Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 1045
GGS:บทที่ 1045 ปรับปรุงสวนสัตว์
“พระเจ้าช่วย นี่ฉันตาฝาดไปรึเปล่า” ดวงตาของฟานเว่ยมองไม่กระพริบในขณะที่พูดออกมา
“เป็นไปไม่ได้ รูปพวกนี้ทำขึ้นรึเปล่า” ซิ่วจงหงพูดออกมาอย่างอยู่ไม่สุข
“ไม่ได้ทำอย่างแน่นอน นี่นายเห็นฉันเป็นคนแบบนั้นรึไง” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ถ้านี่เป็นรูปจริงล่ะก็ พวกมันก็ต้องเป็นสัตว์ทำขึ้นแน่ๆ” ซิ่วจงฮงพูดออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้” ฟานเว่ยสายศรีษะไปมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหยุดลงและพูดออกมาว่า “เดี๋ยวนะ ต่อให้มันเป็นของจริงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับสวนสัตว์ล่ะ”
“ก็เพราะมันไม่ใช่แค่รูปภาพแต่มันคือของจริง แถมฉันยังมีพวกมันอยู่ด้วย ฉันว่าจะเอามันไปไว้ในสวนสัตว์จงหยุนน่ะ” ซูจิ้งพูดออกมานี่ทำให้ซิ่วจงหงและฟานเว่ยเชินถึงกับอึ้งไปเล็กน้อยราวกับว่าสมองตัดขาดจากการรับรู้เพื่อประมวลผลอะไรบางอย่าง
“ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ ไม่มีทางเป็นไปได้แม้แต่น้อย” ฟานเว่ยส่ายศรีษะไปมาหนักกว่าเดิม
“อาจิ้ง อย่ามายั่วพวกเราน่า” ซิวจองหงเองในตอนนี้มีท่าทีอยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก อยากจะหัวเราะก็ทำไม่ได้
“หืม?แล้วถ้ามันเป็นของจริง?” ซูจิ้งถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
“เหอะ ถ้าพูดแบบนี้แสดงว่าคุณยังไม่ยอมแพ้สินะ ก็ได้ถ้าเป็นของจริงล่ะก็ผมยินดีที่จะขายสวนสัตว์ให้คุณเลย แค่ใช้ตรรกะความจริงนิดหน่อยก็รู้แล้วว่ามันไม่ใช่ของจริง” ฟานเว่ยเชินพูดออกมาอย่างฟิวส์ขาด เพราะสำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่มีทางเป็นความจริงได้
“คุณพูดแล้วนา…. เอาล่ะ เราอย่ามาพูดเรื่องนี้กันที่นี่ดีกว่า ผมว่าเราไปบ้านผมกันเลยแล้วกัน” ซูจิ้งยืนขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
ฟานเว่ยเชินและซิ่วจงหงได้แต่มองตามอย่างทำอะไรไม่ถูก เพราะซูจิ้งทำราวกับว่ามันคือความจริง ถึงแม้จะเต็มไปด้วยความสงสัยแต่ทั้งสองก็ยังตามซูจิ้งกลับบ้านไปอยู่ดี
ผลก็คือฟานเว่ายเชินยินยอมพร้อมใจขายสวนสัตว์จงหยุนให้แต่โดยดีและไม่ขัดขืนอีกต่อไป เขายังขอร้องซูจิ้งให้เขาได้ทำงานต่อในฐานะผู้จัดการโดยให้ซูจิ้งจ่ายเงินเดือนเขาแค่ระดับพนักงานชั้นต้นด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าซูจิ้งยินดีจ้างแต่เขาไม่ยินดีที่จะจ่ายเงินเพียงแต่นั้น เขาจ่ายเงินเดือนให้ฟานเว่ยเชินให้เหมาะกับความสามารถของเขา นั่นก็เพราะการที่เขายังคงจัดการสวนสัตว์ให้ซูจิ้งจะช่วยเหลือซูจิ้งได้ในหลายด้านมากกว่า
