Galactic Garbage Station หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ - ตอนที่ 992
GGS:บทที่ 992 ดินแดนแห่งอาหาร
ในที่สุดวังวนมิติที่อยู่บนฟ้าก็ได้จางหายไปพร้อมกับขยะห้วงเวลาและกาลอวกาศที่หยุดไหลเทลงมา พร้อมๆกับที่ขยะฯทั้งหลายได้ถูกจัดหมวดหมู่โดยฉิงหยุนเรียบร้อยแล้ว
ในครั้งนี้มีเพียงพืชและแมลงที่เป็นสิ่งมีชีวิตพื้นฐานของขยะฯกองนี้อยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่นอกจากนั้นยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากหนูยักษ์และกิ้งก่ายักษ์อยู่อีก พวกมันกำลังใช้ร่างกายปะทะกันราวกับกำลังแก่งแย่งดินแดน
พวกมันนั้นดูเหมือนซาลาแมนเดอร์แต่ตัวใหญ่กว่าจระเข้ พวกมันทั้งหมดมีสีแดงเข้มราวกับลูกพลับ นอกจากนั้นยังมีกรงเล็บอันแหลมคมและปากที่เต็มไปด้วยฟันที่ดูเหมือนว่าจะกัดเหล็กกล้าให้ขาดสะบั้นได้โดยง่าย
ถ้าหากนับตามระดับขั้นในห่วงโซ่อาหารแล้ว ดูเหมือนว่าในพื้นที่ดั้งเดิมของพวกมัน หนูยักษ์จะถูกล่าด้วยซาลาแมนเดอร์ และซาลาแมนเดอร์จะถูกล่าโดยกิ้งก่ายักษ์นั่นอีกทีหนึ่ง
ซูจิ้งได้ใช้หยกหมื่นอสูรสื่อสารกับหนูยักษ์และซาลาแมนเดอร์ดูก็พบว่าพวกมันนั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในกองขยะฯกองนี้
ส่วนเจ้ากิ้งก่ายักษ์ตัวนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่มานานที่สุดในพื้นที่ของพวกมัน และแน่นอนว่ามันคือศัตรูทางธรรมชาติของมันด้วย
แต่เจ้ากิ้งก่าเองก็ไม่ได้สนใจหนูยักษ์เลยแม้แต่น้อย เพราะว่ามันชอบกินซาลาแมนเดอร์ยักษ์มากกว่า มีเพียงตอนที่มันหิวจริงๆเท่านั้นจึงจะกินได้ไม่เลือกหน้า
ซูจิ้งได้นับจำนวนสิ่งมีชีวิตที่เหลือรอดมาทั้งหมด เขานับได้เป็นกิ้งก่ายักษ์หนึ่งตัว ซาลาแมนเดอร์แดงยักษ์สามตัวแต่ตายไปแล้วหนึ่งจากการสู้กันเอง และยังมีหนูยักษ์ทั้งหมดสามสิบสองตัวโดยมีเหลือรอดอยู่ยี่สิบเจ็ดตัว ส่วนอีกห้าตัวตายลงตั้งแต่ล่วงลงมาจากช่องมิติ
“ตอนนี้เจ้ากิ้งก่ายักษ์นั่นเป็นเป้าหมายที่ต้องจัดการเป็นอย่างแรก หากว่าฉันทำพันธสัญญาได้ล่ะก็คงได้เครื่องมือไล่ล่าชั้นดีมาอีกหนึ่งล่ะนะ
ถึงแม้ว่าเจ้าหนูยักษ์และซาลาแมนเดอร์แดงยักษ์นี่จะสู้ได้ดีเหมือนกันก็ตาม แต่พวกมันเทียบไม่ได้กับหมาป่าสงครามหรือหมึกยักษ์อยู่ดี ความแข็งแกร่งของเจ้าพวกนี้น่าจะพอๆกับเสือจีนใต้ตัวนั้นเท่านั้นเอง
แต่ก็อีกละนะ ยังไงซะฉันก็ปล่อยให้พวกมันออกไปเผ่นผล่านข้างนอกได้อยู่แล้ว นั่นจะเป็นปัญหามากกว่าจะเก็บพวกมันเอาไว้เสียอีก”
