Game of the World Tree - ตอนที่ 16 เหนือเกม
เวลาพลบค่ำใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
แมกไม้ในป่าเอลฟ์แผ่กิ่งก้านสาขาเกี่ยวโยงกันเป็นแพ พุ่มใบอันอุดมสมบูรณ์บดบังท้องฟ้าและแสงแดด
แสงอาทิตย์อัสดงสีทองอร่ามสาดส่องผ่านใบไม้ลงมา ดูระยิบระยับราวกับแสงดาวในยามราตรี
เสียงเหล่าจั๊กจั่นร้องระงมซาลงเมื่อเถาวัลย์เส้นหนาจำนวนหนึ่งพุ่งเข้ารัดต้นไม้โบราณ
“ตรึงลำต้นเรียบร้อย”
หลี่มู่ลดไม้เท้าลงพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาหันไปกล่าวกับผู้เล่นที่ยืนอยู่เบื้องหลัง
“แจ่มมาก! สกิลควบคุมเถาวัลย์แจ่มจริง ๆ!”
“เฮ่ รอบนี้เราไม่ต้องกลัวต้นไม้จะล้มทับใครตายแล้ว!”
“เฮ้อ … เดมาเซียโชคร้ายเกิน ใครช่วยบอกชั้นทีว่าทำไมต้นไม้ถึงล้มทับเขาตลอดเลย”
“เอาล่ะหลบไป!”
“ฮ่า ๆ ๆ”
เหล่าเอลฟ์ในชุดคลุมลินินพุ่งเข้าหาต้นไม้ พร้อมง้างอาวุธเริ่มต้น “มีดไม้ดำ” เฉือนเข้าที่โคนต้น …
“ไม่คิดว่ามันแปลก ๆ เหรอ … คือเทพธิดาก็เป็นต้นไม้โลกอ่ะ แต่ภารกิจตอนนี้ดันเป็นการตัดไม้ซะงั้น …”
“แกก็เห็นว่าตอนนี้เทพธิดาอยู่ในสภาพไม่ค่อยดี เห็นมะ สภาพของต้นไม้โลกตอนนี้อย่างเฉา”
“ป่าอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ เทพธิดาไม่กังวลหรอกมั้ง?”
“แกมันพวกไร้ศาสนา …”
“แค่เกมน่า อย่าคิดมากดิ”
“อูว … นี่ถ้าไม่ย้ำ ชั้นแทบจะลืมไปแล้วว่านี่เป็นเกมอ่ะ …”
เหล่าผู้เล่นสนทนาเรื่อยเปื่อยระหว่างลงมือสับลำต้น พวกเขาเป็นทีมที่มากับหลี่มู่ เขารวมกลุ่มผู้เล่นจำนวนหนึ่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเควสได้ง่ายขึ้นหลังจากจบภารกิจครั้งแรก
ฉับ!
“นึง ส่อง ซั่ม!”
ฉับ!
ต้นไม้ที่สูงกว่าสิบสองเมตรสั่นไหวในทุก ๆ ครั้งที่ผู้เล่นร่วมใจกันสับลำต้นตามเสียงการให้จังหวะ มันสั่นไหวรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“ดันพร้อมกัน! เร็ว! หนึ่ง สอง สาม!”
“ไม้ล้ม!”
เสียงแสดงความยินดีดังขึ้นพร้อมกับต้นไม้สูงถูกโค่นลง นกกลุ่มหนึ่งโผขึ้นด้วยแรงสั่นสะเทือนจากไม้ใหญ่ที่เพิ่งล้มลง
เอลฟ์จำนวนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามารับช่วงต่อ พวกเขาใช้มีดไม้ดำพร้อมกับทักษะสายกายภาพเข้าปะทะอย่างต่อเนื่อง ต้นไม้โบราณถูกแยกส่วนราวกับถูกแปรรูปโดยช่างไม้ชั้นหนึ่ง
“ต้นเดียวพอปะเนี่ย?”
