Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 1053
GGS:บทที่ 1053 สุดยอดสวนสัตว์ (8)
หลังจากฟานเว่ยเชินและซิ่วจงหงได้แนะนำประวัติของนกโดโด้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงจะบอกว่านี่จะเป็นแค่เพียงสัตว์ที่ซูจิ้งได้เพิ่มเติมเข้ามาในสวนสัตว์จงหยุนเท่านั้น
แต่ด้วยการคงอยู่ของสัตว์ที่ได้ชื่อว่าเกือบสูญพันธ์และสูญพันธุ์ไปแล้วเหล่านี้ได้ทำให้ผู้คนบนโลกอินเตอร์เน็ตพูดคุยกันอย่างไม่ขาดสาย
“พระเจ้า สวนสัตว์จองหยุนในตอนนี้ชื่อเสียงสุดหยั่งถึงเลยจริงๆ”
“นอกจากจะมีสัตว์สายพันธุ์หายากถึงหกชนิดแล้ว ยังมีสายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อว่าสูญพันธุ์อีกตั้งหกสายพันธุ์ อย่างนกยูงขาว ตะพาบน้ำยักษ์ หนูป่าออสเตรเลียเท้าขาว หนูจิ้งโจ้ เต่าบกยักษ์เซเชล ผีเสื้อเซเชล และนกโดโด้นั่นอีก”
“พระเจ้าเถอะ ไม่ใช่ว่าซูจิ้งมีเทคโนโลยีโคลนนิ่งที่รุดหน้าจนฟื้นคืนสายพันธุ์ที่สาบสูญขึ้นมาหรอกนะ”
“เป็นไปไม่ได้หรอกน่า เรื่องนั้นไม่น่าจะทำได้เร็วขนาดนี้หรอก”
“ไม่มีทางหรอก ต่อให้เป็นซูจิ้งก็ตาม”
“ไม่ว่ายังไงก็ตาม ในตอนนี้สวนสัตว์เมองจงหยุนนั้นเปรียบได้ดั่งสรวงสวรรค์ไปแล้ว ต่อให้ไม่ม่สัตว์สูญพันธุ์เหล่านั้น ก็บอกได้เลยว่าบรรยากาศของที่นั่นในตอนนี้ดีมากๆ”
“ฉันเองในตอนแรกก็ไม่คิดอยู่แล้วว่าซูจิ้งนั้นจะทำเพียงสวนสัตว์ธรรมดา แต่ไม่คิดว่าจะเล่นใหญ่ซะขนาดนี้ นี่ขนาดเขาไม่ได้มาด้วยตัวเองยังทำให้ที่นั่นกลายเป็นที่เล่าขานได้เลย”
ที่โรงเรียนมัธยมต้นที่หนึ่ง เมืองจงหยุน ในห้องเรียนแห่งหนึ่ง ได้มีเสียงพูดคุยกันโวกเวกจนลั่นห้อง
“ซูหยา พี่ของเธอทำเรื่องใหญ่อีกแล้วนะ” เด็กชายคนหนึ่งพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
“อ๋อ ถ้าเป็นเรื่องสวนสัตว์นั่นล่ะก็ฉันรู้แล้วนะ” ซูหยาพูดตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“เฮ้เฮ้เฮ้ พวกเราก็ดูอยู่ด้วยกันนี่นา รู้พร้อมกันยังมีหน้ามาทำเหมือนรู้มานานแล้วซะอีก” ถังเสี่ยวหยูค่อนแคะออกมา
“ก็แหม่ จะไม่ให้ทำท่าแบบนี้ได้ยังไงกัน ก็ที่นั่นมีสัตว์สูญพันธุ์ตั้งหลายชนิดเลยนะ”
“ว่าแต่ ในเมื่อมันได้ชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้วก็ควรจะหาไม่เจอแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วพี่ของเธอไปหาพวกมันมาจากไหนกัน แถมนี่ตั้งห้าชนิดเลยนะ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน หากเธออยากรู้ก็คงต้องถามเองแล้วล่ะ”