ซูจิ้งนึกขึ้นมาในขณะที่จ้องไปยังร่างกายอันใหญ่ยักษ์ของซากศพซาลาแมนเดอร์แดงยักษ์และหนูยักษ์อยู่พักใหญ่ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอะไรบางอย่างจนเผลอพูดออกมาว่า “ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนี้จะมีรสชาติเป็นยังไงแหะ จะดีกว่าเนื้อสัตว์อสูรรึเปล่านะ”
นี่คือสิ่งที่ซูจิ้งพูดออกมาราวกับว่าสัญชาตญาณนักล่าได้ปรากฎขึ้นมาอยู่ในใจ อย่างไม่ต้องสงสัย หน้าตาของเขาตอนนี้ราวกับสัตว์ล่าจริงๆที่กำลังจ้องมองมายังเหยืออันโอชะ
เขาใช้มีดตัดเนื้อบางส่วนของศพหนูยักษ์และซาลาแมนเดอร์แดงยักษ์ออกมา แล้วนำมันไปทำอาหารอย่างไม่คิดอะไรมาก
เมื่อทำเสร็จแล้ว เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ก่อนที่จะจัดการกินพวกมัน กลิ่นของพวกมันเหมือนเนื้อของหมูป่าและเสือ
ถึงแม้ว่าจะมีน้ำลายสออยู่เต็มปาก แต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีรีบเร่งแต่อย่างใด เหมือนทุกครั้ง เขาได้เรียกหนูออกมาจากกระเป๋ากักอสูรก่อนที่จะแบ่งเนื้อออกเป็นสองจานและให้หนูสองกลุ่มกินมัน
ผลก็คือทันทีที่พวกมันกัดไปคำแรก พวกมันก็เปลี่ยนท่าทีสู้กันในทันทีอย่างไม่รู้สาเหตุ พอสื่อสารกับพวกมันดูก็พบว่าที่พวกมันสู้กันนั้นเป็นเพราะว่าอาหารที่อยู่ตรงหน้าของมันนั้นอร่อยแบบสุดๆจนไม่อยากจะแบ่งให้ใคร
หลังจากสั่งให้พวกหนูเลิกทะเลาะกันแล้วกินไปแบบเงียบๆแล้ว ซูจิ้งได้สังเกตุพวกหนูอยู่พักใหญ่ก็พบว่าพวกมันนั้นดูมีชีวิตชีวาและดูสดชื่นอย่างมาก แต่นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีก
“อย่างน้อยเนื้อพวกนี้ก็คงไม่มีผิดปกติหล่ะนะ ไหนขอลองหน่อยสิว่ามันจะอร่อยสักขนาดไหนกัน”
ซูจิ้งในตอนนี้ได้กลืนน้ำลายไปอีกอึกหนึ่งก่อนที่จะหยิบเนื้อหนูที่เหลือเพียงเล็กน้อยหยิบเข้าปากอย่างช้าๆ ทันทีที่เขาเคี้ยวมัน ดวงตาของซูจิ้งก็เบิกกว้างในทันที เขายังเคี้ยวเนื้อนี้อย่างเอร็ดอร่อย พลางรู้สึกได้ว่าเนื้อหนูยักษ์รสชาติของมันนั้นเทียบได้กับเนื้อสัตว์อสูรเลยทีเดียว
ถึงแม้มันจะอร่อยก็จริงจนเขาเผลอกลืนลงไป แต่สุดท้ายแล้วซูจิ้งก็ได้ตัดสินใจอาเจียนเอาเนื้อพวกนี้ออกมาจากกระเพาะ เหตุผลก็เพราะตอนนี้เขายังทดสอบมันยังไม่เพียงพอที่จะมั่นใจได้ว่าเนื้อพวกนี้ไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกาย
หลังจากกลั้วปากเสร็จแล้ว ซูจิ้งได้หยิบเนื้อซาลาแมนเดอร์แดงเข้าปาก เป็นอีกครั้งที่ดวงตาของเขาเบิกกว้าง และน่าจะกว้างมากยิ่งกว่าตอนกินเนื้อหนูยักษ์ เขาค่อยๆเคี้ยวมันอย่างบรรจงก่อนที่จะเผลอกลินกินมันลงไปอีกครั้ง
เนื้อซาลาแมนเดอร์แดงนี้ช่างละมุน นุ่ม และอร่อยอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้จะเทียบไม่ได้กับเนื้อสัตว์อสูรและปลาเขี้ยวหยก แต่ก็ยังพูดได้ว่ามันมีความอร่อยในอีกรูปแบบหนึ่งก็ว่าได้ เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมกิ้งก่ายักษ์ถึงชอบกินเนื้อซาลาแมนเดอร์แดงยักษ์นี้มากมายนัก
“คงต้องลองทดสอบดูอีกสักหน่อยแหะว่าเนื้อของพวกมันนั้นสงผลอะไรต่อร่างกายบ้างรึเปล่า หากว่าพวกมันไม่มีอันตรายต่อร่างกายล่ะก็แน่นอนว่าเนื้อนี้จะเป็นเนื้อชั้นยอดของฉัน
หากว่าพวกมันส่งผลดีต่อร่างกายล่ะก็ยิ่งสุดยอดเข้าไปใหญ่” ซูจิ้งคิดออกมาพลางหันไปสังเกตพวกหนูก่อนหน้านี้ที่เขาให้พวกมันลองกินเนื้อ
แน่นอนว่าผลการทดสอบนั้นต้องรอเวลาเพื่อให้ผลจากการกินนั้นแสดงผลออกมาเขาจึงไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด ในระหว่างนี้เขาได้ส่งหนูยักษ์และซาลาแมนเดอร์แดงยักษ์ไปไว้ในระบบนิเวศเสมือน
แต่นอนว่าพวกมันทุกตัวได้ทำพันธะสัญญากับซูจิ้งแล้วทั้งหมดเพื่อไม่ให้ก่อปัญหาอะไรได้ ส่วนร่างของหนูยักษ์ห้าตัวและซาลาแมนเดอร์แดงยักษ์อีกหนึ่งตัวนั้น ซูจิ้งทำการถลกหนัง แยกชิ้นส่วน ก่อนที่จะเก็บทั้งหมดไว้ในกระเป๋ามิติ
ถัดมา ซูจิ้งได้ไปทำการตรวจสอบแมลงประหลาดเหล่านั้น พวกมันมีทั้งไส้เดือนสีดำตัวใหญ่ยักษ์ แมลงตดยักษ์ และแมลงป่องยักษ์ ถึงแม้พวกมันทั้งหมดนั้นล้วนตัวใหญ่ยักษ์เป็นพิเศษ แต่ก็ดูเหมือนว่านอกจากขนาดและพละกำลังที่ใหญ่ยักษ์และมากกว่าแมลงทั่วไปแล้ว พวกมันก็ไม่ได้มีอะไรอื่นอีกที่พิเศษไปกว่าแมลงทั่วไป
ทันใดนั้น ซูจิ้งก็ต้องหันหน้าไปยังพืชประหลาดต้นหนึ่ง ลำต้นของมันมีสีเขียวกระจ่างชัด เหตุผลที่เขาต้องหันมายังพืชต้นนี้นั่นก็เพราะว่าเขาได้กลิ่นหอมอันเย้ายวนมาจากมัน
พืชต้นนี้มันดูแตกต่างกว่าหญ้าทั่วไป ใบของมันนั้นหนามาก และตรงกลางใบนั้นมีน้ำที่คาดว่าจะเป็นน้ำหวานอยู่จนเต็ม และกลิ่นอันหอมหวานนี้เองก็ลอยมาจากใบนี้
ดั่งเช่นทุกครั้ง ซูจิ้งได้ลองให้หนูสองสามตัวลองดื่มน้ำนี้ดูก่อน หลังจากเป็นว่าหนูที่ลองดื่มไม่ได้มีท่าทีแปลกๆอะไร เขาก็ได้ลองใช้นิ้วจิ้มเพื่อลิ้มรสชาติดู