ผู้เล่นคนหนึ่งปาดเหงื่อพลางถาม
“เกินพอ ต้นนี้ใหญ่มากจนเราไม่แน่ใจว่าจะขนกลับรอบเดียวไหวไหม”
หลี่มู่ตอบพลางเริ่มงานขนย้ายไม้ร่วมกับคนอื่น ๆ
ครั้งนี้เป็นภารกิจรอบที่หก งานตัดไม้บรรลุตามเป้าด้วยความรวดเร็วเมื่อเขารวมทีมร่วมกับผู้เล่นอื่น ๆ
เวลาในเกมทั้งวันผ่านไปเร็วราวกับอึดใจเดียว กล่าวให้ตรงคงต้องบอกว่าเป็นวันแห่งการตัดไม้
เขาชำเลืองมองการ์ดตัวละครของตนพลางห่อปากเล็กน้อย
“จบรอบนี้จะอัพเป็นเลเวล 5 แล้วแฮะ”
“โหดมาก! พี่ใหญ่!”
“นายเจ๋งจริง ๆ! แถมนี่เพิ่งจะแค่วันแรก? ใช้เวลาไปแค่ 3 – 4 ชั่วโมงบนโลกก็จะอัพเลเวล 5 แล้ว?”
“พี่มู่ของแท้!”
ผู้เล่นที่รายล้อมอยู่มองหลี่มู่ด้วยสีหน้าชื่นชม
เขาพลันยิ้มกริ่ม และพยายามปั้นรอยยิ้มไว้บนหน้าหล่อ ๆ ขณะอธิบาย
“เราโชคดีนิดหน่อยน่ะ เราเจอต้นสนตะวันตอนทำเควสรอบแรก อลิซเลยให้ค่าประสบการณ์ทีเดียว 300 แต้ม”
“ดวงดีจริงเพ่!”
“ใช่อันที่มันเปล่งแสงเรืองรองทองอร่ามงาม ๆ อยู่หน้าค่ายปะ?”
บรรดาเอลฟ์รอบตัวแสดงสีหน้าอิจฉาอย่างเห็นได้ชัด
“โหย! ทีตูนี่ดวงอย่างแย่เลยอ่ะ! นี่เล่นได้แต่เควสทำความสะอาดวิหาร ได้เปอร์ติ๊ดเดียว พอได้เควสตัดไม้ก็โดนไม้ล้มทับตายคาที่อีก ค่าประสบการณ์ที่หามาก็หายเรียบ”
เดมาเซียบ่นอุบ
“ฮ่า ๆ ๆ แกมันโชคร้าย ฮ่า ๆ ๆ”
“เอาจริงนะ นับเป็นทักษะพิเศษเหอะ ยืนยังไงให้ต้นไม้ทับได้ทุกรอบเนี่ย”
“นายเล่นถอดชุดวิ่งรอบเกมตั้งแต่ต้น แถมไปเต๊าะอลิซอีก ทุกคนจำนายได้แล้วแน่ ๆ”
“เดมาเซีย ๆ ตอนนี้นายมีแต้มสนิทกับอลิซเท่าไรอ่ะ?”
เดมาเซียชำเลืองแถบระบบ หูปลายแหลมพลันลู่ลง สองมือชูขึ้นกุมหัวทรงชี้ฟูพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่อเหี่ยว “ติดลบ … ติดลบร้อยนึง”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ!”
“นายจะทำชั้นท้องแข็งตายแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ!”
“จะได้เควสห่วย ๆ ทุกครั้งก็ไม่แปลกเว้ย ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
“ไม่อ่ะ เอาจริงเขาก็แค่ดวงแย่มั้ง …”
เหล่าผู้เล่นส่งเสียงเฮฮาลั่นป่าขณะขนไม้กลับมาสู่แคมป์ใต้มหาพฤกษา
บริเวณโดยรอบช่วงก่อนหน้านี้มีเพียงพุ่มหญ้าเตี้ย ๆ เท่านั้น ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นลานโล่งอันเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของทุกคน
ใกล้ ๆ นี้มีเอลฟ์ประมาณโหลหนึ่งกำลังสร้างบ้านจากไม้และหินที่ช่วยกันรวบรวมมา บ้านนับโหลเหล่านี้มีรูปร่างหน้าตาหลากสไตล์ บางหลังถูกสร้างเป็นบ้านสองชั้น
เดมาเซียมองบ้านเหล่านั้นพลางถอนใจเล็กน้อย
“ยอดฝีมือโดยแท้! พวกพี่ ๆ เล่นสร้างบ้านทั้งหลังได้ในวันเดียว!”
