Gate of God - ตอนที่ 459-460
ตอนที่ 459 ข้าจะต้องตายงั้นหรือ?
เสียงของฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ดังมากนัก ราวกับว่าเขาพึมพำกับตัวเอง แต่ หยุน ชิงวู กลับได้ยินอย่างชัดเจน …
”ข้าจะทำลายสวรรค์!”
ทำลายสวรรค์?!
ฟางเจิ้งจือ พูดอย่างใจเย็นมาก บางคนอาจไม่คิดว่ามันเป็นเสียงของเขา
แต่…
เขาพยายามจะทำบางอย่างที่แทบเป็นไปไม่ได้!
หยุนชิงวู มองดูที่ ฟาง เจิ้งจือ นางรู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด นางพยายามดึงสติมากที่สุดเพื่อไม่ให้เผยความประหลาดใจ
แต่มันก็ไม่มีประโยชน์
”เขาต้องการทำลายสวรรค์?นั่นเป็นไปได้ด้วยหรือ?ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย!”หยุน ชิงวู คิดกับตัวเอง
ฉือกูเหยียน กำลังโจมตี หยุน ชิงวู และคังหยาง จากด้านบนและได้ยินคำพูดของ ฟาง เช่นกัน
อย่างไรก็ตามนางไม่ได้ตอบอะไร
นางยังคงโจมตีต่อไปราวกับว่านางไม่ได้ยินสิ่งที่ฟาง เจิ้งจือ พูด
คังหยางเองก็ไม่มีการตอบสนองเช่นกันเขาไม่คิดจะ ‘มอง’ ที่ ฟาง เจิ้งจือเลยแม้แต่น้อย บนใบหน้าของเขายังประดับไปด้วยรอยยิ้มจางๆ
มันไม่ใช่รอยยิ้มดูถูก
มันราวกับเป็นรอยยิ้มที่ผู้ใหญ่มองเด็ก
ฟางเจิ้งจือ เหมือนเป็นเด็กสามขวบ ที่อยากจะทำเรื่องอันยิ่งใหญ่ในฐานะผู้เฒ่า สิงที่เขาทำได้คือยิ้มและให้กำลังใจแก่คนวัยหนุ่ม
คังหยางให้กำลังใจแก่ ฟาง เจิ้งจือ
เขารู้ว่าฟาง เจิ้งจือ มีความสามารถ แต่ยังไม่มีความสามารถพอที่จะทำลายพันธนาการลงได้
สวรรค์…
ฟางเจิ้งจือ ไม่ได้เป็นเจ้าของสวรรค์!
เพียงแค่เพราะคังหยางยิ้มให้กำลังใจ ไม่ได้หมายความว่าปีศาจตนอื่นจะรู้สึกแบบเดียวกันความจริงแล้วเหล่าปีศาจที่อยู่ด้านหลัง หยุน ชิงวู ต่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
”ทำลายสวรรค์?ฮ่า ฮ่าฮ่า …ข้าฟังไม่ผิดใช่ไหม? ”
”ใช่เจ้าฟังไม่ผิด!”
”ไม่ว่าจะเป็นคนบ้าบิ่นหรือหยิ่งผยองแค่ไหนเขามีความคิดจะเจียตัวบ้างไหม? ทำไมเขาถึงหยิ่งยโสได้ขนาดนี้?!”
”เพราะเขาต้องการทำลายสวรรค์… ”
เหล่าปีศาจต่างเยาะเย้ยฟาง เจิ้งจือ อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้…
เพราะคำพูดของฟาง เจิ้งจือ นั้นน่าขันเกินไปเกินกว่าที่ปีศาจตนไหนจะทนได้
เสียงหัวเราะนั้นปกคลุมไปทั่วสนามรบ
หน่วยเกราะมังกรและกองทัพทลายภูผาและทหารของดินแดนภูเขาทางใต้ต่างได้ยินเสียงหัวเราะ
ฟางเจิ้งจือ เป็นมนุษย์ ดังนั้น การพูดของเขาจึงแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่มนุษย์พยายามทำ
สมาชิกกองกำลังต่างต้องการพูดอะไรบางอย่างแต่พวกเขาก็ไม่พูด
พวกเขาไม่สามารถร้องตะโกนเพื่อให้กำลังใจและบอกฟาง เจิ้งจือ อย่างเต็มเสียงว่าเขาจะสามารถทำมันได้สำเร็จ!
