Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 593 ลู่เซิ่ง
“หนึ่งไหลอยล่อง ออกท่องหล้ายากกล้ำกลืน ยามเธอจากลา กรุ่นกลิ่นสุราหวนร่ำรสวันวาน…”
ในห้องสักห้องหนึ่ง
หยางจงหมิงสวมหูฟัง ฟังเพลงลมบูรพาร้าวรานอย่างเงียบเชียบ
เมื่อบทเพลงมาถึงท่อน “ใครหนอกรีดผีผาบรรเลงลมบูรพาร้าวราน” รอยยิ้มจางค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้านิ่งสงบของหยางจงหมิง
“โน้ตโบราณหรือ เป็นอย่างนี้นี่เอง”
เขาพยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาเปล่งประกายจาง ๆ และเขาเข้าใจแนวคิดในการสร้างสรรค์เพลงนี้อย่างถ่องแท้
เด็กคนนี้ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลยจริงๆ
ส่วนเรื่องการจัดอันดับในฤดูกาลเพลง หยางจงหมิงไม่มีความเห็น
ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่กี่ปีที่แล้ว หลังจากปล่อยเพลงออกไปแล้ว เขาก็ไม่เคยดูการจัดอันดับเพลงเลย
สำหรับหยางจงหมิงแล้ว การเผยแพร่บทเพลง เท่ากับบรรลุเป้าหมายแล้ว
การคว้าอันดับที่หนึ่งนั้นไม่ใช่เป้าหมายของเขา
ทันใดนั้นเอง
โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
หยางจงหมิงมองไปยังคำว่า ‘ลู่เซิ่ง’ ซึ่งเขียนเด่นชัดบนหน้าจอ มุมปากของเขายกขึ้น ราวกับคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าอีกฝ่ายจะโทรศัพท์มา
ลู่เซิ่ง!
พ่อเพลงซึ่งอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์บลูสตาร์ สำหรับใครหลายคนแล้ว ลู่เซิ่งเก่งกาจกว่าหยางจงหมิง!
หยางจงหมิงกดรับสาย
“พี่จงหมิง ครั้งนี้เหมือนพี่จะเจอคู่แข่งแล้วละ อย่าแพ้ให้กับรุ่นร้องก่อนที่จะแพ้ผมล่ะครับ” เสียงจากปลายสายคล้ายกับกำลังหยอกล้อและยั่วยุเล็กน้อย
“อาจจะ”
หยางจงหมิงอารมณ์ดีทีเดียว อีกทั้งยังไม่ได้ใส่ใจคำพูดหยอกล้อแกมยั่วยุ
ผ่านมาตั้งปี เขาชินชามาตั้งนานแล้ว
เสียงจากปลายสายจริงจังมากขึ้น “ผสมผสานดนตรีสไตล์โบราณและดนตรีสมัยใหม่เข้าด้วยกันให้เป็นหนึ่งเดียว เป็นแนวทางที่ผมศึกษามาโดยตลอด นึกไม่ถึงว่าจะมีคนรุ่นใหม่ที่เขียนเพลงลักษณะนี้ออกมาได้เร็วขนาดนี้…”
หยางจงหมิงกล่าว “คุณอยู่ที่หานโจวนานเกินไปแล้ว”
“ทำไมครับ”
ลู่เซิ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หยางจงหมิงยิ้มบาง กล่าวว่า “ถ้าคุณติดตามเซี่ยนอวี๋มากพอ คุณคงจะรู้จักเพลงผืนน้ำเย้ยเยาะ นับตั้งแต่เพลงนั้นเป็นต้นมาเขาก็เริ่มค้นคว้าทิศทางของโน้ตโบราณทั้งห้า เพลงนี้มีความต่อเนื่องและการบุกเบิกเพลงสไตล์นี้ของเขา ถึงขั้นเป็นผลงานชิ้นเอกได้ด้วยซ้ำ แต่อย่างแรกเดินกลับหลัง คราวนี้เดินไปข้างหน้า เพียงแค่เล่นกับตัวโน้ตโบราณอย่างสร้างสรรค์”
“อย่าวางสายนะครับ ผมจะฟังสักหน่อย”
น้ำเสียงของลู่เซิ่งแปลกไปเล็กน้อย
ผ่านไปไม่กี่นาที จู่ๆ ลู่เซิ่งก็จะโกนว่า “เซี่ยนอวี๋คนนี้ประหลาดเหมือนคุณเลย!”
หยางจงหมิง “…”
เจิ้งจิงเหมือนจะชอบพูดว่า เขาคือเพี้ยนแก่ เซี่ยนอวี๋คือเพี้ยนเด็ก
เด็กคนนั้นเหมือนกับเขาตรงไหนกัน?
“อ๊า!”