“เอานะ อย่างน้อยฉันก็ยังรู้จักตัวหนึ่งนั่นคือนกโดโด้ ฉันเคยเห็นพวกมันในหนังสือเรียนอยู่ มันเป็นสายพันธุ์ที่สูญสิ้นไปแล้วจริงๆ”
“สงสัยว่าตำราเรียนคงต้องเปลี่ยนเนื้อหาแล้วล่ะ”
ณ บริษัทจิ้เชิงการท่องเที่ยว หลิวฉิงกำลังทำงานอยู่ที่นั่น
ปู่ของเขานั้นแก่มากแล้วและพ่อของเขาเองก็ตายไปเมื่อไม่นานมานี้เอง ด้วยการที่ตัวเขาเมื่อก่อนวันๆเอาแต่เล่นเกม ไม่เคยสนใจธุรกิจครอบครัวนี้เลยแม้แต่น้อยทำให้เขาอยู่ในช่วงที่ยากลำบาก จนคิดที่จะธุรกิจของครอบครัวเหมือนกัน
จนกระทั่งเขาได้ไปเห็นข่าวเกี่ยวกับสวนสัตว์เมืองจองหยุน เมื่อได้เห็น เขาก็อดไม่ได้ที่จะทำตาโตและคิดขึ้นมาว่า “พี่จิ้งทำเรื่องใหญ่อีกแล้ว แต่…..ฉันไม่ว่างพอที่จะไปเห็นด้วยตาตัวเองเลย”
หลิวฉิงในตอนนี้อยากจะร้องไห้ออกมา เขาเองก็เคยได้ยินข่าวที่ว่าซูจิ้งเข้าซื้อสวนสัตว์มาก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อได้เห็นข่าวนี้ทำให้หลิวฉิงเองรู้สึกปวดใจกับสิ่งที่ตัวเองต้องเผชิญอยู่และไม่สามารถไปเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ได้
แต่เพื่อปู่และแม่ของเขานั้นยังไงซะเขาก็ต้องอดทนให้ได้ แต่เมื่อเขาได้เห็นภาพสัตว์ที่ได้ชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้วทั้งหกชนิดก็ทำให้ความอดทนของเขานั้นใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว
“ถ้าฉันไม่ได้ไปตอนนนี้ฉันก็คงไม่ได้ไปที่นั่นอีกแล้ว ฉันอยากจะเห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นบ้างจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ต่อให้อยากจะไปตอนว่างแต่ตอนนั้นก็คงสายไปแล้ว” หลิวฉิงได้กัดฟันเล็กน้อยและสงบจิตใจตัวเองลง
หลังจากนั้นเขาได้เรียกผู้จัดการเข้ามาเพื่อให้เรียกใครอีกจำนวนหนึ่งเข้ามาประชุมด้วยกัน
ในกลุ่มคนเหล่านี้รวมถึงโจวมิน จ้าวเหยา และคนอื่นๆที่จบจากมหาวิทยาลัยเดียวกับซูจิ้ง หลิวฉิงได้บอกพวกเขาเกี่ยวเรื่องสวนสัตว์เมืองจงหยุนและให้คอยติดตามที่นั่นเอาไว้ นั่นก็เพราะเขาเชื่อว่าหลังจากนี้สวนสัตว์จงหยุนแห่งนี้จะไม่ใช่สวนสัตว์เล็กๆอีกต่อไป ไม่นานที่นี่จะต้องสวนสัตว์ที่ได้รับความนิยมแม้แต่ในระดับโลก หากว่าในครั้งนี้พวกเขายังพลาดโอกาสในการเป็นผู้แทนอีกล่ะก็พวกเขาคงต้องปิดบริษัทอย่างแน่นอน
