Game of the World Tree - ตอนที่ 4 ออร์คนักล่า
ลึกเข้าไปในป่าอันเป็นอาณาเขตของเหล่าเอลฟ์ เหล่าทหารรับจ้างเผ่าออร์คซุ่มรออย่างระมัดระวัง
“เร็วเข้าไอ้พวกเหลือเดน! ถ้าจับมันมาไม่ได้ เดือนนี้ข้าจะไม่แบ่งเนื้อให้สักชิ้นเดียว!”
ศิลา ออร์คหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างโหวกเหวกขึ้นมาพร้อมเหวี่ยงตะบองกระดูกสัตว์ข่มขวัญ มันเตะก้นลูกสมุนตัวเองอย่างจังและหันมองต้นไม้โลกที่ตั้งสูงตระหง่านในระยะที่ยังพอสังเกตได้ด้วยตาเปล่า สีหน้าของมันพลันเปลี่ยนจากมัวหมองเป็นยิ้มแสยะ เขี้ยวแหลมและใบหน้าบิดเบี้ยวของมันยิ่งดูอัปลักษณ์ขึ้นเป็นเท่าตัว
“ฮ่า ๆ ท่านนักบวชพูดถูก ถ้าเราดักรอใกล้ต้นไม้โลก ยังไง้ก็ต้องจับไอ้พวกหน้าโง่หูยาวได้แน่ ๆ!”
ศิลายิ่งตื่นเต้นเป็นทวีเมื่อคิดถึงมูลค่าของเอลฟ์ที่ตนกำลังจะจับมาขาย
หลังจากที่ยุคสมัยของต้นไม้โลกได้สิ้นสุดจากมหาสงครามเมื่อพันปีก่อน มหาพฤกษาสูญเสียพลังและแห้งเฉาลงอย่างต่อเนื่อง เหล่าเอลฟ์ที่สูญเสียพรแห่งธรรมชาติไปได้แต่ยอมรับชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างการถูกรุกราน ความเสื่อมอำนาจ อีกทั้งยังขาดการปกป้องจากเทพประจำเผ่า
จากเผ่าพันธุ์ที่เปี่ยมไปด้วยความสง่างาม อายุขัยยืนยาว กลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่ต่างอะไรจากของซื้อของขายในแวดวงนักค้าทาส ราคาของเอลฟ์สาวถูกตั้งไว้สูงระดับสินค้าเลอค่า หรือแม้แต่เอลฟ์ชายวัยกลางคนก็นับว่าเป็นสินค้าชั้นดีในหมู่ทาสจากทุกสายพันธุ์
ด้วยความที่ถิ่นที่อยู่อาศัยของเหล่าออร์คมีชายแดนติดกับชายแดนป่าเอลฟ์ พวกมันจึงฉวยโอกาสนี้สร้างธุรกิจค้าทาสให้กับมนุษย์มาช้านาน
ศิลาถือเป็นหัวกะทิในหมู่นักค้าทาส มันล่าเอลฟ์มาไม่ต่ำกว่าสิบตน ความร่ำรวยของมันอยู่ในระดับต้น ๆ ของเผ่า ครอบครองทรัพย์สินมหาศาลเทียบได้กับออร์คเชื้อเจ้า
“จบดีลนี้เมื่อไร ข้าจะไปขอเมีย ข้าจะซื้อบ้านในเมืองโกลี ทีนี้ข้าจะได้วางมือจากชีวิตทหารรับจ้างเสียที” มันวาดฝันอันสวยงามอยู่ในใจ
“หัวหน้า … ข้าเจอเป้าหมายสองตน แถมหนึ่งในนั้นเป็นสาวงาม งามมาก! งามที่สุด! งามเท่าที่ท่านจะจินตนาการออก!”
ทีมสำรวจที่เพิ่งกลับมาพลันกล่าวด้วยความตื่นเต้น ศิลาชูตะบองคู่ใจขึ้นด้วยจิตใจที่ลุกโชนราวกับไฟ
“เจ้าพวกโง่! คว้าอาวุธออกมาเร็ว! ล้อมพวกมันไว้แล้วอย่าให้มันรู้ตัว ใครมันกระโตกกระตากจะข้าทุบให้หัวแบะ!”
