Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 67 ธรรมดา
ตอนที่ 67 ธรรมดา
หลินเยวียนย่อมไม่ล่วงรู้ถึงชุดความคิดของกู้ซี เขาออกมาได้ไม่นาน โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เป็นเบอร์โทรศัพท์แปลกหน้า
ตามกฎแล้ว ตัดสายทิ้ง
อีกฝ่ายโทรมาสองครั้ง
ดูท่าจะไม่ใช่พวกโทรมาก่อนกวนสินะ หลินเยวียนคิด เขาไม่ได้วางสายอีก และรับโทรศัพท์ “ใครครับ?”
“สวัสดีครับ!”
อีกฝ่ายกล่าว “คุณคืออาจารย์ฉู่ขวงใช่มั้ยครับ”
“ใช่ครับ”
“สวัสดีครับ อาจารย์ฉู่ขวง ผมชื่อเว่ยหลง[1] เป็นหัวหน้าบรรณาธิการเซกชันวรรณกรรมของปู้ลั่วครับ…” อีกฝ่ายรายงานตัวด้วยความภาคภูมิใจ
หลินเยวียนกลืนน้ำลาย
แน่นอนว่าเว่ยหลงไม่รู้ว่าชื่อของตัวเองนั้นพิเศษขนาดไหน “ช่วงนี้ปู้ลั่วของพวกเราเตรียมทำกิจกรรมนิยายขนาดสั้น เมื่อถึงตอนนั้นจะเชิญนักเขียนนิยายขนาดสั้นมาแข่งขันในเวทีเดียวกัน คุณก็เป็นหนึ่งในนักเขียนที่พวกเราเชิญนะครับ”
“ไม่สนใจครับ”
หลินเยวียนมีแผนจะร่วมงานกับนิตยสารอ่านสนุกต่อ
เขาคิดว่าค่าต้นฉบับเรื่องละสองแสนหยวนของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูนับว่าไม่น้อย แพลตฟอร์มของปู้ลั่วถึงแม้จะสะดวก แต่น่าเสียดายที่ไม่มีค่าต้นฉบับ
“คุณอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธสิครับ”
อีกฝ่ายรีบยิ้มเอ่ย “นักเขียนทุกท่านที่เข้าร่วมกิจกรรมกับเราจะได้รับเงินหนึ่งแสนหยวน นอกจากนั้นแล้ว จากพื้นฐานนี้ ถ้าผลงานของคุณเข้าไปเป็นสามอันดับแรก พวกคุณก็จะได้รับรางวัล อันดับหนึ่งสามแสนหยวน อันดับสองสองแสนหยวน และอันดับสามหนึ่งแสนหยวนครับ”
รางวัล?
หลินเยวียนใจเต้นโครมครามขึ้นมา
ค่าต้นฉบับของอันดับที่สามคือหนึ่งแสนหยวน รวมกับค่าเข้าร่วมแรกเริ่มอีกหนึ่งแสนหยวน คล้ายว่าจะไม่ด้อยไปกว่าคลังหนังสือซิลเวอร์บลู ถ้าตนได้อันดับสองถึงอันดับหนึ่งก็จะได้เงินรางวัลมากกว่านี้อีก!
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เดิมพันที่แน่นอน…
แต่หลินเยวียนรู้สึกว่าด้วยคุณภาพของเรื่องที่ตนมีอยู่ในมือ การติดสามอันดับแรกนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ถึงอย่างไรนิยายสั้นที่มีก็เป็นผลงานของนักเขียนชื่อดังทั้งนั้น
มีความหวัง
เมื่อเห็นว่าหลินเยวียนไม่พูดจา อีกฝ่ายก็เดาได้ว่าหลินเยวียนสนใจขึ้นมาแล้ว จึงพูดเสียงสูงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ “วางใจเถอะครับ สำหรับผลการแข่งขันของนักเขียนทั้งสามสิบท่าน ปู้ลั่วของเราจะไม่แทรกแซง สุดท้ายแล้วสามอันดับแรกจะเป็นใคร ล้วนตัดสินโดยผู้อ่านวรรณกรรมในปู้ลั่วของพวกเรา”
“แล้วกฎล่ะครับ?”
