Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 1002
GGS:บทที่ 1002 ผงดอกฝิ่น
จากการประเมินร้านอาหารปลาหญ้าสวรรค์ของมิชชาลินได้ทำให้ภัตตาคารแห่งนี้ก้าวล้ำสู่อีกระดับขั้นที่เหนือกว่าใครในทันที
เพียงเพื่อที่จะให้ได้รับการประเมินหนึ่งดาวนั้น ภัตตาคารและร้านอาหารมากมายต่างก็ต้องทำงานหนักกันนานแรมปี ถึงขนาดนั้นหลายๆร้านก็ยังยากที่จะผ่านเกณฑ์ไปได้ นับประสาอะไรกับการได้ระดับสามดาว
แต่ภัตตาคารปลาหญ้าสวรรค์แห่งนี้กลับได้ผลการประเมินจากมิชชาลินระดับสองดาวไปอย่างไม่รู้ตัว แม้กระทั่งพื้นที่พิเศษของภัตตาคารยังได้ระดับสามดาวแยกออกมาอีก(อยากให้มากกว่านี้แต่มีแค่นี้)
นี่ทำให้ภัตตาคารชื่อดังทำได้แต่อิจฉาตาร้านจนยากจะเผาภัตตาคารของซูจิ้งในทันที เจ้าของภัตตาคารชื่อดังบางคนถึงกับรับไม่ได้จนต้องไปพิสูจน์ให้รู้ด้วยปากของตัวเอง
แต่แค่พวกเขานั้นเพียงได้ลิ้มชุดอาหารระดับธรรมดาไปเท่านั้นความรู้สึกเดียดฉันท์ทั้งหลายได้หายไปในทันที และนี่ยิ่งสงเสริมให้ชื่อเสียงของภัตตาคารปลาหญ้าสวรรค์สูงขึ้นไปอีกอย่างฉุดไม่อยู่
“แม้แต่มิชชาลินยังนำดาวมามอบให้ถึงที่แบบนี้ ดูเหมือนว่าพื้นที่พิเศษของภัตตาคารปลาหญ้าสวรรค์นี่จะเป็นของจริงสินะ”
“พี่จิ้งนี่สุดยอดจริงๆ เป็นฉันเองที่กังวลไปไกล”
“ถึงแม้จะเป็นร้านเล็กๆแต่อาหารแพงขนาดนั้นก็ไม่แปลกที่จะกังวลล่ะนะ ใครจะไปคิดว่าพี่จิ้งจะซ่อนหนามแหลมคมเอาไว้กันล่ะ”
“พวกนายได้ยินเรื่องที่ว่าเจ้าของภัตตาคารชื่อดังรับไม่ได้ที่ภัตตาคารปลาหญ้าสวรรค์ของพี่จิ้งได้ดาวมิชชาลินเลยจะหาเรื่อง แต่เพียงพวกเขาได้กินอาหารของพี่จิ้งเขาไปเพียงคำเดียวก็ยอมแพ้กันไปทุกคนน่ะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่จิ้งต่างหากที่ควรจะเป็นคนที่รับไม่ได้กับการกระทำของคนพวกนี้”
“ต่อให้มีหมอขั้นเทพร่วมมือกับพ่อครัวชั้นยอดฉันว่าก็ทำไม่ได้เหมือนหรอก ในโลกใบนี้และภายใต้ฟ้าผืนนี้คงมีคนเดียวที่ทำได้คือพี่จิ้ง ต่อให้ไม่ยอมรับสุดท้ายก็ต้องยอมแพ้อยู่ดี”
“ไม่ว่าจะแพงยังไงฉันก็ไม่สนใจแล้ว ฉันจะต้องกินมันให้ได้”
ด้วยเหตุนี้ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะทัดทานเรื่องพื้นที่พิเศษของภัตตาคารปลาหญ้าสวรรค์ของซูจิ้งอีกต่อไปพร้อมทั้งได้รับความเชื่อถือจากสาธารณชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาพอจะหาเรื่องซูจิ้งได้นั้นมีเพียงอย่างเดียวคือเรื่องของราคา แต่ไม่ว่าจะโจมตีเรื่องนี้ต่อซูจิ้งยังไงก็ไร้ค่า
