Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 987
GGS:บทที่ 987 เป้าหมาย
หลังจากที่ฮอว์กิ้งสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง ซูจิ้งก็ได้ตรงกลับบ้านพร้อมกับวิดีโอถ่ายคู่กับฮอว์กิ้ง โดยเขากับฮอว์กิ้งได้เซ็นสัญญากันว่าซูจิ้งสามารถใช้ตัวเขาในการโฆษณาผลิตภัณฑ์ของซูจิ้งได้แบบฟรีๆไปเลย
สองวันต่อมา ข่าวการหายดีของฮอว์กิ้งก็ได้เริ่มจางหายไป แต่ตำนานในการรักษาของซูจิ้งยังคงเป็นที่ล่ำลือไปอีกนาน หลายๆคนในตอนนี้ต่างก็คิดว่า ในปีนี้รางวัลโนเบลสาขาการแพทย์คงไม่พ้นมือซูจิ้งเป็นที่แน่นอนแล้ว
ตอนนี้ทั่วทั้งโลกต่างก็จะตามองซูจิ้ง และต่างก็อยากรู้ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน อย่างที่เขากันว่าไม่รู้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ารู้แล้วจะหนาว นั่นเป็นสี่งที่คนพวกนี้กำลังประสบพบเจอเมื่อได้เห็นประวัติของซูจิ้ง ว่าเขาคนนี้หาใช่คนธรรมดาไม่
ปรมาจารย์นักฝึกสัตว์ ปรมาจารย์กู่จิ้ง ปรมาจารย์ด้านวาดรูป ปรมาจารย์วาดภาพเขียนพู่กันจีน ปรมาจารย์ด้านการต่อสู้ เทพเจ้าโรงครัว หมอเทวดาแห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออก และฉายาอื่นๆอีกมากมาย
นี่ยังไม่รวมถึงสมบัติที่ยากจะหาใครเทียม และเจ้าของธุรกิจอีกมากมายที่มีมูลค่ารวมแล้วไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นล้านหยวน
ก็ไม่มีใครรู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะซูจิ้งนั้นมีชื่อเสียงมากมายเหลือคณา หรือเป็นเพราะว่าธุรกิจของเขาเจริญรุ่งเรืองกันแน่ถึงทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขานั้นล้วนดีไปหมดเสียทุกอย่าง
บางคนได้ลองนำเงินกำไรสุทธิที่ซูจิ้งได้รับมาจากธุรกิจของเขาทั้งหมดมาลองบวกกันดูก็ถึงกับต้องเหงื่อหยด นั่นก็เพราะว่าในแต่ละเดือนนั้น กำไรสุทธิที่ได้จะอยู่ที่สามพันล้านเลยทีเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผงเสริมความงาม ผงเสริมทรวงอก ผงลดน้ำหนัก และผลิตต่างๆของซูจิ้งนั้นล้วนแล้วแต่ได้รับความนิยมจนสามารถขายดีเป็นเทน้ำเทท่าตลอดเวลา
แต่ที่ขายดีที่สุดก็คงจะเป็นแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็นธุรกิจหลัก ด้วยการบริหารงานของหวังจ้าวและเฉิงหนานได้ทำธุรกิจดังกล่าวเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ด้วยการที่พลังงานแสงอาทิตย์นั้นเป็นพลังงานสะอาดและก็กล่าวได้ว่าเทคโนโลยีการผลิตของกลุ่มทุนห้วงเวลาและกาลอวกาศนี้ล้ำหน้าที่สุดในโลกนี้แล้ว และไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้เลยสักราย
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้คือยุคเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานจากพลังงานประเภททดแทนไม่ได้อย่างพลังงานถ่านหินและพลังงานปิโตเลี่ยม นี่ยิ่งทำให้แผงพลังงานแสงอาทิตย์ของกลุ่มทุนห้วงเวลาฯเป็นที่ต้องการอย่างสูง
ด้วยการที่แผงพลังงานแสงอาทิตย์ของซูจิ้งมีประสิทธืภาพสูง ไม่ก่อมลพิษทั้งกระบวนการผลิต และดูแลรักษาได้ง่าย นี่จึงเป็นสิ่งยืนยันว่ากลุ่มทุนห้วงเวลาฯเป็นเต็งหนึ่งในตลาดของผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ แล้วจะมีใครกล้าคัดค้านได้