หลินเยวียนมีความคิดว่าจะเข้าร่วม
หัวหน้าบรรณาธิการชื่อเว่ยหลงตอบ “กฎง่ายมากครับ พวกเราไม่จำกัดแนวผลงาน แต่จำกัดจำนวนตัวอักษร จำนวนตัวอักษรของผลงานรวมแล้วต้องไม่เกินหนึ่งหมื่นตัวอักษร ถึงยังไงนี่ก็เป็นการประกวดนิยายขนาดสั้นใช่มั้ยล่ะครับ นักอ่านออนไลน์ก็ไม่มีความอดทนที่จะอ่านนิยายเรื่องยาว ในความเห็นผมถ้าไม่เกินห้าพันตัวอักษรจะดีกว่าครับ…”
เว่ยหลงชะงักไปชั่วขณะ
ก่อนจะพูดต่อ “และหลังจากที่ได้รับต้นฉบับของนักเขียนทุกท่าน พวกเราจะทำการโปรโมตในนามทางการ กระแสและขอบเขตของการโปรโมตแบบนี้จะเป็นวงกว้างกว่าแบบนิตยสารกระดาษดั้งเดิม…”
หลินเยวียนคล้ายกับกำลังใช้ความคิด
กลุ่มผู้อ่านของปู้ลั่ววรรณกรรมนั้นกว้างมาก เรื่องนี้ถูกกำหนดโดยคุณสมบัติของตัวแพลตฟอร์มปู้ลั่วเอง พวก
เขามีจำนวนบัญชีผู้ใช้ซึ่งเหนือกว่านิตยสารฉบับใด พวกเขาจัดกิจกรรมนี้ สิ่งที่ต้องพิจารณาก็คือปัญหาว่าจะมีผู้ใช้กลายเป็นผู้อ่านมากแค่ไหนต่างหาก
“พูดแบบไม่ปิดบังเลยนะครับ”
เว่ยหลงกล่าวกลั้วหัวเราะ “เดิมทีพวกเราคิดจะจ่ายเงินเชิญนักเขียนแต่ละท่านมาเลย แต่พอคิดว่ากิจกรรมนี้อาจไปลอกเลียนรูปแบบที่มีมานานแล้วของการจัดอันดับในวงการเพลง สุดท้ายเลยเลือกวิธีการนี้น่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณตัดสินใจว่าอย่างไรครับ”
“ผมขอพิจารณาก่อนครับ”
ปากตอบไปแบบนั้น อันที่จริงในใจของหลินเยวียนมีความคิดไว้อยู่แล้ว
อีกฝ่ายเองก็เดาจุดนี้ได้ จึงกล่าวว่า “ได้ครับ เบอร์โทรศัพท์นี้คือเบอร์คุณใช่มั้ยครับ เดี๋ยวผมแอดเพื่อนไป แล้วจะส่งอีเมลไปให้ ถ้าตัดสินใจได้แล้ว รบกวนส่งต้นฉบับก่อนสิ้นเดือนนี้นะครับ เพราะต้นเดือนหน้าจะเริ่มการคัดเลือกอย่างเป็นทางการ”
“ครับ”
หลินเยวียนวางสาย
อันที่จริงทางนิตยสารอ่านสนุกก็ขอต้นฉบับจากหลินเยวียนมาแล้ว
เพราะของขวัญแห่งเมไจนั้นโด่งดังมาก ทำให้ยอดขายนิตยสารสูงขึ้นไม่น้อย ดังนั้นทางนิตยสารจึงอยากเซ็นสัญญาในระยะยาวกับหลินเยวียน
ทว่าตอนนี้ดูแล้ว กิจกรรมของปู้ลั่วคุ้มค่ากว่าอยู่สักหน่อย
หลินเยวียนไม่ได้มีความรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของคลังหนังสือซิลเวอร์บลู ถึงอย่างไรสิ่งที่เซ็นสัญญากับคลังหนังสือซิลเวอร์บลูไปก็คือผลงาน ไม่ใช่คน เขามีสิทธิ์ที่จะเลือกแพลตฟอร์มในการเผยแพร่ผลงาน นี่คือเหตุผลที่เขาเลือกโพสต์โฉมงามประดิษฐ์บนปู้ลั่วในตอนแรก
……
ช่วงตรุษจีน หลินเยวียนหยิบยืมความโชคดีของน้องสาว จับได้เรื่องสั้นห้าเรื่องในคราวเดียว ตอนนี้ใช้ไปแล้วสองเรื่อง ยังเหลืออีกสามเรื่องให้เลือก
“อันนี้ก็แล้วกัน”
จะเลือกก็ไม่จำเป็นต้องคิดเยอะ
เพราะไม่ว่าจะคิดอย่างไรหลินเยวียนก็รู้สึกว่าสามเรื่องที่เหลือล้วนแต่ไม่ได้แย่ แต่จะทำผลงานได้ขนาดไหนนั้นขึ้นอยู่กับรสนิยมของนักอ่าน
แต่ว่าภารกิจของหลินเยวียนไม่ได้อยู่เพียงที่คัดเรื่องสั้นหนึ่งในนั้น เขายังต้องยกเครื่องปรับแก้เซตติงของของนิยาย เพื่อให้สอดคล้องกับแต่ละยุคสมัยบนบลูสตาร์มากยิ่งขึ้น
เป็นเพราะระบบให้เวอร์ชันต้นฉบับของทั้งห้าเรื่องมา
ดังนั้น ของขวัญแห่งเมไจก็เป็นเรื่องที่หลินเยวียนปรับแก้เอง อย่างอัตราแลกเปลี่ยน รวมไปถึงการเปลี่ยนฉากเป็นต้น
เมื่อเทียบกันแล้ว
เรื่องโฉมงามประดิษฐ์ที่หลินเยวียนเผยแพร่ออกไปในครั้งแรกไม่ได้มียุคสมัยของฉากที่ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องปรับแก้มากนัก ฉะนั้นจึงพิมพ์ออกมาได้สบายที่สุด
คำอธิบายของระบบเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ
สำหรับการปรับแก้ที่ซับซ้อน ระบบสามารถช่วยปรับแก้สิ่งที่ซับซ้อนได้ แต่เรื่องราวที่มีทั้งหมดไม่กี่พันตัวอักษรอย่างของขวัญแห่งเมไจ หลินเยวียนต้องแก้เองถึงจะได้
หลินเยวียนไม่ได้คัดค้าน
คนเรามีตั้งหนึ่งหมื่นเซลล์ ปรับแก้เนื้อหาไม่กี่พันตัวอักษร เซลล์ตายไปไม่เท่าไหร่ แต่ได้ความรู้สึกมีส่วนร่วมเพิ่มขึ้นมา
อันที่จริงก็เป็นแบบนั้นแหละ
ถึงจะไม่รู้ว่าเซลล์สมองของตนตายไปมากน้อยเท่าไหร่กันแน่ แต่หลินเยวียนกลับมาถึงห้องในตอนเย็น นั่งหน้าคอมพิวเตอร์แก้ฉากในเรื่องจนเสร็จ ทว่าใช้เวลาไปเพียงไม่ถึงสองชั่วโมง ในนั้นยังรวมไปถึงหนึ่งชั่วโมงซึ่งใช้สำหรับตรวจสอบความถี่ถ้วน
เรื่องแบบนี้ รอบคอบไว้ก็ไม่เสียหาย
ส่วนการพิมพ์ต้นฉบับออกมา เรื่องนั้นใช้เวลาแค่ไม่ถึงยี่สิบนาที
เมื่อปรับแก้นิยายเสร็จแล้ว หลินเยวียนไม่ได้ส่งไปยังอีเมลของเว่ยหลงในทันที แต่อยากรอให้ผ่านไปสองสามวันก่อนแล้วค่อยส่ง
ถ้าส่งไปให้อีกฝ่ายในวันเดียวกัน จะไม่ถูกเปิดเผยเหรอว่าตนมีต้นฉบับสำรอง
หลินเยวียนปิดคอมพิวเตอร์ เตรียมตัวเข้านอน
……
และขณะที่หลินเยวียนกำลังจะเข้านอน ที่หน้าโต๊ะในคอนโดแห่งหนึ่ง กู้ซีกำลังเฝ้ารอโทรศัพท์จากเพื่อนด้วยความวิตกกังวล
ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เธอรับโทรศัพท์อย่างเร็วรี่ “เป็นไงบ้าง”
“คุณหนูกู้ ฉันใช้เวลาตั้งครึ่งค่อนวันกว่าจะหามาให้เธอได้ เอาไว้เธอต้องเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่ฉันด้วยนะ”
“ฉันเลี้ยงเอง!”
“นับว่าเธอยังมีมโนธรรมอยู่นะ คนที่เธอสืบชื่อว่าหลินเยวียน ที่จริงแล้วเป็นนักศึกษาสาขาการประพันธ์เพลง ปีนี้อยู่ปีสอง”
“แล้วไงต่อ”
“หลินเยวียนคนนี้ค่อนข้างเงียบพูดน้อย ได้ยินว่าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง แต่จากคำบอกเล่าของเพื่อนในคลาสก็ถือว่าไม่เลย บอกว่านิสัยดี ไม่เคยทะเลาะกับใคร ประมาณนี้แหละ ที่เหลือฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
กู้ซี “…”
คนที่แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีปัญหากับเพื่อนในชั้นเรียน มามีปัญหากับฉัน แล้วฉันจะโดนคนเกลียดอีกเท่าไหร่เนี่ย
“จริงสิ”
เพื่อนสนิทถามว่า “ทำไมเธอต้องให้ฉันสืบเรื่องหลินเยวียนด้วย? คงไม่ได้สนใจตัวเขาหรอกใช่มั้ย คุณหนูกู้อย่างเธอมองสูงมาตลอดเลยไม่ใช่เหรอ”
“ที่สนใจไม่ใช่ตัวเขา…”
กู้ซีทอดถอนใจ “เธอไม่เข้าใจ เธอแนะนำฉันหน่อยได้มั้ยว่าทำยังไงถึงจะเอาใจคนคนหนึ่งได้”
“ก็ทำสิ่งที่คนคนนั้นชอบไงล่ะ”
“แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาชอบอะไร”
“จากประสบการณ์ของฉันนะ คนเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ชอบเงิน แน่นอนว่าฉันหมายถึงคนธรรมดาอย่างฉันน่ะนะ”
“เขาธรรมดาซะที่ไหนกัน”
กู้ซีถอนหายใจอีกครั้ง “ถ้าเขาชอบเงินก็ง่ายน่ะสิ…แต่เขาไม่มีทางชอบเงินหรอก…”
บุคคลระดับเทพเซียนจะไปชอบเงินได้ยังไงกัน
…………………………………………………
[1] เว่ยหลง พ้องรูปและพ้องเสียงกับชื่อยี่ห้อขนมและของกินเล่นชื่อดังของประเทศจีน