นั่นก็เพราะว่ายังมีลูกค้าที่ยินดีที่จะจ่าย และพวกเขาก็พร้อมที่จะเล่นงานคนที่มาหาเรื่องซูจิ้งในทันทีหากมันทำให้พวกเขานั้นมีโอกาสที่จะได้กินอาหารฝีมือซูจิ้งได้น้อยลง
นี่ทำให้เหล่าคนที่มีก่อเรื่องทำอะไรได้ไม่มากนัก มันก็เหมือนกับเรื่องคนรวยทำได้แต่ตำหนิเรื่องการแต่งกาย คนทั่วไปทำได้เพียงตำหนิเรื่องราคา มันเป็นสิ่งที่เรียกว่า ทำได้แต่ไม่ทำ ซื้อได้แต่ไม่ซื้อ
ที่น่าตลกก็คือแม้แต่ผู้ทรงอิทธิพลในวงการอาหารหลายๆคน อย่างเช่นโจวเซียน พวกเขาเองก็ได้ไปที่พื้นที่พิเศษของภัตตาคารปลาหญ้าสวรรค์ของซูจิ้งเพื่อหวังจะได้ลิ้มลอง แต่เมื่อเขาไปถึงกลับอยู่ได้เพียงไม่นาน ตราบใดก็ตามหากต้องการย่างก้าวเข้าไป คุณต้องสั่งของให้ได้ในราคาขั้นต่ำหนึ่งแสนหยวน
นั่นก็เท่ากับว่าถ้าอย่างน้อยไม่สั่งชุดอาหารระดับธรรมดาก็จะไม่สามารถนั่งอยู่ต่อได้ ต่อให้สั่งได้แต่ราคาอาหารที่ต่ำที่สุดก็คือเรื่องดื่มที่มีราคาหนึ่งหมื่นหยวน
ราคานี้เป็นราคาที่เมื่อคนธรรมดาเข้าไปสั่งก็กระอักเลือดมาไปหลายคำแล้ว
หากจะให้พูดแล้วนั้นสถานการณ์โดยทั่วไปของภัตตาคารปลาหญ้าสวรรค์ของซูจิ้งนั้นดีมากและชื่อเสียงเองก็สูงขึ้นไปเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม อะไรที่ดีเกินไปก็มักจะทำให้ผู้คนนั้นอิจฉาและริษยาจนกล้าที่จะใส่ร้ายกันได้อย่างหน้าไม่อาย
คราวนี้มีใครคนหนึ่งได้โพสต์ไว้ในอินเตอร์เนตว่าตัวเองได้มีโอกาสเข้าไปยังพื้นที่พิเศษของภัตตาคารแล้วสั่งชุดอาหารธรรมดามา เขานั้นรู้สึกว่ามันอร่อยมากแต่มันน่าจะผสมผงดอกฝิ่นเข้าไปด้วย
ทันทีที่ข่าวนี้ออกไปทำให้การเป็นที่พูดถึงอย่างมากบนอินเตอร์เน็ตในทันที
“อะไรคือผงดอกฝิ่นน่ะ ใส่แล้วจะเป็นยังไงเหรอ”
“ห้ะ ไม่รู้จักฝิ่นเหรอ มันมีสรรพคุณทางพิษ แต่มันก็ไม่ได้มีผลเหมือนยาพิษทั่วไป มีคนพูดกันว่าหากใส่มันในอาหารจะมีผลต่อการหลอนของระบบประสาท แถมยังช่วยให้อาหารนั้นรสชาติดี อาหารที่ใส่ผงดอกฝิ่นเข้าไปนั้นนอกจากจะอะไรมากจนผิดปกติแล้วยังทำให้ผู้คนติดใจมันได้อย่างง่ายดาย”
“นอกจากนั้น ผงดอกฝิ่น นอกจากจะทำให้อร่อยแล้ว พวกมันยังมีสารพิษอย่างอัลคาลอยด์อยู่ หากรับไปเป็นเวลานานจะส่งผลในการทำลายระบบประสาทและอาจเกิดอาการALSได้”
“ไม่น่าใช่นะ คนที่ไปกินนั้นนับวันยิ่งดูดียิ่งขึ้น”
“อาจเป็นเพราะระบบประสาทหลอกเพราะตื่นเต้นที่ได้กินของอร่อยก็ได้นะ พวกเขาน่าจะดีเพียงไม่นาน หากยังกินต่อไปสักพักพวกเขาน่าจะโทรมยิ่งกว่าเดิม”
