Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 946
GGS:บทที่ 946 หยิบก่อนก็ได้ก่อนสิ
“เรื่องนี้…” ซูจิ้งถึงกับขมวดคิ้วในทันที ตอนนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าสมบัติที่พบนี้เป็นของจากดินแดนที่สาบสูญแอตแลนติสใช่รึเปล่า
แต่ปัญหาคือใครเป็นเจ้าของสมบัติเหล่านั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เป็นผู้ครอบครองเรือสมบัติพวกนั้นไปล่ะก็ แน่นอนว่าจะเป็นที่กล่าวถึงจากทั่วทั้งโลกนี้ไปอีกนานเลยทีเดียว
และในเรื่องการเก็บกู้โบราณวัตถุเองนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างมาก และปัญหาหลักๆก็คือเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายในประเทศที่ส่วนใหญ่นั้นมักมีข้อคัดแย้งกัน
นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องโบราณวัตถุเหล่านั้นมาจากประเทศไหนด้วยซ้ำ หากเอาเรื่องนี้พิจารณาด้วยแล้วจะยิ่งทำให้กลายเป็นหาที่ซับซ้อนมากเข้าไปอีก
โดยทั่วไปปัญหาเหล่านี้นั้นมันจะจบลงที่ใครเป็นผู้เก็บกู้ขึ้นมาก็เป็นคนที่ได้รับมันไป ต่อให้เรือนั้นเป็นซากเรือจากเมืองจีนและต่อให้อยู่ในน่านน้ำจีนด้วยก็ตาม
แต่หากประเทศที่มีเทคโนโลยีเก็บกู้สูงๆอย่างญี่ปุ่นเก็บกู้ไปได้ ศาลโลกก็มักจะตัดสินให้กรณีแบบนี้เป็นของฝ่ายเก็บกู้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงการที่ซากเรือพวกนี้อยู่ในเขตน่านน้ำสากลและยังไม่รู้ว่าเป็นของจากที่ไหนหรือยุคใดด้วยซ้ำ
“ไม่ใช่แค่ญี่ปุ่นนะครับ อีกไม่นานนักประเทศอื่นก็น่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว หากช้าเกินไปล่ะก็เราจะไม่ได้อะไรเลยสักนิด” โจวฉือเซียนได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูปกติมากขึ้น ออกไปเชิงเสียดายเสียมากกว่าด้วยซ้ำ
ปกติปัญหาเรื่องการเก็บกู้เรืออัปปางแบบนี้ส่วนใหญ่จะเกิดปัญหาระหว่างประเทศไม่สองก็สามประเทศ แต่ในตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้วเพราะว่าทุกประเทศต่างก็ควานหาดินแดนที่สาบสูญ
แน่นอนว่าข้อมูลแบบนี้ไม่นานต้องเล็ดรอดไปเข้าพวกนั้นอย่างแน่นอน
“ในเรื่องนี้นั้น ผมเองก็กลัวว่าพวกรัฐบาลจะเคลื่อนไหวไม่ทันการอย่างแน่นอน ทางที่ดีที่สุดคือการต้องหาสปอนเซอร์จากภาคเอกชน
แต่ก็อีกนั่นแหล่ะครับ ต่อให้เก็บกู้ได้ ยังไงซะพวกนั้นก็คงจะถือครองกรรมสิทธิ์สมบัติพวกนั้นอยู่ดีนั่นแหล่ะ” ซูจิ้งพูดออกมา
“เรื่องนั้นพวกเราไม่สนหรอกครับ เอาจริงๆก่อนหน้านี้ก็มีหลายบริษัทที่สนใจจะร่วมลงทุนเหมือนกัน แต่พวกนั้นกลัวที่จะคว้าน้ำเหลวมากกว่าจะได้สมบัติมาครอบครองเลยไม่มีใครกล้าออกตัวแต่อย่างใด
พวกนั้นอยากจะดูท่าทีและประเมินว่าคุ้มค่าในการลงทุนรึเปล่า แต่การที่พวกนั้นมัวแต่รอดูท่าทีแบบนี้ กว่าจะเริ่มเคลื่อนไหวล่ะก็ กว่าจะไปถึงดอกไม้งามที่เราคาดหวังไว้มันก็เฉาตายหมดกันพอดี
จะว่าไปคุณซูไม่สนใจที่จะเก็บกู้ซากเรือพวกนั้นหรือครับ” ถึงแม้โจวฉือเซียนจะบอกอกมาว่าการเก็บกู้ซากเรือในทะเลน้ำลึกแบบนี้นั้นต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล
แต่เท่าที่เขารู้นั้นจำนวนเงินที่ใช้แทบจะไม่ได้มีผลอะไรเลยกับซูจิ้ง ซูจิ้งนั้นหาเงินได้นับร้อยล้านหยวนด้วยการปล่อยประมูลสมบัติเพียงชิ้นเดียว
ไหนจะมีผลกำไรที่ได้จากธุรกิจและอุตสาหกรรมมากมายที่เขาสร้างเอาไว้อีก เพียงเท่านั้นก็บอกได้เลยว่าซูจิ้งสมควรจะมีเงินอยู่ในมือไม่น้อยกว่าหมื่นล้านหยวนเป็นแน่
“ผมเองมีเรื่องอื่นต้องทำน่ะ อีกอย่างผมตอนนี้เอาจริงๆแล้วเงินยังอยู่แค่ในดุลหมุนเวียนเท่านั้น ผมเองคงร่วมลงเงินไม่ได้หรอก” ซูจิ้งพูดออกมา
“งั้น… ไม่เป็นไรครับ ผมจะลองหาคนอื่นดูแล้วกันครับ” โจวฉือเซียนไม่มีทางเลือกได้แต่วางสายไป เขาเองก็หวังเพียงว่าซูจิ้งนั้นจะพอทำอะไรกับเรื่องนี้ได้บ้าง
เพราะยังไงซะของพวกนั้นเจอในตำแหน่งที่ซูจิ้งเจอสมบัติจากแอตแลนติสก็อาจจะเจอเพิ่มได้เหมือนกัน ต่อให้ไม่ใช่แต่ยังไงซะพวกมันก็เป็นสมบัติอยู่ดี แต่คิดไม่ถึงว่าซูจิ้งจะไม่มีท่าทีว่าสนใจแม้แต่น้อย
แต่ที่โจวฉือเซียนคิดไม่ถึงนั่นก็คือซูจิ้งใช่ว่าจะไม่สนใจ แต่เขาแค่ไม่อยากเสียเงินไปกับเรื่องพวกนี้ก็เท่านั้นเอง
หลังจากโจวฉือเซียนได้วางสายไปแล้ว ซูจิ้งก็ได้บ่นพึมพำออกมาว่า “ถ้าให้ภาครัฐหรือเอกชนได้ไปล่ะก็ เขาขอลงมือเองเลยดีกว่า แต่นี่จะดูโหดร้ายกับโจวฉือเซียนและเอี้ยป๋อไปรึเปล่านะ”
ที่ซูจิ้งบอกปฏิเสธที่จะให้เงินช่วยเหลือไปนั้นเหตุผลหลักๆก็คือการเก็บกู้ซากโดยพวกเขานั้นช้ามากๆเมื่อเทียบกับญี่ปุ่นซึ่งมีเทคโนโลยีด้านการทะเลอันดับต้นๆของโลกแล้วไม่มีทางสู้ได้อย่างแน่นอน
ไหนจะประเทศอื่นอีก ต่อให้กู้มาได้ยังไงก็ถูกปล้นไปดื้อๆอยู่ดี ต่อให้เก็บกู้ได้จริงก็คงแต่ไม่กี่ชิ้นและนั่นก็ไม่เพียงพอต่อการสืบหาว่าสมบัติเหล่านั้นมาจากที่ใด
ระหว่างลงเงินเพื่อรอผลที่น่าจะแทบไม่ได้อะไรกลับมาเลยแบบนี้ สู้เขาลงมือกวาดเรียบคนเดียวซะยังจะดีกว่า ตัวเขานั้นไม่เพียงจะมีสัตว์ประหลาดใต้ทะเลลึกอย่างหมึกยักษ์หัวกลม ราชันย์หมึกกล้วย ปลาวาฬเพชฌฆาต ปลาตาน้ำเงิน และสัตว์ทะเลอย่างอื่นอีก
หากว่าเป็นทีมของเขาล่ะก็ แน่นอนว่าไม่ว่าทีมเก็บกู้ซากทะเลใดๆในโลกก็ไม่อาจทัดเทียมได้
ก่อนหน้านี้ตอนที่โจวฉือเซียนและเอี้ยป๋อจะดึงดันออกทะเลเพื่อควานหาสมบัติแห่งแอตแลนติสนั้น
ในตอนนั้น ซูจิ้งรู้สึกละอายใจในสิ่งที่เขาทำลงไปจริงๆที่ไปยกอ้างถึงเรื่องแอตแลนติสจนทำให้ทั้งสองต้องเสียเวลาแบบนั้นไป
แต่ในตอนนี้กลับต่างกันออกไปเพราะพวกเขานั้นดันโชคดีเจอเรือสมบัติจริงๆและเลือกที่จะเก็บกู้ซากเรือกันเองทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่ามีโอกาสจะโดนปล้นไปได้แบบนี้ ทั้งคู่ไม่กลัวกันเลยรึไงนะ
“หากฉันไม่เคลื่อนไหวเองล่ะก็ แน่นอนว่าไอ้พวกญี่ปุ่นนั่นสมควรจะได้สมบัติไป หึหึหึ อย่าว่าแต่สมบัติเลย ปลาสักตัวฉันก็ไม่ยอมให้พวกแกได้ไปหรอก”
เมื่อซูจิ้งคิดดังนั้นแล้ว เขาก็ได้รีบเตรียมตัวอย่างรวดเร็วและได้ขี่อินทรีย์ทองของเขาตรงไปยังพื้นที่ที่เจอซากเรือในทันที
เวลาผ่านไปพักใหญ่ โจวฉือเซียนและเอี้ยป๋อยังคงติดต่อหาคนสนับสนุนพวกเขาอย่างจ้าละหวั่น ซากเรือในพื้นที่ที่เคยเจอวัตถุโบราณจากเมืองแอตแลนติสนั้น
หากคนทั่วไปเพียงแค่ได้ยินคำพูดนี้ก็ทำให้คนที่ได้ฟังนั้นหวั่นไหวอย่างแน่นอนและพร้อมที่จะทุ่มเททุกอย่างอยู่แล้ว
แต่กับเหล่านักธุรกิจแล้วนั้น พวกเขาไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องอื่นใดนอกเสียจากเรื่องเงินเพียงอย่างเดียว พวกเขาสนเพียงว่าสมบัติจากแอตแลนติสจะทำให้พวกเขาได้เงินมหาศาลอย่างแน่นอน
แต่หากสมบัติพวกนี้ไม่ใช่อย่างที่คิดแล้วการเก็บกู้ครั้งนี้ก็จะเป็นเรื่องเสียงเงินเสียทองและเสียแรงเปล่าของพวกเขาไป แถมในครั้งนี้เองพวกเขานั้นก็ยังไม่เห็นหลักฐานที่พอจะยืนยันได้ว่าสมบัติเหล่านี้เป็นของยุคใดกันแน่ แน่นอนว่าหากพวกเขาเลือกที่จะไม่ช่วยเหลือก็ไม่ได้แปลกอะไร
“เฮ้อ ให้พูดตรงๆเลยนะ ฉันนั้นคิดว่าคุณซูควรจะสนใจเรื่องนี้มากกว่าใคร แต่ทำไมเขาดันปฏิเสธซะได้เนี่ย” เอี้ยป๋อบ่นออกมาพลางเหนื่อยที่จะโทรชนิดที่เกือบสิ้นความหวังแล้ว
“ไม่รู้เหมือนกัน เขาอาจจะไม่มั่นใจว่าสมบัติพวกนี้ว่าเป็นของจริง ไม่ก็เขาอาจจะพอใจกับรูปปั้นแอตแลนติสที่เขาได้มาแล้วก็ได้” โจวฉือเซียนพูดพลางถอนหายใจออกมา
“ถ้าซากเรือพวกนั้นมาจากแอตแลนติสจริงๆล่ะก็ จะไม่ได้มีค่ายิ่งกว่ารูปปั้นนั่นหรอกเหรอ” เอี้ยป๋อพูดออกมา
“แล้วจะบอกฉันไปทำไมกันเล่า ไปบอกคุณซูนู่นเลย บอกฉันไปก็เท่านั้น” โจวฉือเซียนในตอนนี้นั้นหมดหนทางจนเริ่มโมโหออกมาจนแทบจะร้องไห้แล้ว
ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ของเอี้ยป๋อก็ได้ดังขึ้น พอเขามองดูก็พบว่ามันเป็นเบอร์ที่เขาไม่รู้จัก แต่เขาก็ยังรีบรับอยู่ดี ปลายสายได้พูดมาด้วยน้ำเสียงกระจ่างใสชนิดที่ว่าแม้แต่โจวฉือเซียนก็ยังได้ยิน เขาพูดออกมาว่า “ขอโทษครับ นั่นใช่ดอกเตอร์เอี้ยรึเปล่า”
“ใช่ครับ แล้วคุณคือ?” เอี้ยป๋อถามออกมา
“ชื่อของผมคือฮัวหยุนชู ผมได้ยินมาว่าดอกแตอร์เอี้ยพบซากเรือและกำลังหาใครสักคนในการสนับสนุนการกู้ซากเรือ พอได้ยินดังนั้นผมเลยสนใจที่จะเป็นผู้สนับบสนุนให้น่ะครับ”
“ฮัวหยุนชู” เอี้ยป๋อถึงกับนิ่งอึ้งไปในทันที และเขาก็จำได้ดีว่าใครคือฮัวหยุนชู จะมีใครบ้างล่ะที่ไม่รู้จักตระกูลฮัวได้กัน เขาเองรู้สึกประหลาดใจจนต้องพูดออกไปว่า “คุณฮัว หากคุณยินดีสนับสนุนเราล่ะก็นั่นเป็นเรื่องที่ดีเลยทีเดียว”
“เอาจริงๆเรื่องเงินนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมเลย แต่ประเด็นคือไอ้พวกญี่ปุ่นที่เริ่มทำการเก็บกู้ไปแล้วตามที่ผมได้ยินมา ผมกลัวแต่ว่าประเทศอื่นอีกไม่นานก็จะเริ่มดำเนินการเหมือนกัน
เราต้องรีบดำเนินการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดและผมเองก็เริ่มจัดการเรื่องนี้ไปแล้ว คุณและคุณโจวควรจะมาหาผมก่อนดีกว่า
ในเมื่อคุณเองเป็นผู้พบเรือนั่นยย่อมรู้สถานการณ์ในพื้นที่ดีกว่าใครอยู่แล้ว หากผมได้รับความช่วยเหลือจากคุณล่ะก็ แน่นอนว่าผมเองก็จะตอบแทนพวกคุณทั้งสองอย่างงามเลย”
“พวกเราไม่ต้องการเรื่องเงินทองอะไรนั่นหรอกครับ สิ่งที่พวกเราต้องการมีเพียงการได้ตรวจสอบและศึกษาพวกมันก็พอแล้ว” เอี้ยป๋อพดออกมา
“งั้นก็ดีเลยครับ อย่างนี้เราก็พูดกันได้ง่ายหน่อย ผมเองก็อยากได้มาเพื่อตรวจสอบและศึกษาเหมือนกัน ถ้าคุณกลัวว่าผมจะตุกติกล่ะก็ ยังไงก็เอาเป็นเรามาเซ็นสัญญาไว้ก่อนก็ได้นะ”
“คุณฮัวนี่สุดยอดจริงๆ พวกผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ครับ” เอี้ยป๋อและโจวฉือเซียนนั้นมีความสุขแบบสุดๆ นั่นก็เพราะว่าพ่อของฮัวหยุนซูนั้นเป็นหนึ่งในคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ
เขานั้นมีเงินมากมายมหาศาล และกับคนที่มีเงินมากมายขนาดนั้นแล้ว แน่นอนว่าขุมกำลังของเขาเองก็ถือได้ว่าดูถูกไม่ได้เช่นเดียวกัน
หากเขาต้องการเข้าร่วมจริงๆแน่นอนว่าทั้งปัญหากำลังเงินและกำลังคนในการเก็บกู้ซากเรือนั้นแน่นอนว่าย่อมคลี่คลายได้อย่างง่ายดาย
ฮัวหยุนซูนั้นไม่ได้สนใจรอเอี้ยป๋อและโจวฉือเซียนแต่อย่างใด เขาได้รีบจัดตั้งทีมเก็บกู้ซากเรือพร้อมจัดเตรียมอุปกรณ์และคนที่มีความสามารถด้านการเก็บกู้ขึ้นมา
ทีมของเขานั้นเมื่อเตรียมตัวเสร็จแล้วก็ได้รีบออกทะเลตรงไปยังจุดพบซากเรือในทันที แต่ในตอนนั้นเองพวกเขาก็พบว่าไม่ใช่เพียงพวกเขาเท่านั้นที่เตรียมตัวเก็บกู เขาพบทีมเก็บกู้จากอเมริกา เกาหลีใต้ อังกฤษ และประเทศอื่นๆอีก และดูเหมือนว่าการเก็บกู้ในครั้งนี้คือศึกแย่งชิงอย่างแน่นอนแล้ว
ในเมื่อตอนนี้เรื่องนี้ทุกประเทศต่างรู้แล้ว ก็ไม่จะเป็นที่ต้องปิดบังกันอีกแต่ไป ไม่นานนักก็ได้มีข่าวนี้แพร่ออกไปอย่างรวดเร็วทั่วทั้งโลกอินเตอร์เน็ต
เหล่าชาวเน็ตที่เห็นข่าวนี้ต่างก็ตื่นเต้นในทันที เอาจริงในตอนแรกพวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเพราะเจ้าของโพสต์ข่าวนี้เป็นข้อคนไร้ชื่อเสียงคนหนึ่ง
แต่ทันทีที่พวกเขานั้นคลิ๊กเข้าไปดูต่างก็พบหัวข้อที่น่าตื่นตะลึงว่า “ช็อคโลก ร่องรอยแอตแลนติสโผล่ออกมาแล้ว”