สำหรับผลิตตัวอื่นอย่างแป้งผงกระชับสัดส่วน ผงเสริมความงาม ไวน์จิ้งจอกแดง ซอสมะเขือเทศ และของอย่างอื่นนั้น ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่ใช่เต็งหนึ่งในท้องตลาด แต่ก็อยากที่จะหาใครเทียมได้ แน่นอนว่ายังสามารถอยู่ในตลาดการซื้อขายไปอีกนานอย่างแน่นอน
สำหรับใบยาสูบแห่งไชร์ ข้าวสีน้ำเงิน และเบียร์แห่งไชร์นั้น ทั้งสามอย่างนี้ยังอยู่ในช่วงการบ่มเพาะทำให้ยังไม่ออกมาสู่ท้องตลาดอย่างเป็นทางการ
แต่เมื่อใดก็ตามที่ทั้งสามออกวางขายอย่างเป็นทางการ แน่นอนว่าอนาคตทางการตลาดจะไร้ที่สิ้นสุด ดีไม่ดีใบยาสูบแห่งไชร์และข้าวสีน้ำเงินนี้อาจจะไปได้ไกลกว่าแผงพลังงานแสงอาทิตย์เสียด้วยซ้ำ
เมื่อทุกคนได้เห็นข้อมูลต่างๆเหล่านี้แล้ว ต่อให้มีคนบอกกันในภายหลังว่าซูจิ้งนั้นกำลังจะกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในประเทศก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจแม้แต่น้อย
ไม่มีใครรู้เลยว่าเงินพวกนี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจของซูจิ้งสักเท่าไหร่นัก นั่นก็เพราะว่าสำหรับเขาแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตตอนนี้ก็คือค่าการใช้ประโยชน์จากขยะห้วงเวลาและกาลอวกาศและค่าพลังงานของสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาของเขานั่นเอง
ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมานั้น ค่าพลังงานของสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯได้เพิ่มขึ้นจาก 15,600 หน่วย เป็น 21,600 หน่วยเป็นที่เรียบร้อยแล้วและนี่ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นความเร็วที่ช้าหรือเร็วเกินไปนัก
นั่นก็เพราะว่าค่าพลังงานนี้ได้สูบเงินของซูจิ้งไปเพียงเดือนเดียวถึงหนึ่งหมื่นแปดพันล้านหยวนเลยทีเดียว หากเมื่อเทียบกับค่าการใช้ประโยชน์ขยะห้วงเวลาฯแล้วยังถือได้ว่าห่างชั้นนัก เพราะตอนนี้ค่าการใช้ประโยชน์ฯได้เพิ่มขึ้นจาก 32,000 หน่วยเป็น 65,000 หน่วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และค่านี้ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วยิ่งขึ้น
มันก็เหมือนกับการทำก้อนหิมะที่ยิ่งหมุนไปบนหิมะก็จะยิ่งใหญ่โตขึ้น หลักๆแล้วค่าการใช้ประโยชน์ที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ก็มาจากสมบัติทั้งหลายที่เขาจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์สุดแสนมหัศจรรย์ และการรักษาต่างๆในคลีนิกพิเศษของโรงพยาบาลกังเฟิงจงหยุน
นอกจากนั้นยังมีการที่ซูจิ้งสามารถรักษาผู้ป่วยโรคALSที่เป็นโรคที่กล่าวกันว่าไม่มีใครรักษามันได้ เพียงเรื่องนี้ก็ส่งผลให้คนทั้งโลกตกตะลึง
ยังไม่รวมถึงการที่เขาสามารถรักษาฮอว์กิ้งได้สำเร็จ เพียงการรักษาครั้งนี้ครั้งเดียวก็ทำให้คนทั้งโลกนั้นตกตะลึงไปทั่วอย่างง่ายดาย
ในตอนนี้ซูจิ้งเริ่มสังเกตุเห็นได้ว่าการเพิ่มของค่าพลังงานของสถานีฯและค่าการใช้ประโยชน์ขยะห้วงเวลาฯนั้นเริ่มไม่สมดุลกันเล็กน้อย
เหตุที่ค่าพลังงานไม่สามารถเพิ่มได้ทันกับค่าการใช้ประโยชน์นี้น่าจะเป็นเพราะเขานั้นได้ประกาศออกไปว่าสมบัติทั้งหมดที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ของเขานั้นส่วนใหญ่สามารถขายได้
ยกเว้นเพียงของไม่กี่อย่าง เช่นศพในตำนานและรูปปั้นจากเมืองแอตแลนติส นี่ทำให้วงการนักสะสมอยู่กันไม่สุขเลยทีเดียว
