Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 1107
GGS:บทที่ 1107 วัตถุบินได้ลึกลับ
ในขณะที่ข้อมูลของซีไอเอได้รั่วไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายจนเป็นสร้างความไม่พอใจให้กับประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง
ไม่มีใครรู้เลยว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นซูจิ้งที่อยู่เบื้องหลังและเขาได้เริ่มดำเนินการตามแผนการของเขาในขั้นถัดไปแล้ว
ณ ช่องแคบมะละกา ช่องแคบที่ตั้งอยู่ระหว่างแหลมมลายูกับเกาะสุมาตรา อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศไทย ตะวันตกและใต้ของมาเลเซีย ตะวันออกเฉียงเหนือและเหนือของเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย และทอดยาวเลยไปถึงทางด้านใต้ของสิงคโปร์ เรียกได้ว่าเป็นเขตชายแดนที่เกิดปัญหาความขัดแย้งกันบ่อยที่สุดของโลกเลยก็ว่าได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยความสำคัญของช่องแคบที่ส่งผลต่อการขนส่งสินค้า
อเมริกาจึงเข้ามาเล่นบทคนดีโดยการส่งกองกำลังของตนเข้ามาควบคุมช่องแคบแห่งนี้ด้วยข้ออ้างที่ว่าเพื่อป้องกันและสกัดจับเหล่าโจรสลัดและผู้ก่อการร้าย แค่ความจริงนั้นก็คือต้องการเข้ามาแสดงอำนาจและคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้กับประเทศตนเอง
และอเมริกาก็ใช้เหตุผลในนี้ในการเข้ายึดเรือขนส่งสินค้าของกลุ่มทุนห้วงเวลาและกาลอวกาศ โดยให้เหตุผลว่า “เป็นไปได้ว่าจะมีอาวุธปฏิสสารปะปนไปกับสินค้าของกลุ่มทุนห้วงเวลาจึงจำเป็นต้องยึดเอาไว้ตรวจสอบเพื่อความมั่นคงของประชาคมโลก” ด้วยเหตุนี้ ทำให้ ไม่เพียงสินค้ามูลค่ากว่าหลายพันล้านหยวนต้องตกค้างอยู่ที่นี่ แม้แต่เรือที่ใช้ในการขนส่งเองก็ยังต้องถูกควบคุมไว้ที่ช่องแคบแห่งนี้ไปไหนไม่ได้เช่นเดียวกัน
ช่องแคบมะละกานั้นถือได้ว่าเป็นรอยต่อสำคัญที่เชื่อมระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย และเป็นช่องทางธรรมชาติที่เชื่อมต่อระหว่างแนวปะการังของทวีปเอเชีย ทวีปแอฟริกา ทวีปออสเตรเรีย และทวีปยุโรป
เหล่าประเทศที่พัฒนาแล้วต่างก็ใช้ช่างทางนี้ในการขนส่งน้ำมันและวัตถุดิบสำคัญมากมายเรียกได้ว่าในแต่ละวันนั้นไม่ว่างเว้นจากเรือขนส่งสินค้าเลยทีเดียว และด้วยการที่บริเวณนี้เป็นช่องทางทางธรรมชาติจึงถูกขนานนามในอีกชื่อหนึ่งว่า เส้นทางการค้าแห่งท้องทะเล
สำหรับประเทศจีนแล้ว ช่องแคบมะละกานี้ถือได้ว่าเป็น “เส้นทางแห่งชีวิตทางทะเล” เลยทีเดียว นั่นก็เพราะว่าประเทศจีนใช้เส้นทางนี้ในการขนส่งน้ำมันจากทะเลจีนใต้เป็นหลัก