…
อลิซและซามีร์ได้ละทิ้งวิหารแห่งธรรมชาติ ทั้งคู่เดินทางมาพักใหญ่ในความเงียบงัน
หญิงสาวหันมองต้นไม้โลกเป็นครั้งสุดท้าย ดวงตาคู่งามเปล่งประกายระยิบระยับจากน้ำตาที่ไหลริน
การภาวนาครั้งสุดท้ายได้จบลงแล้ว …
ในทุก ๆ ครั้ง อลิซหวังว่าจะได้ยินเสียงพระมารดาแม้จะมีความหวังเพียงเล็กน้อย แต่ในเวลานี้คงต้องยอมรับชะตากรรมอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากดวงจิตของเทพประจำเผ่าแตกดับลงแล้ว เชื้อชาติและอารยธรรมที่เคยรุ่งโรจน์ของเหล่าเอลฟ์คงจะล่มสลายตามไปในเวลาไม่นาน
ประชากรเอลฟ์ที่ยังหลงเหลือทำได้เพียงหลบซ่อนอยู่ในหุบเขาเนื่องจากการถูกไล่ล่าโดยพวกค้าทาส ความหวังและอนาคตกลายเป็นสิ่งเกินไขว่คว้าสำหรับพวกเขา
อลิซทำได้เพียงกัดฟันแน่นเมื่อนึกถึงการถูกไล่ล่าโดยเผ่าอื่นที่ปฏิบัติต่อเอลฟ์ไม่ต่างจากสินค้าชนิดหนึ่ง ซ้ำร้ายยังปราศจากพลังที่จะต่อต้านพวกมัน เรียกได้ว่าในสถานการณ์ที่ไม่มีพรแห่งเทพ เหล่าเอลฟ์ก็สูญเสียความแข็งแกร่งไปในเวลาเดียวกัน
“ข้าไม่รู้เลยว่าจะมีเอลฟ์เหลืออยู่เท่าไรในอีกร้อยปีข้างหน้า …”
เด็กสาวถอนหายใจ ซามีร์ได้แต่นิ่งเงียบพลางคิดถึงอนาคต
ร้อยปี …
มันจะมีเวลาเหลือเป็นร้อยปีสำหรับพวกเราจริงเหรอ?
พวกเรา … ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการรวมกลุ่มกันใหม่
ต่อให้พวกเรามีพลังขึ้นมา มันก็ยากที่จะฟื้นฟูเผ่าพันธุ์โดยปราศจากกำลังพลที่เพียงพอ แถมยังไร้การคุ้มครองจากพระมารดา
เอลฟ์ทั้งสองเดินต่อไปในความเงียบงัน ความรู้สึกหนักอึ้งปกคลุมลงมาทุกขณะ
ในวินาทีนั้นสีหน้าของซามีร์ซีดลง หูแหลมของเอลฟ์ชราขยับขึ้นลง เขายืดตัวขึ้นฉับพลัน ซามีร์สูดอากาศรอบตัวเข้าไปเล็กน้อยพลันเบิกตาขมึงทึง
“บ้าจริง! เจ้าพวกออร์คมันเจอเราแล้ว!”
พงหญ้ารอบข้างสั่นไหวอย่างแรงก่อนที่เสียงเอลฟ์ชราจะจบประโยค เสียงโห่ร้องกึกก้องแทรกขึ้นมาพร้อมกับร่างกักขฬะของเหล่าออร์คพุ่งกระโจนจากกอหญ้าสูง พวกมันเข้าล้อมเอลฟ์ทั้งสองไว้อย่างรวดเร็ว
พวกเราโดนซุ่มโจมตี!
เอลฟ์ทั้งสองเปลี่ยนตำแหน่งยืนเป็นหลังชนหลัง ประจันหน้ากับศัตรู ทั้งคู่หยิบอาวุธออกมาเตรียมพร้อมอย่างรวดเร็วแม้จะกำลังตระหนก
ออร์คจำนวนเป็นโหลใช้สายตาแทะโลมร่างกายอลิซโดยไม่ซ่อนความคุกคามแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นชุดเกราะที่คุ้นเคย โทสะระลอกใหญ่พลันปะทุขึ้นใจในเอลฟ์สาว…
พวกมันเป็นออร์คนักล่า!
แววตาของซามีร์หมองลง เขากัดฟันชั่วขณะก่อนคำรามลั่น
“รีบหนีไป ข้าจะรั้งพวกมันไว้เอง!”
เสียงตะโกนของเอลฟ์ชายพลันเปลี่ยนเป็นการบริกรรมคาถา ร่างของเขาแปรเปลี่ยนจากชายเฒ่าเป็นหมีน้ำตาลตัวสูงร่วม ๆ สี่เมตร
สิ่งนี้คือทักษะเฉพาะของอาชีพดรูอิด เวทจำแลงกายที่มอบพละกำลังของสัตว์อสูรให้กับผู้ใช้งานถึงเจ็ดส่วน ซึ่งหมียักษ์ชนิดนี้เป็นอสูรเฉพาะถิ่นระดับสามของป่าเอลฟ์ มีความแข็งแกร่งในระดับเหล็กขั้นสูง!
