Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 1124
GGS:บทที่ 1124 อะไรอีก
หลังจากจบงานคอนเสริตของซูจิ้งไปนั้น ซูจิ้ง ฉือชิง หวังจ้าว หวังซือหยา และเฉิงหนาน ได้ร่วมนั่งดื่มกันบนหรูคันหนึ่ง
พวกเขารวมตัวกันเพื่อฉลองที่คอนเสริตในครั้งนี้จบลงด้วยดี และการแถลงข่าวเปิดตัวโทรศัพท์กาลเวลารุ่นที่สอง “สุดยอดกาลเวลา” เป็นไปได้อย่างราบลื่นและสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ไปยังทั่วทั้งโลก ด้วยสิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขานั้นต่างก็รู้สึกเป็นสุขอย่างที่สุด
ถึงแม้ว่าพวกเขานั้นไม่ได้ต้องการสร้างกระแสถึงขนาดทำให้ชาวเน็ตทำการพูดคุยกันอย่างไม่หยุดหย่อนเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ตาม แต่ก็ไม่แปลกอะไร นั่นก็เพราะว่า มิอถือกาลเวลารุ่นสองนี้คู่ควรกับการตกตะลึงนี้จริงๆ
“อาจิ้ง นายจะแต่งงานเมื่อไหร่เหรอ” หวังซือหยาอยู่ๆก็ถามออกมา
“ใกล้ๆนี้แหล่ะ ช่วงสิ้นปีนี้น่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาพลองหันไปสบตาฉือชิงที่ตอนนี้กำลังยิ้มหวานช่ำ
“เยี่ยม ฉันจะคอยกินไวน์งานแต่งนะ” หวังซือหยาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“อาจิ้ง….เอ่อ…น้องชายและน้องสะใภ้ ฉันขออวยพรให้กับงานแต่งของทั้งสองคนล่วงหน้านะ” หวังจ้าวพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีด้วยน้า….” เฉิงหนานเองก็แสดงความยินดีออกมา
พวกเขาในขณะนี้ได้จ้องมองคู่ชายหญิงที่อยู่ตรงหน้า หรือก็คือซูจิ้งและฉือชิง ไม่ว่ามองยังไงทั้งสองก็คือหนุ่มหล่อและสาวสวยจริงๆ ช่างเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบยิ่งนัก
ด้วยการที่ในตอนนี้นั้น ซูจิ้งได้ขึ้นไปอยู่ในระดับที่อยากจะหาใครเทียบทาน จึงมีหลายๆคนที่เริ่มมองว่า ฉือชิงนั้นไม่ค่อยจะเหมาะสมกับซูจิ้งสักเท่าไหร่
ถึงแม้ว่าฉือชิงจะเป็นคนที่สวยงามหยดย้อยขนาดไหนก็ตาม แต่เธอเองมีแค่เบื้องหลังที่ธรรมดา และความสามารถและทักษะด้านต่างๆก็ไม่ได้ดีเด่นอะไร
เมื่อเทียบกับซูจิ้งเองที่ไม่เพียงแค่หล่อเหลา แถมตัวเขาในตอนนี้นั้นเรียกได้ว่าเป็นคนที่รวยที่สุดเลยก็ว่าได้ นี่ยังไม่พูดถึงอำนาจที่จะครอบคลุมไปทุกด้านแล้ว
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคนนอกจะรู้จักคู่รักทั้งสองนี้ดีหรือไม่ ทั้งสองก็ไม่ได้แยแสต่อสิ่งใดเลยสักนิด เพราะที่ทั้งสองรู้ก็คือทั้งสองต่างก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่แอบรักแอบชอบกันมาโดยตลอด
ถึงแม้ว่าช่วงมัธยมปลายจะมีเรื่องที่ทำให้ต้องห่างเหินกันไปบ้าง แต่เมื่อทั้งสองได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ซูจิ้งได้แสดงให้เห็นว่าตัวของเขานั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่เธอรู้จักเขาไปมากมายนัก
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้น ฉือชิงจะเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบทั้งเงินทองและอำนาจจนทำให้ซูจิ้งถูกเข้าใจว่าเป็นพวกเกาะผู้หญิงอยู่บ่อยๆ แต่สุดท้ายแล้ว ซูจิ้งก็กลายเป็นคนที่เหมาะสมที่จะเป็นสามีที่ดีให้กับเธอจนได้
บางคนคิดว่าในเมื่อซูจิ้งนั้นในตอนนี้มีทั้งเงินและอำนาจ ตัวเขานั้นจะไปมีภรรยาหลายคนก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิด แต่ยังไงซะซูจิ้งก็ไม่ได้แยแสที่จะมีชีวิตอยู่โดยใช้ชีวิตแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย
สำหรับเขาแล้วนั้น ต่อให้เอาคนที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดมารวมตัวกันก็ไม่อาจจะสู้ฉือชิงของเขาได้เลยแม้แต่น้อย สำหรับเขาแล้วการได้รักคนๆเดียวนั้นก็คือการที่มีชีวิตคู่แบบฉันมีแค่เธอ เธอมีแค่ฉัน นี่ถึงจะถือว่าเป็นเรื่องที่โรแมนติกที่สุดแล้ว
“อาจิ้ง กลุ่มทุนห้วงเวลาของเรานั้นพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และด้วยมือถือกาลเวลารุ่นที่สองนี้ ฉันเชื่อว่าจะทำให้พวกเรานั้นไร้เทียมทานอย่างแน่นอน
ช่วงนี้นายก็ทำตัวสบายๆแล้วไปเตรียมตัวเรื่องงานแต่งก็แล้วกัน” หวังจ้าวพูดออกมา
“ตอนนี้ยังเร็วเกินไปนะที่จะผ่อนคลายได้น่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
หวังจ้าว หวังซือหยา และเฉิงหนาน ที่ได้ยินประโยคนี้ต่างก็ตั้งคำถามขึ้นมาทันทีในจิตใจ ถึงแม้จะได้ยินประโยคนี้ออกมา แต่พอฟังทำน้ำเสียงและรอยยิ้มของเขาก็อดที่จะรู้สึกว่าเขานั้นเหมือนจะยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง
อยู่ๆซูจิ้งก็ได้ถามออกมาว่า “แล้วโรงพยาบาลล่ะ เป็นยังไงบ้าง”
“ตอนนี้โรงพยาบาลกังเฟิงนั้นกำลังพัฒนาไปได้อย่างดีมาก แม้แต่ชาวต่างชาติเอง ในตอนนี้ต่างก็มุ่งตรงมารักษากับเรา” เฉิงหนานพูดออกมา
“อืม…แล้วโรงพยาบาลอื่น…” ซูจิ้งถามออกมา
เมื่อได้ยินคำถามนี้ เฉิงหนานก็อดที่จะหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้และพูดออกมาว่า “ในตอนนี้การตลาดของโรงพยาบาลในภาพรวมนั้นถือได้ว่ายังมีขีดจำกัดอยู่
ด้วยการที่โรงพยาบาลของเรานั้นเติบโตและโดดเด่นเกินไปทำให้โรงพยาบาลแห่งอื่นนั้นยากที่จะไล่ตามทัน หากว่าจะบอกให้ชัดๆล่ะก็ โรงพยาบาลส่วนใหญ่ในตอนนี้ยังอยู่รอดได้ก็ด้วยการโฆษณาเท่านั้น
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงบอกว่าการพัฒนาธุรกิจในด้านการแพทย์ยังถือว่ามีขีดจำกัด แม้แต่โรงพยาบาลของพวกเราเองก็อยู่ในข้อจำกัดนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
และด้วยผลกระทบจากความสุดยอดของโรงพยาบาลของพวกเรานี้เอง พวกเขาจึงไม่สามารถทุ่มเทไปในด้านการพัฒนาเทคนิคทางการแพทย์ได้มากนัก และเชื่อว่าไม่นานก็จะต้องปิดตัวลง
โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่อยู่ในเครือปู่เตี๋ยนที่ตอนนี้กำลังเผชิญกับปัญหาหนี้สินจากธนาคารอย่างหนัก”
“นี่ก็หมายความว่าโรงพยาบาลบางส่วนจะปิดตัวลงได้ง่ายสินะ ยิ่งตอนนี้โรงพยาบาลในเครือปู่เตี๋ยนที่มีชื่อเสียงแย่อยู่แล้วด้วยยิ่งไปกันอย่า จะดีกว่าถ้าไรไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพวกนั้น…” ซุจิ้พูดออกมา
“ถึงจะพูดแบบนั้นแต่โรงพยาบาลในเครือปู่เตี๋ยนบางส่วนเองตอนนี้ก็ย้ายเข้ามาอยุ่ในเครือโรงพยาบาลของพวกเราเรียบร้อยแล้ว ด้วยการที่โรงพยาบาลในเครือของพวกเราอยู่ในช่วงกำลังขยาย การที่เรียกโรงพยาบาลที่มีความพร้อมอยู่แล้วแต่ใกล้ปิดตัวลงจึงเป็นทางเลือกที่ดี” เฉิงหนานพูดออกมา
“ถ้าอย่างนั้นช่วยอะไรฉันหน่อยสิ เลือกโรงพยาบาลให้ที่หนึ่งแต่ไม่ต้องใส่เป็นชื่อเครือโรงพยาบาลกังเฟิงนะ ฉันว่าจะเปลี่ยนชื่อนะ” ซูจิ้งพูดออกมา
เมื่อได้ยินแบบนี้ ทั้งหวังจ้าวและหวังซือหยาอดที่จะมองหน้ากันไม่ได้ ในตอนนี้โรงพยาบาลกังเฟิงนั้นกำลังได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงที่ดีอยู่แล้ว
ตราบใดก็ตามที่โรงพยาบาลไหนแขวนป้ายเอาไว้ว่าอยู่ในเครือกังเฟิงจองหยุน โรงพยาบาลนั้นจะมีคนไข้หลั่งไหลเข้าในทันที แล้วซูจิ้งจะเปลี่ยนชื่อ…..เพื่อ?