นั่นมันไร้สาระ
หากพวกเขาทำเช่นนั้นเป็นพวกเขาเองที่จะต้องอับอาย
ก้มหัวไม่สนใจสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ พูด
มันเป็นทางเลือกเดียวของพวกเขาตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอดทนต่อเสียงหัวเราะทั้งหลายหลายคนจ้องมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
เพราะ…
มันเป็นเพราะความไร้ยางอายของฟาง เจิ้งจือ ที่ทำให้พวกเขาถูกเยาะเย้ย
การเยาะเย้ยของปีศาจ…
การต่อสู้รอบๆ….ฟางเจิ้งจือ เมินเฉยต่อมันทั้งหมด
หลังจากได้ยินหยุน ชิงวู พูด เขาเริ่มคิดเกี่ยวกับมัน
สมาธิ!
มันเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่ง
นั่นเป็นความสามารถของฟาง เจิ้งจือ โดยเฉพาะในเวลาที่ต้องทำบางสิ่งให้สำเร็จแล้ว
เต๋าสวรรค์!
ฟางเจิ้งจือ พยายามนึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้ เขาพยายามนึกไปถึงทุกสิ่งที่เคยเจอมา
ร่างของเขากำลังติดแหงกอยู่?ราวกับว่าเขาถูกแช่แข็งอยู่กับที่
เกิดอะไรขึ้น?เป็นเพราะพื้นที่รอบ ๆ เขาเปลี่ยนไปงั้นหรือ?
นอกจากนี้…
แสงสีฟ้าเหนือหัวของหยุน ชิงวู ยังป้องกันการโจมตีของเขาได้อย่างสมบูรณ์
การโจมตีของเขาพุ่งผ่านแสงสีฟ้าอย่างชัดเจนแต่ทำไมการโจมตีของเขากลับเบนไปทางพื้นดิน
นอกจากนี้ถ้าหากหยุน ชิงวู อยู่ในมิติอื่น ทำไมชุดของนางถึงได้รับผลจากสายลม
ฟางเจิ้งจือ คอยคิดแต่คำถามเหล่านี้
เต๋าสวรรค์!
นี่คือพลังของการจุติเต๋าแห่งสวรรค์งั้นหรือ?ถ้ามันเป็นแค่การรวมเต๋าเข้าด้วยกัน ทำไมมันทรงพลังขนานี้ล่ะ?
ฟางเจิ้งจือ อยากเข้าใจมัน
อย่างไรก็ตามมันไม่ง่ายเลยเขาไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้มันแตกต่างจากสิ่งอื่น และเขาไม่รู้จะเริ่มยังไง
เขาจะทำลายมันได้อย่างไร?
”อ๊าก!”ฟางเจิ้งจือ ส่งเสียงร้องออกมาขณะที่พยายามระเบิดพลังออกมาเรื่อยๆ
พลังระดับอภินิหารทำให้เขาเปลี่ยนแปลงการสร้างเซลล์ในร่างกายใหม่ได้
หลังจากเขาเข้าสู่ระดับอภินิหารฟาง เจิ้งจือ สามารถควบคุมร่างกายของเขาได้ก่อนหน้านี้ เขาเพียงแค่ควบคุมกล้ามเนื้อ แต่ตอนนี้เขาสามารถควบคุมกระดูกของเขาได้
”ทำลาย!ทำลายมันซะ!”ฟางเจิ้งจือ ส่งเสียงร้อง และมีแสงพุ่งออกมาจากร่างกายเขา มันเป็นแสงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงเซลล์ในร่างกายของเขา
ในเวลาเดียวกันแรงระเบิดกระจายไปทั่ว
หากร่างกายของเขาติดอยู่บางทีเขาอาจจะหนีโดยการเปลี่ยนลักษณะของร่างกาย! นั่นคือสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ
แต่…
เขาถูกหยุดด้วยความเป็นจริง
ไม่ว่าเขาจะพยายามขนาดไหนไม่ว่าเขาจะพยายามเปลี่ยนกล้ามเนื้อหรือกระดูกมาแค่ไหน ร่างกายของเขาก็ยังหยุดอยู่ที่เดิม แม้แต่นิ้วของเขาก็ขยับไม่ได้
”มันไม่ได้ผลงั้นหรือ?”ซิงหยวนกัว มองไปด้วยความผิดหวัง ขณะที่เขามองคลื่นพลังที่ระเบิดออกาจากตัว ฟาง เจิ้งจือ
”ไม่มีประโยชน์เต๋าสวรรค์… ยากเกินไป!”ซิง หยวนกัว ส่ายหัว
ส่วนหนานกง เฮา ยังคงสนใจแต่กับสายฝนสีเงินที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปหลายครั้ง
สำหรับปีศาจ…
พวกเขาไม่สามารถกลั้นหัวเราะเอาไว้ได้
”พยามต่อไป!พยายามต่อไปสิ ฮ่าฮ่า!”
