Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 1131
GGS:บทที่ 1131 ไล่ล่า
แสงศักดิ์สิทธิ์ได้แพร่กระจายออกจากเหรียญตราเทวฑูตอย่างรวดเร็ว และในตอนนี้แสงได้คลอบคลุมไปทั่วทั้งหมู่บ้านตระกูลซู
เงาในร่างของซูดาเป่าเองก็ได้รับรู้ถึงความผิดปกตินี้ เขาได้รองหันหลังกลับไปดูก็ถึงกับหน้าถอดสีในทันที เขาได้เร่งฝีเท้าของตัวเองจนในตอนนี้รวดเร็วกว่าแชมป์นักวิ่งคนไหนๆมากนาก ความรวดเร็วของเขาในตอนนี้ราวกับเสือชีต้า
นีทำให้ทุกคนในหมู่บ้านที่เห็นต่างก็ได้แต่มองตามอย่างโง่งม พวกเขาต่างรู้สึกอัศจรรย์ในว่าคนแก่อย่างซูดาเป่านั้นอยู่ๆทำไมถึงวิ่งกัน แล้วนั่นมันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เขาจะวิ่งเร็วขนาดไหนก็ตามแต่ก็ไม่มีทางเร็วไปกว่าความเร็วแห่งแสง เงาดำสายหนึ่งได้ปรากฎรอบตัวของเขาแล้วทำการเร่งความเร็วของซูดาเป่าให้เร็วขึ้นไปอีก ผลก็คือ ในตอนนี้นอกจากความเร็วแล้ว ขาของซูดาเป่านั้นบิดเบี้ยวผิดรูป กระดูกขาแตกหัก และเนื้อขาดลุ่ย
“ร่างห่วยแตก” เงาดำสบถออกมาก่อนที่จะครอบคลุมร่างของซูดาเป่าเอาไว้ก่อนที่จะหายวับไป เงาดำนั้นตั้งใจที่จะใช้ร่างกายของซูดาเป่าเพื่อพยายามหลบหนี แต่ตอนนี้ดูท่าจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
“ตรงนั้น” ทันทีที่เงาดำปรากฎตัว ซูจิ้งและเสี่ยวจินก็ได้รับรู้และมุ่งตรงไปยังทิศทางที่เงาดำอยู่ในทันที ซูจิ้งให้เสี่ยวจินจับเขาเอาไว้ด้วยกรงเล็บจนทำให้ร่างของเสี่ยวจินเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ และนี่ทำให้เสี่ยวจินทำความเร็วได้มากกว่าเดิม
“ไอ้มนุษย์ระยำ ถือดีว่ามีภาชนะทรงพลังอยู่ในมือก็กล้าที่จะตามล่าอย่างไม่ลดระแบบนี้ หากข้าฟื้นฟูสภาพบาดเจ็บนี้ได้ล่ะก็ ข้า จะทำให้แกต้องเจอกับนรกโลกกันต์” เงาดำสบถออกมาอีกครั้งก่อนที่จะไอออกมา
ร่างเงาดำนี้แต่เดิมต้องการเพียงแค่หาสถานที่ที่มีหยินบริสุทธิ์และไอมารที่หนาแน่นเพื่อฟื้นฟูร่างกายเท่านั้น แต่มาในตอนนี้ ไม่เพียงจะยังไม่ได้ฟื้นฟู มันยังโดนผลกระทบจากแสงศักดิ์สิทธิ์ของเหรียญตราเทวฑูตจนทำให้เจ็บหนักยิ่งกว่าเดิม
มาในตอนนี้มันยังต้องใช้เวทย์มนต์มาเพิ่มความเร็วในการหลบหนีทำให้อาการบาดเจ็บของมันนั้นแย่ลงจนยากจะฟื้นฟู การที่จะเกลียดซูจิ้งจนเข้ากระดูกดำนั้นก็ไม่แปลกแต่อย่างใด
ฝึบ…. ร่างเงาในตอนนี้ได้เปลี่ยนกลายเป็นหมอกดำและหายไปในทันที เพียงชั่วขณะหนึ่ง มัน ก็ได้ไปอยู่อีกพื้นที่หนึ่งที่ห่างออกไปกว่า 1 กิโลเมตร แต่ทันทีที่กลับมาปรากฎ ร่างนี้ไอออกมาอย่างหนัก
“เร่งความเร็ว” ซูจิ้งได้นำยันพันลี้ขึ้นมาแล้วแปะลงไปบนร่างของเสี่ยวจิน ในตอนนี้ อินทรีย์ทองได้เปลี่ยนไปเป็นประกายแสงสีทองและหายไปจุดก่อนหน้านี้ราวกับประกายแสง
อย่างไรก็ตาม เงาดำเองยังถือได้ว่าเร็วกว่านัก เพราะมันได้หายตัวไปจากจุดเดิมและไปปรากฎอยู่อีกที่หนึ่งที่ห่างจากเดิมไปอีก 1 กิโลเมตร
ด้วยการที่ซูจิ้งนั้นยังจับรู้สึกร่างเงาดำได้ ถึงแม้จะต้องเปลี่ยนทิศทางอยู่หลายครั้งจนเกือบจะหลุดไปแล้วแต่ก็ยังจับความรู้สึกได้อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ อินทรีย์ทองนั้นเริ่มไม่ไหวแล้ว นี่ทำให้ร่างเงาดำนั้นออกห่างจากซูจิ้งได้เข้าไปในทุกขณะ และในไม่ช้า ซูจิ้งจะติดตามร่างเงาดำไม่ได้อีก
“เสี่ยวจิน นายไม่ไหวแล้ว กลับไปปกป้องบ้านของเราซะ” เมื่อซูจิ้งพูดจบ เขาก็ได้นำเอาชุดเกราะไอร่อนแมนออกมาจากกระเป๋ามิติและทำการสวมใส่อย่างรวดเร็วพร้อมทั้งไล่ตามจับต่อไป
ถึงแม้ว่าชุดเกราะนี้อาจจะส่งผลต่อแรงกดดันที่มีต่อประเทศจีน หรือแม้แต่ทำให้เขาต้องเปิดเผยตัวเองเพราะว่าเขาได้ไปกวาดล้างฐานทัพอเมริกาเอาไว้ก็ตาม
แต่นั่นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับร่างเงานี้เขาไม่ได้สนใจเรื่องหยุมหยิมพวกนั้นแต่อย่างใด นั่นก็เพราะหากเจ้านี่หลุดลอดไปล่ะก็ โลกนี้ต้องเกิดความโกลาหลเป็นแน่
แน่นอนว่าต่อให้เป็นความเร็วของชุดเกราะไอร่อนแมนก็ตามก็ยังไม่อาจเทียบกับความเร็วของเงาดำได้ เมื่อซูจิ้งเริ่มสังเกตุในเรื่องนี้ เขา ได้ติดต่อไปยังหลัวฉือหลินในทันทีเพื่อให้ช่วยติดตาม
ถึงแม้เงาดำนั้นจะรวดเร็ว แต่ในทุกๆครั้ง เงาดำจะต้องมีชะงักในทุกครั้งที่มันออกห่างไป ด้วยสแตนด์สายฟ้าของหลัวฉือหลินที่วิ่งไปมาผ่านสายไฟไฟได้ราวกับกระแสไฟฟ้าแบบนี้ เรียกได้เลยว่าหากเขาเดินยังยากกว่า
ด้วยความช่วยเหลือของหลัวฉือหลินทำให้ซูจิ้งนั้นผ่อนคลายได้มากขึ้น ถึงแม้ชุดเกราะไอร่อนแมนของเขาจะไม่เร็วเท่าเงาดำ แต่ด้วยการที่หลัวฉือหลินรายงานตำแหน่งของเงาดำนั่นมาในทุกครั้งที่เงาดำเคลื่อนย้าย
ด้วยเหตุนี้นอกจากจะทำให้เขานั้นพุ่งตรงไปถูกทางแล้ว ตัวเขาที่ในตอนนี้ได้รับการเพิ่มความเร็วจากแสงศักดิ์สิทธิ์ยิ่งทำให้เขาเข้าใกล้ร่างเงาดำได้มากขึ้น
“แม่…ข้า…ดูถูกมันเกินไป” ในตอนนี้ร่างเงาดำบาดเจ็บอย่างหนักและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ขนาดมันนั้นยอมตัดใจใช้พลังงานเวทย์มนต์เพื่อหนีจากซูจิ้งแล้วก็ยังหนีไม่พ้น นี่ยิ่งทำให้ร่างเงาดำนี้ทั้งรู้สึกหดหู่และโกรธแค้นในเวลาเดียวกัน
“นี่คือ?” ร่างเงาดำที่บินอยู่ในตอนนี้ได้หันไปเห็นสิ่งแปลกๆ มันเห็นสิ่งที่น่าจะเป็นเมืองแต่มันก็ไม่รู้ว่ามันคือเมืองรึเปล่า นั่นก็เพราะสิ่งนี้มันไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต
แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ร่างเงาดำไม่มีอารมณ์หรือความรู้สึกที่จะใส่ใจของพวกนั้น ที่ร่างเงาดำนั้นสนใจก็คือสายไฟฟ้าที่วางพาดผ่านอยู่ระหวางเสาร์ที่สูงลิบ
“ไอ้ตัวสอด ออกมานี่” เงาดำได้พูดพร้อมทั้งปล่อยแรงกดดันอันมหาศาลออกมาพร้อมทั้งปล่อยหมอกครอบคลุมทั่วทั้งอากาศในพื้นที่
หลัวฉ์อหลินในร่างสแตนด์นั้น ในตอนนี้ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอันมหาศาลที่พยายามดึงตัวหลัวฉือหลินออกมาจากสายไฟฟ้า หน้าตาของหลัวฉือหลินในตอนนี้ดูเรียกได้ว่าดูไม่ได้แบบสุดๆ
เขานั้น นอกจากตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับซูจิ้งแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขานั้นถูกจับตัวได้ หากเป็นคนธรรมดานั้น อย่าว่าจะเห็นเขาเลย ต่อให้โดนฆ่าตายก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าร่างเงาดำนี้ เขารู้สึกได้ในทันทีว่าตัวเองนั้นไม่ได้ต่างจากลูกไก่ที่อยุ่ในกำมือเรียบร้อยแล้ว ต่อให้เร็วไปก็คงไม่ช่วยอะไรได้
กับเรื่องนี้ถือว่าไม่แปลกแต่อย่างใด นั่นก็เพราะ ร่างสแตนด์นั้นหากจะให้อธิบายก็คือการหลอมรวมระหว่างพลังแห่งร่างกายและพลังแห่งจิตวิญญาณ หรือจะให้บอกคือวิญญาณที่ก่อรูปก็ว่าได้เหมือนกัน
แต่ต่อให้คนทั่วไปไม่เห็น แต่ไม่ใช่กับร่างเงาดำนี้ ร่างเงาดำสมควรจะเป็นวิญญาณร้าย ด้วยการที่มันนั้นมีพลังงานวิญญาณที่แม้แต่ซูจิ้งก็ยังต้องตกตะลึงแล้วนับประสาอะไรกับหลัวฉือหลินที่เจอซูจิ้งยังต้องหมดท่า
“…ห่าเหวอะไรกัน” เงาดำที่จับสังเกตหลัวฉือหลินในร่างสแตนด์นั้นถึงกับขมวดคิ้วในทันที มันรู้สึกได้ว่ามีอะไรแปลกๆอยู่ในสายดำๆตรงหน้าเป็นแน่
ร่างเงายังคงพยายามที่จะดึงหลัวฉือหลินในร่างสแตนด์สายฟ้าออกมาจากสายไฟฟ้าอย่างสุดแรง แต่หลัวฉือหลินเองก็พยายามยื้อไว้แบบสุดชีวิต
ถึงแม้จะบอกได้ว่าสายไฟฟ้านี้ไม่ได้ต่างจากบ้านเกิดของเขาก็ตาม แต่เมื่อต้องเจอกับพลังอันยิ่งใหญ่ขนาดนี้เขาก็ยื้อไว้ได้อีกไม่นานนัก
ในขณะที่หลัวฉือหลินเริ่มหมดหวัง ในตอนนี้ ซูจิ้งที่สวมใส่เกราะไอร์ร่อนแมนก็ได้มาถึง ด้วยการที่ทั่วทั้งล่างถูกครอบคลุมด้วยด้วยพลังงานศักดิ์สิทธิ์จึงทำให้ในตอนนี้ตัวซูจิ้งนั้นราวกับเป็นลูกไฟสีขาวขนาดใหญ่กำลังพุ่งตรงมา
“ฮึ่มมมม” ร่างเงาส่งเสียงโกรธแค้นออกมาก่อนที่มันจะระบายความโกรธไปยังร่างสแตนด์ของหลัวฉือหลินโดยการตบไปที่สแตนด์ทีสองทีก่อนที่จะหายวับไปอีกครั้ง
ร่างสแตนด์ของหลัวฉือหลินในตอนนี้อยู่ในสภาพปางตายในทันทีจนราวกับจะแตกสลายไปแล้ว ตัวของหลัวฉือหลินที่อย่างห่างไกลไปอีกร้อยกว่าไมล์นั้น ตอนนี้เขาอยู่ในห้องอพาร์ทเมนต์สุดหรูนอนสิ้นสติอยู่ท่ามกลางกองเลือดบนพื้นห้อง
ด้วยการที่หลัวฉือหลินนั้นตกอยู่ในสภาพปางตายทำให้ซูจิ้งติดตามร่างเงาได้อย่างยากลำบาก จนในที่สุด เขาปล่อยให้เงาดำรอดพ้นไปจนได้
ในตอนนี้ยังมีสิ่งที่ซูจิ้งกังวลอยู่ ถึงแม้ว่าแสงชำระล้างจะแผ่ขยายอาณาเขตของมันได้อย่างรวดเร็วก็จริงแต่มันก็ไม่ได้บินติดตามตัวของซูจิ้งไปแต่อย่างใด
แถมแสงชำระล้างนี้ยังเหมือนกับแสงทั่วไปตรงที่ต้องมีตัวกำเนิดแสงอย่างเหรียญตราเทวฑูตและพลังวิญญาณของซูจิ้งในการขยายอาณาเขต
หากว่าซูจิ้งยังคงบินอยู่อาณาเขตดังกล่าวก็ไม่สามารถขยายไปได้ไกลนัก แต่หากเขาอยู่กับที่ อาณาเขตของแสงชำระล้างนั้นสามารถครอบคลุมได้ทั้งเมืองจองหยุนด้วยซ้ำ
นี่จึงเป็นสิ่งที่ซูจิ้งค่อนข้างกังวล เพราะเขาคิดว่าหากยังติดตามแบบนี้ต่อไปล่ะก็ ไม่เพียงเขานั้นจะไม่สามารถจะจับเงาดำได้ ดีไม่ดี เงาดำอาจจะรู้ว่าเขานั้นกำลังปกป้องเมืองทั้งเมืองเอาไว้อยู่ มันอาจจะไปที่นั่นแล้วกวาดล้างเมืองเพื่อควบคุมคนที่มีสัมพันธ์อันดีและเพื่อนๆของเขาก็ได้
ความจริงแล้วหากว่าเงาดำนี้ไปทำร้ายคนอื่น เขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่หากว่านั่นกลับกลายเป็นเพื่อนๆและคนที่เขามีสัมพันธ์อันดีด้วยเขานั้นย่อมไม่ยินดี อีกอย่าง ในตอนนี้ หลัวฉือหลินเองก็กำลังเจ็บหนัก เขาต้องรีบไปช่วยหัวฉือหลินก่อนเพราะเขานั้นยังไม่ยินดีที่จะให้หลัวฉือหลินต้องตายลง
“….ไปเมืองของหยุนก่อนแล้วกันแล้วค่อยว่ากันอีกที” ซูจิ้งถอดถอนลมหายใจออกมาก่อนที่จะพุ่งตรงไปยังเมืองจองหยุนในทันที