“เฮ้ออออ ทำไมนายถึงอยากจะขายเด็กๆเหล่านั้นซะแล้วล่ะ นึกยังไงกันเนี่ย ของดีๆทั้งนั้นเลยนา” หวังจ้าวได้โทรหาซูจิ้งทันทีที่รู้เรื่องนี้
“อยากได้ตังค์อ่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาตรงๆ
“ไอ้ชิบ… นายมีเงินขนาดนี้แล้วยังบอกว่าอยากขาดเงินอีกเนี่ย…..ฮืม…. เดี๋ยวนะ นี่หมายความว่านายเอาเงินไปลงกับสถาบันวิจัยของนายอีกแล้วเหรอ ฉันว่านายเลิกหวังจากที่นั่นไปดีกว่านะ”
หวังจ้าวที่รู้ที่มาที่ไปเกี่ยวกับเงินที่สาบสูญของซูจิ้งก็ทำได้เพียงแค่บ่นออกมาเท่านั้น หากเป็นเรื่องการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับปฏิสสารนั้น
แม้แต่สถาบันวิจัยอื่นที่ศึกษามาก่อนซูจิ้งอย่างของสหภาพโซเวียตเองก็มีสภาพไม่ต่างกันนัก นั่นก็คือเผาผลาญเงินไปอย่างสูญเปล่า และไร้ซึ่งผลกำไรอย่างสิ้นเชิง
เขาไม่รู้จริงๆว่าซูจิ้งจะเอาเงินตัวเองไปผลาญเล่นทำไมตั้งเยอะแยะ
“น่า น่า เดี๋ยวถึงเวลาท่านพี่ก็จะรู้เองแหล่ะว่าสิ่งที่ฉันลงไปนั้นโคตรคุ้มค่าแล้ว” ซูจิ้งพูดออกมา
“เออ….ฉันรู้น่าว่านายก็มีแผนการของตัวเอง และฉันก็ไม่คิดจะคัดนายหรอก แค่อยากจะบอกว่านายแค่ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปอย่าได้ทุ่มเทหมดหน้าตักบ่อยนัก เดี๋ยวแทนที่จะทำเงินมันจะกลายเป็นว่าไม่ได้อะไรมาเลยแม้แต่น้อย” หวังจ้าวทำได้แค่เพียงกล่าวเตือนออกมาอย่างจริงใจ
“เอานะ อย่างน้อยฉันก็ยังคิดว่าตัดสินใจได้ถูกแล้วล่ะนะ” ซูจิ้งได้พูดออกมาด้วยความรู้สึกยากเกินกว่าจะอธิบาย ตอนนี้เขานั้นไม่เพียงแค่จะไม่ได้อยู่ในขั้นการศึกษาวิจัยปฏิสสาร
แต่เขานั้นได้ดำเนินการผลิตมานานมากแล้ว หากว่านำออกมาขายล่ะก็ ผลิตออกมาเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอที่จะขายอย่างแน่นอน ผลกำไรที่จะได้จากสถาบันวิจัยของเขานั้นคุ้มค่ากับการลงเงินไปมากชนิดที่เงินที่ลงไปนั้นเทียบไม่ได้เลยสักนิด และหากเป็นเช่นนั้นจะไม่ถือว่าเป็นการผลาญเงินไปอย่างเปล่าประโยชน์แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดหาใช่เงินจำนวนมหาศาล แต่เป็นการอัพเกรดสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯให้ได้ ไม่เช่นนั้นอย่าว่าแต่เงินเลย โลกทั้งโลกจะไม่ว่างเว้นจากย่อยยับอย่างแน่นอน
หากเมื่อถึงตอนที่สถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯของเขามีเสถียรระภาพแล้ว การผลาญเงินที่ว่านี้ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป มีแต่ได้กับได้
เขาเองก็เคยคิดว่าจะแบ่งปฏิสสารบางส่วนออกไปขายเหมือนกัน แล้วค่อยเอาเงินที่ได้มาพัฒนาการผลิตสสารต่อ แต่เมื่อนึกถึงความเสี่ยงที่ตามมาแล้ว เขาคิดว่าเขาทำแบบตอนนี้ถือว่าดีที่สุด
ต่อให้เขานำปฏิสสารนี้ไปให้ภาครัฐ แต่นั่นก็ไม่ได้รับประกันความเสี่ยงเลยแม้แต่น้อย ต่อให้เขานั้นสามารถบงการคนที่มีอำนาจให้อยู่ในมือได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะควบคุมเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ได้
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเลยว่าหากเรื่องนี้ผิดพลาดไปแล้วถูกเอาไปใช้ทำเป็นอาวุธ ต่อให้ไม่ต้องถึงขนาดนั้นแค่เพียงข่าวนี้หลุดรอดออกไปนี่ความพินาศของเขาจะรออยู่ไม่ไกลนัก