หลังจากทั้งสามได้คุยกันแล้วก็สรุปกันว่าสวนสัตว์ของหยุนจะปิดตัวลงในอีกสองวันเพื่อปรับปรุงและแอบนำสัตว์ที่ซูจิ้งได้พบไปไว้ที่นั่น เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้นอกจากพวกเขาสามคน
เมื่อเสร็จสิ้นเรื่องราวต่างๆ ซูจิ้งได้ประกาศลงในไมโครบลอกของตัวเองว่าตอนนี้เขาได้เป็นเจ้าของสวนสัตว์แห่งเมืองจงหยุนเรียบร้อยแล้ว
พร้อมทั้งได้เผยแพร่ข้อมูลสัตว์ที่สูญพันธ์ไปแล้วอีกหลายชนิด พร้อมทั้งโตรงสร้างคร่าวของสวนสัตว์ใหม่พร้อมทั้งวันที่น่าจะเป็นวันเปิดสวนสัตว์เอาไว้
ตอนนี้ชื่อเสียงของซูจิ้งพุ่งสูงขึ้นราวกับจรวดทำให้อันดับของเขาในรายชื่อผู้มีชื่อเสียงระดับหนึ่งจากอันดับที่สิบสองไปอยู่ที่อันดับหนึ่งเรียบร้อยแล้ว
ด้วยหารที่ซูจิ้งนั้นไม่ใช่คนในวงการบันเทิงทำให้เขานั้นถูกคนในวงการบันเทิงถามหาถึงความชอบธรรม
แต่ด้วยการที่เขานั้นได้รับการยอมรับจากคนทั้งชาติ ต่อให้ไม่ใช่เป็นดาราแต่ก็ไม่ได้ต่างจากดาราแม้แต่น้อย แถมเขานั้นยังเป็นข่าวออกสื่อมากกว่าดาราซะอีก
การที่อันดับขึ้นมาแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกและโต้แย้งได้แต่อย่างใด
อย่าว่าแต่วงการบันเทิงเลย ซูจิ้งยังมีชื่อเสียงในอีกหลายๆวงการ แม้แต่ในวงการต่อสู้ ชื่อเสียงของซูจิ้งนั้นได้ขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งมานานมากแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ซูจิ้งยังไม่เคยออกมาทำอะไรจริงจังสำหรับการชื่อเสียงก็ตาม เอาจริงๆต่อให้เขานั้นยอมอยู่เฉยๆ แต่ชื่อเสียงของเขาก็ยังเพิ่มขึ้นไม่หยุดอยู่ดี
นั่นก็เพราะผู้ติดตามของซูจิ้งในไมโครบลอกนั้นขึ้นไปถึงหนึ่งร้อยล้านคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้มันจะดูว่าค่อยเป็นค่อยไปแต่หากวัดเป็นปีล่ะก็เรียกได้ว่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนราวกับติดจรวด
นี่ขนาดว่าเขานั้นไม่ค่อยได้โพสต์อะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ทันทีเขาโพสต์อะไรสักอย่าง นั่นกลับให้กลายเป็นประเด็นในทันที
และในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ทันทีที่เขาโพสต์ไปว่าเป็นผอ.สวนสัตว์ แฟนคลับได้ทำการหาข้อมูลเรื่องดังกล่าวในทันที
