Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 1150
GGS:บทที่ 1150 ตัวตนที่แปลกประหลาด
“เกิดอะไรขึ้น” ซูจิ้งนั้นคิดว่าเพียงตนทำให้ทั้งแปดคนนี้บาดเจ็บจนลุกไม่ขึ้นก็น่าจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงได้แล้ว
เขาไม่คิดว่าคนพวกนี้จะลุกขึ้นมาได้อีกแถมยังปล่อยกลิ่นไอปีศาจออกมาจากตัวได้มากมายขนาดนี้ อีกทั้งวิญญาณของผู้ชมโดยรอบยังถูกดึงไปแบบนี้ย่อมมีความเกี่ยวข้องกันเป็นแน่
“ดูเหมือนไอ้แปดตัวนี้จะไม่ใช่มนุษย์แล้วสินะ” ซูจิ้งในตอนนี้ไม่มีท่าทีจะอ่อนข้ออีกแต่อย่างใด เขาเชื่อว่าซงจุนฮ่าวและโอฉิงซงนั้นแค่ต้องการจะแก้แค้นเขาเท่านั้น พวกมันไม่ทางจะรู้เลยว่าตัวเองถูกเปลี่ยนเป็นตัวอะไรไปแล้ว
ซงจุนฮ่าว โอฉิงซง และอีกหกคนในตอนนี้เองก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกตินี้ นั่นก็เพราะทั้งหมดนั้นหลังจากได้รับบาดเจ็บเจียนตายมาขนาดนี้แต่กลับยังสามารถลุกขึ้นยืนมาได้อีก พวกมันนั้นไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีกต่อไป ไม่สิ แม้แต่ร่างกายของตัวเองยังไม่มีความรู้สึกว่าควบคุมได้เลยด้วยซ้ำ นั่นก็เพราะทุกร่างได้เคลื่อนที่เข้าไปโจมตีซูจิ้งทั้งๆที่ตัวพวกมันนั้นไม่ได้มีความรู้สึกอยากจะโจมตีต่อเลยแม้แต่น้อย
คราวนี้เอง ซูจิ้งก็ไม่ได้มีท่าทียั้งมือแต่อย่างใด เขาเข้าเผชิญหน้ากับชายชาวแอฟริกาอีกครั้งเขาได้ปลดปล่อยตราประทับมังกรออกมาแล้วทำการขับเคลื่อนตราประเทศด้วยพลังภายในราชันย์แห่งสายน้ำ
ท่านี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อกระดูกทั่วทั้งร่างให้แตกหักแล้ว อวัยวะทั้งหกนั้นโดนโจมตีจนแหลกเลอะ
ซูจิ้งได้ตรงเข้าไปยังชาวแอฟริกันอีกคนหนึ่งพร้อมทั้งโจมตีด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว แต่ในตอนนั้นเอง ก็ได้มีไอปีศาจสายหนึ่งออกมาจากอกของซงจุนฮ่าวลอยเข้าไปคว้าเหรียญตราเทวฑูตที่แควนอยู่กับคอของซูจิ้ง
“ออกมาสักที” ซูจิ้งนั้นแม้จะมีใบหน้ากระตุกไปเล็กน้อยแต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเขามากนักเพราะเขาได้เตรียมตัวไว้ก่อนอยู่แล้ว เขาจะไม่ยอมให้ร่างเงาดำนี่หนีไปได้อีกต่อไป ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่มีโอกาสแม้แต่จะถอยหนี
ก่อนที่ไอปีศาจนี้จะคว้าถึงเหรียญตราได้ จิตวิญญาณมังกรดวงใหญ่ยักษ์ก็ได้ปรากฏกายเบื้องหลังของซูจิ้ง มันส่งเสียงคำรามออกมาพร้อมทั้งคลื่นพลังแห่งมังกรฟ้าได้กระจายยออกไปทั่ว นี่ส่งผลต่อมือไอปีศาจนี้ในทันที
“ตู้มมมม”
มือไอปีศาจได้ระเบิดออกพร้อมทั้งปรากฎเสียงกรีดร้อนอันแสนเย็นยะเยือกและแสนเจ็บปวดที่เพียงได้ยินก็แทบจะเจ็บปวดตาม ร่างกายของชายชาวแอฟริกาได้เกิดการระเบิดและมีบางสิ่งกระเด็นลอยออกไปไกลในทันที
“หืม…ร่างเงาดำนั่นซ่อนอยู่ในไอ้ยักษ์นั่นงั้นเหรอ” ซูจิ้งไม่ได้สนใจคนอื่นอีกต่อไป เขาวิ่งไปยังร่างของชายร่างยักษ์ที่ระเบิดลอยไปเมื่อครู่นี้ แต่ซงจุนฮ่าว โอฉิงซง และคนที่เหลือก็พยายามจะเข้ามาขวางทางเอาไว้
ซูจิ้งนั้นไม่คิดที่จะเสียเวลากับคนพวกนี้อีกต่อไป ดั่งสุภาษิตที่ว่าจับโจรต้องจับหัวหน้าให้ได้ก่อน หากเขาต้องมายุ่งกับลูกกระจ๊อกพวกนี้อยู่อีก แน่นอนว่าร่างเงาดำต้องหนีไปได้อีกครั้งอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ทั้งแปดคนในตอนนี้ต่างก็พุ่งเข้าหาเพื่อหยุดยั้งซูจิ้งพร้อมกับไอปีศาจที่ลอยออกมาจากมือจนเห็นได้อย่างชัดเจน
“แม่…เอ๊ย” ซูจิ้งนั้นหน้าเปลี่ยนสีไปอีกเล็กน้อย เขาได้ใช้งานมังกรคำรามอีกครั้งพร้อมทั้งพุ่งตัวหลบและป่ายปัดมือที่อาบเอาไว้ด้วยไอปีศาจอย่างรวดเร็ว
เขานั้นสามารถหลับและปัดมือปีศาจที่พุ่งโจมตีมาหาเขาได้เกือบทั้งหมด แต่ก็ได้มีฝ่ามือหนึ่งเข้ามาจับแขนซูจิ้งจนได้ มือนี้ได้เผาไหม้แขนซูจิ้งจนต้องรู้สึกเจ็บปวด เมื่อซูจิ้งสลัดหลุดและหันไปดูก็พบรอยแผลเป็นสามรอยบนแขนของเขา มันลึกเข้าไปจนเห็นกระดูกราวกับว่าเนื้อของเขานั้นได้ละลายหายไป โดยรอบแผลนั้นมีสีดำทมิฬแม้เลือดที่ไหลออกมาก็ยังกลายเป็นสีดำ
โชคยังดีที่เหรียญตราเทวทูตนั้นยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างดี รอยไอปีศาจที่หลงเหลือไว้บนบาดแผลได้หายไปอย่างรวดเร็ว
ซูจิ้งเอง ในตอนนี้เขาได้สังเกตเห็นแล้วว่าในตอนนี้ฝ่ามือไอปีศาจของทั้งแปดคนนั้นได้จางหายไปแล้ว นี่เป็นผลของลำแสงชำระล้างจากเหรียญตราเทวฑูตเมื่อครู่นี้
ซูจิ้งจึงได้หยิบยารักษาชีวิตที่ได้ออกมาจากห้วงเวลาจูเซียนจากกระเป๋ามิติในทันที และนี่ได้ทำให้รอยแผลทั้งหายไปในทันใด พร้อมกับความคิดหนึ่งที่กำลังวิเคราะห์อยู่ในจิตใต้สำนึกว่า “ร่างเงาดำนั่นใช้วิธีการใดกันแน่ในการหลับเลี่ยงลำแสงชำระล้างในร่างกายแปดคนนี้ได้
มีสักกี่ชีวิตที่ต้องสังเวยให้กับร่างเงาดำนี้ไปแล้วกัน และไม่ใช่ว่าฉันต้องทำลายล้างทั้งแปดคนนี้ให้สิ้นซากเลยรึเปล่า แต่ที่แน่ๆร่างเงาดำนั่นสมควรจะอยู่ที่นี่แล้ว”
ซูจิ้งนั้นได้คิดอะไรบางอย่างก่อนที่จะส่งควบคิดเข้าไปควบคุมเหรียญตราเทวทูตอีกครั้ง เหรียญตรานี้มีคุณสมบัติอยู่สองอย่าง หนึ่งคือการป้องกันร่างกายของผู้สวมใส่ด้วยลำแสงศักดิ์สิทธิ์ อีกหนึ่งคือการปลดปล่อยลำแสงศักดิ์สิทธิ์ออกไปเพื่อชำระล้าง
ลำแสงนี้แน่นอนว่าหากยิ่งไกลออกปล่อยย่อมมีฤทธาที่ลดน้อยถอยลง แต่ในเมื่อร่างเงาดำนั่นอยู่ที่นี่…..ในเมื่อไอ้เวรนั่นไม่ต้องการให้ฉันใช้นักล่ะก็ ฉันจะคลุมที่นี่ด้วยลำแสงชำระล้างให้หมด
นี่ถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างมาก เพราะขนาดมีลำแสงชำระล้างแพร่ออกไปซะขนาดนี้ร่างเงาดำนี่ยังเข้ามาใกล้ไดแถมยังเล็งโจมตีเหรียญตรานี้เอาไว้อีก
ต้องขอบคุณที่ตัวเขานั้นไหวตัวทันจึงได้ไล่ร่างเงาดำออกไปได้ หากเหรียญตรานี้โดนทำลายไปล่ะก็ โลกนี้คงถึงจุดจบเป็นแน่
“ก้ะกะก่ะ ไม่นึกเลยจริงๆว่าเด็กเวรแบบแกจะสามารถบ่มเพาะจิตวิญญาณมังกรได้ ดูเหมือนว่าผู้ไม่ตายผู้นี่จะดูแคลนเจ้าไปหน่อย ไอ้มนุษย์น่ารังเกียจ แกทำให้ฉันโกรธอีกแล้ว” ทั้งแปดคนในตอนนี้ต่างก็พูดออกมาด้วยคำพูดเดียวกันอย่างพร้อมเพรียงจนน่าขนหัวลุก ราวกับว่าพวกมันนั้นคือร่างเงาดำนั่นเสียเอง
ในขณะเดียวกันนี้ ซูจิ้งก็ได้พบกับเรื่องน่าแปลกใจ นั่นก็เพราะ เขาพบว่าชายร่างยักษ์ที่สมควรจะถูกเขาบดขยี้จนน่าจะตกตายไปเมื่อครู่นี้ได้ค่อยๆฟื้นคืนกลับมาเรียบร้อยและไม่มีทางเจ็บปวดเลยสักนิด ถึงแม้ว่าจะมีสภาพร่างกายที่พิกลพิการและหลงเหลือร่องรายบาดเจ็บอยู่บ้างก็ตาม
ในตอนนี้ซงจุนฮ่าว โอฉิงซง และคนอื่นๆอีกสองคนได้วิ่งเข้าไปหาผู้ชมที่ยังตกค้างอยู่ แน่นอนว่าพวกมันนั้นต้องการฟื้นคืนร่างของตัวเองให้สมบูรณ์ด้วยการฆ่าผู้คน
ความจริงซูจิ้งนั้นต้องการที่จะดูเหมือนกันว่าไอ้เวรตะไลจะฟื้นฟูร่างกายอย่างไร แต่ประเด็นคือไอ้เวรตะไลซงจุ่นฮ่าวนั้นดันพุ่งเข้าไปหาผู้ชมชาวจีน แน่นอนว่าซูจิ้งนั้นย่อมไม่ยินดี
อย่างไรก็ตาม คนที่เหลือในตอนนี้ได้มาพยายามหยุดซูจิ้งอย่างเต็มความสามารถพร้อมทั้งไอปีศาจที่กลับมาพวยพุ่งตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แถมไม่ใช่แค่เพียงบนเวทีเท่านั้น ในตอนนี้ซูจิ้งเห็นไอปีศาจจากพื้นที่รอบๆเรียบร้อยแล้ว
ผู้คนทั้งหลายในตอนนี้อยู่ในสภาพที่น่าอดสู พวกเขานั้นชักราวกับจ้าวเข้าทรงและโดนดูดวิญญาณออกไป
นี่แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่ซูจิ้งเป็นคนกระทำแต่เป็นเงาดำนั่นกระทำ ในเมื่อซูจิ้งสามารถแพร่ขยายลำแสงชำระล้างออกไปได้ เงาดำนั่นจึงคิดตอบโต้ด้วยการปลดปล่อยคลื่นแห่งความตายออกไป
ในคราวนี้ซูจิ้งจึงเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมเงาดำนั่นถึงกล้าที่จะลงมือในที่นี้ ไม่ใช่ว่ามันไม่สนใจที่จะทำการอุกอาจต่อหน้าผู้คน แต่มันต้องการใช้พื้นที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนเพื่อสูบวิญญาณให้ได้มากที่สุด มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่เหมาะสมกับการเป็นแหล่งอาหารของมันในตอนนี้
“กิ้ก่ะก่ะ ตอนนี้แกนั้นไม่เหลือชื่อเสียงแล้วล่ะม้างงงง อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่ายิ่งแกมีชื่อเสียงมากเท่าไหร่แล้วลำแสงชำระล้างนั่นจะทรงพลังมากขึ้นเท่านั้นน่ะ
ข้ารู้วิธีการจัดการเรื่องนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วไอ้เด็กเวรเอ๊ย แต่ที่ข้าไม่หยุดแกนั่นเป็นพระว่าฉันสามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้ยังไงล่ะ ก้ะก่ะก่ะ คราวนี้แหล่ะ ข้าจะฟื้นฟูร่างกายกลับสู่จุดเดิมอีกครั้ง และแก ไม่สิ เมื่อแกตกตายไป โลกนี้ก็จะกลายเป็นของข้า….ก้ะกะก่ะ” ร่างเงาดำได้หัวเราออกมาด้วยนำเสียงแห่งความสุขแต่เยือกเย็นอย่างน่าขนลุก
“ก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าใครจะตายก่อนกัน” ซูจิ้งพูดออกมาพร้อมทั้งกางมือออก ในตอนนี้กระบี่บินจำนวนหนึ่งได้ปรากฏออกมาท่ามกลางอากาศ ทุกเล่มล้วนแล้วแต่มีสีแดงฉาน
กระบี่พวกนี้นั้นไม่ใช่กระบี่ธรรมดาแต่อย่างใด แต่กระบี่เหล่านี้คือกระบี่บินที่มาจากต้นประกายแดงเพลิง ต้นประกายแดงเพลิงนั้นเป็นต้นไม้ที่ซูจิ้งได้มาจากขยะห้วงเวลาฯสุสานไร้ค่าฯ
ในตอนนี้พวกมันได้สูงเกินกว่าสามถึงสี่เมตรไปแล้ว นี่คือผลพวงจากการที่ซูจิ้งนั้นได้บ่มเพราะต้นไม้นี้จากดินจอมเขมือบและหัวกะโหลกเร่งเวลา
ด้วยการที่ต้นไม้นี้นั่นเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมทำให้มันนั้นเติบโตได้ไม่ดีนัก แต่หลังจากทดลองนำต้นประกายแดงเพลิงนี้ไปไว้ในรังนก นี่ทำให้ต้นไม้นี้เติมโตจนทำให้เขานั้นสามารถนำมาใช้ทำกระบี่เหล่านี้ได้ในที่สุด
ซูจิ้งได้โบกมือของตัวเองไปเล็กน้อย กระบี่สามเล่มได้แหวกอากาศทะยานฝ่าฝูงงชนและปักเข้าไปที่ร่างของซงจุนฮ่าวที่เตรียมจะกัดผู้ชมชาวจีนในทันที