Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 1094
GGS:บทที่ 1094 พิฆาต
“พระเจ้า…. นี่ขนาดน้ำยาดับเพลิงยังดับไม่ลงอีกเหรอ”
“นักผจญเพลิงน่าจะไม่หวังจริงๆ”
“นี่มันไฟผีชัดๆ”
หลังจากได้เห็นฉากที่นักผจญเพลิงได้ใช้วิธีการดับเพลิงของพวกเขาทั้งสามรูปแบบในการดับตะเกียงแต่ก็ยังไม่สามารถดับได้
นี่ทำให้เหล่านักผจญเพลิง รวมถึงผู้คนภายในลานกิจกรรมของโรงแรมนานาชาติหลงเต็งต่างก็อึ้งทึ่งจนพูดอะไรกันไม่ออก
“พี่สาม ตะเกียงน้ำมันของพี่นี่มันตะเกียงอะไรกันแน่” เสี่ยวรุยถามออกมาในขณะที่มองไปยังเปลวฟังอย่างตกตะลึง พร้อมทั้งคนอื่นๆรวมถึงหลินฮ่าว ฉือเล่ย เฉียนหยินหนิง และหวังหยานก็ตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน
ตะเกียงนี้ขนาดหน่วยดับเพลิงก็ยังดับไม่ลงเลย นี่มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
“นี่นายถึงกับกล้าถามความลับจากสุดยอดงานวิจัยของกลุ่มทุนห้วงเวลาของฉันเลยเหรอเนี่ย” ซูจิ้งเองแน่นอนว่าเขานั้นสามารถให้เหตุผลดีๆที่จะไม่บอกความจริงได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ในตอนนี้เอง เหล่านักผจญเพลิงนั้นพวกเขาดูเหมือนจะยังไม่ยอมแพ้แต่อย่างใด พวกเขานั้นยังคงเชื่อมั่นว่าเงินรางวัลล้านหยวนนี่ต้องเป็นของพวกเขาอย่างแน่นอน แต่ไม่ว่าพวกเขาจะลองวิธีการใดก็ตาม พวกเขาต่างก็ล้มเหลวไปจนหมด
จนทำให้สองผู้ควบคุมการฝึกในครั้งนี้อดจะนึกไปไม่ได้ว่า ฝีมือของพวกเขานั้นไม่ได้แย่อะไรเลยสักนิด ถ้าจะผิดก็ตรงที่อยากจะมาดับไฟผีบ้านี่เท่านั้น
จนในที่สุด เหล่านักดับเพลิงก็ไม่เหลืออะไรที่พวกเขาจะลองได้อีกต่อไป พวกเขานั้นได้ตั้งท่า รายงานผลการดับเพลิง และจากไปตามวิถีปฏิบัติด้วยท่าทางเหนื่อยจิต
แต่ยังไม่ทันที่ควันรถของรถดับเพลิงจะฟุ้งกระจายหายไป ตอนนั้นเองก็ได้มีรถคันหนึ่งเข้ามาจอดแทนที พร้อมทั้งมีคนสี่คนเดินลงมาจากรถคันนั้น
คนทั้งสี่ได้เดินไปเปิดฝากระโปรงหลัง ก่อนที่พวกเขาจะนำกล่องใบใหญ่ออกมา หลังจากพวกเขาได้เปิดออก ข้างในนั้นก็คือเครื่องอะไรบางอย่างที่มีใบพัดและถังเหล็ก
พวกเขาได้ต่อถังเหล็กเข้ากับท่อของเครื่องอะไรบางอย่างนั่นแล้วเปิดเครื่อง ผลก็มีได้มีไอเย็นออกมาจากถังเหล็ก แม้จะดูจากระยะไกลแต่ก็บอกได้เลยว่ามันต้องเย็นเจี๊ยบแน่ๆ
“นั่นมันอะไรกัน น้ำใส่น้ำแข็งเหรอ”
“ทำไมถึงมีอากาศเย็นถึงขั้นเป็นไอออกจากถังนั่นได้ล่ะ”
“ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด นั่นน่าจะเป็นไนโตรเจนเหลวนะ”
“อะไรคือไนโตรเจนเหลวเหรอ”
“หากพูดถึงไนโตรเจนเหลวนั้นก็ตรงตามตัวนั่นแหล่ะ มันคือไนโตรเจนที่อยู่ในรูปของเหลวเมื่ออยู่ในแรงกดอากาศธรรมดาทั่วไป อุณหภูมิของตัวมันเองนั้นอยู่ที่ – 196 องศาเซลเซียส”