ทันใดนั้น ลู่เซิ่งก็ร้องออกมา “เพลงบลูสตาร์ของคุณลอกเลียนความคิด!”
หยางจงหมิงกลอกตาอย่างที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก “ลอกเลียนเพลงคุณ?”
“ลอกเลียนเพลงของเซี่ยนอวี๋ต่างหาก ลอกเลียนเพลงผืนน้ำเย้ยเยาะ!” เสียงของลู่เซิ่งเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น
“ดนตรีที่ยิ่งใหญ่มักเรียบง่าย”
“หยางจงหมิงผุดยิ้มอีกครั้ง “กง ซาง เจวี๋ย จื่อ อวี่ คือบันไดเสียงที่เรียบง่ายที่สุด แนวคิดนี้ผมได้มาจากเซี่ยนอวี๋จริงๆ ถึงได้มีเพลงบลูสตาร์ ใช้บันไดเสียงที่เรียบง่ายที่สุดเหมือนกัน เขียนเพลงซึ่งให้ความรู้สึกห้าวหาญออกมา”
แน่นอนว่าหยางจงหมิงรู้ว่าคำว่า ‘คัดลอกความคิด’ ที่ลู่เซิ่งเอ่ยถึงนั้นหมายความว่าอย่างไร
แรงบันดาลใจจากเพลงบลูสตาร์ของตนนั้นมาจากเพลงของเซี่ยนอวี๋ก่อนหน้านี้
ถึงแม้พวกแนวทางของคอร์ดจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลอกเลียนความคิดแม้แต่น้อย ทว่าสิ่งที่หยางจงหมิงจำเป็นต้องยอมรับคือ แรงบันดาลใจของเพลงนี้คือเพลงผืนน้ำเย้ยเยาะของเซี่ยนอวี๋
ในรายการราชาหน้ากากนักร้อง
เซี่ยนอวี๋ร้องเพลงนี้ในนามหลานหลิงอ๋อง และหยางจงหมิงก็เป็นกรรมการประเมินพอดี
เมื่อได้ฟังเพลงนี้ หยางจงหมิงถึงได้นึกเพลงบลูสตาร์ออก
เขายึดมั่นใจประโยคที่ว่า ‘ดนตรีที่ยิ่งใหญ่มักเรียบง่าย’
เรียบง่าย ไม่จำเป็นต้องตื้นเขิน
หากใช้ได้ดี มีแต่จะทำให้มีสภาวะกลับคืนสู่สามัญ
“ล้อเล่นครับ”
ลู่เซิ่งยิ้มแย้ม แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่นับว่าเป็นการลอกเลียนความคิด “เซี่ยนอวี๋คนนี้ไม่แน่อาจทำลายสถิติของผมก็ได้นะครับ!”
ลู่เซิ่งคือพ่อเพลงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์บลูสตาร์
เดิมทีลู่เซิ่งคิดว่าสถิตินี้เป็นของตน ในอนาคตไม่มีใครสามารถทำลายได้ แต่กลับนึกไม่ถึงว่าบนบลูสตาร์จะมีเซี่ยนอวี๋ปรากฏตัวขึ้นมา!
ลู่เซิ่งมองเห็นศักยภาพอันน่าสะพรึงกลัวในตัวคนคนนี้
หยางจงหมิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “สถิติของคุณไม่ได้มีค่าอะไร”
“ผมว่ามีค่ามากเลยนะ”
ลู่เซิ่งไม่พอใจ ทันใดนั้นจึงเอ่ยเสียงเบา “เห็นทีผมคงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่หานโจวอีกต่อไป ที่นี่กำลังจะเข้าร่วมการผนวกรวม”
“อืม”
“พี่จงหมิง หลายปีที่ผมอยู่ที่หานโจวไม่ได้เปล่าประโยชน์ วงการเพลงของที่นี่ไม่ธรรมดา”
“อ้อ?”
