Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 1068
GGS:บทที่ 1068 สัตว์ประหลาดที่แท้จริง
“ซูจิ้ง ในที่สุดข้าก็ได้เจอแกสักที” จินเชินหวู่ยืนขึ้นพร้อมมองไปยังซูจิ้งด้วยจิตใจอันรุกโฉนกระหายเลือด กล้ามเนื้อของเข้าเต้นล่ำราวจะปริแตกออกมา
“โอ้…ดูเหมือนว่านายจะกระหายที่จะสู้กับฉันเสียจริงนะ” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างไร้อารมณ์
“แน่นอนสิวะ” จินเชาหวู่พูดออกมาอย่างเลือดร้อนและเหี้ยมเกรียม
“อืมมมมม ดูเหมือนฉันคงต้องทำให้นายต้องผิดหวังแล้วล่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาพลางใช้กระแสจิตของตัวเองตรวจสอบออร่าของชายที่อยู่ตรงหน้า
ดูเหมือนว่าชายคนนี้อยากจะสู้กับเขาจริงๆ ความจริงเขานั้นอยากจะปล่อยผ่านการต่อสู้ครั้งนี้แบบจับใจเพราะเขานั้นคาดได้ว่าชายคนนี้คงเป็นเพียงแค่เหยื่อล่อเท่านั้น ความจริงเขาอยากจะตกปลาใหญ่มากกว่าปลาซิวปลาสร้อยแบบนี้
“ทำไม แกกลัวงั้นรึ” เมื่อจินเชาหวู่พูดออกมาก็ได้หัวเราะดังลั่นสนาม
“เอานะเดี๋ยวนายก็รู้เอง” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างเรียบเฉย จนทำให้อย่าว่าแต่จินเชาหวู่เลย แม้แต่ฮู่ฮงหยาง ฮู่เฟยหยุน และคนอื่นๆเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคำพูดซูจิ้งหมายถึงสิ่งใด
แต่ตอนนี้คนที่อยู่ข้างซูจิ้งต่างก็กังวล โดยเฉพาะจี้เสี่ยวติงเองที่ติ่นเต้นจนเหงื่อไหลจนเปียกโชกมือของเธอไปหมดแล้ว ด้วยเหตุนี้ทำให้ภาพของหน้าจอที่กำลังสตรีมอยู่นั้นสั่นไหวเล็กน้อยตลอดเวลา แต่ก็ไม่มีผลกับภาพที่กำลังสตรีมอยู่เท่าไหร่นัก
ส่วนในห้องสตรีมตอนนี้เหล่าผู้ชมขึ้นไปเกินกว่าหนึ่งล้านคนแล้ว
เหล่าผู้ชมและนักข่าวในตอนนี้ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นกันอย่างขีดสุดจนแสดงออกมาให้เห็นราวกับว่าการประลองครั้งนี้เป็นการประลองยุทธระดับโลกเลยก็ว่าได้
“พร้อมรึยัง” กรรมการถามออกมา
“พร้อมจนไม่รู้จะพร้อมยังไงแล้วโว้ย” จินเชาหวู่พยักหน้าอย่างแข็งขัน
“พร้อม” ซูจิ้งพยักหน้ารับด้วยอารมณ์อันเรียบเฉย
หลังจากได้ยินดังนั้น กรรมการ ได้นำมือของคนทั้งสองมาประสานเพื่อจับมือกัน นี่คือสัญญาณการเริ่มต้นการต่อสู้ในครั้งนี้ ฉากนี้สร้างความประทับใจจนทำให้เหล่าผู้ชมตะโกนกู่ร้องออกมา
จินเชาหวู่ไม่ได้พุ่งเข้าไปหาซูจิ้งแต่อย่างใด ถึงแม้เขาจะรวดเร็วและมีท่วงท่าที่มั่นคงราวกับวัวกระทิงตัวหนึ่ง ทันใดนั้น เขาก็ได้พุ่งเข้าใส่ซูจิ้งด้วยการหมัดคู่ออกไปอย่างรวดเร็วและหนักหน่วงราวกับรถบรรทุกที่กะจะอัดซูจิ้งให้บี้แบนในทีเดียว
เมื่อเห็นฉากนี้ ทั้งฮู่ฮงหยาง ฮู่เฟยหยุน จี้เสี่ยวติง ไคหวู่เฟิง และเหล่าศิษย์สำนักสุดยอดศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จินต่างก็อดที่จะกลั้นหายใจไม่ได้
นั่นก็เพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าหมัดนี้เพียงหมัดเดียวของจินเชาหวู่นั้น ได้รวบรวมทุกสิ่งของเพลงหมัดวัวคลั่งไว้ทั้งหมด จนก่อให้เกิดกลิ่นอายแห่งวัวคลั่งขึ้นมาได้จริงๆ
พวกเขานั้นไม่เคยเห็นฉากแบบนี้เลยแม้แต่กับตอนที่ซูจิ้งและเสี่ยวไจ๋ใช้เพลงหมัดนี้ในการต่อสู้ อีกทั้งด้วร่างกายอันแข็งแกร่งผิดมนุษย์มนาของจินเชาหวู่ที่เหนือล้ำกว่าเสี่ยวไจ๋ถึงสามส่วนนี้ทำให้มันดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าใคร
แต่ต่อหน้าหมัดอันแข็งแกร่งและทรงพลังขนาดนี้ ซูจิ้งไม่ได้ท่าทีที่แตกตื่นแต่อย่างใด เขาเพียงก้าวไปข้างหน้าเพียงขึ้นก้าว และใช้เพลงหมัดหนึ่งในกระบวนท่าที่สามของเพลงหมัดวัวคลั่งออกไปซึ่งก็คือหมัดคู่เหมือนกัน
เพียงชั่วขณะนี้ทำให้ได้เห็นถึงความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด หากหมัดที่จินเชาหวู่ใช้นั้นทำให้เห็นเป็นวัวคลั่งจริง กับซูจิ้งเองก็คงเปรียบได้ดั่งราชาปีศาจวัวไม่มีผิด
โดยเสียงอันดังก้อง หมัดคู่ของซูจิ้งได้กระแทกเข้าไปยังกลางอกของจินเชาหวู่จนกล้ามเนื้อทรวงอกยู่เป็นรอยหมัดราวกับอกปูที่โดนราชาปีศาจวัวเหยียบลงไปเบาๆ
และยังไม่ทันจะสิ้นเสียงการปะทะดี ก็บังเกิดอีกเสียงจากด้านหลังสองเสียงไล่กันอย่างมาก
นั่นคือเสียงของจินเชาหวู่ที่ลอยไปอัดจมลงไปในกำแพงสนามประลองด้านหลังที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตรจนทะลุออกไปนอกสนามประลองสนามอย่างหนักหน่วง และจมไปกับกำแพงของหอประลองอย่างรุนแรง ในทันทีที่จินเชาหวู่พ่นเลือดออกมาคำโต เขาก็ล่วงลงจากกำแพง
กระดูกมือของจินเชาหวู่ทั้งสองข้างที่ต่อยออกไปนั้นได้แตกละเอียดยิบลามไปจนเกือบทั้งแขนจนเห็นเนื้อภายในและเลือดที่ไหลออกมาอย่างไม่หยุด บอกได้เลยว่าชายคนนี้ได้สูญเสียแขนไปแล้วอย่างถาวร
กระดูกสันหลังของชายคนนี้เกิดรอยร้าวแทบจะทุกข้อจนส่งต่อความเจ็บปวดออกมาอย่างไม่ขาดสาย อวัยวะภายในทั้งห้าบอบช้ำจนไม่เหลือชิ้นเดียว เรียกได้เลยว่าทั่วทั้งร่างไม่เหลือร่องรอยแห่งความแข็งแกร่งอันน่าเกรงขามก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้จะตกอยู่ในสภาพเจ็บปวดจนตัวสั่นเทาเช่นนี้ แต่จินเชินหวู่ก็ยังพยายามจะยืนขึ้นมาและจ้องมองไปยังซูจิ้งที่ไม่ได้มีแม้แต่รอยขีดข่วนแม้แต่น้อยอยู่กลางสนามประลอง ดวงตาของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความตื่นตกใจอย่างที่ไม่เคยเป็นไม่ก่อน ราวกับไม่เชื่อว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นทั้งๆที่โดนไปกับตัวเอง
เสียงตะโกนเชียร์อันดังก้องของผู้ชมที่ดั่งลั่นเมื่อสักครู่นี้ได้เงียบหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ฮู่ฮงหยาง ฮู่เฟยหยุน ไคหวูเฟิง จี้เสี่ยวติง วู่หลงและคนอื่นๆได้แต่มองไปในอากาศที่อยู่ตรงซูจิ้งที่ว่างเปล่าอย่างโง่งม เช่นเดียวกับเหล่าผู้ชมและนักข่าวที่ในตอนนี้ตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน
เหล่านักข่าวที่กระหน่ำถ่ายภาพไปก่อนหน้านี้ตกตะลึงในสิ่งที่เกิดขึ้นจนลืมที่จะกดชัตเตอร์ถ่ายภาพต่อ การต่อสู้ที่ทุกคนต่างก็คาดหวังไปต่างๆนานานั้น กลับจบลงในทันทีในสภาพที่ไม่มีใครคาดคิด
หลังจากที่บรรยากาศทั้งในหอประลองและห้องสตรีมเงียบสนิทไปนานสองนาน เหล่าผู้ชมในห้องสตรีมของซูจิ้งเป็นพวกแรกที่เคลื่อนไหวออกมา และเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
“พระเจ้าเถอะ ฉันเห็นอะไรกันเนี่ย”
“จินเชาหวู่ตกตายด้วยมือซูจิ้งในเสี้ยววิ เรื่องแบบนี้เป็นไปได้ด้วยเหรอ”
“ท่าเดียว ซูจิ้งลงมือแค่ท่าเดียวเองนะ”
“นักสู้ที่ชื่อจินเชาหวู่นั่นสามารถปะทะกับคนกว่าห้าสิบคนด้วยตัวคนเดียวได้เลยนะ หมัดทั้งสองข้างนั่นสามารถต่อยกำแพงจนทะลุได้อย่างสบายได้ในหมัดเดียว….แล้ว…ทำไม…เขาถึงได้โดนจัดการในครั้งเดียวล่ะ”
“ท่วงท่าที่ใช้ก็เหมือนกัน แต่ทำไมอานุภาพถึงห่างกันขนาดนี้ล่ะ”
“ฉันคิดมาตลอดว่าการโจมตีของจินเชาหวู่นั่นทรงพลังจนไม่มีใครจะหยุดได้อีกแล้ว แม้แต่ซูจิ้งฉันก็คิดว่าเขายังต้องระวัง ใครจะไปคิดว่าเขาจะไร้เทียมทานแบบนี้”
“ฉันก็หลงนึกไปว่าเสี่ยวไจ๋นั้นเกือบจะเทียบเคียงซูจิ้งได้แล้วทำให้นึกไปว่าครั้งนี้เป็นศึกอันยากลำบากของซูจิ้ง เพราะเสี่ยวไจ๋ก็ยังพ่ายแพ้หมดรูป ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าดันคิดไปเองคนเดียว”
“ความแข็งแกร่งของซูจิ้งนั้นลึกสุดหยั่งจริงๆ เขาแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่เนี่ย”
“สัตว์ประหลาด ไอ้หมอนี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ”
ในขณะที่ผู้คนในช่องสตรีมต่างก็พิมพ์ความคิดเห็นของตัวเองจนจะอ่านกันไม่ทันนั้น เหล่าผู้ชมข้างสนามประลองกลับรู้สึกสับสนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“นี่….ไม่ใช่ว่า…การประลองยังไม่เริ่มใช่รึเปล่า”
“ยังไม่เริ่มกะผีน่ะสิ มันจบแล้วโว้ยยยย…”
“มันยังเริ่มไปไม่ถึงนาทีเลยไม่ใช่เหรอ ทำไมจบแล้วล่ะ ล้อกันเล่นรึเปล่า”
“ห้ะ ล้อเล่น ใครจะไปล้อเล่นกัน มันจบแล้วจริงๆ ซูจิ้งพิฆาตจินเชาหวู่เพียงท่าเดียว แหกตาดูตรงนู้นนู่น จินเชาหวู่ลงไปหมอบราบคาบอยู่บนพื้นด้านหลังจนลุกไม่ขึ้นราวกับปลาเค็มตากแห้งไม่มีผิด เห็นมือของเขารึเปล่า หมอนั่นเสียมือไปแล้วน่ะ แล้วยังว่าล้อเล่นอีกเรอะ”
“ถึงแม้จะบอกว่าการประลองนี้เป็นการประลองเป็นตาย แต่นี่มันฆ่าให้ตายทั้งเป็นเลยไม่ใช่เหรอ”
แฟนคลับของซูจิ้งในตอนนี้ต่างกู่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นจนลั่นสนามพลางชูนิ้วรูปตัววีกันไปทั่วทุกคน ถึงแม้พวกเขาเองต่างก็เชื่อมั่นในตัวซูจิ้งว่ายังไงก็ชนะ แต่ไม่มีใครคิดว่าจะชนะแบบเด็ดขาดในทีเดียวแบบนี้ นี่ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่
“เป็น…ไปได้ยังไงกัน…” โอฉิงซงที่กำลังดูการสตรีมอยู่ทำได้เพียงพูดออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาแต่ก็ยังจ้องช่องสตรีมชนิดที่ตาไม่กระพริบ
ศิลปการต่อสู้ราชวงศ์จินที่แสดงออกมาก่อนหน้านี้นั้นแสดงให้เห็นว่าเขานั้นสามารถโค่นล้มผู้คนกว่าสี่สิบถึงห้าสิบคนได้ด้วยตัวคนเดียว
ความจริงแล้วนี่สมควรที่เขานั้นจะเป็นศัตรูที่สมควรที่จะโค่นล้มซูจิ้งได้อย่างง่ายดายไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม….
“ชนะ….นี่ก็สามารถเรียกว่าชนะได้ด้วยเหรอ” เมื่อหวังจ้าวและหวังซือหยาได้ทราบข่าวนี้ต่างก็มองข่าวนี้อย่างโง่งมไปพักใหญ่
ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรออกมาเพียงรู้สึกถึงความกังวลที่ทั้งสองต่างก็รู้สึกก่อนหน้านี้ช่างไร้สาระจนน่าอับอาย
“ลูกพี่หยวนครับ การประลองจบ…เอ่อจบลงแล้วครับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งได้วิ่งเข้ามาในห้องสำนักงานแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“หืมมมม นี่เพิ่งจะเริ่มไม่ใช่เหรอ ไม่จบเร็วไปหน่อยรึไงกัน แล้วไง จินเชาหวู่ชนะหรือแพ้” หยวนหยินหนิงที่ได้ยินว่าการต่อสู้จับลงแล้วก็ถามออกมาด้วยท่าทีคิ้วขมวด
“แพ้ครับ เป็นการแพ้อย่างราบคาบโดยซูจิ้งด้วยท่าเดียว มือของหมอนั่นแหลกเลอะไม่มีชิ้นดี” ชายหนุ่มที่เข้ามารายงานในตอนนี้รายงานออกมาด้วยเหงื่อที่ชุ่มไปทั้งหน้าผาก
นั่นก็เพราะเขาเองได้เห็นฉากที่ซูจิ้งพิฆาตจินเชาหวู่กับตาตัวเองจนเขาเริ่มรู้สึกได้แล้วว่าซูจิ้งช่างน่าสะพรึงกลัวจริงๆ
“เป็นไปได้ยังไงกัน” หยวนหยินหนิงได้ลุกพรวดออกมาจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วจนเก้าอี้หงายหลังล้มไปกับพื้น
ใบหน้าของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความตกตะลึง เขานั้นได้สืบสวนมาอย่างดีเกี่ยวกับซูจิ้งก่อนหน้านี้มาแล้ว
เขาเองก็รู้ดีว่าซูจิ้งนั้นแข็งแกร่งและทรงพลังอย่างมากจนยากจะทำอะไรได้
แต่เมื่อตอนที่เขาเห็นศิลปะการต่อสู้ราชวงศ์จินนั้น เขากลับรู้สึกว่าวิชายุทธของหมอนั่นทรงพลังมากกว่าซูจิ้งจึงได้ใช้เป็นตัวหมากเพื่อจัดการซูจิ้งเพราะไม่คิดว่าซูจิ้งจะชนะชายคนนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าซูจิ้งจะชนะได้ง่ายๆ
“ลูกพี่หยวน เราจะเอายังไงต่อดีครับ” ชายหนุ่มถามออกมาด้วยท่าทีล้อนลน
หยวนหยินหนิงที่ตอนนี้ใบหน้าไม่ได้ต่างจากภูตผีแม้แต่น้อยก็ได้นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง
แล้วเขาก็ได้พูดออกมาว่า “ไม่เป็นไร ต้องไม่ลืมว่าที่เราส่งหมอนั่นออกไปนั้น เป้าหมายไม่ใช่การกำจัดซูจิ้ง แต่เป็นการสร้างร่องรอยที่จะนำไปสู่องค์กรเกล็ดงู(กองโจรเกล็ดงู)ได้ ต่อให้จินเชาหวู่แพ้อย่างคาดไม่ถึงก็ไม่เป็นไร หมอนั่นยังถือว่าอยู่ในแผนของพวกเราอยู่ดี”
“….ก็จริงครับ” ชายหนุ่มได้พยักหน้ารับอย่างจริงจัง อย่างน้อยในตอนนี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าต้องระวังซูจิ้งมากกว่านี้แบบสุดๆ หากว่าพวกเขายังกล้าที่จะประเมินซูจิ้งต่ำไปแบบก่อนหน้านี้ล่ะก็ คนที่จะเกิดหายนะเป็นรายต่อไปก็คือพวกเขานั่นเอง