“ห้ะ นั่นมันบ้ามากเลยนะ ถ้าใช้ของที่เย็นสุดขั้วแบบนั้นไม่ใช่ว่าแม้แต่เปลวไฟก็ต้องแข็งในทันทีเลยไม่ใช่เหรอ ฉันเคยเห็นคนที่นำมันมาทดลองด้วยนะ พวกเขาใช้ยางลบที่นุ่มมากๆใส่เข้าไปแค่ไม่กี่วิ ยางลบนั่นก็แข็งจนเอาไม้บรรทัดมาเคาะเบาๆก็ยังละเอียดเป็นผงเลย”
“มันก็ไม่ได้ถึงกับขนาดนั้นหรอกน่า ฉันเคยเห็นนะว่ามีคนลองจุ่มหน้าตัวเองลงในไนโตรเจนเหลวแต่ก็ไม่เป็นไรเลย เพราะว่าไนโตรเจนเหลวนั้นจะไม่ส่งผลอะไรต่อพื้นผิวของวัตถุที่มีความร้อน
พวกมันจะรวมตัวกันเป็นก้อนและวิ่งไปตามพื้นผิวนั้นเฉยๆ เห็นว่าเรียกว่าเรเดนฟอซ์ท(Leiden frost)นะ
รู้สึกว่าจะเป็นเพราะปกติแล้วของเหลวนั้นไม่อยากสูญเสียไม่อยากจะสูญเสียความชื้นให้กับวัตถุที่มีอุณหภูมิสูงกว่าตัวเองสูงมากๆจึงได้เกาะกลุ่มกันเป็นหยด
แล้ววิ่งไปบนพื้นผิวเพื่อหาทางหนีออกไปเป็นระยะเวลาหนึ่ง แน่นอนว่าด้วยการที่ไนโตรเจนเหลวนั้นจากมีอุณหภูมิติดลบแบบสุดขั้วแล้ว พวกมันยังมีความชื้นสูงแบบสุดๆ มันจึงเกิดปฏิกิริยานี้ขึ้นมา
แน่นอนว่าหากไนโตรเจนเหลวนี้ได้เจอกับความร้อนของเปลวไฟแล้วนั้นก็สมควรจะปฏิกิริยาไม่ต่างกันนัก แต่นั่นก็สมควรจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นเท่านั้น
หากโถมฉีดใส่เข้าไปเรื่อยๆ ยังไงซะความเย็นขนาดนั้นต้องค่อยๆลดอุณหภูมิในตะเกียงลงอยู่แล้ว และเมื่อถึงเวลานั้นเอง เปลวไฟนี้ก็สมควรจะดับลงไปในที่สุด แน่นอนว่าถ้าไนโตรเจนเหลวหนึ่งถังโดนลาดลงไปล่ะก็ แม้แต่ตะเกียงก็ยังตั้งแตกละเอียดยิบ”
ผู้คนโดยรอบต่างก็พูดกันถึงเรื่องสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นเมื่อไนโตรเจนสัมผัสกับเปลวไฟ แน่นอนว่าต้องมีใครหลายๆคนที่รู้จักไนโตรเจนเหลวเป็นอย่างดี เพราะว่าไนโตรเจนเหลวนั้นถูกใช้บ่อยๆในงานด้านวิทยาศาสตร์
ตอนนี้ทุกคนต่างก็คิดว่าไฟในตะเกียงในครั้งจะต้องดับลงอย่างแน่นอน บางคนยังคิดด้วยซ้ำว่าการที่ต้องใช้ไนโตรเจนเหลวมาดับไฟในตะเกียงแบบนี้นั้นไม่ได้ต่างจากเอานักสู้มาพิฆาตเด็กน้อยเลยแม้แต่น้อย คราวนี้ยังไงซะไปในตะเกียงจะต้องดับลงอย่างแน่นอน
“แม่เจ้า แม้แต่ไนโตรเจนเหลวยังขนกันมาได้ง่ายๆแบบนี้ อย่าบอกนะว่าคนพวกนี้คือเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่บอกว่าจะพิชิตเปลวไฟนี้น่ะ” เสี่ยวรุยพูดออกมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
“ก็อาจจะยังไม่แน่นะ เพราะเดี๋ยวนี้ไม่ว่าใครก็รู้จักและหามันมาได้อย่างไม่ยอกเย็น…..ว่าแต่….งวดนี้ไฟนั่นคงต้องดับลงแล้วล่ะมั้งเนี่ย” ชิเล่ยพูดออกมา
“อาจิ้ง ฉันว่านายต้องไม่คิดแน่ๆว่าจะมีคนนำไนโตรเจนเหลวมาใช้ดับไฟแบบนี้ ฉันว่าต่อให้ไฟนั่นจะเจ๋งขนาดไหนก็คงจะอยู่ไม่ถึงปีแล้วล่ะ ไม่มีทางอย่างแน่นอน” หลินฮ่าวพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