“ไอ้คนที่โพสต์มาก่อนหน้านี้น่ะไม่รู้อะไรก็อย่ามาพูดดีกว่า อาหารที่ต้องใส่ผงดอกฝิ่นนั้นมันจะไม่อร่อยเลยสักนิด
แถมผงดอกฝิ่นเองก็ไม่มีรสชาติ ต่อให้เติมในน้ำซุปหรืออาหารลงไปมากมายแต่ไหนก็ไม่มีทางทำให้เกิดความรู้สึกอร่อยขึ้นมาได้
บางร้านเองก็มีการใส่ผงดอกฝิ่นพวกนี้ลงไปพวกน้ำซุปเหมือนกัน พวกเขาใส่พวกมันในฐานะเครื่องเทศ แต่คนทั่วไปนั้นไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร แถมต่อให้รู้กันยังไปนั่งกินกันจนติดงอมแงมกันได้ทุกวัน
เมื่อเทียบกับอาหารของซูจิ้งแล้วนั้นพวกมันคือความอร่อยที่แท้จริงซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผงดอกฝิ่นนั้นให้ไม่ได้
อีกอย่าง ผงดอกฝิ่นนั้นมีผลเสียต่อร่างกาย ไม่มีทางเลยที่จะทำให้ผู้คนนั้นสุขภาพดีแม้แต่น้อย
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงการที่มันทำให้ดูอ่อนวัยขึ้นด้วยเวลาอันสั้น ฝิ่นไม่มีสรรพคุณแบบนี้อย่างแน่นอน”
“โฮ่ยยยย โพสต์บนนี่มันจะพิมพ์ยาวไปไหนเนี่ย แกเป็นแฟนคลับซูจิ้งใช่ม๊ายยยยย”
“ฉันเองก็ไม่รู้จักซูจิ้งซะด้วยสิ เชื่อหรือไม่เชื่อดีล่ะ”
“ตอนนี้ฉันงงไปหมดแล้วว่าใครพูดจริงเนี่ย”
ความจริงแล้วมีหลายๆคนที่ไม่เชื่อเรื่องนี้แม้แต่น้อยมีเพียงน้อยคนนักที่เชื่อกันเป็นบ้านเป็นหลังเพราะฟังดูน่าเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ด้วยการที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับภาครัฐจึงไม่อยากจะเสี่ยง ทำให้หลายๆคนเรื่องที่จะไม่ไปยังภัตตาคารปลาหญ้าสวรรค์ของซูจิ้ง
ถึงกระนั้น ด้วยชื่อเสียงอันเข้มแข็งของภัตตาคารปลาหญ้าสวรรค์ที่สั่งสมมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่พิเศษที่ซูจิ้งเพิ่งจะเปิดได้ไม่นาน เรื่องนี้กลายเป็นสร้างความลึกลับให้กับภัตตาคารจนทำให้คนที่ไม่เคยสนใจหลายๆคนหันมาสนใจอย่างช่วยไม่ได้
และเป็นคราวนี้เองที่ซูจิ้งได้ตอบโต้เป็นครั้งแรกด้วยการเชิญชวนให้องค์การอาหารและยาแห่งรัฐเข้ามาตรวจสอบ แถมเขายังเชิญเหล่าผู้มีอิทธิพลในวงการอาหารอย่างโจวเซียนและเหล่านักชิมที่มีชื่อเสียงจากทั่วประเทศจีนมายังภัตตาคารของเขา
หลังจากนั้นซูจิ้งได้โพสต์ไว้ในไมโครบลอกของตัวเองว่า “กับใครบางคนที่บอกว่าอาหารของฉันนั้นใส่ผงดอกฝิ่น
ผงดอกฝิ่นสามารถทำให้อาหารอร่อยได้จริงรึเปล่านั้น ควรจะไปหาความรู้ในอินเตอร์เนตสักหน่อยก็ดีนะแค่อ่านก็น่าจะรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร กับเรื่องนี้ฉันจะไม่อธิบายให้มากความ
แต่เพื่อความบริสุทธิ์ใจ ฉันได้เชิญคนจากองค์การอาหารและยาแห่งรัฐ พร้อมทั้งเหล่านักชิมมาจากทั่วทั้งประเทศจีนมาแล้ว
ในวันพรุ่งนี้ช่วงสิบโมงเช้า ฉันจะสตรีมการทำอาหารตั้งแต่เริ่มต้น ทุกๆขั้นตอน ทุกๆการปรุง จนถึงการจัดลงจาน ทุกคนจะได้เห็นอย่างกระจ่างแจ้ง
แล้วฉันจะให้เหล่านักชิมทั้งหลายทดลองลิ้มรส พร้อมทั้งให้องค์การอาหารและยาของรัฐทำการวิเคราะห์ส่วนประกอบ
จะได้เลิกเถียงกันสักทีว่าฉันทำยังไงถึงอร่อย ฉันใส่อะไรลงไปในนั้นบ้าง เพียงแค่ได้ดูก็หวังว่าจะกระจ่างใจกันนะ”
ทันทีที่โพสของซูจิ้งขึ้นไปบนโลกอินเตอร์เนต ข้อความของเขาเป็นที่สนใจกันจนทั่วในทันที เหตุผลหลักก็เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกเลยที่ซูจิ้งออกมาโต้ตอบอย่างรวดเร็วแถมยังทำแบบดีๆอีกด้วย (ปกติหากไม่ทิ้งไว้นานข้ามเดือนก็จะเป็นกวาดล้างในทันที)
อีกทั้ง ภายใต้สายตาอันแหลมคมของเหล่านักชิมและองค์การอาหารและยาของรัฐ หากว่าวิธีการของซูจิ้งไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ แน่นอนว่าการกระทำนี้ย่อมมากพอที่จะลบคำว่าร้ายและสบประมาททั้งหลายจนหมดสิ้น
อย่างไรก็ตามนี่ทำให้เกิดปัญหาหนึ่งขึ้นมาในทันที
“พี่จิ้งจะเจ๋งงงเกินไปแล้ว เขาจะทำอาหารต่อหน้าทุกคน”
“แต่นี่มันสตรีมนะ นั่นหมายความว่าเขาจะยอมเปิดเผยวิธีทำอาหารและเคล็ดลับต่างๆจนหมด พี่เขาไม่กลัวจริงๆเหรอว่าจะมีคนทำเลียนแบบน่ะ”
“นั่นน่ะสิ มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะ หลายๆคนจะต้องเรียนรู้สูตรลับของพี่จิ้งอ่างแน่นอน”
“ซูจิ้งทำเรื่องโง่ๆออกไปจนได้สินะ นี่เขาไม่รู้เลยเหรอว่าตัวเองทำเรื่องผิดพลาดไปแล้ว”
หลายๆคนต่างก็รู้ดีว่าสูตรลับในการทำอาหารนี้สำคัญขนาดไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาหารระดับภัตตาคารที่ราคาอาหารขั้นต่ำสุดอยู่ที่หนึ่งแสนหยวนแบบนี้
ขนาดขายแพงขนาดนี้ก็ยังขายดีเป็นเทน้ำเทท่านี่แสดงว่าเขานั้นต้องคิดค้นสูตรนี้มาอย่างยากลำบาก หากมีคนเอาไปต่อยอดได้ แน่นอนว่าการจะสร้างสุดยอดร้านอาหารย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
ที่สำคัญที่สุดก็คือนี่คือการทำอาหารที่มีหนึ่งเดียวในโลก เมื่อความลับจะกลายเป็นไม่มีความลับอีกต่อไปแล้วล่ะก็เขาไม่ต้องปิดร้านไปเลยรึไงกัน