“นี่ซูจิ้งอยู่ว่างไม่ได้เลยสินะ”
“ฉันอยากจะมีพลังงานชีวิตที่ไม่จำกัดแบบนี้บ้างจัง”
“ว่าแต่งวดนี้เขาทำอะไรล่ะเนี่ย”
“หรือว่าเขาจะจัดแสดงสัตว์เลี้ยงของเขากัน”
“ไม่น่านะ สัตว์เลี้ยงของถึงจะมหัศจรรย์ก็จริงแต่ว่าพวกมันก็ยังเป็นหมาป่า อินทรีย์ทอง แมว และหมาเท่านั้น พวกมันไม่ได้เหมาะกับสวนสัตว์เลยนี่นา
ยิ่งไปกว่านั้นเขาน่าจะไม่ยอมปล่อยหมาป่าและอินทรีย์ทองของเขาให้มาอยู่สวนสัตว์แคบๆแบบนี้หรอก”
“ทำไมหมาและแมวของเขาจะไม่เหมาะกับสวนสัตว์ล่ะ อีกอย่างนอกจากหมาและแมวแล้วเขายังมีทั้งนกแก้ว จิ้งจอกและสัตว์อย่างอื่นอีกซึ่งล้วนแล้วน่าสนใจทั้งนั้น
ฉันบอกได้เลยว่าสัตว์เลี้ยงของเขาแต่ละตัวนั้นทั้งฉลาดและแสนรู้จนหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว”
“ถ้าพูดกันถึงขนาดนี้ล่ะก็ ถ้าพี่จิ้งนำสัตว์เลี้ยงของเขามาไว้ที่สวนสัตว์จริงๆล่ะก็ฉันจะเข้าตั้งแต่วันแรกที่เปิดเลย”
“…….จะทำอะไรอีกฟะ” หวังจ้าวถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นข่าวนี้
“ฉันว่าต่อให้คุณมาบ่นกับฉันก็เท่านั้นล่ะนะ” เฉิงหนานพูดออกมาพลางส่ายศรีษะและหัวเราะเบาๆ
“ช่างมันเถอะ ปล่อยเขาไปแล้วกัน ตอนนี้พวกเราแค่บริหารกลุ่มทุนห้วงเวลาฯของพวกเราก็วุ่นมากพอแล้ว แต่ฉันรู้สึกว่าหมอนั่นต้องทำอะไรใหญ่ๆเป้งๆออกมาอีกแน่ๆ ยังไงก็เตรียมตัวไว้หน่อยก็ดี” หวังจ้าวพูดออกมาราวสังหรณ์อะไรบางอย่างได้
“ได้ค่ะ” เฉิงหนานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“พี่จิ้งเปิดสวนสัตว์เหรอ” ฉินซูหลานที่ได้ยินก็แสดงท่าทีตื่นเต้นออกมา
“ทำไมเขากลับมาสนใจสวนสัตว์อีกล่ะ หรือว่าเขาตัดสินใจได้แล้วว่าจะเอาสัตว์เลี้ยงมาไว้ที่นี่” โจวหลันถามออกมาเชิงขอความเห็น
“เธอทำราวกับไม่รู้จักพี่จิ้งแหะ เขาไม่มีทางปล่อยให้สัตว์เลี้ยงแสนรักมาทำอย่างนี้หรอกน่า ฉันว่าสัตว์ที่เขาจะนำไปจัดแสดงที่นั่นต้องเป็นอะไรที่สร้างความตื่นตะลึงอย่างแน่นอน” ฉินซูหลานพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดให้โจวหลันฟังพลางหันไปสบตาราวกับกำลังอ้อนวานในบางสิ่ง
“หลันน้อยยยยยยย ถึงพวกเราจะตกลงกันแล้วว่าพรุ่งนี้เราจะไปสวนสนุกก็จริง แต่นี่มันน่าสนแบบสุดๆเลยนา… ถ้าไม่ว่าเอาไรเราไปสวนสนุกวันอื่นแล้วพรุ่งนี้เราไปสวนสัตว์จงหยุนกันน้า…. ฉันกลัวว่าหากไม่ไปวันพรุ่งนี้เราจะไม่ได้มีโอกาสเข้าง่ายๆอีกแล้ว”