หวังหยาน เฉียนหยินหนิง เจียงหวาง ติงบิน และเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆที่ได้ยินต่างก็คิดเช่นเดียวกัน ทุกคนต่างหันไปมองซูจิ้งด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
แต่เมื่อทุกคนได้เห็นว่าซูจิ้งนั้นยิ้มกว้างด้วยสีหน้าสบายๆทำให้ทุกคนต้องนิ่งอึ้งไปในทันที พลางคิดขึ้นมาว่าหรือว่าซูจิ้งนั้นจะเชื่อมั่นในเปลวไฟของเขาว่าสามารถต้านทานไนโตรเหลวได้จริงๆ
ในลานกิจกรรม ตอนนี้สองในสี่คนนั้นได้ช่วยกันยกไนโตรเจนเหลวไปยังตะเกียง หลังจากไหนพวกเขาก็ช่วยกันเทถังน้ำที่เต็มไปด้วยไนโตรเจนเหลวลงไปยังตะเกียงโดยตรง
ในตอนนั้นเอง ก็ได้มีไอเย็นพุ่งขึ้นมาจากช่องทางที่พวกเขาเทไนโตรเจนลงไป ทันทีที่ไนโตรเจนลงพื้นมันก็กระเด็นกระดอนกระจายไปทั่วจนทำให้ทุกคนนั้นได้เห็นฉากที่ราวกับว่าตัวเองกำลังอยู่ท่ามกลางก้อนเมฆเลยทีเดียว
หลังจากที่ทั้งสองคนได้เทไนโตรเจนเหลวลงไปครึ่งถังแล้ว พวกเขาก็ได้หยุดมือลง ทุกคนต่างก็คิดว่าในตอนนี้ไฟตะเกียงดวงน้อยนั้นสมควรจะดับลงเรียบร้อยแล้ว
แต่หลังจากที่เมฆหมอกภายในที่กั้นลมหายไปแล้วทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงออกมา นั่นก็เพราะว่าเปลวไฟดวงน้อยนั้นยังลุกไหม้อยู่อย่างไม่สั่นคลอน
ทุกคนที่คอยดูอยู่โดยรอบในตอนนี้ต่างก็พูดอะไรไม่ออก หลินฮ่าว ฉือเล่ย เสี่ยวรุย หวังหยาน เฉียนหยินหนิง และเพื่อนร่วมรุ่นของซูจิ้งคนอื่นๆที่ยังอยู่สังเกตการอยู่ที่ชั้นสองเองก็มีสภาพลิ้นหดเกร็งและพูดอะไรไม่ออกเช่นเดียวกัน
“เป็น…ไป…ไม่…ได้” ชายหนุ่มทั้งสี่ที่นำไนโตรเจนเหลวออกมานั้นต่างก็อดที่จะบ่นพึมพำออกมาไม่ได้เหมือนกัน พวกเขายังได้เทไนโตรเจนเหลวที่เหลวในถังซ้ำไปอีกครั้งโดยครั้งนี้พวกเขาได้เททีละน้อยโดยเน้นไปที่ไส้ตะเกียงเพื่อสังเกต
แต่เปลวไฟดวงน้อยเองนั้นเมื่อได้สัมผัสกับไนโตรเจน มันไม่เพียงไม่อ่อนแรงเลยแม้แต่น้อย มันทำราวกับว่าไม่ได้สนใจใยดีต่อความเย็นสุดขั้วของไนโตรเจนเหลวเลยด้วยซ้ำ ฉากนี้มันราวกับว่าแม้แต่ไนโตรเจนเหลวเมื่อสัมผัสกับไฟดวงน้อยๆนี้ก็ต้องหลีกหนีมันในทันที ยิ่งดูก็ยิ่งไม่เป็นวิทยาศาสตร์เลยแม้แต่น้อย
ในที่สุด ทั้งสี่คนก็ได้ยอมรับความพ่ายแพ้ พวกเขานั้นได้ค่อยๆทยอยเดินออกไปด้วยท่าทีแพ้พ่าย โดยก่อนที่จะขึ้นรถขากไปนั้น พวกเขาได้หันมามองเปลวไฟนี้ด้วยสายตาที่บอกไม่ถูก ก่อนที่จะพากันขึ้นรถจากไปในที่สุด ในตอนนี้เองก็มีคนที่อยู่ในช่วงวัยกลางคนตอนปลายและคนแก่บางคนที่เริ่มคุกเข่าแล้วทำท่าเคารพบูชาไฟตะเกียงดวงน้อยๆดวงนี้
