยนก็ได้นะ”
“หยางเจี่ยนไม่น่าสนใจ แอร์ไทม์น้อยเกินไป ไม่เหมือนหยางเจี่ยนในบรรพกาล นั่นเป็นพระเอก”
“…”
นักแสดงแบบใด เหมาะกับบทแบบใด
ยกตัวอย่างเช่นนักแสดงภาพยนตร์ตลกจะอยากรับบทตือโป๊ยก่าย
อย่ามองเพียงว่าตือโป๊ยก่ายมีใบหน้าเป็นหมู คนเขาเป็นตัวละครชายลำดับที่สามเชียวนะ
ถึงแม้คำพูดนี้จะฟังดูแปลกชอบกล ทว่าตือโป๊ยก่ายนับว่าเป็นตัวละครชายลำดับที่สามในบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศจริงๆ
ภิกษุถังคือตัวละครชายลำดับที่สอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ สตาร์ไลท์จึงพลอยโล่งใจ
ข้อมูลของนักแสดงฉิน ฉี ฉู่ และเยี่ยน ล้วนกองลงบนโต๊ะในห้องทำงานของหลินเยวียน
เหล่าโจวตบอกกล่าวว่า “นักแสดงเหล่านี้นายเลือกดูได้ตามสบาย ฉันรับผิดชอบไปเจรจากับพวกเขาให้เอง”
เรื่องนี้สบายมาก
หลินเยวียนมีความสุขกับการคัดเลือกนักแสดง
‘ปีศาจกระดูกขาวเป็นปีศาจหญิง มีความงามเป็นประจักษ์ แน่นอนว่าต้องเลือกโจวเสวี่ย’
ก่อนหน้านี้โจวเสวี่ยเคยแสดงเรื่องนักปรับเสียงเปียโนมาก่อน ในภาพยนตร์เรื่องนั้น โจวเสวี่ยรับบทตัวเอกหญิงได้อย่างยอดเยี่ยม จนผู้ชมเกลียดเธอเข้ากระดูกดำ
“หยางเจี่ยนให้หลิ่วเจิ้งเหวินก็แล้วกัน”
หลิ่วเจิ้งเหวินคือตัวเอกชายในเรื่องนักปรับเสียงเปียโน เขาเคยประสบกับความตกต่ำในหน้าที่การงาน และกลับมาสู่สายตาสาธารณชนได้อีกครั้งเพราะเซี่ยนอวี๋
อีกฝ่ายหน้าหล่อเหลา มีสไตล์ที่คล้ายคลึงกับเจียวเอินจวิ้นบนโลก
ตรงกับหยางเจี่ยนในจินตนาการของหลินเยวียน
ตัวละครนี้สำคัญมาก
เพราะหลินหยวนยังมีผลงานภาพยนตร์และโทรทัศน์ซึ่งเกี่ยวข้องกับหยางเจี่ยนที่พร้อมจะถ่ายทำในอนาคต
“เง็กเซียนฮ่องเต้มีแค่จางซิ่วหมิงที่เป็นได้”
จางซิ่วหมิงเคยร่วมงานกับหลินเยวียนในฐานะนักแสดงนำชายในภาพยนตร์เรื่องปากง สุนัขยอดกตัญญู และสร้างความประทับใจให้กับผู้คนนับไม่ถ้วน
นี่คือนักแสดงซึ่งมีสถานะสูงสุดในสตาร์ไลท์ เขาได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม เคยรับบทจักรพรรดิมาหลายครั้ง การมอบบทบาทเง็กเซียนฮ่องเต้ให้เขาจึงเหมาะสมเป็นที่สุด
ถึงแม้ตัวละครนี้จะมีฉากไม่มาก นักแสดงระดับราชาภาพยนตร์ทั่วไปไม่มีทางตอบรับ ทว่าเหตุผลประการแรกคือนักแสดงในบริษัทนั้นคุยง่าย ประการที่สองคือหลินเยวียนนับว่าสนิทสนมกับอีกฝ่ายพอสมควร ดังนั้นจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่
……
และระหว่างที่หลินเยวียนกำลังจัดทัพอยู่นั้น
ด้านหลังเวทีของโรงงิ้วแห่งหนึ่งในฉินโจว
นักแสดงชายคนหนึ่งซึ่งแต่งหน้าเป็นลิงกำลังลบเครื่องสำอาง
หลังจากลบเครื่องสำอางออกแล้ว นักแสดงชายเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “หยิบบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศให้พี่หน่อยสิ วันนี้จะอ่านฉบับภาษาโบราณ”
“ยังอ่านอีกเหรอ?”
น้องสาวซึ่งอยู่ด้านข้างกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หลังจากหนังสือเรื่องนี้ปล่อยออกมา พี่ก็อ่านไปตั้งกี่รอบแล้ว?”
“เธอไม่เข้าใจ”
นักแสดงชายพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “สกุลเหรินของเราคือตระกูลพญาวานร งิ้วลิงนี้สืบทอดมาหลายรุ่น ฉันเหรินเหยียนเรียนรู้จากพ่อมาตั้งแต่อายุหกขวบ หลายปีที่ผ่านมาไม่เคยท้อถอย ไม่มีใครรักลิงอย่างลึกซึ้งไปมากกว่าพวกเราแล้ว และภาพลักษณ์ของซุนหงอคงในฐานะพญาวานร ในบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศยอดเยี่ยมจริงๆ เป็นลิงที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณมากที่สุดตัวหนึ่ง ดังนั้นพี่เลยใฝ่ฝันว่าอยากแสดงเป็นซุนหงอคง แต่น่าเสียดายที่พี่ไม่มีเงินซื้อลิขสิทธิ์จากฉู่ขวง”
“พวกเราแสดงงิ้วลิง รายได้สู้นักแสดงในโทรทัศน์ไม่ได้อยู่แล้ว ถึงแม้ในวงการจะเรียกพี่ว่าพญาลิงน้ อย แต่ถึงอย่างไรอุตสาหกรรมของเราก็ยังเป็นความนิยมเฉพาะกลุ่ม ”
หญิงสาวด้านข้างเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“แต่จะว่าไปบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศก็น่าทึ่งจริงๆ หลังจากนิยายเรื่องนี้เปิดตัว ผู้ชมที่มาดูงิ้วลิงของเราก็เพิ่มขึ้นจากเดิมสองสามเท่า…”
“นี่แหละคือเสน่ห์ของนิยายคลาสสิก!”
สายตาของเหรินเหยียนเป็นประกาย “พี่เชื่อว่า หลังจากนี้สักสิบปี อิทธิพลของซุนหงอคงจะยิ่งน่ากลัวกว่านี้ และก่อนที่จะถึงตอนนั้น พี่จะต้องหาทางคว้าลิขสิทธิ์บทการแสดงดัดแปลงจากบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศมาให้ได้!”
หญิงสาวเอ่ยอย่างสะท้อนใจ “ฉันว่าพี่อยากแสดงเป็นซุนหงอคง”
พูดจบ
จู่ๆ หญิงสาวก็เอ่ยขึ้น “ช่วงนี้บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศเตรียมสร้างเป็นซีรีส์ไม่ใช่หรือ ไม่รู้ว่านักแสดงดังคนไหนจะได้รับบทซุนหงอคง ถ้าถามฉัน คนที่แสดงเป็นพญาวานร ทั้งบลูสตาร์ไม่มีใครทำได้ดีกว่าพี่อีกแล้ว!”
เหรินเหยียนยิ้มขมขื่น “พี่ไม่ใช่คนดังสักหน่อย บทซุนหงอคงเวอร์ชันซีรีส์จะหล่นมาถึงพี่ได้ไง”
มีหรือเขาจะไม่อยากแสดงเป็นซุนหงอคง?
แต่นักแสดงตัวเล็กๆ อย่างเขา นอกจากผู้คนรอบตัวซึ่งชื่นชอบงิ้วลิงแล้วใครจะไปรู้จักเขา
“ฉันก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยน่ะ”
ทันใดนั้นหญิงสาวก็เอ่ยอย่างลำบากใจ “จริงสิ ถึงเวลาจ่ายค่าเช่าโรงงิ้วแล้ว…”
เหรินเหยียนเงียบลงชั่วขณะ
ผ่านไปหลายนาที เขาจึงยิ้มตอบ “ช่วงนี้มีผู้ชมเพิ่มขึ้นมาก ได้เงินเพิ่มมา ไม่ใช่ปัญหาใหญ่”
หญิงสาวจ้องเขาเขม็ง “พี่มีเงินจริงๆ เหรอ? หรือจะเอาเงินเดือนฉันไปจ่ายก่อน?”
เหรินเหยียนส่ายหน้า “ต่อให้ต้องขายลิงที่บ้าน พี่ก็เอาเงินจากเธอมาไม่ได้หรอก”
หญิงสาวหยอกล้อ “ขายลิง นั่นคือชีวิตจิตใจพี่เลยไม่ใช่หรือไง?”
เหรินเหยียนพลอยหัวเราะตาม
ลิงคือแก่นแท้ของชีวิตเขา
สำหรับเขาแล้ว ลิ งไม่ใช่เพียงสัตว์ แต่ยังเป็นหุ้นส่วนและเพื่อนสนิทอีกด้วย
ขณะนั้นเอง
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นจากหน้าประตู
หญิงสาวลุกขึ้นไปดู ทันใดนั้นจึงบอกว่า “เถ้าแก่โรงงิ้วมา ด้านหลังมีคนตามมาอีกเยอะเลย”
เหรินเหยียนตกใจ รีบลุกขึ้น มองไปยังเถ้าแก่ซึ่งเดินนำมา
“เถ้าแก่ครับ ค่าเช่าโรงงิ้วรอบนี้ ผมจะพยายามหามาให้…”
“ค่าเช่า?”
เถ้าแก่ยิ้มกว้าง “พญาลิงน้อยพูดแบบนี้ มิตรภาพระดับพวกเราพูดเรื่องเงินกันทำไม ค่าเช่ารอบนี้ผมให้ฟรีไปเลย หลังจากนี้โรงงิ้วเล็กๆ ของเราต้องให้พญาลิงน้อยช่วยดูแลแล้ว!”
เหรินเหยียนตะลึงงัน
หญิงสาวด้านข้างก็สับสนเช่นเดียวกัน
เถ้าแก่เขี้ยวลากดินคนนี้เมื่อวานเพิ่งร้องปาวๆ ว่าจะขึ้นค่าเช่า ทำไมวันนี้ใจกว้างขึ้นมาได้ ปล่อยให้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าหนึ่งไตรมาสเชียว?
“ขอแนะนำก่อน!”
เถ้าแก่ยิ้มตาหยีกล่าวว่า “อาจารย์เหล่านี้มาจากสตาร์ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์จากเมืองซู ส่วนด้านข้างผมนี่คิดว่าคงไม่ต้องแนะนำแล้วล่ะมั้ง?”
เหรินเหยียนมองตามไปยังคนด้านข้างเถ้าแก่
เป็นเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่ง
ถ้าหากไม่เอ่ยถึงเรื่องใบหน้าปานประหนึ่งพกฟิลเตอร์ดาราติดตัวมาด้วย ความหล่อเหลาของเด็กหนุ่มคนนี้ เหรินเหยียนไม่ได้พบเห็นบ่อยนัก!
แต่ทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นเคยเหลือเกิน…
“อ๊า!”
ทันใดนั้นหญิงสาวข้างเหรินเหยียนก็ร้องออกมา ใบหน้าแดงก่ำของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“พ่อเพลงอวี๋!”
“สวัสดีครับ ผมคือเซี่ยนอวี๋”
เด็กหนุ่มยิ้มให้หญิงสาว จากนั้นจึงมองไปยังเหรินเหยียน “คุณเคยอ่านบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศไหมครับ?”
เหรินเหยียนนิ่งอึ้ง
ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าทำไมถึงได้คุ้นหน้าอีกฝ่ายเช่นนี้!
เพราะคนคนนี้คือเซี่ยนอวี๋ไงล่ะ!
พ่อเพลงตัวน้อยแห่งบลูสตาร์ ขณะเดียวกันก็เป็นผู้เขียนบทซีรีส์บันทึกการเดินทางสู่ประจิม!
เขามาหาฉัน…
หัวใจของเหรินเหยียนเต้นไม่เป็นส่ำขึ้นมาทันใด ชั่วขณะนั้นเขาถึงกับลืมตอบคำถามอีกฝ่ายไปเสียสนิท
ในตอนนั้น แววตาของเซี่ยนอวี๋เบนไปหยุดที่หนังสือบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศบนโต๊ะ
“คำถามนี้คงไม่ต้องตอบแล้วล่ะ เรามาเปลี่ยนคำถามดีกว่าครับ…”
“คุณยินดี มาออดิชันเป็นซุนหงอคงไหมครับ?”