”ช่างเป็นมนุษย์ที่ไม่รู้จักเจียมตัวจริงๆต่อให้รู้ว่าทำไม่ได้ก็ยังฝืนอยู่อีก! ทำลายสวรรค์? ข้าอยากลองดูเขาทำจริงๆ!”
”ทำลายมันให้ข้าดูหน่อยสิฮ่าฮ่า! … ”
เสียงดังก้องกังวานไปทั่วสนามรบ
ความตกใจของหยุน ชิงวู หายไปหมดแล้ว ตอนนี้นางส่ายหัวเล็กน้อย ราวกับนางต้องการพูดบางอย่างแต่ก็ตัดสินใจไม่พูด
อย่างไรก็ตาม…
นางไม่ได้สนใจฟาง เจิ้งจือ อีกต่อไป นางมองไปที่ฝนสีเงิน
”บนโลกมีกฏหนึ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้คนธรรมดาเงยหน้ามองท้องฟ้าแต่ไม่รู้ว่าทำไมดวงอาทิตย์ถึงตกและขึ้น หรือทำไมถึงมีสี่ฤดู การที่พวกเขาไม่เข้าใจก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ในกฎของธรรมชาติ นั่นคือเต๋าสวรรค์”
”เต๋าสวรรค์?!”ฟาง เจิ้งจือ มองแสงสีเงินอันเปล่งประกายขณะฟังเสียง
”เต๋าสวรรค์ไม่เหมือนกับเต๋าอื่นๆในความเป็นจริงมันต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง” เสียงยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มันเป็นเสียงของฉือ กูเหยียน
ฟางเจิ้งจือ รู้เรื่องนี้
ทั้งหยุน ชิงวู และ คังหยาง ไม่คิดจะหยุดนาง
เป็นเพราะว่า…
ฉือกูเหยียน เพียงพูดถึงสิ่งที่มีอธิบายอยู่ในกฏแห่งเต๋า
ถ้าผู้คนสามารถเข้าใจเต๋าสวรรค์จากการเพียงแค่อ่านมันคงมีผู้คนจำนวนมากเข้าถึงเต๋าแห่งสวรรค์แล้ว
แต่ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น…
แม้แต่ตัวฉือ กูเหยียน ก็ไม่สามารถทำได้ นางจะสอน ฟาง เจิ้งจือ ได้อย่างไร ที่นางทำก็เหมือนเป็นการทำให้ตัวเองขายหน้าเท่านั้น
”อัจฉริยะ?ดูเหมือนนางก็ไม่ได้ฉลาดเท่าไรนัก”
”ดูเหมือนว่า… พวกเราจะประเมิณนางสูงเกินไป ต่อให้นางเป็นร่างทรงเต๋าสวรรค์ นางก็ยังคงไร้เดียงสาเกินไป!”