“เพราะมีสกิลต่างหาก ทั้งสกิลดาบกับเวทมนตร์เลย ถ้าอัพแรงค์เมื่อไร สกิลพวกนี้ก็แกร่งขึ้นหมด …” เสียงอธิบายดังขึ้นมาจากเอลฟ์ตนหนึ่ง
“จริง แถมดีไซน์บ้านแต่ละหลังเด็ดเอาเรื่อง”
เขาชี้ไปทางใจกลางของแคมป์ก่อสร้างพลางกล่าว เอลฟ์สาวผมชมพูร่างสูงเพรียวในชุดเวทมนตร์ที่กำลังถือแปลนบ้าน วาดด้วยวัตถุดิบอันไม่ทราบที่มา พร้อมกับชี้มือชี้ไม้พูดคุยกับผู้เล่นคนอื่น ตัวอักษรแสดงชื่อ “นกกาเหว่า” อยู่บนศีรษะของเธอ
“เห็นเนอะ? น้องสาวที่ชื่อนกกาเหว่านั่นเป็นแม่งานของแท้ ได้ยินมาว่ากำลังเรียนวิศวะโยธา แถมเธอเป็นคนออกแบบบ้านแถวนี้ทั้งหมด เพราะงั้นก็เลยใกล้จะอัพไปเลเวลห้าแล้ว”
หลี่มู่มองด้วยความแปลกใจพลางลอบจำชื่อนกกาเหว่า ในขณะที่ผู้เล่นคนอื่นดูแตกตื่นอย่างเห็นได้ชัด
“แม่เจ้า! แค่วันเดียวเนี่ยนะ!”
“ช่าย ได้ยินมาว่าผู้เล่นคนอื่นก็ร่วมออกแบบผังเมืองและสวนดอกไม้ด้วย … ที่สำคัญคืองานนี้ได้รับอนุญาตจากคนทรงของเทพธิดาเรียบร้อย”
“เด็ดจริง! เธอเก่งโคตร!”
“ความรู้คือพลัง …”
“สมจริงไปปะ?”
“พอเห็นภาพรวมแล้วแฮะ เควสพวกนี้จะให้เราสร้างเมืองเนอะ?”
“โอย เป็นการฟื้นฟูเผ่าเอลฟ์จริงด้วย! ขนาดหมู่บ้านเริ่มต้นยังสร้างโดยผู้เล่นรอบทดสอบ”
“พวกคนสร้างเกมนี้มันขี้เกียจป่ะเนี่ย?”
“เค้าเรียกว่าการปลุกความมีส่วนร่วมต่างหาก!”
“เอาจริงเราคิดว่าบ้านต้นไม้มันเหมาะกับเอลฟ์มากกว่าปะ … การต้องมาตัดไม้นี่มันผิดธรรมชาติขั้นสุด”
“หรือมันมีความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น?”
“…”
อีฟไม่ได้ตั้งใจจะแฝงนัยยะใด ๆ ไว้กับภารกิจเหล่านี้เลย เป้าหมายหลักคือการเอาตัวรอดด้วยการสงวนพลังและเพิ่มแต้มจากการทำภารกิจของเหล่าผู้เล่น
ที่สำคัญคืออีฟไม่ใช่เทพจากพลังศรัทธา แต่เป็นเทพโบราณของแท้ที่ควบคุมพลังธรรมชาติได้โดยตรง จึงไม่ยึดติดอยู่กับพันธะเทพใด ๆ
สร้างหมู่บ้านเริ่มต้นงั้นเหรอ …
หลี่มู่คิดในขณะที่ได้ยินผู้เล่นคนอื่นสนทนากัน เขาขนไม้มาสู่ใจกลางของแคมป์พร้อมกับทุกคนในทีม
กองไฟขนาดใหญ่ถูกจุดขึ้น ณ กลางลาน เอลฟ์จำนวนหนึ่งพูดคุยกันอย่างสนุกสนานและร่วมหัวเราะใต้แสงไฟ พวกเขากำลังกินผลไม้ที่เก็บมาจากสักที่ใกล้ ๆ นี้
นักบุญแห่งธรรมชาติ อลิซ ยืนอยู่ในบริเวณใกล้เคียงพร้อมกับจัดการภารกิจที่มอบให้กับเหล่าผู้เล่น ผมยาวสลวยถูกมัดขึ้นเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนไหว ใบหน้างามมีคราบเปื้อนเล็กน้อย หยาดเหงื่อเม็ดเล็กยิ่งทำให้เธอดูน่ารักขึ้นเป็นเท่าตัว
ทีมของหลี่มู่เดินเข้ามาใกล้เอลฟ์สาว สายตาของอลิซเปล่งประกายสดใสขึ้นเล็กน้อยเมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบกับทุกคน โดยเฉพาะหลี่มู่
“ทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้วเหรอคะ?”