ในตอนนี้ ฉากที่เหล่านักผจญเพลิงและนักวิทยาศาสตร์ได้พยายามจะดับไฟดวงน้อยนี้ลงได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วอินเตอร์เนตจนกลายเป็นที่พูดถึงกันไปทั่วในทันที
ในตอนนี้แม้แต่นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างก็เข้ามาออกโรงให้ความเห็นราวกับว่าพวกเขานั้นได้ค้นพบเปลวไฟนี้ด้วยตัวเองยังไงอย่างนั้น
หลินฮ่าว เสี่ยวรุย ฉือเล่ย เฉียนหยินหนิง และเพื่อนร่วมชั้นของซูจิ้งเองถึงแม้จะไม่อยากเชื่อก็ตามแต่พวกเขาก็คงต้องเชื่อแล้วว่าเปลวไฟนี้นั้นสามารถอยู่ได้ถึงหนึ่งปีจริง เพราะขนาดนักดับเพลิงและนักวิทยาศาสตร์ยังดับมันไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับคนธรรมดาเช่นพวกเขากัน พวกเขาในตอนนี้รู้เพียงอย่างเดียวว่าเปลวไฟดวงน้อยนี้อยู่เหนือกฎเกณฑ์ที่พวกเขารู้จักอย่างแน่นอนแล้ว
ในครั้งนี้ พวกเขา ไม่มีใครคิดจะยื้ออยู่ดูเปลวไฟในตะเกียงดวงน้อยนี้อีกต่อไป พวกเขาได้ตามซูจิ้งไปยังชายหาดเมืองฉิงหยุนในทันที
แน่นอนว่างานนี้ซูจิ้งย่อมเป็นเจ้ามืออย่างไม่ต้องสงสัย แต่พวกเขานั้นยังอดที่จะกังวลไม่ได้เกี่ยวกับสามคุณชายสี่ที่ติดตามมาด้วยราวกับลูกกระจ๊อกก็ไม่ปาน แถมซูจิ้งนั้นใช้สามคนนี้ให้ไปทำนู่นทำนี่ราวกับลูกกระจ๊อกจริงๆ
จนในที่สุดแล้วเมื่อวันนี้จบลง ทั้งสามคนนี้ที่ถูกใช้ทั้งวันก็ไม่ได้ปริปากบ่นเลยแม้แต่น้อย ทำให้เหล่าเพื่อนร่วมรุ่นของซูจิ้งเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าถึงแม้ว่าซูจิ้งนั้นจะยังคงมีนิสัยเหมือนเดิมทุกประการ แต่ตัวเขาในตอนนี้ก็แตกต่างจากซูจิ้งที่พวกเขารู้จักอย่างสิ้นเชิง และอดสงสัยไม่ได้ว่าตัวเขาในช่วงสองสามปีมานี้ไปทำอะไรมากันแน่ เมื่อถิดถึงเรื่องนี้ หวังหยานเองที่แม้ตอนนี้จะดูนิ่งเฉย แต่ใจเธอในตอนนี้กลับยิ่งรู้สึกอยากทำความรู้จักในตัวซูจิ้งมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมจนแทบจะทนไม่ได้อยู่แล้ว
ในช่วงเย็นวันนั้น ได้มีการจัดงานเลี้ยงส่งท้ายจนมืดค่ำทุกคนต่างก็แยกย้ายจากกันไป แม้แต่ฉือชิงก็ยังขอตัวกลับบ้านตัวเองไปก่อน มีเพียงเสี่ยวรุย ฉือล่ย และหลินฮ่าวเท่านั้นที่เลือกที่จะข้างอยู่บ้านซูจิ้งหนึ่งคืน
พวกเขาอยู่คุยกันเกือบทั้งคืน และจากไปในรุ่งเช้าพร้อมท่าทีที่ไม่อยากสักเท่าไหร่ หากไม่ใช่ว่าในวันนี้พวกเขาคิดงานล่ะก็พวกเขาเองก็อยากจะอยู่เที่ยวเล่นที่บ้านซูจิ้งอีกสักวันอย่างแน่นอน
เหตุผลก็เพราะสวนของซูจิ้งในราวกับทรวงสวรรค์ บ้านของซูจิ้งนั้นมีสมบัติมากมายให้เชยชม อาหารของซูจิ้งนั้นสุดแสนจะอร่อย มีชาที่สุดแสนจะลึกล้ำ และผลไม้ที่ไม่เหมือนใคร นี่ยังไม่รวมถึงบรรดาสัตว์เลี้ยงที่มากมายและหลากหลายราวกับในดินแดนหรรษา
ใครก็จะไม่อยากอยู่ไปนานๆได้ล่ะ