”ฮ่าฮ่าฮ่า… นางคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะเข้าใจเต๋าสรรค์ได้จริงๆงั้นหรือ? ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”
ทหารปีศาจหัวเราะเยาะเย้ยกันออกมาทันทีพวกเขาไม่คิดว่านางจะเชื่อ ฟาง เจิ้งจือ จริงๆ
”เจ้าไร้ยางอายปกติเจ้าแข็งแกร่งเสมอไม่ใช่หรือ? ทำไมครั้งนี้เจ้าจะทำอะไรไม่ได้ละ? เจ้าต้องทำลายมันให้ได้! มีการกล่าวกันว่าเต๋าสวรรค์นั้นจะดึงพลังออกมาจากจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง!”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะลำแสงสีแดงก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า มันแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ของ ปิง หยาง อย่างชัดเจน
วิตกกังวล
แม้ว่านางจะไม่เข้าใจกฏแห่งเต๋าแต่นางก็สามารถพูดสิ่งที่นางรู้ออกมาได้
”ทุกคนที่ไม่เข้าใจเต๋าสวรรค์จะถูกจัดการอย่างง่ายาดาย”
”ด้วยเต๋าแห่งสวรรค์เจ้าจะสามารถชนะได้ในทุกสงคราม”
”เต๋าสวรรค์นั้นเหมือนกับการเพาะเมล็ดในฤดูใบไม้ผลิพรวนดินในฤดูใบไม้ร่วง ก่อนจะดูมันร่วงโรยในฤดูหนาว นี่คือกฎแห่งธรรมชาติ ”
”เต๋าสวรรค์จะพามันไปยังจุดสิ้นสุด”
”…”
เสียงยังคงดังทะลุผ่านสายฝนสีเงินเมินเฉยต่อเสียงเยาะเย้ยของปีศาจ
ดวงตาของฟาง เจิ้งจือ เป็นประกาย
ทุกครั้งที่เสียงดังขึ้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายมากขึ้นเรื่อยๆ
…
ในความเป็นจริงเมื่อฟาง เจิ้งจือได้ยินเสียง เขาเกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้น
เขารู้สึกสงบมาก…
ราวกับเสียงนี้มีความพิเศษอยู่
พวกมันคอยปลอบประโลมจิตใจที่หวาดกลัวและสั่นไหวของเขา
”เต๋าสวรรค์?””
”กฎ?”
”ธรรมชาติ…”
”การสรรค์สร้างทั้งหมด?!”
”…”
เสียงยังคงเข้าหูของฟาง เจิ้งจือ ก่อนที่ความคิดจะพุ่งเข้าสู่จิตใจของ ฟาง เจิ้งจือ เรื่อยๆ มันเหมือนกับเขากำเดินทางเข้าลู้โลกที่แสนสงบ
”เต๋าสวรรค์?””
”เต๋าสวรรค์?””
ฟางเจิ้งจือ ทวนมันซ้ำๆ หัวใจของเขายังคงสั่นไหวเมื่อนึกถึงตอนที่เขาโจมตี หยุน ชิงวู รวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้
ในที่สุดเขาก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่าง
เต๋าสวรรค์คือกฏของธรรมชาติมันเป็นกฏที่ทุกสิ่งต้องทำตาม
ในโลกก่อนหน้าของเขา…
มันคล้ายกับกฎการอนุรักษ์พลังงานที่เขาเคยเรียนในชั่วโมงวิทยาศาสตร์!
ในที่สุดฟาง เจิ้งจือ ก็เข้าใจมัน อย่างไรก็ตามเพียงเพราะเขาเข้าใจ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำได้ เหมือนกับทุกคนรู้ว่าการทำธุรกิจล้วนเพื่อผลกำไร…
แต่มันง่ายงั้นหรือ?
ไม่อย่างแน่นอน
นักธุรกิจที่แตกต่างกันมีกำไรต่างกัน มันขึ้นอยู่กับประเภทและเจ้าของธุรกิจนั้นๆ
เต๋าสวรรค์…
ใช้ร่างกายเพื่อเข้าใจกฎของธรรมชาติจากนั้นด้วยการจำลองกฎเหล่านี้เราสามารถเปลี่ยนองค์ประกอบของธรรมชาติ …
มันเป็นแนวคิดที่เรียบง่าย…
แต่มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้
เต๋าสวรรค์…
มันยากยิ่งกว่านั้นมันเหมือนกับคนคนหนึ่งต้องผสานและกลายเป็นส่วนหนึ่งของสายลมหรือพูดง่ายๆต้องกลายเป็นลม
เมื่อเข้าใจเต๋าสวรรค์ก็จะสามารถกลายเป็นลมอย่างแท้จริงรวมถึงสามารถใช้ร่างกายของตัวเองเพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งรอบๆตัวได้
”หรือข้าจะต้องตายจริงๆ?!”ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่าสถานการณ์ในตอนนี้เหมือนอยากบอกให้เขาทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ มันต้องยากขนาดนี้เลยงั้นรึ?