อลิซประทับใจหลี่มู่เป็นอย่างมาก แม้ว่าร่างกายเขาจะดูผอมบางไร้เรี่ยวแรง แต่เขากลับทำงานอย่างหนักแถมยังพบต้นสนตะวันคุณภาพดี
ที่สำคัญคือความสุภาพนอบน้อมอันแตกต่างกับเอลฟ์หนุ่มบางคน …
รอยยิ้มของอลิซจางหายอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นเอลฟ์ผมแดงทรงแหลมชี้โด่ชี้เด่ในทีม เธอพ่นลมหายใจเล็กน้อยพร้อมกับเดมาเซียที่ถดตัวเข้าหลบหลังหลี่มู่
ภาพหนุ่มล่อนจ้อนที่วิ่งวุ่นรอบแคมป์แถมเข้ามาจีบ ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของสาวน้อย
แค่ก
หลี่มู่กระแอมหนึ่งครั้งและกล่าวด้วยความเคารพ
“คุณอลิซ พวกเรามาส่งมอบงาน”
สายตาอลิซเปล่งประกายขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นไม้ที่พวกเขานำกลับมา
“ต้นไพน์ชั้นดี!”
เธอพยักหน้าพลางกล่าว
“นำไปไว้ในลานวัตถุดิบเลยค่ะ เสร็จงานเรียบร้อยค่ะ”
ในวินาทีที่สิ้นเสียงอลิซ พลันปรากฏเสียงแจ้งจากระบบดังขึ้น
หลี่มู่ได้รับค่าประสบการณ์ 150 แต้ม
อัพเลเวลได้แล้ว!
เขาขอบคุณอลิซพลางเดินออกมาพร้อมกับผู้เล่นคนอื่น ๆ พร้อมกับเสียงสนทนาจากเพื่อนร่วมทีม
“พี่มู่ยอดเยี่ยม! อลิซดูโอเคกับพี่อ่ะ ทำได้ไงอ่ะ?”
“แต้มสนิทของอลิซไปถึงไหนแล้วพี่มู่?”
หลี่มู่ลังเลเล็กน้อยแล้วจึงกล่าว “ไม่เยอะ แค่ 20 แต้ม”
ทุกคนแตกตื่นทันที
“แม่เจ้า! สูงจริงสูงจัง! ของเราแค่ 2 แต้มเอง!”
“ตั้ง 2 แต้มจะบ่นไย? เราติดลบ แถมตั้งใจทำเควสมาน้านนาน”
“อย่าบ่นน่า ของเราก็ติดลบเหมือนกัน เสร็จเควสไปหลายทีก็ควรจะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่แม่นางไม่แม้แต่จะยิ้มให้เลยอ่ะ …”
“ได้ยินมาว่าพวกสาว ๆ มีแต้มเป็นบวกกันเยอะแยะเลยนะ”
“ระบบค่าความประทับใจมันยากจริง …”
“อย่าทำตัวน่าสงสารกันดิ เราติดลบร้อยนึงยังไม่บ่นเลย …”
“สมควรอ่ะแก ใครใช้ให้ไปจับผมเธอล่ะ?”
“พี่มู่ ทำไงให้อลิซชอบขนาดนั้นอ่ะ? ทำไมของเราตอนทำเควสเสร็จดันได้แค่แต้มเดียวอ่ะ?”
หลี่มู่ไม่ได้ตอบในทันที เขาเดินช้า ๆ ไปที่รั้วไม้ ใช้สองมือปัดก้นเล็กน้อยและนั่งลง
สภาพโดยรอบเป็นกลางคืนอันมืดมิดโดยแท้ ท้องฟ้ายามราตรีใสกระจ่างเผยให้เห็นดวงดาวเจิดจรัสเต็มฟากฟ้า ให้ความรู้สึกที่งดงามและลึกลับไปในเวลาเดียวกัน …
กองไฟลุกโชน ส่งเสียงเปรี้ยะเบา ๆ และสว่างวูบเป็นระยะ
ผู้เล่นที่รับผิดชอบงานตัดไม้และงานก่อสร้างได้หยุดพัก พวกเขามาพักผ่อนหย่อนใจกันรอบกองไฟ สนทนากันอย่างเฮฮาพลางรับประทานผลไม้ป่า
บ้างก็เต้น บ้างก็ขับขานบทเพลง แถมยังมีเอลฟ์ตนหนึ่งที่สร้างปี่สก๊อตขึ้นมาพร้อมบรรเลงดนตรีไปกับทุกคน
บรรยากาศเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เป็นช่วงเวลาที่สดใสราวกับงานเทศกาล
หลี่มู่รู้สึกราวกับต้องมนตร์
เขาหยิบผลไม้ป่าสีม่วงปนเขียวที่พบระหว่างทางกลับ โยนเข้าปากของตนและเคี้ยวเบา ๆ รสชาติหวานเปรี้ยวปนความนุ่มละมุนเหมือนน้ำนมกระจายไปทั่วปากพร้อมกับกลิ่นหอมหวาน
สายลมแผ่วยามกลางคืนพัดผ่านป่า แสงจากกองไฟก่อให้เกิดเงาดำทอดยาว เหล่าผู้เล่นล้วนหัวเราะเฮฮาราวกับอยู่ในความฝัน … ทุก ๆ อย่างดูงดงามบริสุทธิ์ ห่างไกลจากโลกความเป็นจริงยิ่งนัก
เขานั่งอย่างเงียบงันบนรั้วไม้พลางจับจ้องบรรยากาศตรงหน้าราวกับตกอยู่ในห้วงภวังค์
ความรู้สึกในเวลานี้เป็นสิ่งที่งดงามเกินคำอธิบาย แตกต่างกับเกมออนไลน์อื่น ๆ เป็นอย่างยิ่ง หลี่มู่รู้สึกราวกับตนกำลังท่องเที่ยวตั้งแคมป์ในโลกของความเป็นจริง ไม่ใช่เพียงในเกม
คนจำนวนมากที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน หลีกหนีจากโลกอันวุ่นวายและวิถีชีวิตประจำวันที่ยุ่งเหยิงมาทำกิจกรรมร่วมกัน ณ ที่แห่งนี้ และมีความสุขไปด้วยกัน
เป็นภาพที่ราวกับฝัน
เป็นภาพฝันที่คล้ายสิ่งลวงตา ทว่างดงามยิ่ง …
เขาหายใจเข้าช้า ๆ ครั้งหนึ่ง บังเกิดเป็นความสงบที่น่าประหลาดใจ พลันลืมปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตไปสิ้น
หลังจากที่นิ่งเงียบมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง หลี่มู่ค่อย ๆ เผยอปากและเริ่มอธิบาย
“ความรู้สึกเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้ ไม่ว่าอย่างไรก็คือของจริง … ถึงเราจะอยู่ในเกมก็ตาม … แต่พวกนายก็สัมผัสได้ว่าที่นี่ไม่ต่างอะไรกับโลกอีกใบ … จริงไหม?”
…
…
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _
T/N: เคยใช้ชีวิตในเกมขนานไปกับชีวิตปกติไหมคะ ปกติถั่วชอบออนไลน์ทิ้งไว้ในพื้นที่ส่วนตัวแบบมายรูม (PSO2) หรือแชแนลประจำที่ไม่มีคน
เป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ เวลาคนที่เรารอได้เข้าเกมมา หรือทักมาชวนทำอะไร แต่ถ้าอยู่คนเดียวจะเหมือนโหมดรักษาพลังงาน ประมาณว่าจำศีลค่ะ คิดว่าภาพในอุดมคติที่มองตัวเองคือการเป็นนังเน่าเอาแต่ใจ ที่อยากทุ่มเทเพื่อสิ่งที่รักอย่างเต็มที่ค่ะ การแปลนิยายเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่อยากทำมาตลอดเหมือนกัน ช่วงเวลาที่ได้อ่านครั้งแรกเป็นเหมือนฝันเลยค่ะ คนแต่งทำไว้ดีมาก นับจำนวนครั้งที่ร้องไห้ตอนอ่านเรื่องนี้ด้วยมือสองข้างก็คงไม่พอ
…
แต่หลังจากนี้อาจจะลงช้าหน่อยนะคะ ที่เห็นอยู่ทั้งหมดนี้คือของที่แปลเก็บไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ (…)
…
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _