Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 961
GGS:บทที่ 961 ของขวัญ
ในช่วงเย็นวันถัดมา เสี่ยวรุยได้มาที่บ้านของซูจิ้งตามนัด หลังจากได้นั้นเขาก็ได้พาซูจิ้งไปยัง KTV ห้องคาราโอเกะกลางเมืองจงหยุน
เมื่อพวกเขาไปถึงก็พบว่าได้มีคนอยู่ในงานแล้วหลายคน เมื่อทุกคนได้เห็นซูจิ้งพวกเขาก็ทำได้เพียงจ้องกันตาค้างไปเป็นแถบ นั่นก็เป็นเพราะว่าไม่มีใครคาดคิดว่าซูจิ้งจะมางานนี้ด้วย
เมื่อหญิงสาวร่างสูงเพรียวคนหนึ่งได้เห็นซูจิ้งก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง เมื่อเธอคืนสติก็ได้รีบเดินมาเพื่อต้อนรับในทันที นี่ทำให้สาวๆที่ร่างสูงพอๆกับเธออีกหลายคนได้เดินตามมาติดๆ ถึงแม้ว่าเธอจะเดินมาต้อนรับอย่างไว แต่เธอเองก็เดินมาด้วยความสง่างาม
“พี่สาม ให้ผมแนะนำให้พี่ได้รู้จัดก่อนแล้วกัน นี่คือลูลู่ เจ้าของงานวันเกิดในวันนี้” เสี่ยวรุยได้ผายมือไปยังหญิงสาวร่างสูงและหน้าสวยสง่าคนหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็หันไปหญิงสาวคนนี้พร้อมพูดว่า “ลู่น้อย นี่คือเพื่อนร่วมหอของฉัน…”
“ฮิฮิ นายไม่ต้องแนะนำตัวเขาหรอกน่า จะมีใครที่ไม่รู้จักซูจิ้งกัน หรือจะให้เรียกว่าท่านเทพซูดีล่ะ” ลูลู่พูดออกมาพลางหัวเราะต่อกระซิก
“สวัสดีค่ะท่านเทพซู” สาวน้อยทั้งหลายที่น่าจะเป็นเพื่อนของลูลู่ได้ทักทายซูจิ้ง บางคนถึงกับตื่นเต้นและหน้าแดงกันหลายคนทีเดียว
พวกเธอนั้นไม่เพียงจะรู้จักซูจิ้งแต่ยังบูชาเขาไว้บนหิ้งได้เลย จนในตอนนี้ ซูจิ้งมีแฟนคลับเป็นหญิงสาวมากเกินกว่าครึ่งของแฟนคลับของเขาทั้งหมด
บ้างก็หลงใหลเขาเพราะความสามารถด้านกู่จิ้ง บ้างก็หลังใหลในฝีมือการทำอาหาร บ้างก็หลังใหลเพราะฝีมือการเลี้ยงสัตว์และบรรดาสัตว์เลี้ยงของเขา และหลายๆคนก็หลงใหลในฝีมือวาดรูปของเขา
ด้วยความสามารถที่มากมายหลายแขนงเหล่านี้ แน่นอนว่าย่อมไม่แปลกที่เขาจะเดินไปไหนก็เจอแฟนคลับอยู่เกล่อไปหมด แม้แต่ที่นี่ก็ตาม
“สวัสดี” ซูจิ้งพูดออกมาเพียงคำสั้นๆและพร้อมรอยยิ้มละไม เพียงเท่านี้ก็ทำให้สาวๆกว่าครึ่งถึงกับตื่นเต้นวืดว้ายและเป็นลมล้มพับไปเลยทีเดียว พวกเธอในตอนนี้ต่างก็อยากจะขอลายเซ็นซูจิ้ง หากไม่ได้อย่างน้อยๆก็ขอถ่ายรูปหมู่ก็ยังดี คงมีเพียงลูลู่เท่านั้นที่มีท่าทีสงบกว่าใคร แต่ภายในเธอนั้นมีความสุขแบบสุดๆที่เขามาที่นี่
เสี่ยวรุยที่เห็นสาวๆรุมล้อมซูจิ้งในตอนนี้ถึงกับอิจฉา ริษยา และอยากจะเกลียดพี่ชายนอกเลือดของเขาคนนี้เสียจริงๆ นี่ก็ไม่แปลกเพราะตัวเขานั้นยังไม่เคยสัมผัสความรู้สึกแบบนี้มาก่อนในชีวิต
จนในตอนนี้รู้สึกเสียใจจริงๆที่ขอให้ซูจิ้งมาเป็นเพื่อนเขา เขาลืมไปว่าพี่ชายนอกเลือดของเขาคนนี้มีชื่อเสียงแบบสุดๆ จนในตอนนี้เหมือนความโด่งดังของซูจิ้ง จะกลบความเด่นของเขาไปเรียบร้อยแล้ว
“ท่านเทพซู ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” สาวที่ดูเฉลียวฉลาดคนหนึ่งได้เดินแทรกฝ่าวงล้อมเพื่อนขึ้นมายืนข้างๆกับลูลู่ ตัวเธอนั้นใส่ชุดเดรสสีดำ เธอทักออกมาด้วยรอยยิ้มเย็นเฉียบบ่งบอกว่าเธอนั้นไม่ได้หลงใหลในตัวซูจิ้งแม้แต่น้อย สายตาของเธอทีจ้องมองซูจิ้งนั้นเหมือนกับกำลังมองสัตว์อสูรโบราณก็ว่าได้
“โอ้ มู่ติง ไม่คิดเลยว่าเธอจะอยู่ที่นี่เหมือนกัน เธอนี่ทำให้ฉันนึกละอายใจจนไม่ยากจะทักเลยจริงๆ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยเสียงกระจ่างชัดแม้จะมีเสียงเพลงเปิดอยู่ดังลั่นก็ตาม
เขาเองก็ประหลาดใจจริงๆที่เจอมู่ติงที่นี่ เธอเป็นเพื่อนที่ดีของหวังหยานแน่นอนว่าเขานั้นพบเจออยู่บ่อยครั้ง เอาจริงเขาก็เจอเธอบ่อยๆตั้งแต่ตอนอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว
ตอนที่พบหวังหยานนั้นเป็นครั้งแรก เธอก็อยู่กับหวังหยานอยู่แล้ว และทุกครั้งที่หวังหยานไปกับเขา เธอก็จะตามไปด้วยเช่นเดียวกัน
หลังจากจบมหาวิทยาลัยมา เขาเคยเจอเธออยู่หนหนึ่งตอนที่แข่งเทพเจ้าโรงครัวรอบสุดท้าย หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยเจอกับเธออีกเลยเป็นการส่วนตัว
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เกือบจะเจอกันก็ตอนที่เขานั้นไปซัดหน้าคิมูระคนที่เป็นปรมาจารย์คาราเต้ เธอกับหวังหยานเองก็ไปด้วยเช่นเดียวกันเพียงแต่รอดูผลการปะลองอยู่ในรถที่หน้าหอประลองทำให้ไม่ได้เจอกัน ไม่คิดเลยว่าอยู่จะได้มาเจอกันแบบนี้
“ลู่น้อยเป็นรุ่นน้องของฉันน่ะ ไม่แปลกหรอกที่ฉันจะมางานวันเกิดของเธอ ฉันต่างหากที่ไม่คิดว่านายจะมาที่นี่ด้วย โลกนี่มันแคบจริงๆ” มู่ติงเองก็พูดตอบซูจิ้งอย่างชัดถ้อยชัดคำเช่นเดียวกัน
“ฉันมากับเสี่ยวรุยนะ อืมมมม โลกนี้ช่างแคบจริงๆนั่นแหล่ะ” ความจริงซูจิ้งก็อยากจะพูดอะไรออกมาอีกซะหน่อย ต่อพอนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างมู่ติงกับหวังหยานแล้ว ทำให้เขาเองก็รู้สึกอึดอัดที่จะพูดคุยกับมู่ติงเลยไม่คุยอะไรต่อ
ลูลู่นั้นเคยได้ยินเรื่องราวระหว่างซูจิ้งกับหวังหยานมานานแล้ว และก็รู้ดีว่าหวังหยานและมู่ติงเป็นอย่างดี นี่จึงไม่แปลกที่ซูจิ้งและมู่ติงจะรู้จักกัน เธอรู้แม้แต่เรื่องเหตุผลที่ทั้งสามต้องปั้นปึ่งใส่กันแบบนี้แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ด้วยการนำของสาวๆ ซูจิ้งและเสี่ยวรุยได้เดินไปยังที่นั่งที่หนึ่งของงาน หลังจากที่ซูจิ้งและเสี่ยวรุยได้นั่งลง สาวๆต่างก็แย่งกันนั่งลงข้างซูจิ้งจนวุ่นกันไปหมด ฉากนี้ทำให้ชายหนุ่มหลายๆคนต่างก็อิจฉาจนเกลียดซูจิ้งกันไปในทันที
อีกด้านหนึ่งในงานได้มีมุมที่มีแต่หนุ่มนั่งอยู่ในงาน ที่นั่นมีชายหนุ่มหล่อคนหนึ่งจ้องมองมายังซูจิ้งและเสี่ยวรุยอย่างกินเลือดกินเนิ้อก่อนจะพึมพำออกมาว่า “ไอ้จิ้งจอกตัวนี้ ทำอีท่าไหนมันถึงจำแลงกายเป็นเสือได้กินวะ”
ชายหนุ่มบางคนที่นั่งอยู่ข้างๆหนุ่มหล่อคนนี้เองก็ได้พูดออกมาว่า “ไม่คิดว่าเสี่ยวรุยจะเรียกซูจิ้งมาที่นี่เหมือนกัน”
“ดูเหมือนว่าเสี่ยวรุยกับซูจิ้งจะมีสัมพันธ์อันดีล่ะนะ”
“ที่เสี่ยวรุยมันสูงแบบไม่น่าเชื่อมาจนถึงขนาดนี้ได้เห็นมันบอกว่าซูจิ้งช่วยเหลือมันนะ”
“ตอนนี้พิพิธภัณฑ์ของหมอนั่นร้อนแรงเป็นพายุเพลิงเลยนะ นอกจากจะสร้างความตื่นตะลึงให้คนทั้งโลกแล้วที่นั่นมีผู้เชี่ยวชาญต่างชาติหลายคนเลยที่เข้ามาติดต่อเกี่ยวกับสมบัติในนั้น แต่ซูจิ้งไม่ได้สนใจ เรื่องพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อหมอนี่มาที่นี่แล้วทำไมเรามาหาเรื่องสนุกๆทำซะหน่อยล่ะ
“ในเมื่อซูจิ้งหนุนหลังเสี่ยวรุย ถ้างั้นเราเล่นงานหมอนี่เอาไหมล่ะ”
เอาจริงๆทุกคนในคนกลุ่มนี้ล้วนแล้วแต่เกรงกลัวซูจิ้งกันไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินหรืออำนาจซูจิ้งเหนือกว่าพวกเขาในทุกๆด้านเลยก็ว่าได้
การมางานเลี้ยงของซูจิ้งในที่นี้นั้นสร้างแรงกดดันให้พวกเขาอย่างมาก และในเมื่อพวกเขานั้นเลือกที่จะหนุนหลังหนุ่มหล่อคนนี้ให้จีบสาวแข่งกับเสี่ยวรุย แน่นอนว่าพวกเขาต้องแข่งกับเสี่ยวรุยไปโดยปริยาย แต่ยังไงพวกเขาก็ไม่อยากจะหาเรื่องซูจิ้งอยู่ดี
“ของอย่างนี้ไม่ลองก็ไม่รู้น่า ซูจิ้งก็คือซูจิ้ง เสี่ยวรุยก็คือเสี่ยวรุย ถึงแม้เราจะไปก่อกวนสองคนนี้ไม่ได้ แต่กับเรื่องของลูลู่นี่ก็อีกเรื่องนึง ใครจะจีบเธอได้มันก็อยู่ที่ความสามารถส่วนตัวของคนๆนั้น ต่อให้ซูจิ้งแข็งแกร่งไปก็เท่านั้น” หนุ่มหล่อที่คนกลุ่มนี้หนุนหลังอยู่ได้พูดออกมา
“ช่าย ใช่เลย นี่แหล่ะถูกต้องที่สุดแล้ว” คนกลุ่มนี้แสดงท่าทีเห็นด้วยในทันที
ทุกคนในที่นี่ยังไปหนุ่มสาวกันอยู่ แน่นอนว่าในงานเลี้ยงวันเกิดแบบนี้พวกเขาก็ต้องจับกลุ่มร้องเพลง เล่นเกม และคุยกันอย่างสนุกสนาน
บรรยากาศในงานตอนนี้มีชีวิตชีวากันไปหมด พอถึงจุดๆหนึ่งก็เริ่มมีคนมอบของขวัญวันเกิดให้กับลูลู่ แต่บางคนก็ไม่ได้เอามาเหมือนกัน เอาจริงๆเจ้าของงานวันเกิดในวันนี้ไม่ได้ใส่ใจเรื่องของขวัญนี่สักเท่าไหร่นัก
เซียงหลงหรือก็คือชายหนุ่มหล่อที่จีบลูลู่แข่งกับเสี่ยวรุยได้เริ่มเคลื่อนไหว เขาได้สั่งให้ใครบางคนไปกดเพลงรักเพลงหนึ่ง ก่อนที่จะร้องเพลงให้กับลูลู่ เมื่อร้องจบ เขาก็ได้มอบของขวัญชิ้นหนึ่ง
ข้างในกล่องนั้นเป็นกล่องที่ดูหรูหรา ข้างในนั้นเป็นสร้อยคอที่สวยงามเส้นหนึ่ง บรรยากาศในตอนนี้ช่างดูหวานหยาดเยิ้มราวกับทั้งคู่เป็นคนรักกันไปแล้ว
“ลู่น้อย ให้ฉันเป็นคนใส่สร้อยเส้นนี้ให้เธอนะ” เซียงหลงพูดจบได้ทำท่าทางเตรียมจะหยิบสร้อยคอออกจากกล่องเพื่อใส่ให้ลูลู่ในทันที
“มันแพงไปนะ ฉันรับไม่ได้หรอก” ลูลู่พูดออกมาในขณะที่ถอยหลังพลางยกมือห้ามเป็นปางห้ามญาติในทันที
“ไม่แพงหรอกน่า ก็แค่ของเล็กๆน้อยๆเอง ฉันอยากให้เธอด้วยใจจริงๆนะ สร้อยเส้นนี้ต้องเหมาะกับคอของเธออย่างแน่นอน อีกอย่างฉันให้เธอไปแล้วฉันไม่คิดจะเอาคืนหรอกนะ” เซียงหลงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ลูลู่ในตอนนี้รู้สึกอึดอัดใจไปเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่ได้อยากจะรับสร้อยคอเส้นนี้แม้แต่นิดเดียว แต่ด้วยบรรยากาศในงานที่ราวกับว่าถูกจัดฉากไว้แบบนี้ แถมหลายๆคนในงานเองก็สนับสนุนเซียงหลงให้จีบเธออยู่แล้วอีก หากเธอยืนยันที่จะปฏิเสธรับของ เซียงหลงเองคงเจ็บใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ในตอนนี้เอง เสี่ยวรุยได้ยืนขึ้นมาแล้วพูดออกมาว่า “โห่ เซียงหลง นี่นายจะกินนิ่มโดยไม่คิดจะแข่งกันเลยสินะ ในเมื่อลู่น้อยไม่ต้องการมัน นายก็ควรจะเอากลับไปซะ นี่นายไม่เห็นรึไงว่าราคาของของนี่ทำให้ลู่น้อยอึดอัดแล้วน่ะ อย่างนี้ไม่ต่างจากการกดดันลู่น้อยเลยสักนิด เป็นลูกผู้ชายรึเปล่าเนี่ย”
เมื่อพูดดังนั้นออกมา เสี่ยวรุยก็จัดชุดและท่าทางก่อนที่จะหันไปหาลูลู่และพูดออกมาว่า
“ลู่น้อย ฉันเองก็เตรียมของขวัญมาให้เธอเหมือนกันนะ ดูสิว่าเธอจะชอบรึเปล่า”
เซียงหลงขมวดคิ้วในทันทีพลางจ้องเสี่ยวรุยราวกับจะกินเลือดกินเนื้อให้ได้ ทุกคนในตอนนี้รู้ในทันทีแล้วว่าดินปืนได้ถูกบรรจุจนเต็มกระบอกปืนแล้ว ที่เหลือก็แค่รอเชื้อไฟมาจุดชนวนเพื่อให้เรื่องสนุกๆสำหรับพวกเขาได้เริ่มขึ้นมาก็เท่านั้น
ลูลู่เองที่กำลังหาวิธีเปลี่ยนหัวข้อคุยกับเสี่ยวรุยอยู่แล้ว เธอได้หันเหความสนใจไปที่เสี่ยวรุยในทันที เสี่ยวรุยเองที่เห็นดังนั้นก็ได้ยิ้มละไปรับออกมา
“พี่รุย ฉันนึกว่าพี่ลืมของขวัญให้ฉันแล้วนะเนี่ย”
“ฉันจะไปลืมของขวัญให้เธอได้ยังไงกันล่ะ” เสี่ยวรุยพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่มากกว่าเดิม เขาได้นำกล่องเล็กๆกล่องหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและมอบมันเอาไว้ในมือลูลู่ชนิดที่ส่งจากมือสู่มืออย่างสนิทชิดใกล้
ลูลู่เองเมื่อได้กล่องมาอยู่ในมือแล้วก็ได้จ้องกล่องในมือด้วยตาที่กลมโตขึ้นมาในทันที
“พระเจ้า เป็นไปไม่ได้” มู่ติงและสาวๆคนอื่นเองที่เห็นกล่องก็มีตาที่เปล่งประกายในทันที ราวกับได้เห็นของมีค่าจนทำให้เลือดลมสูบฉีดเลยทีเดียว