เหล่านักล่าพลันเกิดความหวั่นเกรงเมื่อเผชิญหน้ากับรังสีคุกคามจากหมียักษ์ แต่ก่อนที่ซามีร์จะได้เริ่มลงมือ พลันปรากฏตะบองใหญ่พุ่งแหวกอากาศกระแทกเข้าที่ช่วงอกและท้องของเขาพร้อมเสียงกระดูกลั่น!
ซามีร์กระอักเลือดกองใหญ่พลางร้องคำรามอย่างเจ็บปวด ร่างหนาโถมตัวลงสู่พื้นดินพร้อมเวทจำแลงกายที่คลายออก เขากลับสู่ร่างเอลฟ์ชราในเวลาอันสั้น ผู้เฒ่าเอลฟ์ในเวลานี้ก้ำกึ่งระหว่างความเป็นและความตาย สติของเขาขาดช่วง ทิ้งให้ร่างเล็กร่วงหล่นลงบนกองเลือดสีแดงฉาน
กำลังรบเพียงหนึ่งเดียวถูกทำลายลงด้วยการโจมตีเพียงหนึ่งครั้ง
“ฮ่าฮ่า! อ่อนว่ะ”
อสูรรอบตัวระเบิดเสียงโห่ร้องกึกก้อง พวกมันก้าวถอยช้า ๆ เพื่อเปิดทางให้ออร์คตัวสูงใหญ่กว่าสามเมตรเดินออกมา มันคือหัวหน้ากลุ่มนักล่านามว่าศิลา
ศิลาก้มคว้าอาวุธประจำกาย มันเลียคราบเลือดบนตะบองกระดูก สายตาของมันฉายแววนักล่าที่เพลินเพลินกับเหยื่อ
อลิซตกอยู่ในความตะลึง ร่างบางและเสียงของเธอสั่น
“เป็นไปไม่ได้ …”
นักบวชเลเวล 30 ถือเป็นระดับเหล็กขั้นกลาง การที่ซามีร์ถูกโค่นลงด้วยการโจมตีเพียงหนึ่งครั้งย่อมสื่อได้เพียงอย่างเดียว … ออร์คตรงหน้าอยู่ในจุดสูงสุดของระดับเหล็กขั้นสูง!
ความสิ้นหวังเหนือคณากัดกินจิตใจของอลิซ เธอพินิจพิเคราะห์ต้นไม้โลกด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“พระมารดา … นี่คือโทษทัณฑ์ของพวกเราเหรอคะ?”
“ฮะฮ่า! พระมารดาอะไรวะ? พระแม่ต้นถั่วของเอ็งโดนพวกเทพเผาตายไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้วโว้ย!”
ศิลาชำเลืองมองต้นไม้ยักษ์ด้วยหางตา มันแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตนพลางโยกศีรษะ การโจมตีเมื่อครู่เป็นที่ถูกอกถูกใจตัวมันมาก ไม่กี่วันก่อนมันเพิ่งเลื่อนขั้นถึงเลเวล 40 อันเป็นจุดสูงสุดของระดับเหล็กขั้นสูง ขาดเพียงเลเวลเดียวก็จะถึงระดับเงิน
พระบิดา! ข้ามีทรัพย์สินพอจะใช้เลื่อนขั้นเป็นระดับเงิน จบงานนี้ข้าจะกลายเป็นยอดฝีมือสุดแกร่งในเหล่าออร์ค!
มันวาดฝัน สายตาศิลาเหลือบมองอลิซจากหัวจรดเท้า ความประหลาดใจพลันผุดขึ้นบนใบหน้าอัปลักษณ์ของมัน
“นี่มันสินค้าชั้นยอด … เจ้าจะเป็นที่โปรดปรานของพวกมนุษย์”
สายตาคุกคามของมันยังคงแทะโลมต่อไป มันแสยะยิ้ม
“แกจะไม่เจ็บตัวถ้ายอมทำตัวดี ๆ … ไม่งั้นล่ะก็ หึหึหึ …”
“ฮี่ฮี่ฮี่ …”
เหล่าออร์คที่ล้อมวงอยู่หัวเราะขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง ความขุ่นเคืองในแวววตาของอลิซลุกโชนไปอีกขั้น เธอหายใจเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะยืดตัวขึ้นและตะโกนก้อง
“เจ้าพวกออร์คสารเลว! ข้ายอมตายดีกว่ายอมจำนนแก่พวกเจ้า!”