หากว่าประเทศจีนต้องขนส่งน้ำมันผ่านช่างทางอื่นอย่างคลองซูเอสจำเป็นต้องใช้เวลามากกว่าถึงสามเท่า และหากต้องใช้ช่างแคบคลองปานามา ประเทศจีนก็ต้องใช้เวลาในการขนส่งมากกว่าเดิมถึงห้าเท่า
การที่มีประเทศที่เป็นมือที่สามอย่างอเมริกาเข้ามามีสิทธิควบคุมแบบนี้แน่นอนว่าต้องส่งผลต่อความมั่นคงทางการค้าของประเทศอย่างไม่ต้องสงสัย
ยิ่งไปกว่านั้น นักวิเคราะห์ทางด้านเศรษฐกิจได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับท่าทีของอเมริกาที่ตรวจตราช่องแคบมะละกาเข้มงวดแบบนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อกลุ่มทุนห้วงเวลาฯเท่านั้น เรื่องน้ะส่งผลกระทบต่อทั้งประเทศอย่างแน่นอน
ณ ท่าเรือของช่องแคบมะละกา เรือขนสินค้าขนาดกลางของกลุ่มทุนห้วงเวลาฯได้ถูกกักเอาไว้อยู่ที่นี่โดยมีกองเรือของอเมริการายรอบเอาไว้อย่างแน่นหนา
โดยในตอนนี้กองทัพอเมริกาได้ทำการตรวจค้นตู้สินค้าอย่างละเอียดเพื่อหาอาวุธปฏิสสารที่ได้กล่าวอ้างเอาไว้ อย่างไรก็ตาม กองทัพอเมริกาไม่ได้พบสิ่งที่เรียกว่าอาวุธปฏิสสารแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีจะปล่อยเรือขนส่งสินค้าลำนี้ออกไปเลยแม้แต่น้อย
“ไอ้….ไอ้พวกโจร” ณ บริเวณชายฝั่งของท่าเรือ ลูกเรือของเรือขนส่งสินค้าที่ได้เห็นกองกำลังอเมริกาตรวจค้นเรือด้วยเรื่องไร้สาระอดที่จะแสดงออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจไม่ได้
พวกเขานั้นคือประชาชนที่ถูกต้องตามกฏหมายและเป็นเพียงคนหาเช้ากินค่ำหารายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องจากท่าเรือของตัวเอง
ด้วยการที่อเมริกายกกองเรือมาพร้อมกล่าวอ้างเหตุผลอันไร้สาระในการตรวจค้นและไม่ได้มีท่าทีจะปล่อยไปง่ายๆแบบนี้ หากว่าทหารเหล่านี้ทำให้สินค้าได้รับความเสียหายล่ะก็ จะให้พวกเขาทำยังไงกัน หากเกิดเรื่องแบบนั้นจริงๆล่ะก็ การขนส่งสินค้าที่พวกเขาตรากตรำทำงานหนักมาอย่างยาวนานจะจบลงโดยไม่ได้อะไรเลยในทันที
ด้วยเรื่องนี้อย่าว่าแต่พวกลูกเรือเลย แม้แต่กัปตันเองก็หงุดหงิดจนอยากจะหาปืนมาไล่ยิงทหารอเมริกาเหล่านี้ให้ตายๆไปซะให้พ้นๆในทันที
“ท่าดูจากข้อมูลลับของซีไอเอที่ถูกปล่อยออกมาเรื่อยๆนี้ แสดงให้เห้นว่าอเมริกานั้นเป็นพวกที่คอยละลานชาวบ้านอย่างลับๆมาโดยตลอด และในครั้งนี้เองก็เป็นไปได้ว่าการที่พวกเรานั้นโดนอเมริกาตรวจค้นแบบนี้เป็นเพราะเป้าหมายของพวกมันในครั้งนี้เป็นพวกเรา”
“นี่ขนาดจีนเองยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะช่วยพวกเราเอาสินค้ากลับมาได้เลยเหรอ”
“ลืมไปแล้วเหรอว่าพวกเรานั้นเน้นการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีมากกว่าการใช้กำลังน่ะ แต่ถ้าจะให้พูดตรงๆก็คือต่อให้พวกเราใช้กำลังเพื่อนำเรือสินค้ากลับมาพวกเราก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำมันให้สำเร็จได้ ต่อให้เราร่วมมือกับตัวแทนประเทศจีนที่อยู่ที่นี่ก็ใช่ว่าจะชนะได้โดยง่าย ต่อให้แข็งแกร่งพอจะล้มคนได้แต่ก็ไม่มีทางรอดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรือรบอยู่ดี”
“…นี่หมายความว่าการที่กลุ่มทุนห้วงเวลาตกเป็นเป้าหมายของอเมริกาแบบนี้มันแย่ยิ่งกว่าการถูกโจนสลัดปล้นเสียอีก….ถ้ารู้อย่างนี้แต่แรกพวกเราคงไม่รับขนสินค้าของกลุ่มทุนห้วงเวลาฯมาอย่างแน่นอน”
“เอาน่า ถึงเรื่องมันจะมาถึงขนาดนี้แล้วแต่ฉันได้ยินมาว่ากลุ่มทุนห้วงเวลาฯเองได้ทำประกันสินค้าล็อตนี้เอาไว้แล้ว ต่อให้มันเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นจริงล่ะก็ ฉันไม่อยากคิดเลยว่าชีวิตนี้จะเหลืออะไรอีก ต่อให้ขายบริษัทได้สองสามรอบก็ยังไม่พอที่จะชดใช้ค่าเสียหายเลยด้วยซ้ำ”
“เรื่องนั้นก็พูดยากนะ ไอ้พวกประกันอาจจะใช้ข้ออ้างเกี่ยวกับท่าทีของอเมริกาในการเบี้ยวไม่จ่ายประกันก็ได้ ยังไงซะฉันก็ยังหวังไว้อยู่ดีว่าไม่เกิดอะไรขึ้นกับสินค้า เพราะนี่เป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว”
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงสัญญาณเตือนภัยของเรือรบสหรัฐก็ได้ดังขึ้นมา ในขณะเดียวกัน มีใครบางคนได้เห็นวัตถุประหลาดปรากฎขึ้นอยู่บนท้องฟ้า จากที่เห็นกันเพียงไม่กี่คนจนร้องทักออกมาจนในที่สุด แทบจะทุกคนต่างก็จับจ้องมองไปยังวัตถุนั้นแทบจะเป็นตาเดียว
สิ่งที่ทุกคนได้เห็นอยู่ตอนนี้ก็คือวัตถุบินได้ลึกลับที่ทุกคนต่างก็รู้จักกันในนามยูเอฟโอ วัตถุชิ้นนี้จะมองว่าเหมือนคนก็ดูเหมือน แต่ด้วยการที่มันลอยอยู่กลางอากาศอยู่่นิ่งๆราวกับเป็นฉากหนึ่งที่เห็นได้บ่อยจากในหนังแนวไซไฟนี้ทำให้ไม่มีใครในที่นี้คิดว่าเป็นมนุษย์แต่อย่างใด ผู้คนที่เห็นต่างก็นิ่งอึ้งไปพร้อมที่ทีที่ไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“….ฉัน…ไม่ได้ตาฝาดไปใช่รึเปล่า….ไอ้นั่นมันอะไรกัน”
“….ยูเอฟโอ…ใช่รึเปล่า”
“กองเรืออเมริกาส่งสัญญาณเตือนดังลั่นขนาดนี้แสดงว่าไม่ใช่ของของอเมริกาแน่ๆ”
ในขณะที่ผู้คนในท่าเรือที่เห็นต่างก็อึ้งๆทำอะไรไม่ถูกนั้น กองทัพอเมริกาเองก็ได้เตรียมพร้อมรบอย่างเต็มรูปแบบในทันที
พวกเขาพยายามที่จะติดต่อสื่อสารกับยูเอฟโอที่เห็นพร้อมทั้งส่งตัวแทนออกมาพูดผ่านเสียงตามสายเพื่อให้วัตถุที่ลอยอยู่บนฟากฟ้านี้ให้ระบุตัวตนออกมา นั่นก็เพราะบริเวณดังกล่าวเองไม่ใช่น่านน้ำของอเมริกา ต่อให้อเมริกาจะมั่นหน้าขนาดไหนก็ต้องมีการหวาดวิตกกันบ้าง
แต่เพียงไม่สิ้นเสียงตามสายนี้ดี วัตถุดังกล่าวก็ได้ทำการโจมตีใส่เรือรบของอเมริกาจากสิ่งที่คล้ายแขนที่ยื่นออกมาทั้งสองข้าง สิ่งที่ยิงออกมานี้ราวกับว่าเป็นปืนคลื่นพลังงานที่เคยเห็นจากฉากหนังเลยด้วยซ้ำ
ทันทีที่ลำแสงได้ตกกระทบไปบนเรือรบของอเมริกาก็ได้เกิดเสียงดังลั่นตามมาด้วยการระเบิดของเรือที่โดนยิงจนแตกกระจายกลายเป็นดอกไม้ไฟในทันที เรียกได้ว่าสูญสิ้นในพริบตา
เรือรบอเมริกาลำอื่นที่เห็นฉากนี้ต่างก็เร่งตอบสนองในทันที ปากกระบอกปืนของเรือรบที่เตรียมพร้อมเล็งเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ถูกสั่งยิงอย่างทันควัน
แต่ด้วยการที่วัตถุดังกล่าวลอยอยู่บนฟ้าทำให้การเคลื่อนไหวของมันนั้นคล่องแคล่วอย่างน่ากลัว มันได้ทำการหลบหลีกห่ากระสุนได้อย่างง่ายดาย
แต่ด้วยการที่ห่ากระสุนที่ถูกยิงเข้าใส่นั้นมากมายพอราวกับจะคลอบคลุมท้องฟ้าได้ ต่อให้วัตถุบินได้นี้หลบหลีกยังไงก็ยังถูกยิงใส่อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม กระสุนที่สมควรจะโดนวัตถุลอยฟ้านี้กลับระเบิดก่อนที่จะสัมผัสพื้นผิวของมัน จนเมื่อห่ากระสุนได้หยุดลง วัตถุดังกล่าวไม่ได้มีร่องรอยความเสียหายปรากฎขึ้นเลยแม้แต่น้อย นี่แสดงให้เห็นว่าวัตถุชิ้นนี้สมควรจะมีโล่พลังงานบางอย่างในการปกป้องตัวเองเอาไว้
ในตอนนี้เอง วัตถุบินได้นี้ได้ทำการโจมตีอีกครั้งหนึ่ง ลำแสงที่ยิงออกมาแต่ละครั้งได้ทำให้เรือรบของอเมริกาต้องระเบิดเลอะราวกับเต้าหู้โดนทุบในทุกๆครั้งไป
“ตูม….ตูม…..ตูม….ตูม….”
หลังจากที่กองเรืออเมริกาได้ถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง เรือขนส่งสินค้าในบริเวณดังกล่าวเองถึงแม้จะได้รับความเสียหายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายจนทำให้เรือต้องจมแต่อย่างใด
หลังจากเสร็จสิ้นการระเบิดเละของกองเรืออเมริกา วัตถุบินลึกลับนี้ไม่ได้มีท่าทีรั้งรอแต่อย่างใด ราวกับว่าเมื่อมั่นใจว่ากองเรืออเมริกาถูกกำจัดหมดแล้วก็ได้ทำการบินหายลับไปในทันที ปล่อยให้เหล่าผู้คนที่ได้เห็นฉากนี้ต่างก็มีท่าทีโง่งมอย่างช่วยไม่ได้
แต่ในระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ยังพอมีใครบางคนที่ตั้งสติและทำการถ่ายทั้งรูปและวิดีโอแล้วส่งขึ้นไปบนอินเตอร์เนตในทันที
เกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่เพียงซูจิ้งจะไม่พยายามปกปิดร่องรอยเหมือนดังแต่ก่อน เขายังให้ทั้งซูฉือและหลัวฉือหลินคอยจัดการใครก็ตามที่สั่งปกปิดเรื่องนี้อีกด้วย
เหล่าผู้คนที่เห็นข่าวนี้ทีแรกต่างก็พูดติดตลกออกมาว่าระวังพวกรัฐบาลจะไปหาเพื่อปกปิดเรื่องราวต่างๆ เพราะยังไงซะคนพวกนี้สามารถสืบสวนย้อนกลับหรือแม้แต่สั่งบล็อคผ่านทางอินเตอร์เน็ตและสัญญาณเคเบิลได้อยู่แล้ว และเรื่องนี้รัฐบาลบางประเทศก็ได้ดำเนินการค้นหาต้นตอเพื่อปกปิดเรื่องในครั้งนี้แล้วจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ด้วยความร่วมมือของซูฉือและหลัวฉือหลินแล้ว พวกเขาสามารถเจาะทำลวงระบบต่างๆที่คอยปิดกั้นข้อมูลเหล่านี้อย่างง่ายดายโดยไม่เผยตัวตนออกมาเลยแม้แต่น้อย
และด้วยความร่วมมือนี้เองทำให้เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกแทบจะในทันทีที่วิดีโอและภาพถ่ายเหตุการณ์นี้เผยแพร่เข้าสู่โลกอินเตอร์เน็ต
“ไอ้ฉิบ….นี่มันคือยูเอฟโอที่ล่ำลือกันชัดๆ”
“จริงดิ ไม่ใช่ว่านี่เป็นฉากหนังหรอกเหรอ”
“น่าจะของจริงนะ ฉากแบบนี้ไม่น่าเอาไปฉายในโรงได้แน่ๆ”
“ของจริงเสียยิ่งกว่าจริง แถมกองเรืออเมริกาที่เห็นเละตุ้มเป้ะนั่นเองก็จริงยิ่งกว่าสิ่งใดด้วย”
“เจ้าวัตถุบินลึกลับนั่นน่าจะมีเกราะพลังงานที่เคยเห็นในหนังแนววิทยาศาสตร์แน่ๆถึงได้ป้องกันการโจมตีได้ทั้งหมดแบบนี้ โคตรน่ากลัวเลย นี่แสดงให้เห็นว่าวัตถุนี้เป็นของสิ่งมีชีวิตนอกโลกแน่ๆ เพราะโลกเรานั้นยังไม่มีวิทยาการในระดับนี้ได้”
“เป็นไปได้รึเปล่าว่ามันมาที่นี่เพื่อสำรวจโลกของเรา”
“ประเด็นคือหากว่านี่เป็นยานบินของสิ่งมีชีวิตต่างดาวจริงล่ะก็ ทำไมอยู่ๆมันถึงไปอยู่ที่ช่องแคบมะละกาแล้วกล้าที่จะทำลายกองรบของมนุษย์กันล่ะ แล้วทำไมอยู่ๆก็ได้หายไป”
“ถ้าหากจะให้พูดล่ะก็คงบอกได้เพียงว่าช่วงนี้อเมริกานี่โคตรซวยเลยจริงๆล่ะนะ”
ในขณะที่ชาวเน็ตได้พูดคุยเรื่องนี้กันอย่างบ้าคลั่งนั้น รัฐบาลของอเมริกาที่ได้ข่าวนี้ต่างก็ตกตะลึงและแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาในทันที
อเมริกาที่ในตอนนี้กำลังประสบปัญหาอย่างหนักจากการที่ข้อมูลลับสุดยอดของซีไอเอถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องแล้ว มาในตอนนี้ อเมริกายังต้องมาเจอกับเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้นไม่เว้นวันแบบนี้ หากว่าไม่บอกว่าโคตรซวยล่ะก็ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องเรียกว่าอะไร
อเมริกาได้ทำการสืบสวนเรื่องนี้ในทันที แต่ไม่ว่าพวกเขาจะสืบสวนยังไงก็ไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุบินได้ลึกลับที่ถล่มกองเรือรบของตนเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าอยู่มันก็มา และอยู่ๆมันก็หายไปได้ในทันทีที่ต้องการ
ราวกับว่าเห็นการกระทำของอเมริกาแล้วก็อดที่จะออกมาตบกะโหลกสักทีเสียไม่ได้ ยังไงอย่างนั้น