เพจหลัก: Gate of god TH
ตอนที่ 460 ข้าคือสวรรค์
ทุกคนต่างใฝ่ฝันว่าอยากไปสวรรค์
ทุกคนต่างใฝ่ฝันว่าจะมีปีกที่หลังเป็นเทวดาตัวน้อยที่บินอยู่บนสวรรค์สูดดมอากาศที่สดชื่น
แต่พูดตามตรงแล้ว…
แค่มีปีกก็ใช่ว่าจะได้เป็นเทวดาเสียหน่อยน่าจะเป็นมนุษย์นกมากกว่า
การเข้าใจกับสามารถใช้ได้นั้นมันมีข้อแตกต่างกันอยู่
มันเป็นปัญหาที่ฟาง เจิ้งจือ กำลังเผชิญหน้าอยู่ เขาเข้าใจความหมายและส่วนสำคัญของเต๋าแห่งสวรรค์ แต่เขาไม่สามารถใช้มันได้
มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและการฝึกฝน
แค่ความเข้าใจนั้นไม่เพียงพอมันต้องใช้การฝึกฝนและประสบการณ์ร่วมด้วย มันเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยให้เขาทำได้
มันไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่ฟาง เจิ้งจือ เข้าใจนั้นไร้ความหมาย
แค่เข้าใจก็เหมือนเขามีทางลัดแล้ว
เขาได้เส้นทางที่สุดเพื่อจะเข้าใจเต๋าแห่งสวรรค์
แต่…
เขาต้องการเวลา…เยอะมาก
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะทำสำเร็จไหม
เขาต้องเข้าใจกฎของดินน้ำ ไฟ จากนั้นก็อาศัยร่างกายของเขาเพื่อปรับเปลี่ยนกฎเหล่านั้น
สุดท้าย…
เขาต้องทำลายและสร้างกฏขึ้นเพื่อให้ร่างกายของเขาควบคุมการสรรค์สร้างทุกอย่างได้
เต๋าสวรรค์…
มันเป็นกฎของธรรมชาติ
ก่อนหน้านี้ฟาง เจิ้งจือ สามารถใช้เต๋าแห่งการสรรค์สร้างได้ เขาสามารถใช้ดาบเพื่อสร้างลมและควบคุมความเร็วของมันได้
นี่คือเต๋าแห่งการสรรค์สร้าง
อย่างไรก็ตามผู้ที่สามารถใช้เต๋าสวรรค์ได้สามารถควบคุมได้มากกว่านั้น
ตัวอย่างเช่นทุกคนรู้ว่าเพชรเกิดจากคาร์บอนอย่างไรก็ตามคนที่มีคาร์บอนสามารถทำให้มันเป็นเพชรได้ง่ายๆงั้นหรือ?
แน่นอนว่าไม่
ถ้าทำได้ป่านนี้โลกคงเต็มไปด้วยเพชรแล้ว
แต่…
คนที่เข้าถึงเต๋าแห่งสวรรค์สามารถทำได้
เขาสามารถเปลี่ยนกฎของธรรมชาติเขาสามารถเปลี่ยนกฎของธรรมชาติ สร้างสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ให้เป็นไปได้ เช่นตามปกติไฟไม่น่าหลอมหินหรือเหล็กได้ แต่ถ้ามีเต๋าสวรรค์สามารถทำได้
เปลี่ยนกฎของธรรมชาติ!
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมเขาจึงโจมตีหยุน ชิงวู พลาด ในตอนที่เขาสัมผัสแสงสีฟ้า…
กฎมากมายได้ถูกเปลียน
มันอาจจะเป็นแนวคิดเกี่ยวกับมิติอื่น
ฟางเจิ้งจือ ไม่รู้ว่า คังหยาง ใช้วิธีไหน อย่างไรก็ตามถ้าเขาเข้าถึงเต๋าแห่งสวรรค์จริง การโจมตีธรรมดานั้นก็เปล่าประโยชน์
”เฉพาะผู้ที่เข้าถึงเต๋าแห่งสวรรค์ถึงจะทำลายพันธนาการนี้ลงได้!”ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มอย่างขมขื่น
ยาก?
มันไม่ได้ยาก!
แต่มันเป็นไปไม่ได้!
ในที่สุดฟาง เจิ้งจือ ก็เข้าใจว่าทำไม หยุน ชิงวู ถึงบอกว่าเขาไม่สามารถทำได้ เขาเข้าใจว่าทำไมพวกปีศาจถึงหัวเราะเยาะเขา
เขาเข้าใจว่าทำไมซิง หยวนกัว ถึงไม่มาช่วยเขา
มันไม่เกี่ยวกับความเก่งกาจของเขาต่อให้เขาจะเก่งแคไหน เขาก็ไม่มีทางช่วย ฟาง เจิ้งจือ ได้
มันเป็นไปไม่ได้
ฟางเจิ้งจือ สิ้นหวัง
คำพูดของหยุน ชิงวู ดังขึ้นในใจเขา นางต้องการให้เขาอ้อนวอนนางและใช้ชีวิตธรรมดาๆในเมืองเงาเลือด
เขาจะกลายเป็นนักโทษ…
โอ้ใช่…
หยุนชิงวู บอกจะหาภรรยาให้เขาด้วย หรือนางจะหมายถึงตัวนางเอง?
นั่นคงบ้าบอเกินไป
ฟางเจิ้งจือ ละทิ้งความคิดนั้น ไม่มีปีศาจตนไหนยอมให้ หยุน ชิงวู มาแต่งงานกับนักโทษเช่นเขา
ถ้ามิติพิเศษของเขาถูกผนึก…
พลังของเขาทั้งหมดจะหายไปแม้แต่ทหารธรรมดายังสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย…
ฟางเจิ้งจือ รู้สึกเย็นสะท้านไปถึงกระดูกสันหลัง
เขาเริ่มคิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดได้ยังไงถ้ารับข้อเสนอของนางถ้าเข้าก้าวเขาไปยังเมืองเงาเลือดแล้ว เขาก็จะกลายเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง
เขาไม่สามารถเป็นศัตรูกับหยุน ชิงวู ได้อีกต่อไป…
นอกจากนี้เขาไม่สามารถสร้างศัตรูกดดันใครได้ถ้าเขาทำแบบนั้นเมื่อไร ชีวิตของเขาคงอยู่ได้ไม่นาน
คิดถึงเรื่องนั้น…
งั้นเขาก็ต้องแต่งงานกับปีศาจที่ไม่มีใครต้องการและเป็นข้ารับใช้ไปตลอดชีวิต
น้ำตาเริ่มไหลคลอออกมาจากดวงตาของฟาง เจิ้งจือ
”นี่เป็นราคาที่ต้องแลกกับการมีชีวิตรอดงั้นรึ?”ฟางเจิ้งจือ รู้ว่าคนเราต้องมีการเสียสละ อย่างไรก็ตามนี่มันมากเกินไป
เขาจะไม่มีวันไปที่เมืองเงาเลือด!
ฟางเจิ้งจือ ตะโกนบอกตัวเอง ถ้าเขายอมรับข้อเสนอนี้ เขาจะต้องใช้ชีวิตในเมืองเงาเลือดตลอดไป ไม่สามารถบ่มเพาะพลัง ไม่สามารถหยิ่งยโสได้ ไม่สามารถอวดอะไรได้อีก โหดร้ายเกินไปแล้ว
”พังไปซะพัง!” ฟาง เจิ้งจือ กู่ร้อง นี่คือความพยายามครั้งสุดท้ายของเขาก่อนที่จะหมดหวัง
เขาไม่ต้องการตาย…
แต่เขาไม่อยากไปอยู่ที่เมืองเงาเลือดเช่นกัน
เขาต้องทำยังไง?
เขาต้องพยายามหลบหนีให้ได้แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง เขาถูกพันธนาการโดยกฏแห่งธรรมชาติ กฎแห่งเต๋า
”ตูม!”
คลื่นพลังมหาศาลทะลักออกมาราวกับหินก้อนใหญ่ได้ตกลงไปในทะเล อย่างไรก็ตามร่างกายของ ฟาง เจิ้งจือ ยังคงไม่ขยับไปแม้แต่นิ้วเดียว
”เกิดอะไรขึ้น?”ฟางเจิ้งจือ ไม่อยากจะยอมรับ ข้าพึ่งเข้าสู้ระดับอภินิหาร เขายังไม่ได้เล่นสนุกกับพลังของเขาเลย
ถ้าเขารู้ว่าจะลงเอยอย่างนี้คงไม่มาเหยียบที่นี่เด็ดขาด
ทำไมเขาต้องส่งตัวเองมาตายด้วย?
”ฮ่าฮ่าฮ่า…สูญเปล่า!”
“ข้าคิดว่าเขาจะยอมแพ้แล้ว เขาต้องการทำลายเต๋าแห่งสวรรค์งั้นรึ? !”
”ถือดีจริงๆ”
ปีศาจเริ่มเยาะเย้ยควมพยายามของฟาง เจิ้งจือ อีกครั้ง
แม้พวกเขาจะรู้ผลลัพธ์อยู่แล้วว่าจะเป็นยังไง
แต่มันก็น่าขันและสนุกมากที่ได้ดูความพยายามอันสูญเปล่าของฟาง เจิ้งจือ โดยเฉพาะหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ถิ่นฐานวานรน้ำแข็งขึ้น
ฉลาด?
ต่อให้เก่งกาจแค่ไหนก็ไม่มีวันที่จะทำลายมันได้!
ฟางเจิ้งจือ กัดริมฝีปากขณะฟังเสียงพูดคุยรอบๆ ปากของเขาเป็นเพียงส่วนเดียวที่เคลื่อนไหวได้
”เต๋าแห่งสวรรค์ส่งเสริมและส่องแสงให้แก่ทุกสิ่ง”
ในขณะนั้นเสียงอันงดงามก็ดังขึ้นมาอีกครั้งมันสงบและเยือกเย็นราวกับมหาสมุทร
ท่าทีของฟาง เจิ้งจือ แข็งค้างไปอีกครั้ง
เขาหันไปมองท้องฟ้าแสงสีเงินยังคงเจิดจ้า
”ฉือกูเหยียน… ” ฟาง เจิ้งจือ มองดูแสงสีเงินด้วยความสับสน เขาไม่รู้ว่าทำไมนางถึงพยายามจะช่วยเขา
นางไม่รู้หรือว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายเต๋าสวรรค์?
นางพยายามจะพิสูจน์อะไร?
นางพยายามจะช่วยเขา?
หรือมันมีความหมายอื่น?
เขาเหมือนกับศพที่ไม่มีทางต้านทาน
คังหยางแข็งแกร่งเกินไป
”เต๋าแห่งสวรรค์ทำลายสิ่งชั่วร้ายส่งเสริมสิ่งดี”
”เต๋าแห่งสวรรค์นั้นรู้แจ้งทุกสิ่งเป็นดั่งพระเจ้า”
”ในช่วงฤดูใบไม้ผลิดอกไม้จะเบ่งบานในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเราจะเก็บเกี่ยว นี่คือกฎของธรรมชาติ ”
เสียงพูดยังไม่หยุดนิ่งมันยังดังต่อไปเรื่อยๆ
ฟางเจิ้งจือ อยากบอกให้นางหยุด
แต่เขาไม่สามารถพูดออกไปได้
”หยุดพูดข้อความเหล่านี้ได้แล้ว!ข้าไม่เข้าใจพวกมัน ข้าต้องช่วยเขา!” ทันใดนั้นเสียงอันคมชัดก็ดังขึ้น มันเป็นเสียงอันหนักแน่นของร่างสีแดงที่ยืนอยู่ด้านหน้าของ ฟาง เจิ้งจือ
ฟางเจิ้งจือ แปลกใจมาก เขาไม่เคยคาดฝันเรื่องนี้แม้แต่น้อย
ปิงหยาง จะมาช่วยเขาเนี่ยนะ!
นางไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจงั้นหรือ?หรืออยู่ดีๆอยากเป็นคนดีขึ้นมา?
ฟางเจิ้งจือ นึกถึงสิ่งที่ ปิง หยาง เป็น เขายังคิดถึงความไร้เหตุผลของนาง ไม่มีสิ่งในในนางเลยที่เป็นด้านดี
แต่ในโลกแห่งเซียนนางก็รับการโจมตีให้เขา
มันเป็นการโจมตีจากหยิง ซาน
ตอนนั้นปิง หยาง อยู่ในระดับผนวกดาราเท่านั้น
ตอนนี้ก็เช่นกัน
แต่กระนั้นนางก็กระโดดออกมาต่อสู้?
ร่างสีแดงพุ่งไปอย่างรวดเร็วและก็ถอยกลับมาอย่างรวดเร็วเช่นกันในพริบตา ปิง หยาง กลับมายืนในจุดเดิมของนางพร้อมกับเลือดที่มุมปาก
เกราะเพลิง
หนึ่งในสมบัติด้านการป้องกันที่ดีที่สุดแต่ไม่สามารถแม้แต่ป้องกันการโจมตีของคังหยาง
คังหยางโจมตีได้อย่างง่ายดาย
เขาไม่ขยับแม้แต่นิ้วที่เขาทำทั้งหมดคือมองไปที่ ปิง หยาง
แข็งแกร่งมาก!
ฟางเจิ้งจือ มองไปที่ ปิง หยาง
ปิงหยาง เองก็มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ เขาเห็นสายตาดูถูกในดวงตาของนาง
”เชี่ยเอ้ย!”ฟาง เจิ้งจือ ทนไม่ได้
ปกติเขามักเป็นคนดูถูกนางเสมอนางมีสิทธิมาดูถูกเขาตั้งแต่ตอนไหน?
เพราะพลังของคังหยางฟาง เจิ้งจือ น่าจะสิ้นหวังไปแล้ว
แต่มันกลับตรงข้ามเมื่อมองไปที่ ปิง หยาง เขาก็ตระหนักได้
ตอนนั้นเขาสามารถฆ่าหมาป่าเพลิงฟ้าได้ทั้งๆที่ยังไม่ได้เข้าถึงกฎแห่งเต๋า
ตอนนั้นเขายังไม่ได้เป็นแม้แต่เจ้าหน้าที่แต่สามารถสร้างรูโหว่ไว้ที่โถงบัลลังก์ได้
ตอนนั้นเขาไม่ได้อยูในระดับอภินิหารแต่สามารถเอาชนะ หยิง ซาน ได้
และตอนนี้…
เขาติดกับดัก
เขาจะยอมแพ้งั้นหรือ?
การจุติเต๋าแห่งสวรรค์
แล้วยังไงล่ะ?ทุกอย่างมีกฎที่ต้องทำตาม ต่อให้ทรงพลังแค่ไหนก็ไม่สามารถละเมิดกฎได้ เขาแค่ต้องคิดให้ออก
ฟางเจิ้งจือ มองท้องฟ้าอีกครั้ง
ดาบแสงพุ่งใส่พื้นอย่างต่อเนื่องต่อให้พวกมันจะไม่สัมผัสตัว คังหยาง และ หยุน ชิงวู แม้แต่น้อย
ฉือกูเหยียน ก็ไม่คิดจะหยุด
”พยายามตราบที่ไม่สิ้นความหวัง!” ในที่สุด ฟาง เจิ้งจือ ก็เข้าใจทำไม ฉือ กูเหยียน ถึงเป็นอัจฉริยะลำดับต้นๆ
พรสวรรค์เป็นส่วนหนึ่งของมัน
แต่…
ฉือกูเหยียน มีความมุ่งมั่นมาก ตอนที่คนอื่นยอมแพ้ นางยังอยู่ที่นั่น นางยังพยายามต่อไป
นั่นคือฉือ กูเหยียน
นางเป็นคนที่มีความสามารถอันยิ่งใหญ่พรสวรรค์และความพยายาม
”ข้าเองก็แพ้ไม่ได้เหมือนกัน!”ดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ เปล่งประกาย
มันยากจนแทบเป็นไปไม่ได้!
ไม่มีทาง!
จะต้องมีวิธีในการทำลายมันไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้! เขาอาจจะต้องคิดนอกกรอบ…
เดี๋ยวก่อน!
เขาพลาดบางสิ่งบางอย่างไป
เขาเข้าใจแล้ว!
ดวงตาของฟาง เจิ้งจือ สว่างจ้า มันเป็นสิ่งที่อยู่ข้างๆตลอด แต่เขาดันลืมมัน
”ทำลายสวรรค์?ไปสวรรค์? ไม่ ข้านี่แหละคือสวรรค์!”
เพจหลัก: Gate of god TH