สิ้นเสียงเอลฟ์สาว อลิซเหวี่ยงไม้เท้าขึ้นตั้งท่าพร้อมสู้แลกชีวิต แต่ก่อนที่อลิซจะได้ตั้งตัว ศิลาพลันพุ่งตัวเข้ามาฉวยไม้เท้าในมือไป
“อ่อนแอยิ่งนัก นี่อ่ะเหรอเผ่าเงินในอดีต?”
มันหัวเราะร่วนด้วยน้ำเสียงเชิงเสียดสี
เผ่าพันธุ์เงิน …
ได้ยินคำดังกล่าว จิตใจเอลฟ์สาวยิ่งหมองหม่นลงไปอีกขั้น
ในอดีตอันไกลโพ้น ณ วันวานที่เอลฟ์ยังมีเทพประจำเผ่า พลังของเหล่าเอลฟ์วัยกลางคนจะอยู่ที่ระดับเงินเป็นอย่างน้อย เอลฟ์จึงเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับการขนานนามว่าเผ่าพันธุ์เงิน
แต่ในปัจจุบัน แค่จะหาเอลฟ์ยอดฝีมือระดับเหล็กก็ไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร ซ้ำร้ายยังถูกคุกคามโดยเหล่าออร์ค ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเพียงเผ่าระดับเหล็ก!
เอลฟ์สาวกำหมัดแน่นด้วยความโกรธระคนโศกเศร้า
“หึหึ เอ็งคิดว่าจะมีทางอื่นให้เลือกรึไง?”
ศิลาหยอกล้ออย่างเลือดเย็น
อลิซชำเลืองมองมันด้วยสายตาขมขื่น แววตาสะท้อนความเศร้าที่ยังไม่จางหาย อีกทั้งยังเกิดความสิ้นหวังระลอกใหญ่ผุดขึ้นในใจเมื่อหวนคิดถึงชะตากรรมเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับผองเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ การถูกบุกโจมตีบ้านเกิด การถูกปล้นฆ่า ตลอดจนถูกขายเป็นทาส
นักบวชสาวค่อย ๆ ข่มอารมณ์ของตนลง เธอหลับตาและเริ่มบริกรรมคาถาในความเงียบงัน คลื่นมนตราไหลเวียนรอบตัวเอลฟ์ผมบลอนด์
สีหน้าของศิลาเปลี่ยนไป
“เวรแล้วไง มันจะระเบิดตัวเอง! หยุดนางเร็ว!”
เมื่อออร์ครอบตัวได้ยินดังว่า พลันเกิดเป็นความโกลาหลขึ้นในกระบวนทัพ
ศิลาไม่ได้กังวลเรื่องความเสียหายจากเวทมนตร์ระเบิดตัวเองของยอดฝีมือที่อยู่แค่ระดับเหล็กขั้นกลาง แต่มันไม่อยากให้สินค้าชิ้นงามตรงหน้าต้องกลายเป็นเพียงอากาศธาตุ
เอลฟ์ที่ดิ้นได้ร้องก็ได้คือสินค้า! เอลฟ์ที่ตายแล้วก็เป็นเพียงซากเน่า!
อลิซกัดริมฝีปาก ในวินาทีนั้นความทรงจำบางอย่างหวนมาสู่จิตใจ …
ภาพช่วงเวลาที่เธออาศัยอยู่กับมารดาอย่างมีความสุขเมื่อสองร้อยปีก่อน
ภาพช่วงเวลาที่เธอและชาวบ้านร่วมกันภาวนาแด่พระมารดา
ภาพช่วงเวลาที่แม่ของเธอจากไปด้วยโรคร้าย และอลิซกลายเป็นนักบวชแห่งธรรมชาติรูปสุดท้าย
หยาดน้ำตาหยดหนึงพลันไหลลงบนแก้มขาว พร้อมกับการร่ายท่อนสุดท้ายของคาถาระเบิดตัวเอง มันกำลังจะเปลี่ยนพลังศรัทธาของเธอให้กลายเป็นพลังทำลายล้างในไม่ช้า ร่างเด็กสาวเรืองรองด้วยประกายสีทองราวกับดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน
สีหน้าของศิลายิ่งดูแย่ขึ้นทุกขณะ มันคำรามลั่น
“หยุดเธอเดี๋ยวนี้เจ้าพวก … !”
ก่อนสิ้นเสียงของมัน พลันเกิดบางสิ่งที่ทำให้ศิลาหยุดชะงัก ความผันผวนของกระแสมนตราหยุดลง แสงที่เคยเรืองรองบนร่างเอลฟ์สาวกะพริบวูบหนึ่งแล้วจางหายไปราวกับลูกโป่งที่ถูกเจาะ ในเสี้ยววินาทีทุกอย่างกลับสู่สภาพปกติ ราวกับไม่เคยเกิดสิ่งใดขึ้นมาก่อน
เหลือเพียงความประหลาดใจปกคลุมไปทั่วบริเวณ
ศิลาเหลือบมองด้วยความฉงน ความตระหนกที่เคยมีก่อนหน้าล้วนสลายไปสิ้น บนใบหน้าของมันมีรอยยิ้มอัปลักษณ์ผุดขึ้นมาแทน
“ว้า … ไม่บึ้มอ่ะ!”
อลิซชำเลืองมองฝ่ามือทั้งสองของตนด้วยสายตาว่างเปล่า เสียงเล็กพูดกับตัวเองด้วยความแปลกใจ
“ทำไมล่ะ … ข้าไม่ได้ร่ายมนต์ผิดแน่ ๆ แต่เกิดอะไรขึ้น ทำไมกัน ทำไม …”
“พระมารดา … แค่พลังชีวิตตัวเอง ข้ายังควบคุมไม่ได้เลยเหรอคะ …”
สายตาหยาบโลนยังคงจ้องมาที่เอลฟ์สาว ศิลาถอนใจแผ่วเบาและส่งสัญญาณมือซ้ายทีขวาที
“ล่ามมัน! อย่าให้มันบาดเจ็บ!”
สิ้นเสียงสั่ง เกิดเหตุประหลาดที่ไม่มีออร์คตนใดขยับตัวเลย
ศิลาหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างเสียอารมณ์
“อะไรของพวกเอ็งวะ ลงมือดิ!”
กองทหารออร์คยังคงนิ่ง ที่ต่างออกไปคือสีหน้าพรั่นพรึงและเหงื่อกาฬเริ่มไหลหยด พร้อม ๆ กับร่างหนาของออร์คทุกตนที่ร่นถอยช้า ๆ
“มัวทำอะไรกันวะ?”
สีหน้าของมันเริ่มแสดงความโมโห ทหารออร์คจ้องข้ามผู้นำกองโจรของตนไปด้วยสายตาแปลกประหลาด พวกมันกลืนน้ำลายด้วยความสั่นกลัว จนมีตนหนึ่งรวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยบางสิ่งขึ้นมา
“นายท่าน … ข้างหลัง … ข้างหลัง …”
ข้างหลัง?
ศิลาขมวดคิ้ว ลมเย็นปะทะแผ่นหลังของมันพร้อมกับกลิ่นดิน เงาใหญ่ทอดทับทุกสรรพชีวิตในอาณาบริเวณ หัวใจของมันเต้นผิดจังหวะด้วยความตระหนก พลันเปลี่ยนเป็นความหวาดวิตกแผ่กระจายไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว
ปากหนางึมงำไม่เป็นภาษา ร่างสูงใหญ่ของศิลาหันช้า ๆ ด้วยความสงสัย …
มันตะลึงงัน
เบื้องหลังมันคือร่างสูงใหญ่เกินสามสิบเมตร ยืนตระหง่านพร้อมกับแววตาเยือกเย็น กายาหยาบบดบังตะวัน อากาศโดยรอบถูกความคุกคามมหาศาลเจือปนจนหายใจลำบาก
ศิลาอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัว เสียงแหบแห้งหลุดจากปากของมัน
“โอ๊ค … โอ๊คการ์ด? เป็นไปไม่ได้”
เบอร์เซิร์กเกอจ้องมองออร์คเบื้องหน้า ภายในแววตาของมันไม่มีความรู้สึกใด ๆ เจือปนแม้เพียงเศษเสี้ยว เสียงเย็นเยียบของมันดังขึ้น
“เจ้าว่าไงนะ?”
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _ ._ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _ .
T/N: จำนวนครั้งที่เคยสบถในชีวิตน่าจะนับได้ด้วยมือข้างเดียวค่ะ แปลตอนนี้ตอนเดียวคือเกินโควต้าไปแล้ว … สมเป็นออร์คดีนะคะ? ถ้าไม่ดิบ ไม่ดุ ไม่เถื่อนพอ ก็บอกได้นะคะ
…
บอกอ่ะได้ แต่เค้าปรับให้ไม่ได้หรอก แบร่ ;P
…
ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทได้ที่ต้นทางนะคะ
Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _ ._ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _ .