Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 1082
GGS:บทที่ 1082 ขึ้นสวรรค์
“เสี่ยวหุย แสดงให้ฉันดูหน่อย” หัวหน้าโค้ชที่พึ่งจะเข้ามาถึงในห้องฝึกอย่างเร่งรีบ เขาได้ตรงไปยังชายที่ตัวสูงคนหนึ่งและรีบออกมาด้วยเสียงอันดังก้อง
“ได้ครับ” เสี่ยวหุ่ยในตอนนี้ที่มีท่าทีตื่นเต้นยินดีกว่าใครได้รับคำในทันที คนอื่นๆในตอนนี้เองก็ได้หยุดการฝึกของตัวเองและมามุงดูกันโดยรอบ
เสี่ยวหุยได้ยืนในจุดยกน้ำหนักโดยตรงหน้าของเขาในตอนนี้มีบาร์น้ำหนักอยู่ น้ำหนักโดยรวมของมันในตอนนี้คือ 193 กิโลกรัมดั่งที่เสี่ยวหุ่ยเคยยกได้ก่อนหน้านี้
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะค่อยๆย่อตัวลง และใช้มือทั้งสองข้างจับบาร์ยกน้ำหนักอย่างมั่นคง แล้วยกขึ้นเหนือศีรษะอย่างมั่นคง
หลังจากนั้นเขาก็ค่อยยืดขาตัวเองให้ตั้งตรงอย่างช้าๆและมั่นคง เรียกได้ว่าทั้งกระบวนการนั้นดูราบเรียบไม่มีสิ่งใดติดขัดแต่อย่างใด ราวกับว่าน้ำหนัก 193 กิโลกรัมนี้ ไม่ต่างอะไรกับสิ่งของธรรมดาที่เอามายกเล่นเบาๆ
“พระเจ้าเถอะ หมอนี่ยกได้จริงๆด้วย” หัวหน้าโค้ชทีมยกน้ำหนักนั้นอดที่จะแสดงออกมาทางสีหน้าว่าตื่นเต้นแบบสุดๆไม่ได้
นั่นก็เพราะนี่ไม่ใช่เพียงแค่ทำลายสถิติโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างสถิติใหม่ได้มากกว่าถึงสามกิโลกรัม ช่างเป็นสามกิโลกรัมที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในวงการเลยก็ว่าได้
ต้องรู้กันก่อนว่า ในวงการกีฬายกน้ำหนักนั้น น้ำหนักแต่ละกิโลกรัมนี้ไม่ได้ต่างจากการท้าทายขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์เลยแม้แต่น้อย
การเพิ่มน้ำหนักจากสถิติโลกได้เพียงหนึ่งนั้นก็ถือได้ว่ายากมากแล้ว แต่นี่ เขาสามารถยกได้มากกว่าสถิติโลกได้ถึงสามกิโลกรัมเลยด้วยซ้ำ หากไม่เห็นด้วยตาตัวเองเขาก็คงจะไม่เชื่อเหมือนกัน
“….ในเมื่อท่าสแน็ชทำลายสถิติโลกไปแล้ว….งั้นท่าคลีนแอนด์เจิร์กล่ะ” หัวหน้าโค้ชได้ถามออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้น
“ฮี่ฮี่ฮี่” เสี่ยวหุ่ยเพียงยิ้มและหัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัย เขาเดินไปยังบาร์น้ำหนักที่วางอยู่ข้างๆ ตอนนี้บาร์น้ำหนักนี้มีน้ำหนักอยู่ที่ 230 กิโลกรัม ซึ่งเป็นน้ำหนักที่มากกว่าสถิติโลก10กิโลกรัมสำหรับรุ่น85กิโลกรัมนี้
เสี่ยวหุ่ยโค้งตัวเองลงมาจับบาร์น้ำหนักเอาไว้ก่อนที่ตัวเองจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นเขาก็ยกบาร์น้ำหนักขึ้นมาไว้บ่นไหล่ของตัวเองในทันที
น้ำหนักที่ถ่วงเอาไว้ที่บาร์น้ำหนักนั้นแค่ดูก็รู้ว่ามันหนักมาก เห็นได้จากบาร์จับที่โค้งงอลงมาเล็กน้อยราวกับจะทานน้ำหนักเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
เสี่ยวหุ่ยเองในตอนนี้ขาของเขาได้เหยียดตรงอย่างมั่นคงหลังจากก่อนหน้านี้ได้อยู่ในท่าหกสูงเพื่อเตรียมที่จะยกบาร์น้ำหนักดันตัวขึ้นไป
หลังจากยืดขาได้จนสุดแล้ว เขาได้เหยียดแขนของตัวเองที่กำลังยกบาร์น้ำหนักอยู่ให้ตั้งตรงโดยมีบาร์น้ำหนักที่มีน้ำหนักถ่วงรวมมกว่า 230 กิโลกรัมในตอนนี้อยู่เหนือศรีษะ
เสี่ยวหุยได้ยกน้ำหนักค้างเอาไว้ในท่านี้นานกว่าสามวินาที ก่อนที่จะปล่อยบาร์น้ำหนักทิ้งลงไปที่พิ้นด้วยท่าทีสบายๆ
“เยี่ยมมากกกกก” หัวหน้าโค้ชในตอนนี้อดที่จะพูดคำๆนี้ออกมาไม่ได้เลยจริงๆ
“พระเจ้าช่วย เสี่ยวหุยมาได้ถึงระดับนี้แล้ว…..”
“ช่างน่าสะพรึงกลัวเลยจริงๆ ฉันมีความรู้สึกว่าตัวเขาในตอนนี้เหมือนกับซุปเปอร์แมนยังไงก็ไม่รู้”
“เมื่อวานนี้เขายังอ่อนแอกว่าฉันอยู่เลยนะ แถมยังอ่อนกว่าเยอะมากด้วย แต่มาในวันนี้เขากลับทำได้แม้กระทั่งการทำลายสถิติโลกเลยนะ นี่มันเรียกได้เลยว่าก้าวข้ามกว่าเดิมไปหลายขั้น น่ามหัศจรรย์ ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ”
“โค้ช เมื่อวานโค้ชเอาผลไม้อะไรให้เสี่ยวหุยกินกันแน่”
“โค้ชพอจะมีมันอยู่อีกรึเปล่า พวกเราขอลองดูบ้างสิ”
นักกีฬาทุกคนในตอนนี้ต่างก็มะรุมมะตุ้มหัวหน้าโค้ชทีมยกน้ำหนักกันเป็นการใหญ่ หัวหน้าโค้ชทีมยกน้ำหนักเองตอนนี้ก็ได้ทำเพียงกระแอมไอออกมาเล็กน้อยเพื่อขัดจังหวะทุกคนแล้วพูดออกมาว่า
“เมื่อวานฉันก็ถามไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าใครอยากจะลองดูบ้าง ฉันเองก็เห็นมีแต่เสี่ยวหุ่ยคนเดียวที่กล้าจะมาลองนี่นา สำนึกกันรึยังล่ะ
ในเมื่อตอนนี้ฉันรู้ผลจากการได้กินมันแน่ชัดแบบนี้แล้วแน่นอนว่าอีกสามลูกที่เหลือนี่ฉันไม่ยอมให้พวกนายได้ง่ายๆเป็นอันขาด
เอาล่ะ ตอนนี้ฉันจะจัดการแข่งขันภายในก็แล้วกัน ฉันจะให้เวลาพวกนายระยะเวลาหนึ่งเพื่อเตรียมตัวและให้คะแนน ใครก็ตามที่ทำคะแนนได้ดีล่ะก็ คนๆนั้นจะได้ผลไม้นี้เป็นรางวัล”
การตัดสินใจของหัวหน้าโค้ชนี้แม้จะดูทะแม่งๆแต่ก็มีเหตุผลในตัวของมันเอง
อย่างแรก เขาต้องการที่จะถ่วงเวลาเพื่อดูว่าผลของผลไม้ที่สุดแสนวิเศษผลนี้จะอยู่ได้นานสักเท่าไหร่กัน ถึงแม้ว่าเขานั้นจะรู้ดีว่าผลไม้นี้วิเศษและล้ำค่ามากมาย แต่ก็เกรงว่าผลของมันจะมีระยะเวลาที่จำกัดด้วยเช่นเดียวกัน
อย่างที่สอง ที่เขาทำนี้ก็เพราะไม่อยากให้ทุกคนหวังพึ่งเพียงผลลัพธ์จากการกินผลไม้นี้เพียงอย่างเดียว และนี่ยังเป็นการตัดสินที่เท่าเทียมแล้วในสายตาของเขา และง่ายที่สุดที่ทุกคนจะยอมรับเรื่องนี้ได้
หลังจากที่หัวหน้าโค้ชทีมยกน้ำหนักจัดการเรื่องทุกอย่าง เขาได้โทรหาจิงติงเย่และโค้ชทีมเดินวิ่งในทันที หลังจากที่ทั้งสองได้ฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วทำให้จิงติงเย่เองถึงกับประหลาดใจอย่างมาก
ผลลัพธ์ที่ได้จากลูกไม้นั้นดีอย่างน่าเหลือเชื่อ จนในที่สุด เขาเองก็เข้าใจแล้วว่าทำไมของขวัญของทีมยกน้ำหนักนี้ถึงไม่จำกัดแค่ทีมยกน้ำหนัก
ลูกไม้นี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย ถึงแม้ว่ากีฬายกน้ำหนักนี้จะต้องใช้ความแข็งแกร่งอย่างมากก็จริง แต่กีฬาชนิดอื่นเองก็เช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น พุ่งแหลน เขวี้ยงค้อน และกีฬาอย่างอื่นแม้แต่การวิ่ง ต่อยมวย กระโดดสูง เองก็ต้องการความแข็งแรงของร่างกายเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าอวัยวะที่เป็นหลักในการแข่งกีฬานั้นมันต่างกันเท่านั้นเอง
ในตอนนี้เขาเองก็มีผลไม้อีกหกผล หากว่าเขาตัดสินใจที่จะมอบให้ใครดีๆล่ะก็ แน่นอนว่าการแข่งกีฬาโอลิมปิกของพวกเขาในครั้งนี้ จะต้องผลลัพธ์ที่สุดยอดอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับนักกีฬายกน้ำหนักแล้ว หัวหน้าโค้ชนักกีฬาเดินวิ่งเองก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้ ในเมื่อผลไม้ที่ซูจิ้งให้พวกเขามานั้นยังมหัศจรรย์ได้ขนาดนั้น ถ้าแบบนี้เนื้อแห้งที่พวกเขาได้มานี้เองก็ควรจะวิเศษไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันไม่ใช่เหรอ
“อาติง ตอนนี้นายรู้สึกยังไงบ้าง” หัวหน้าโค้ชทีมเดินวิ่งได้หันไปถามที่คนคนหนึ่ง คนๆนี้คือคนที่ได้กินเนื้อที่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าเป็นเนื้ออะไรก่อนหน้านี้
“สภาพดีเยี่ยมครับ” เอาจริงๆแล้วแม้แต่เขาเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจเหมือนกันเพราะเมื่อวานนี้ตัวเขาเองยังอยู่ในสภาพฟื้นตัวอยู่เลยหลังจากบาดเจ็บทำให้ออกกำลังกายนิดหน่อยก็เหนื่อยแล้ว
