Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 1097
GGS:บทที่ 1097 เหตุฉุกเฉิน
หลังจากผ่านไปสักพัก ชุดเกราะไอรอนแมนก็ได้กลับสู่สภาพสมบูรณ์พร้อมและดูใช้งานได้ปกติ อย่างไรก็ตาม ตอนที่ซูจิ้งสวมเกาะนี้เข้าไปเขาก็พบว่าชุดเกาะนี้ไม่ตอบสนองต่อเขาแม้แต่น้อย
เมื่อเขาลองคิดๆดูแล้วเป็นไปได้ว่าเป็นเพราะชุดนี้น่าจะจดจำอัตลักษณ์ของโทนี่สตาร์คเอาไว้ทำให้เขาไม่สามารถใช้งานได้
“ดูเหมือนว่าฉันคงต้องหาทางเจาะระบบป้องกันก่อนสินะ…คงต้องเอาเจ้านี้ไปที่สถาบันวิจัยห้วงเวลาฯดูก่อนแหล่ะเพื่อว่าจะมีใครสักคนที่เก่งพอที่จะสร้างเอไอที่คุมเจ้านี้ได้” ซูจิ้งคิดออกมา
ซูจิ้งคิดได้ดังนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีรีบร้อนแต่อย่างใด เขาวางชุดเกราะไว้ข้างๆและทำการค้นหาขยะกองนี้ต่อ คราวนี้เขาได้พบกับชุดเกราะของไอรอนแมนรุ่นอื่นอีกหลายชุด แน่นอนว่าเขาได้ให้เสี่ยวไป๋ซ่อมแซมมันทุกชุด บางชุดชิ้นส่วนก็ครบ บางชุดก็ชิ้นส่วนอยู่แค่ไม่กี่ชิ้น
ซูจิ้งจำได้ว่าในช่วงไอรอนแมนภาคสามนั้น โทนี่สตาร์คได้ทำการระเบิดชุดเกราะรุ่นต่างๆที่เขาได้สร้างเอาไว้เพื่อคลายความกังวลของตัวเองจนเกือบหมด
เป็นไปได้ว่าชิ้นส่วนพวกนี้จะมาจากช่วงเวลานั้นก็เป็นได้ หากไม่ใช่เพราะว่าเสี่ยวไป๋นั้นมีความสามารถในการซ่อมแซมที่ท้าทายสวรรค์ล่ะก็ ต่อให้โทนี่ระเบิดทิ้งเป็นผุยผงก็ไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าเสี่ยวไป๋ตนนี้
ซูจิ้งเก็บชิ้นส่วนชุดเกราะไอร่อนแมนทั้งหมด โดยเฉพาะเตาปฏิกรอาร์ค เขานั้นได้ดูแลพวกมันเป็นอย่างดี เพราะเจ้าสิ่งนี้มีค่าที่ประเมินไม่ได้เลยทีเดียว
ซูจิ้งยังคงจัดการขยะห้วงเวลาฯต่อไป แต่ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ได้ดังขึ้นมา เมื่อมองดูก็พบว่าเป็นปันเฉียวจึงได้รีบรับในทันที
“ผมคิดว่ามีอย่างที่ต้องบอกหัวหน้าให้รับรู้ไว้ครับ” ปันฉางพูดออกมา
“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรเกี่ยวข้องกับสถาบันวิจัยห้วงเวลาฯของฉันรึเปล่า” ซูจิ้งถามออกมาด้วยหัวใจที่หดเกร็ง นั่นก็เพราะว่านอกจากสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯแล้ว เขานั้นยังมีอีกที่หนึ่งที่เก็บซ่อนความลับของเขาไว้นั่นก็คือสถาบันวิจัยห้วงเวลาฯของเนี่เอง
“สถานการณ์ตึงเครียดเล็กน้อยครับ โอฉิงหยุนส่งข้อความมาบอกว่าวันนี้เขานั้นขอลางาน แต่ผมคิดว่าคนที่ส่งมานั้นไม่ใช่เขาเพราะว่าโอฉิงหยุนนั้นไม่เคยขอลางานมาก่อน” ปันฉางพูดความคิดของตัวเองออกมา
ซูจิ้งขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ถ้าเป็นบริษัททั่วหรือสถาบันวิจัยอื่นๆล่ะก็คงไม่แปลกที่จะมีพนักงานบางคนลางานไปแบบนี้
แต่นี่คือสถาบันวิจัยห้วงเวลาและกาลอวกาศที่ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ไม่เคยขอลาหยุดแบบดื้อๆแบบนี้มาก่อน แน่นอนว่าส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะซูจิ้งทำการสะกดจิตสมบูรณ์เอาไว้ทำให้คนเหล่านี้ภักดีแบบสุดๆ พวกเขานั้นจะไม่มีทางที่จะขี้เกียจทำงาน นอกจากซูจิ้งจะเป็นคนสั่งเท่านั้น
แต่ตอนนี้ โอฉิงหยุนที่ถูกซูจิ้งสะกดจิตสมบูรณ์เอาไว้ได้ขอลาหยุดแบบนี้แน่นอนว่าย่อมไม่ธรรมดา
ก่อนหน้านี้นั้นโอฉิงหยุนมีประวัติอาชญากรรมยาวเป็นหางเว่า เขามีหนี้สินมากมายไม่ว่าจากการกิน ดื่ม เที่ยวผู้หญิง ติดการพนัน แถมยังก้าวเข้าสู่วงการมืดอย่างเต็มตัวเรียกได้ว่าเป็นคนที่ไม่สะอาดอีกต่อไป
ต่อมาหลังจากที่ตระกูลหวูได้ช่วยหมอนั่นเอาไว้ หมอนั่นเองก็ได้ทำงานให้ตระกูลหวูและทำตามคำสั่งอย่างภักดีมาโดยตลอด
ในตอนที่ตระกูลวูต้องก่อนส่งคนเข้ามาสืบในสถาบันวิจัยกาลเวลาฯของซูจิ้งก็ได้เลือกโอฉิงหยุนเข้ามาสืบความลับ
เมื่อซูจิ้งรู้เข้า เขาไม่เพียงจะสะกดจิตสมบูรณ์โอฉิงหยุน เขายังสั่งโอฉิงหยุนอย่างเข้มงวดด้วยซ้ำว่าให้เขานั้นใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างปกติที่สุด และทำงานให้เขาอย่างจริงจัง
ซูจิ้งได้ลองโทรหาโอฉิงหยุนเช่นเดียวกัน แต่เขาได้ปิดเครื่องไป ซูจิ้งจึงได้ถามออกมาว่า
“ช่วงนี้หมอนั่นทำอะไรพิเศษอยู่รึเปล่า”
“ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษนะครับ…..แต่…”ปันฉางได้เว้นช่วงประโยคไปราวกับใช้ความคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดออกมาต่อว่า
“ช่วงนี้เขาได้พบกับชาวต่างชาติสาวคนหนึ่งครับ ดูเหมือนว่าหมอนั่นจะตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นและดูมีความสุขในทุกๆวัน ผมเองก็ไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่าแค่ผู้หญิงคนเดียวจะทำให้เกิดเรื่องขึ้นได้เหมือนกัน”
“เธอชื่อว่าอะไร” ซูจิ้งถามออกมา
“ผมก็ไม่รู้ชื่อเต็มเหมือนกันครับ เห็นโอฉิงหยุนเรียกเธอว่าเว่ยเว่ย เขาเคยส่งรูปของเธอมาไว้ที่กลุ่มงานเหมือนกัน เพื่อมาอวดพวกผม” ปันฉางพูดเสร็จก็ได้ส่งรูปให้ซูจิ้งดูในทันที
มันเป็นรูปของโอฉิงหยุนที่กำลังจับมือสาวน้อยชาวต่างชาติที่ดูสวยมากๆคนหนึ่ง และในภาพทั้งคู่เองก็ดูมีความสุขอย่างมาก
“เรื่องของโอฉิงหยุนเดี๋ยวฉันเป็นคนจัดการเอง นายกลับไปทำงานต่อก็แล้วกัน” ซูจิ้งพูดออกมา
หลังจากวางสายไปแล้ว ซูจิ้งได้โทรหาเว่ยเสี่ยวหยวนและหลัวฉือหลินพร้อมส่งรูปถ่ายเพื่อสืบหาข้อมูลในทันที
แต่ผลออกมาอย่างรวดเร็วว่าหญิงสาวคนนี้เพิ่งจะจบมาจากมหาวิทยาลัยธรรมดาแห่งหนึ่งในอเมริกาก่อนที่จะเดินทางจากอเมริการมายังจีน ไม่ว่ายังไงก็ไม่พบอะไรที่หน้าสงสัยแม้แต่น้อย
“ดูเหมือนชาวต่างชาติคนนี้จะไม่ใช่ปัญหาแหะ นี่ฉันคิดมากเกินไปงั้นเหรอ แต่ไม่ว่ายังไงแล้วยังไงซะโอฉิงหยุนต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ” ซูจิ้งคิดขึ้นมา เขาให้หลัวฉือหลินไปยังบ้านของโอฉิงหยุนเพื่อดูว่าเป็นยังไงบ้าง ปรากฎว่าที่บ้านของโอฉิงหยุนไม่มีคนอยู่แล้วไม่มีร่องรอยว่าโอฉิงหยุนไปไหนเลยด้วยซ้ำ
ซูจิ้งได้ขับรถกาลเวลา001ไปยังบ้านของโอฉิงหยุนด้วยตัวเอง หลังจากเข้าไปถึง เขาได้ฉันกระจกย้อนความที่ได้มาจากห้วงเวลาฯสุสานไร้ค่า
หลังจากซูจิ้งเริ่มปล่อยพลังภายในเข้าไปแล้ว เขาใช้เวลาสักพักก็พบฉากที่โอฉิงหยุนยังอยู่ที่นี่ มันพึ่งจะย้อนเวลาไปประมาณไม่ถึงสองชั่วโมงดี
สองชั่วโมงก่อนหน้านี้ โอฉิงหยุนและหญิงสาวต่างชาติที่ชื่อหยางหนิว ปรากฎขึ้นมา ทั้งสองอยู่ในชุดชั้นในอยู่บนเตียงเมื่อเช้านี้
ซูจิ้งเองนั้นตั้งจะรีบเลื่อนผ่านเวลานี้ไป แต่หญิงสาวคนนี้ก็ได้ทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เขานั้นเริ่มรู้สึกสะกิดใจในทันที
หญิงสาวคนนี้อยู่ๆก็ถามโอฉิงหยุนว่าที่ทำงานมีปัญหาอะไรบ้างรึเปล่า บางครั้งเธอเองค่อนข้างจะหวงตัวด้วยซ้ำราวกับว่าถ้าโอฉิงหยุงไม่บอกก็จะไม่ยอมให้แตะต้องตัวเธอ
บอกตรงๆว่าสาวชาวต่างชาติคนนี้นั้นสวยมากและดูดีแบบสุดๆ เธอมีสิ่งที่เรียกว่าเสน่ห์เย้ายวนและมารยาหญิงชั้นเลิศ หากเป็นผู้ชายทั่วไปล่ะก็คงทนไม่ไหว ไม่สิ ต้องเรียกว่ายินยามพร้อมใจพลีกายถวายชีวีเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม โอฉิงหยุนนั้นได้ถูกซูจิ้งสะกดจิตสมบูรณ์มาตั้งนานแล้ว และซูจิ้งได้สั่งเอาไว้แล้วว่าหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ห้ามเผยแพร่ความลับของสถาบันวิจัยห้วงเวลาฯของเขาให้ใครรู้เป็นอันขาด
แน่นอนว่าต่อให้โอฉิงหยุนจะโดนมารยาร้อยเล่มเกวียนมากมายขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่มีทางเลยที่จะทำให้เขาปริปากหรือใจอ่อนสักคำพูดเดียวก็ไม่มี
คราวนี้เองที่หญิงสาวชาวต่างชาติแสดงท่าทีผิดหวังเล็กน้อย น้ำเสียงอันเย้ายวนก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นโกรธขึ้นมา และแน่นอนว่าเธอ ไม่ยอมให้โอฉิงหยุนแตะต้องเธออีกต่อไป
ผลก็คือ โอฉิงหยุนเองไม่ได้มีท่าทีจะแตะต้องเธอแต่อย่างใด เขานั้นแต่งตัว แปรงฟัน ล้างหน้า เตรียมจะออกไปทำงานแล้ว ด้วยการที่เขาถูกสะกดจิตสมบูรณ์เอาไว้ทำให้เขานั้นมุ่งมั่นในการทำงานอยู่เป็นนิจ
ตอนนั้นเองที่หญิงสาวชาวต่างชาติได้จับจ้องไปข้างหลังของโอฉิงหยุนที่กำลังหันหลังให้เธอโดยเขานั่งใส่รองเท้าอยู่บนเตียง
ตอนนั้นเอง หญิงสาวชาวต่างชาติๆได้หยิบเข็มฉีดยาที่ซ่อนเอาไว้ออกมา ก่อนที่จะฉีดยาอะไรบางอย่างเข้าไปที่ลำคอของโอฉิงหยุนทำให้เขานั้นหมดสติไปในทันที
หลังจากผ่านไปสักพักก็ได้มีชายสองคนเข้ามา พวกเขานำตัวโอฉิงหยุนจับใส่กล่องแล้วช่วยกันยกออกไป หลังจากนั้นก็ได้ขับรถจากไปในทันที
“ยัยสาวต่างชาติคนนี้สมควรจะเป็นสายลับสาวที่เขาร่ำลือกันสินะ เท่าที่ดูนี่น่าจะมาด้วยเริ่องของสถาบันวิจัยห้วงเวลาฯเป็นแน่” ซูจิ้งยกคิ้วขึ้นพลางทำความเจ้าใจกับสถานการณ์ที่เห็น
เจ้าหน้าที่ของสถาบันวิจัยของซูจิ้งนั้นล้วนแล้วแต่คัดเลือกมาโดยซูจิ้ง แน่นอนว่านี่ถือได้ว่าเป็นมาตรการป้องกันภายในที่ดีที่สุด ยังไม่รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด
ต่อให้มีสายลับมือฉกาจขนาดไหนก็ตามก็ไม่มีทางปะปนเข้ามาได้อย่างแน่นอน และหากว่าสายลับเหล่านี้แฝงตัวเข้ามาไม่ได้ล่ะก็ ทำไมพวกเขาจะไม่เลือกเข้าหาเจ้าหน้าที่แทนล่ะ
นี่คือเหตุผลที่เขาพอจะนึกออกว่าทำไมสายลับเหล่านี้ถึงได้เลือกเข้าหาโอฉิงหยุน แต่คนเหล่านี้คงจะต้องผิดหวังอย่างแน่นอน
นั่นก็เพราะไม่เพียงโอฉิงหยุนจะไม่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ทำงานแล้ว เขายังหลงลืมตัวเองไปด้วยซ้ำเมื่อถึงเวลาที่กำหนดว่าตัวเองต้องทำงาน นี่ทำให้สาวสวยคนนี้ไม่ได้อะไรเลยแม้แต่น้อย คนพวกนี้คงรอไม่ไหวแล้วจึงได้ตัดสินใจลักพาตัวโอฉิงหยุนแทน
“….ตอนนี้โอฉิงหยุนตกอยู่ในอันตรายจริงๆ” ซูจิ้งคิดออกมาหลังจากเห็นฉากเหตุการณ์ผ่านกระจกย้อนความ เขายังได้เห็นแผ่นหมายเลขบางอย่างจึงได้ส่งให้หลัวฉือหลินทำการสืบสวน และให้ซูฉือทำการแกะร่องรอยในทันที
ถึงแม้ว่าโอฉิงหยุนนั้นเพิ่งจะเข้ามาอยู่กับเขาก็ตาม แต่เขาก็ยังมีเหตุผลสำคัญในการช่วยเหลือโอฉิงหยุน อย่างแรก ชายคนนี้ถือได้ว่าเป็นผู้มีความสามารถด้านปฏิสสารคนหนึ่ง ส่วนเหตุผลอีกอย่างคือเขานั้นใช้โอฉิงหยุนเป็นไม้กันหมาในเรื่องตะกูลหวู
นอกซะจากว่าคนที่มาจะเป็นของตระกูลหวูเองที่มาจับตัวโอฉิงหยุนไปเพราะไม่ต้องการให้ความลับของตนเข้าหูเขาล่ะก็ นี่จะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งไปในทันที