ขนาดแค่อาวุธนิวเคลียนี่ยังทำให้โลกอยู่กันไม่สุขเลย นี่คือปฏิสสารเลยนะ ไม่มีทางที่โลกนี้จะไม่ลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน
ความจริงแล้วซูจิ้งเองก็เตรียมการเรื่องนี้อยู่แล้ว นั่นก็เพราะว่าสถาบันวิจัยของเขานั้นเป็นที่จับตามองมาตั้งนานแล้ว ต่อให้เป็นคนโง่ก็ยังต้องตั้งคำถามกันว่าเขาทำอะไรกันแน่ถึงได้ทุ่มเทเงินลงไปมากมายขนาดนี้
และเรื่องแบบนี้จะหลุดรอดพ้นสายตาจากพวกคนใหญ่คนโตได้อย่างไร เอาจริงๆก็มีการส่งคนมาสืบสวนเรื่องราวในสถาบันวิจัยของเขาอยู่หลายฝ่ายหลายหนแล้วเหมือนกัน
แต่เขานั้นก็ได้สะกดจิตให้คนพวกนั้นเห็นภาพลวงตาแล้วกลับไปรายงานตามสิ่งที่เห็นก็เท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นล่ะก็เรื่องปฏิสสารนี่คงหลุดรอดออกไปนานแล้ว
ในตอนนี้แม้แต่คนทั่วไปเองก็สนใจสถาบันวิจัยของซูจิ้งไม่น้อยแล้วเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ก็ทำได้เพียงแค่คิดแต่ยังไม่กล้าลงมือทำอะไรอย่างโจ่งแจ้งก็เท่านั้น
หากคนพวกนี้รู้ว่าที่นั่นคือฐานการผลิตสิ่งที่สุดแสนจะอันตรายอย่างปฏิสสารล่ะก็ คิดว่าน่าจะคลั่งจนทำอะไรไม่ถูกกันแน่ๆ
แต่ก็พูดอีกนัยหนึ่งได้ว่าเขานั้นไม่อยากเป็นศัตรูกับประเทศ โลก หรืออะไรก็ตามที่ต้องนำปฏิสสารออกมาใช้ นี่จึงเป็นเหตุที่เขานั้นเลือกที่จะเก็บเรื่องปฏิสสารนี้ไว้ก่อนดีกว่า
“ว่าแต่ท่านพี่นี่ที่โทรมาไม่ใช่ว่ามีเด็กๆที่หมายตาอยู่ไม่ใช่รึ ชิ้นไหนล่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มอย่างรู้ใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ ไม่ คราวนี้ฉันแค่อยากโทรมาพูดเรื่องที่นายเป็นหมอเทวดาแห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออกนั่นต่างหาก ตอนนี้นายเองก็ได้กลายเป็นหมอเทวดาไปแล้ว
ในตอนนี้นายเองก็ได้รักษาเหล่าคนรวยไปมากมายแล้วและนี่ก็ทำให้เราได้กลายเป็นเพื่อนกับพวกเขาไปโดยปริยาย
ตอนนี้ความนิยมของพวกเรา(เรื่องธุรกิจ)ดีมากอย่างไม่น่าเชื่อ ฉันเองก็ไม่คิดเลยว่าเพียงแค่นายเปิดโรงพยาบาลและเปิดคลีนิกพิเศษรักษาคนจะได้เรื่องดีๆแบบนี้กลับมานอกเหนือจากการรักษาคนไข้และช่วยเหลือผู้คน”
หวังจ้าวพูดออกมาด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความรู้สึกภายในใจของเขาชนิดแค่เพียงได้ยินเสียงก็สัมผัสได้ และแน่นอนว่าโลกนี้คงจะไม่เคยมีหมอเทวดาเช่นนี้มาก่อนเป็นแน่
“พูดได้ดีนี่” ซูจิ้งกล่าวรับออกมาด้วยรอยยิ้ม
“อย่ากระนั้นเลย ฉันเพิ่งจะเห็นว่านายมีแตั้งสถาบันวิจัยเพิ่มอีกที่น่ะ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ใช้เงินอะไรมากมาย แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ฉันก็เลยอยากรู้ว่านายอยากจะทำอะไรกันแน่”
หวังจ้าวถามออกมาอย่างจริงจัง เป็นวันนี้เองที่เขาพบว่าซูจิ้งนั้นได้จัดตั้งสถาบันวิจัยแห่งใหม่โดยไม่ให้เข้ารู้ ดูเหมือนว่าจะทำได้มาสักสองถึงสามเดือนแล้วด้วยซ้ำ
แต่ซูจิ้งได้ให้เฉิงหนานเป็นคนจัดการโดยตรงนี่จึงเป็นเหตุที่ทำให้เรื่องนี้หลุดรอดสายตาของหวังจ้าวมานาน เอาจริงๆเขาก็ไม่ได้จะว่าอะไรหรอก แค่เขาแปลกใจมากๆเลยตั้งถามออกมาเท่านั้น
“อ้อ เรื่องนี้น่ะเอง ฉันก็ว่าจะหาโอกาสบอกนายอยู่เหมือนกัน ไหนๆก็ไหนๆแล้วฉันจะให้นายดูอะไรดีๆก็แล้วกัน” ซูจิ้งพูดออกมา