หยางจงหมิงขมวดคิ้ว “อย่างไรหรือ”
เสียงของลู่เซิ่งแฝงไปด้วยนัยยะอันแปลกประหลาด “ทางนี้พัฒนาไปเร็วมาก คล้ายกับฉีโจว มีสไตล์เพลงเป็นของตัวเอง ดนตรีที่สร้างขึ้นเป็นภาษาถิ่นได้รับความนิยมมากกว่าดนตรีภาษากลาง แถมระดับยังสูงขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับช่วงการพัฒนาครั้งใหญ่ของดนตรีฉินโจวในตอนนั้นมาก”
“คุณหมายถึง…”
“สถานะมาตุภูมิแห่งดนตรีของฉินโจวอาจได้รับผลกระทบจากหานโจว การเกิดขึ้นของแนวเพลงใหม่นี้อาจทำให้ทั้งโลกตกตะลึง”
จากคำพูดของลู่เซิ่ง เขามีทัศนคติเชิงบวกเป็นอย่างมากกับหานโจว
“อย่างนั้นหรือ”
หยางจงหมิงเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “งั้นเอาไว้ผมคงต้องศึกษาดูสักหน่อยแล้ว”
ลู่เซิ่งกล่าว “ควรค่าแก่การศึกษาจริงๆ ครับ หลายปีมานี้ผมกำลังทดลอง ผลลัพธ์ไม่เลวเลย สไตล์ดนตรีของทางนี้สุกงอมมาก อีกไม่นาน ซึ่งก็คือปีหน้า ดนตรีของหานโจวจะมาตีตลาด…”
หยางจงหมิงคล้ายกับกำลังครุ่นคิด
หากรวมจงโจว บลูสตาร์มีทั้งหมดแปดทวีป
จงโจวไม่ได้มีเอกลักษณ์ใด เนื่องจากกลมกลืนได้เป็นอย่างดี
ทว่าเจ็ดทวีปอื่นๆ ต่างมีวัฒนธรรมท้องถิ่นที่แตกต่างกัน ความแตกต่างนี้สะท้อนออกมาผ่านนิยาย ดนตรี หรือแม้แต่ภาพยนตร์
“แต่ว่า…”
ลู่เซิ่งกล่าว “ดนตรีของฉินโจวยังคงเป็นอันดับหนึ่ง เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัย ผมเพียงแต่รู้สึกว่าดนตรีของหานโจวมีข้อได้เปรียบมากมาย นับว่าเป็นทวีปเดียวทีตามฉินโจวทัน”
หยางจงหมิงพยักหน้า
ลู่เซิ่งพูดต่อ “ถ้าเป็นไปตามที่คาดละก็ เซี่ยนอวี๋คงจะพยายามคว้าสถานะพ่อเพลงสินะ เขามีความสามารถมากพอ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาจะใช้วิธีไหน อย่ามาทางเดียวกับผมแล้วกัน เส้นทางนั้นลำบากใช้ได้เลย”
ลู่เซิ่งเป็นพ่อเพลงโดยอาศัยผลงานเพียงชิ้นเดียว
ในเวลานั้นมีคนบอกว่าตำแหน่งพ่อเพลงของลู่เซิ่งนั้นได้มาเพราะโชค
เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ในปีที่สองที่ลู่เซิ่งได้รับตำแหน่งพ่อเพลง เขาคว้าแชมป์สิบสองสมัยติดต่อกันในฤดูกาลเพลง!
หลังจากนั้น จึงไม่มีใครกล้าครหาว่าตำแหน่งพ่อเพลงของลู่เซิ่งได้มาเพราะโชคช่วยอีกเลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อลู่เซิ่งนึกย้อนกลับไป เขาสัมผัสได้เพียงอุปสรรคขวากหนามในทุกย่างก้าว
ถ้าหากเกิดขึ้นอีกครั้ง เขาคงไม่มั่นใจว่าจะคว้าแชมป์สิบสองสมัยติดต่อกันได้ด้วยซ้ำไป
หยางจงหมิงไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำพูดใด
อันที่จริงเขาเองก็สงสัยเช่นกันว่าเซี่ยนอวี๋จะเลือกเส้นทางใดในการคว้าตำแหน่งพ่อเพลง
“จะว่าไป เพลงลมบูรพาร้าวรานคงไม่ได้คว้าแชมป์ได้เลยหรอกใช่ไหม? ” ลู่เซิ่งคล้ายกับกำลังถามหยางจงหมิง และคล้ายกับกำลังพูดกับตัวเอง
“ยังขาดไปอีกนิด”
หยางจงหมิงครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะตอบกลับไป
มองจากในมุมของการสร้างสรรค์ผลงานนับว่าเพียงพอแล้ว ทว่าในบางจุดกลับยังบกพร่องอยู่นิดหน่อย
ในปัจจุบัน ผลงานซึ่งคว้าตำแหน่งพ่อเพลงโดยอาศัยผลงานเพียงชิ้นเดียวล้วนเป็นดนตรี
แต่ลมบูรพาร้าวรานยังอาศัยกระแสนิยมเป็นหลัก จึงยากที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการของเนื้อเพลง
“ก็จริง”
ลู่เซิ่งเบ้ปาก “ถ้าผมเป็นกรรมการ ผมจะมอบรางวัลให้ลมบูรพาร้าวรานเดี๋ยวนี้เลย”
หยางจงหมิงเงียบลงอีกครั้ง
และเมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึง สงครามระหว่างซุนหงอคงและเทพเอ้อร์หลางก็เข้าสู่สภาวะตึงเครียด สื่อต่างรายงานข่าวกันอย่างเซ็งแซ่!