“อาจิ้ง คราวนี้นายจะทำอะไรอีกล่ะนั่น” หวังจ้าวอดที่จะถามออกมาไม่ได้
“ก็แค่คิดๆอยู่น่ะ ในตอนนี้โรงพยาบาลทั่วไปนั้นมีการใช้ทั้งศาสตร์การแพทย์แผนจีนโบราณและศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบันของพวกตะวันตกอยู่ใช่ไหมล่ะ
และที่เราสามารถรักษาโลกมากมายให้หายได้ก็มาจากการประยุกต์ใช้ความรู้จากสองศาสตร์นี้
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีโรคบางโรคที่ไม่สามารถรักษาได้จากศาสตร์การแพทย์ทั้งสองนี้อยู่
ก็เลยคิดว่าอยากจะลองวิธีการใหม่ๆในการรักษาดูบ้าง ส่วนที่ว่าไม่ใช้ชื่อของโรงพยาบาลกังเฟิงนั้นประสิทธิภาพในการรักษาจะออกมาเป็นยังไงบ้าง
ที่ทำแบบนี้ก็เพราะว่าหากมีอะไรผิดพลาดไป ชื่อของโรงพยาบาลกังเฟิงก็จะไม่เสียตามไปด้วย” ซูจิ้งพูดออกมา
หวังจ้าวเฉิงหนาน หวังซือหยา และฉือชิงที่ได้ยินต่างก็มองซูจิ้งด้วยสายตาอึ้งๆ นั่นก็เพราะการที่โรงพยาบาลกังเฟิงสำเร็จมาได้จนถึงทุกวันนี้นั้นก็เป็นเพราะซูจิ้งที่ทำให้ก้าวข้ามขีดจำกัดทางการแพทย์มากมายขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโรคALS ปรับเปลี่ยนความสูงของร่างกายผู้ใหญ่ รักษาโรคทางดวงตา รักษาภาวะมีบุตรยาก และโรคอย่างอื่นอีก เรียกได้ว่าเขารักษาโรคที่ไม่มีใครรักษาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเลยด้วยซ้ำ
และด้วยเหตุนี้จึงทำให้โรงพยาบาลกังเฟิงจองหยุนกลายมาเป็นที่พึ่งสุดท้ายของโลกมนุษย์ ที่กล่าวอย่างนี้นั้นไม่ได้กล่าวเกินเลยเกินไปแต่อย่างใด เพราะในตอนนี้ แม้แต่ชาวต่างชาติเองก็ยังยินดีควักเงินจำนวนมาก เพื่อที่จะมารักษายังโรงพยาบาลกังเฟิงจงหยุน
แต่มาในตอนนี้ ซูจิ้ง กลับมาบอกว่าอยากจะสร้างโรงพยาบาลใหม่ขึ้นมาเพื่อแข่งกับโรงพยาบาลที่ตัวเองฟูมฟักมาเนี่ยนะ อย่าพูดถึงว่าทำได้หรือไม่ได้เลย แค่คิดที่จะทำก็ไม่ควรแล้ว
“อย่ากังวลไปเลยน่า ที่ทำนี่ก็แค่เพื่อที่จะทดสอบประสิทธิภาพวิชาการแพทย์ของเฉยๆ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ สุดท้ายแล้วโรงพยาบาลนี้ก็จะถูกผนวกรวมกับเครือโรงพยาบาลกังเฟิงอยู่ดี และเมื่อถึงตอนนั้นทั้งสองโรงพยาบาลจะทำการแลกเลี่ยนข้อมูลให้กันและกันด้วย” ซูจิ้งพูดออกมา
“ตกลง” เฉิงหนานพยักหน้ารับคำ ในเมื่อซูจิ้งออกปากเองขนาดนี้มีหรือที่จะขัดอะไรเขา
“…..อาจิ้ง นี่….หมายความว่านายพัฒนาการรักษาแนวใหม่ขึ้นมาได้แล้วใช่รึเปล่า และการรักษานี้เองก็สมควรจะดีเสียยิ่งกว่าวิธีการรักษาที่พวกเราใช้อยู่กันในปัจจุบันสินะ” หวังซือหยาถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่ฉันก็ยังไม่กล้าที่จะพูดออกมาเพราะกลัวจะหาว่าเวอร์เกินไป เอาเป็นว่าตอนนี้รอเห็นเองจากข่าวก็แล้วกัน” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ด้วยรอยยิ้มนี้ของซูจิ้งทำให้ทั้งฉือชิง หวังจ้าว หวังซือหยา และเฉิงหนานที่ต่างคุ้นเคยนั้นรู้สึกได้ทันทีเลยว่าซูจิ้งนั้นมีความมั่นใจในเรื่องครั้งนี้อย่างแน่นอน
ไม่กี่วันผ่านไป ด้วยความสามารถของเฉิงหนานนั้นทำให้เธอสามารถจัดหาโรงพยาบาลจำนวนหนึ่งให้ซูจิ้งได้อย่างไม่ยากเย็น พร้อมกับชื่อใหม่ของโรงพยาบาลเหล่านี้ว่า กังหยุน
แน่นอนว่าคนนอกไม่มีทางรู้เลยว่าโรงพยาบาลนี้เองก็เป็นโรงพยาบาลของซูจิ้ง ทุกคนต่างก็คิดว่านี่เป็นเพียงโรงพยาบาลเจ้าใหม่เจ้าหนึ่งเท่านั้นเอง
ในทันทีที่โรงพยาบาลกังหยุนเปิด โฆษณาต่างๆก็ได้เผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ที่ทำให้ผู้คนนั้นรู้สึกคุ้นเคยกับชื่อของโรงพยาบาลกังหยุนขึ้นมาบ้าง
ที่นี่เองก็มีทั้งคลินิกทั่วไปและคลินิกพิเศษ สำหรับคลินิกทั่วไปนั้นคิดราคาพอๆกับโรงพยาบาลอื่น แต่คลีนิคพิเศษนี้คิดราคาแพงหูฉี่อย่างมาก
และด้วยการที่โรงพยาบาลนี้มีชื่อว่ากังหยุน ทำให้หลายๆคนต่างก็คิดว่าโรงพยาบาลกังหยุนแห่งนี้นั้นสมควรคิดที่จะเลียนแบบและเทียบเคียงกับโรงพยาบาลกังเฟิงจองหยุนอย่างแน่นอน
และนี่เองก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ชาวเน็ตออกมาพูดคุยเกี่ยวกับโรงพยาบาลกังหยุนนี้อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ลูกวัวเกิดใหม่ไม่กลัวเสือ อย่าคิดว่าใช้คำว่ากังหยุนอย่างเดียวแล้วจะประสบความสำเร็จ ไม่รู้รึไงว่าโรงพยาบาลที่มีคำนี้อยู่ในชื่อนั้นต้องรักษาได้ดีขนาดไหนถึงได้รับมา บ้างก็ว่าหาแนวทางของตัวเองไม่เป็นรึไง หรืออย่างคิดว่าดีขนาดไหนที่กล้าจะมาตั้งชื่อโดยใช้คำคำนี้เป็นต้น
ด้วยความรู้สึกเหล่านี้ของชาวเน็ตเองนั้นได้ทำให้สำหรับโรงพยาบาลนอกเครือของโรงพยาบาลกังเฟิงจงหยุนนั้นถือว่าเป็นคำต้องห้าม โรงพยาบาลไหนที่มีคำว่ากังและหยุนอยู่นั้นจะรีบตัดออกหรือไม่ก็เปลี่ยนไปใช้ชื่ออื่นเลยก็มี นั่นก็เพราะการที่มีคำนี้อยู่ในชื่อ ไม่ได้ต่างจากการยุยงชาวเน็ตให้เรียกเทพแห่งความตายมาเยือนพวกเขา
แต่เหล่าชาวเน็ตก็ต้องหน้าหงายกลับมาเหมือนกัน นั่นก็เพราะว่าเมื่อพวกเขาได้เห็นระดับการรักษาและรายชื่อโรคต่างๆที่โรงพยาบาลกังหยุนนี้รักษาได้
มันน่าเหลือเชื่อเกินไปจนทำให้ชาวเน็ตต่างก็คิดกันว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ต้องสร้างประวัติขึ้นมาเองแน่ๆ จนชาวเน็ตต้องต้องคำถามกลับไปว่า ทางโรงพยาบาลแน่ใจจริงๆรึเปล่าว่ารักษาโรคเหล่านั้นได้ พวกเขาไม่ใช่คนเชื่อง่ายอะไรขนาดนั้น