ในตอนนี้บอกได้เลยว่าในตอนนี้หลิวฉิงได้ทุ่มหมดหน้าตักไปกับสวนสัตวง์ของซูจิ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม โจวมินและจ้าวเหยาที่ได้เดินออกจากห้องประชุมไปแล้ว
ทั้งสองได้กระซิบคุยกันว่า
“พรุ่งนี้วันเสาร์ เราจะไปที่ไหนกันดีล่ะ” โจวมินพูดออกมา
“แน่นอนว่าต้องเป็นสวนสัตว์จงหยุน ฉันซื้อตั๋วไว้แล้วน่ะ
ในตอนนี้อาจิ้งนับวันยิ่งสุดยอดจนห่างชั้นกับพวกเราเสียเหลือเกิน เขาทำได้ขนาดนำสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วกลับมาให้โลกได้ยลโฉมแบบนี้
ช่างยากที่จะเชื่อจริงๆเลยนะว่าผู้ชายที่เก่งขั้นเทพแบบนี้จะเรียนจบมาจากรุ่นเดียวกับพวกเรา” จ้าวเหยาพูดออกมา
“อืม แต่ฉันก็อยากจะไปนะแต่ไม่มีบัตรเนี่ยสิ”
“หึหึหึ ฉันเตรียมไว้ให้นายแล้วล่ะ”
“สุดยอดดดดด จ้าวเหยา นายนี่มันทั้งหล่อ เท่ และฉลาดเฉลียวโดยแท้”
“ช่วยเงียบหน่อยได้รึเปล่า” หลิวฉิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธขึ้นมาเล็กน้อย ตอนที่ได้ยินทั้งสองพูดคุย เขารู้สึกเหมือนตัวเองก็ลังโดนเพื่อนของเขาโรยเกลือใส่แผลของตัวเองยังไงอย่างนั้น
นั่นก็เพราะตัวเขานั้นไม่ว่างที่จะไปที่นั่นต่อให้อยากจะไปแค่ไหนก็ตาม การที่มีคนมาพูดในสิ่งที่เขาอยากจะทำแต่ทำไม่ได้แบบนี้มันน่าเจ็บใจแบบสุดๆ
“คุณหลิว คร้าบ จะให้พวกผมสองคนช่วยทำอะไรรึเปล่าครับ” โจวมินและจ้าวเหยาที่เห็นเพื่อนของตัวเองดูวุ่นๆก็อดจะถามออกมาไม่ได้
“เอาเป็นพรุ่งนี้ก็ทำงานล่วงเวลาด้วยการทำตามที่ฉันบอกในที่ประชุมไปก็แล้วกัน” หลิวฉิงพูดออกมา
“………………….” โจวมินและจ้าวเหยาต่างก็มองหน้ากันและอยากจะร้องไห้ออกมาในทันทีด้วยซ้ำ ทั้งสองไม่รู้เลยจริงๆว่าไปทำอะไรให้หลิวฉิงจนเรื่องออกมากลายเป็นแบบนี้ไปได้
“ไอ้หมอนี่ทำเรื่องได้ไม่หมดไม่สิ้นจริงๆ แถมนับวันยิ่งกำเริบเสิบสาน” หลังจากที่ฮัวหยุนชูได้เห็นข่าวนี้ก็ได้พูดออกมาพร้อมทั้งหรี่ตามองข่าวนี้อย่างไม่สบอารมณ์
“มันทำได้ยังไงกัน นี่หมอนี่ยังเป็นปถุชนคนธรรมดาอยู่รึเปล่าเนี่ย” ฟูฮงซิ่วมีความคิดที่สับสนและพยายามปะติดปะต่ออะไรบางอย่าง
“ฉันรู้สึกว่าหมอนี่ในตอนนี้มีความพยายามเร่งการเติบโตของตัวเองแปลกๆนะ เป็นไปได้ว่าอาจถูกกดดันด้วยอะไรบางอย่าง หากเรารู้ว่ามันคืออะไรล่ะก็ นั่นน่าจะเป็นจุดอ่อนของซูจิ้ง” หยวนหยินหนิงพูดออกมาหลังจากใช้ความคิดอยู่นาน
ข่าวสวนสัตว์ของซูจิ้งนั้น เพียงไม่นานก็ได้รับกันไปแทบจะทั่วทั้งโลก แม้แต่ประเทศที่เป็นที่อยู่ของสัตว์สูญพันธุ์อย่างออกสเตรเลีย เกาะเซเชล เกาะเมาลี ก็ยังได้รับรู้และตื่นตกใจยิ่งกว่าใคร
“พระเจ้าช่วยยยย!!! นี่ประเทศจีนไปได้หนูจิงโจ้กับหนุป่าออสเตรีเลียเท้าขาวมาจากไหนกัน
“นั่นสิ สัตว์สองพันธุ์นี้สูญพันธุ์มากว่าร้อยปีแล้วนะ”
“พวกนั้นต้องเอาไปจากพวกเราแน่ๆ เราต้องดำเนินการทำเรื่องให้พวกนั้นส่งคืนมา”
“แต่พวกเราได้ประกาศว่าพวกมันสูญพันธุ์มานานนับร้อยปีแล้วนะ ไม่มีทางเลยที่พวกนั้นจะรอมานับร้อยปีเพื่อมาจัดแสดงสวนสัตว์แบบนี้”
ณ เกาะเซเชล
“เป็นไปได้ยังไง เต่าบกยักษ์และผีเสื้อของพวกเรายังหลงเหลืออยู่งั้นเหรอ”
“ไม่มีทาง ต้องเป็นข่าวแกล้งกันไม่ก็ข่าวปลอมแน่ๆ”
“แต่จากวิดีโอและภาพถ่ายนี่มองยังไงก็ของจริงนะ”
“แล้ว…เราสามารถนำมันกลับมาได้รึเปล่า”
“เราจะไปขอคืนได้ยังไงกันในเมื่อเราไม่เคยตอบรับคำขอของคนอื่นเลยนะ”
ณ เกาะเมาลี
“พระเจ้า… มีนกโดโด้อยู่ที่จีน แถมยังมีตั้งหลายตัวแน่ะ”
“เป็นไปได้ยังไงกัน ก็นกโดโด้มีอยู่แค่เฉพาะเกาะของเรานี่นาแถมพวกมันสูญพันธุ์ไปหมดแล้วด้วย แล้วอยู่ๆประเทศจีนถึงมีพวกมันล่ะ”
“เรื่องนี้ไม่รู้เลยจริงๆ แถมไม่ว่ามองยังไงก็ไม่มีทางนึกออกเลยว่าทำไมนกโดโด้ถึงไปอยู่ที่นั่น จะบอกว่าอยู่ก็โผล่ออกมางั้นเหรอ”
“ยังไงก็ช่าง นกโดโด้เป็นนกประจำชาติเรา การที่ประเทศเราไม่มีนกโดโด้แล้วแต่ชาติอื่นมีนี่เป็นสิ่งที่เรายอมรับไม่ได้”
“ถึงจะบอกว่านกนี่เป็นของประเทศเราก็จริง แต่….. เราจะไปขอเขามาตรงๆงั้นเหรอ”
“ฉันว่าน่าจะไม่ได้นะ ไม่ต้องพูดถึงการขโมยหรือปล้นฉิงเลยเพราะที่นั่นคือประเทศมหาอำนาจเลยนะ ไม่มีทางที่เราจะใช้กำลังทางด้านการทหารข่มขู่ได้เลย
สำหรับเรื่องขายนี่ฉันเองก็ไม่เห็นวี่แววเลยสักนิดว่าพวกเขาจะยอมขาย ที่เราทำได้นั้นก็เพียงแค่หยิบยืมมาเท่านั้นเอง”
สวนสัตว์จงหยุนนั้น แต่เดิม ก็เป็นเพียงแค่สวนสัตว์ธรรมดา อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นั่นได้ปรับปรุงแล้ว เพียงเปิดขึ้นมาวันแรก ก็ทำให้ทั่วทั้งโลกต้องสั่นสะเทือนอย่างอดเสียไม่ได้