แต่ในวันนี้ตอนที่เขาตื่นขึ้นมานั้นกลับพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่ร่างกายสมบูรณ์พร้อม โดยเฉพาะขาของเขาที่ก่อนหน้านี้ยังมีอาการล้าติดๆมาหลายวันจนทำได้เพียงเดินเท่านั้น กับวันนี้ขาของเขาทั้งสองข้างตกอยู่ในสภาพที่ดีอย่างสุดๆเลยในชีวิต
“งั้นคงถึงตาพวกเราลองบ้างแล้วสินะ” หัวหน้าโค้ชทีมเดินวิ่งได้พูดออกมากับตัวเองแต่คนอื่นเองก็ได้ยิน
“ได้ครับ” อาติงเองที่ได้ยินดังนั้นก็ได้เข้าสู่ท่าเตรียมพร้อมในทันที แต่เดิมนั้นความแข็งแรงของนั้นถือได้ว่าแค่อยู่ในอันดับทีมเท่านั้นในทีมชาติ แต่หากเทียบกับประเทศอื่นที่จะต้องเจอในงานแข่งกีฬาโอลิมปิกนั้นยังห่างไกลนัก หากว่าการวิ่งของเขาได้รับการพัฒนาได้จริงๆล่ะก็ บอกได้เลยว่าอนาคตของเขาไปได้ไกลอย่างไม่ต้องสงสัย
หัวหน้าโค้ชได้ให้นักเดินวิ่งคนอื่นออกจากสนามแล้วพร้อมทั้งให้ทุกคนเตรียมพร้อมในการทดสอบเดินเร็วร่วมกับอาติงในระยะ 50 กิโลเมตร
เพียงไม่นานหลังจากเริ่มปล่อยตัว อาติงเองแสดงให้เห็นเลยว่าในตอนนี้ตัวเขานั้นเหรือล้ำกว่านักเดินวิ่งคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด
“…..จังหวะการเดินของอาติงไม่เร็วไปหน่อยเหรอ”
“วันนี้เขาเป็นอะไรกันแน่ ทำไมวันนี้เขาถึงเร่งความเร็วในการเดินของตัวเองตั้งแต่เริ่มกันล่ะ นี่เขาจะไม่เหนื่อยจนหมดแรงไปก่อนรึไงกัน”
ผู้ช่วยโค้ชที่อยู่ค้างหลังได้พูดออกมาด้วยท่าทางเป็นห่วง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบดี หัวหน้าโค้ชก็ได้ยกมีเป็นสัญญาณเชิงห้ามปรามก่อนที่จะพุดออกมาว่า “ไม่ต้องกังวลเรื่องของเขา เรื่องทุกอย่างให้เขานั้นเป็นคนตัดสินใจเอง”
เขาเองในตอนนี้ได้คิดออกมาว่านี่เองก็น่าจะเป็นผลจากการกินเนื้อแห้งชิ้นนั้น อาร์ตินในตอนนี้มีสภาพที่สมบูรณ์พร้อมและสามารถรักษาระดับความเร็วได้ในระดับนี้มาตลอดตั้งแต่เริ่มต้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากเดินเร็วไปได้สักเกือบครึ่งชั่วโมง ทุกคนเห็นได้ชัดว่าอาร์ตินนั้นยังคงใช้ความเร็วในระดับที่เท่าเดิมชนิดที่ยังเสมอต้นเสมอปลาย
ด้วยความเร็วแบบนี้ทำให้หัวหน้าโค้ชเองอดไม่ได้เหมือนกันที่จะขมวดคิ้วออกมา ถึงแม้นี่ยังเป็นเพียงครึ่งทางแต่ความเร็วที่ไม่มีท่าทีที่จะลดลงเลยนี่มันไม่เร็วไปหน่อยรึไงกัน
“เกิดอะไรขึ้นกับอาติงกัน ” วันนี้เขากับรักษาลมหายใจตัวเองไม่ได้รึไงกัน
“ฉันเองก็คิดมาตั้งแต่เริ่มแล้วนะว่าวันนี้เขาแปลกๆ โค้ชว่าเราควรจะวิ่งตามเขาไปเพื่อบอกเขารึเปล่าครับ”
“รอดูอีกสักนาทีก็แล้วกัน เขาเองก็น่าจะรู้สึกได้แล้วว่าตัวเองนั้นคุมลมหายใจตัวเองไม่ได้แล้ว หากว่าเขาควบคุมลมหายใจตัวเองตอนเดินเร็วไม่ได้จริงๆล่ะก็ เมื่อถึงเวลาจริงแล้ว ความพยายามทั้งหมดจะต้องสูญเปล่า”
อย่างไรก็ตามอาติงนั้นดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเรื่องของลมหายใจของตัวเองแม้แต่น้อย เขานั้นยังเดินต่อไปด้วยความเร็วที่เร็วกว่าตอนที่เขาได้ฝึกซ้อมมาก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ
นี่ทำให้บรรดาโค้ชของทีมเดินวิ่งทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ หลังจากผ่านไปเป็นชั่วโมงครึ่งนับแต่การเริ่มเดินเร็วขึ้นมา
อาติงก็ยังไม่มีท่าทีที่จะเหนื่อยหมดแรงแต่อย่างใด เขายังคงเคลื่อนไหวด้วยความเร็วเท่าเดิม เรียกได้ว่าในตอนนี้ตัวเขานั้นอยู่ห่างจากเพื่อนร่วมทีมที่ลองทดสอบด้วยไปไกลแล้ว
เพียงชั่วพริบตา ก็ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ใกล้จะถึงรอบสุดท้ายของอาติงแล้ว
ตอนนี้อาติงและเพื่อนร่วมทีมที่ลงทดสอบด้วยนั้นห่างกันชนิดที่ว่าห่างกันนับรอบได้หลายรอบแล้ว บรรดาโค้ชทั้งสบายที่เห็นต่างก็ประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองกันทั้งหมดทั้งสิ้น
“พระเจ้า เขาใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงสิบห้านาทีเองเนี่ยนะ”
“หากว่าเขานั้นยังรักษาระดับความเร็วนี้ไว้ล่ะก็ เขาจะใช้เวลาไม่เกินสามชั่วโมงสามสิบนาทีเองนะ นี่เรียกได้ว่าทำลายสถิติโลกไปไกลเลยล่ะ”
“เป็นไปได้ยังไง อาติงจะพัฒนาฝีมือตัวเองได้รวดเร็วขนาดนี้ได้ยังไงกัน อ้อ จริงด้วย เมื่อวานนี้นายเอาเนื้ออะไรบางอย่างที่ซูจิ้งให้มาให้เขากินไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ว่ามันเป็นเนื้อแช่ยาโด๊ปหรอกนะ”
“ไม่ใช่ยาโด๊ปหรอกน่า มันไม่ใช่อะไรที่ผิดกฎนักกีฬาหรอก ฉันลองตรวจสอบดูแล้ว”
“….ถ้าอย่างนั้นนั่นมันเนื้อบ้าอะไรกัน”
“อย่าเพิ่งจะรีบตกใจไปน่า ผลลัพธ์ยังไม่ออกมาให้เห็นเลยนี่”
แต่เพียงพูดของบรรดาโค้ชยังไม่จบลงดี อาติงในตอนนี้ได้เร่งความเร็วขึ้นอีกครั้งและเขาเร่งได้เร็วขึ้นเป็นระดับอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเข้าเส้นชัย
เมื่อดูเวลาแล้ว เขาใช้เวลาในการเดินวิ่งให้ครบโดยใช้เวลาไปเพียงสามชั่วโมงสามสิบสี่นาทีแปดวินาที
ด้วยเวลานี้ เรียกได้ว่าทำลายสถิติโลกไปไกล ไกลมาก ไกลแบบสุดๆ ไกลชนิดที่ว่าไปถึงสวรรค์ได้เลย