“ก็ได้ก็ได้” หลังจากเธอได้เห็นท่าทางของฉินซูหลานแล้วทำให้โจวหลันรู้ดีว่าต่อให้เธอไม่เห็นด้วยยังไงเขาก็จะไปอยู่ดีต่อให้ต้องไปคนเดียวก็ตาม และนี่เป็นสิ่งที่เธอไม่ต้องการแม้แต่น้อยจึงได้ตกปากรับคำอย่างง่ายๆ
อย่างไรก็ตาม กับเรื่องนี้เธอเองกลับไม่รู้สึกโกรธเคืองแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะเธอเองก็รู้สึกได้ว่าสวนสัตว์ของซูจิ้งนั้นต้องมหัศจรรย์พันลึกแน่ๆ
เธอแค่สงสัยเฉยๆว่าหากซูจิ้งไม่เอาสัตว์เลี้ยงของเขาไปไว้ที่นั่นแล้วเขาจะเอาอะไรไปไว้กัน สัตว์หายากเหรอ แต่นั่นก็ยังหาดูได้ที่อื่นอยู่ดีล่ะนะ
“ห้ะ ไหงอาจิ้งถึงไปเปิดสวนสัตว์ได้ล่ะ” เอี้ยป๋อที่ได้ยินข่าวก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาจนนิ่งเงียบไป
“อยากรู้ก็ลองไปดูสิ” นักวิจัยคนหนึ่งในสถาบันบรรพชีวินได้เอ่ยชวนในทันที
เอี้ยป๋อนิ่งเงียบคิดไปพักหนึ่งก่อนที่จะส่ายศรีษะแล้วพูดออกมาว่า “ฉันยังไม่ไปตอนนี้หรอก ถึงแม้ว่าสัตว์ที่ซูจิ้งนำมาจัดแสดงนั้นจะสุดยอดขนาดไหนก็ตามแต่นั่นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา ช่างมันแล้วกัน ตอนนี้เรามีเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้วด้วย”
ข่าวที่ซูจิ้งกลายเป็นเจ้าของสวนสัตว์นี้ทำให้เจ้าของสวนสัตว์อื่นๆอย่างก็อยู่กันไม่สุขในทันทีที่ได้ยิน ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาตัดสินใจส่งคนไปสวนสัตว์เพื่อดูว่าซูจิ้งนั้นจะจัดแสดงสัตว์ชนิดใดกันแน่
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าการที่ซูจิ้งลงมือทำอะไรก็ตามล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดา แม้แต่ชาวเน็ตยังรู้เลยว่าคนอย่างซูจิ้งธรรมดาไม่เป็น ต่อให้ไม่อยากจะสนใจแต่รู้ไว้หน่อยก็ย่อมดีกว่าไม่รู้อยู่แล้ว
ด้วยการที่แฟนคลับส่วนใหญ่ของซุจิ้งอยู่ในเมืองจงหยุน พวกเขายินดีที่จะสนับสนุนกิจการทุกอย่างของซูจิ้งทุกครั้งที่มีโอกาศ แม้แต่ชาวเน็ตทั่วไปเองก็ยังสนใจที่จะเข้าไปอุดหนุนด้วยเช่นกัน
นี่ทำให้บัตรเข้าชมสวนสัตว์ของซูจิ้งวันพรุ่งนี้หมดลงอย่างรวดเร็ว แม้แต่บัตรแบบบุคคลเองก็ไม่เหลือเลยสักใบ
เรียกได้ว่าคนที่เข้าชมสวนสัตว์มากกว่าคนที่เข้าร่วมงานวันชาติซะอีก
นี่ขนาดว่าราคาบัตรนั้นแพงมากก็ตามแต่บอกได้เลยว่าต่อให้วางขายเพิ่มก็ยังหมดแบบรวดเร็วจนตั้งหลักกันแทบไม่ทัน
เช้าวันถัดมา ก่อนที่ประตุสวนสัตว์จะเปิดทำการ เหล่าพี่คนมากมายได้มาต่อแถวกันยาวมากแล้ว จนกระทั่งเวลาเจ็ดโมงครึ่ง ต่อหน้าสายตาของผู้คนที่เฝ้ารอ ประตูสวนสัตว์ของซูจิ้งได้เปิดออกอย่างช้าๆ