ทันทีที่นิ้วของซูจิ้งที่มีน้ำเคลือบอยู่ได้สัมผัสกับปลายลิ้นของซูจิ้ง เขาสัมผัสได้ถึงรสชาติอันหวานละมุนที่ปลายลิ้น และเป็นอีกครั้งที่เขาอดไม่ได้จนเผลอกลืนลงไป
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกสดชื่นชนิดที่ไม่มีเครื่องดื่มไหนบนโลกนี้เลยที่สามารถจะเทียมได้
นอกจากนี้เขายังสังเกตเห็นต้นไม้อีกต้นหนึ่ง มันนั้นมีสีแดงกระจ่าง เข้ม และใบที่หนา ลำต้นของมันนั้นดูอ่อนนุ่มและมีสีม่วงแดงแพรวพราว
บนต้นนั้นมีผลไม้ที่มีรูปร่างคล้ายโคมไฟอยู่หลายลูกทั้งสีแดงและเหลืองคละๆกันไป ผลไม้ทรงโคมไฟสีแดงและเหลืองเหล่านี้มันดูทั้งหนัก แต่ก็นุ่ม หนา แต่ก็รู้สึกว่าสามารถกัดกินได้โดยง่าย
ผลไม้เหล่านี้มีสองผลที่ปริแตกและนั่นก็ได้มีน้ำสีแดงไหลออกมา กลิ่นของมันช่างเย้ายวนอย่างรุนแรงแต่กลิ่นนี้ไม่ใช่กลิ่นที่ช่วยให้รู้สึกอยากอาหารเหมือนหญ้าต้นเมื่อกี้ กลื่นของมันนั้นราวกับเป็นน้ำหอมที่สกัดจากดอกไม้ที่หอมหวนชวนดมน่าหลงใหล
ซูจิ้งยังคงกังวลว่ากลิ่นของผลไม้นี้จะมีพิษอยู่เหมือนกัน แต่เขาเองก็อดใจไม่ไหวจนต้องสูดหายใจเข้าปอดไปเฮือกใหญ่ก่อนที่จะคิดขึ้นมาว่า
“ถ้าน้ำจากต้นหญ้าสีเขียวกับต้นไม้สีแดงนี่ไม่มีผลเสียกับร่างกายล่ะก็ ฉันจะยกให้มันเป็นสุดยอดเครื่องดื่มและของหวานของฉันอย่างแน่นอน”
ซูจิ้งถึงแม้จะรู้สึกประหลาดใจในพืชสองต้นนี้แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะเพิ่มพืชทั้งสองอยู่รายการของสิ่งที่ต้องตรวจสอบของเขา เช่นเดียวกันเนื้อหนูยักษ์และซาลาแมนเดอร์แดงยักษ์ที่เขาได้ลิ้มลองก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ซูจิ้งยังพบกับต้นไม้แปลกๆอีกหลายต้น แต่พวกมันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่าอยากจะตรวจสอบพวกมันเพิ่มเติมแต่อย่างใด แต่สุดท้ายเขาก็ยังติดสินที่จะตรวจสอบมันอยู่ดี
“ยิ่งดูก็ยิ่งรู้เลยแหะว่าห้วงเวลาฯที่ขยะฯกองนี้จากมานั้นไม่ใช่เล่นๆ” ซูจิ้งนึกพลางนำทุกสิ่งมีชีวิตที่ได้พบเจอไปไว้ในระบบนิเวศเสมือนแล้วก็เริ่มจัดการขยะในทันที
เขาได้เริ่มจัดการขยะฯกองเหล็กก่อน แน่นอนว่าสิ่งแรกที่เขาสนใจนั่นก็คือหัวและแขนประหลาดที่เขาเห็นก่อนหน้านี้
หลังจากที่ได้เห็นสัตว์และพืชอันแปลกตาที่สร้างความประหลาดใจให้เขาอย่างมากก็ตาม แต่เมื่อเขาได้วิเคราะห์ร่องรอยจากขยะฯกองเหล็กนี้ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกได้ว่าขยะฯกองนี้ต้องมาจากห้วงเวลาฯที่ล้ำสมัยอย่างแน่นอน