Gate of God - ตอนที่ 636 จัดการ ซู ฉิง
การต่อสู้ในเมืองหลวงที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เท่านั้นที่จะเป็นตัวทดสอบได้
การพยายามลอบเข้าวังเพื่อช่วยองค์จักรพรรดิก็ดีการปลอบโยนจิตใจประชาชนก็ดี แต่นั่นก็เป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น
ผู้นำที่ดีต้องมองการไกล
ท่ามกลางความโกลาหลที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงคงไม่มีใครคิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างองค์ชายเก้า
อย่างไรก็ตามที่ซิง หยวนกัว พูดว่าเขาเป็นเชื่อพระวงศ์ หากเป็นในเมืองหลวงคงมีข้อจำกัดในเรื่องของอำนาจอยู่บ้าง ไม่มีเหมือนกับที่ดินแดนทางเหนือ
”ฝ่าบาท!”ในตอนนั้นเองที่เหยียน เฉียนหลี่ เดินไปหา หลิน มู่ไป่ และจ้องไปที่ เหยียน ซิว กับ ฟาง เจิ้งจือ ก่อนที่โค้งคำนับ
”ราชาเหยียนบาดเจ็บหรือไม่?”หลิน มู่ไป่ จ้องไปที่ เหยียน เฉียนหลี่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย
”ไม่ร้ายแรงนัก”เหยียน เฉียนหลี่ ส่ายหัว จากนั้นเขาก็มองไปทางเหนือแล้วพูดขึ้นว่า “ข้าวางกองทัพทหารไว้ระหว่างเขตแดนของเหลียงตะวันตกและดินแดนทางเหนือถ้าหากมีอะไรผิดปกติ ข้าออกคำสั่งให้พวกเขาโจมตีกองทัพคนเถื่อนได้ทันที”
”นี่…ราชาเหยียนช่วยปกป้องอาณาจักรเซี่ยไว้อีกแล้ว!”หลิน มู่ไป่ ตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่เขาก็ยินดีอย่างมาก
”ข้าขออภัยในการกระทำโดยพลการ!”
”ราชาเหยียนท่านถ่อมตัวเกินไปแล้ว ข้าจะไม่เข้าใจการกระทำของท่านได้ยังไง!”
”ฮืมฝ่าบาท ส่วนเส้นทางที่เหลือท่านคงต้องจัดการเอง หลังจากเกิดเรื่องเช่นนี้ ข้ายังไม่คิดจะกลับดินแดนเหลียงตะวันตก” เหยียน เฉียนหลี่ พยักหน้าในขณะที่พูด
”ราชาเหยียนจะไปที่… ”
”ใช่”
”เข้าใจแล้ว”แววตาของ หลิน มู่ไป่ เต็มไปด้วยความโศกเศร้า เขาคุกเข่าลงเพื่อส่งราชาเหยียน
เหยียนเฉียนหลี่ ไม่ได้ห้าม หลิน มู่ไป่ แต่อย่างใด
”ฝ่าบาทราชาเหยียนกับองค์ชายเก้าออกไปแล้ว โปรดออกคำสั่งด้วย!”ซิง หยวนกัว จ้องมองท้องฟ้าพร้อมกับกำมือแน่น
”เอาล่ะจงฟังข้า!”
”รับทราบฝ่าบาท!”
”ข้าแต่งตั้งซิง หยวนกัว เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองทัพทลายภูผาและกองทหารอื่นจงรีบไปที่เมืองเกล็ดทองเพื่อช่วยเหลือองค์ชายเก้าในการต่อสู้กับกองทัพคนเถื่อน
สายฝนที่โหมกระหน่ำแต่ยังคงเห็นกองทหารขี่ม้าอยู่บนที่ราบ สัญลักษณ์ของเมฆสีแดงปักอยู่ที่หน้าอกของพวกเขา
เป็นกองทหารเมฆา
มีม้าสี่ตัวนำทัพอยู่
พวกเขาคือฟาง เจิ้งจือ ,เหยียน ซิว ,ฉาน ยู่ และ วู่ จวี้เอ๋อ
พวกเขาต่างมุ่งตรงไปข้างหน้า
ร่างสีดำที่อยู่ด้านหลังพวกเขาต่างถือดาบยาวที่ส่องประกาย
”นายน้อยกองทัพคนเถื่อนที่หลบหนีอยู่สองกิโลเมตรด้านหน้า!”
”ดี”เหยียน ซิว พยักหน้าพร้อมกับตอบกลับ จากนั้นก็หันมอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยหางตา เขารู้สึกว่า ฟาง เจิ้งจือ เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ปกติแล้วฟาง เจิ้งจือ ไม่รับข้อเสนอของ หลิน มู่ไป่ ในทันทีเช่นนี้ โดยเฉพาะมีเงื่อนไขที่มัดตัวเขาเอาไว้เสียอีก
แต่คราวนี้…
ฟางเจิ้งจือ ไม่ต่อรองใดๆ
เขาจะทำอะไรในครึ่งปีที่เหลือนี้?
เหยียนซิว จับบังเหียนม้าแน่นโดยไม่รู้ตัว “ซู ฉิง เจ้าหนีไม่พ้นหรอก!”
…
การต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นในป่าที่ห่างจากตัวเมืองหลวงมาแปดสิบกิโลเมตรกองทหารเมฆากว่าสามพันนายบุกเข้าโจมตีกองทัพคนเถื่อน
เหล่ากองทัพคนเถื่อนนอนกองอยู่ที่พื้นเกราะของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยเลือด พวกเขาจ้องไปที่กองทหารเมฆาด้วยความไม่เชื่อ
กับดักที่วางไว้ไม่มีผลเลย
พวกเขาทำได้ยังไง?
พวกเขาไม่มีทางรู้แต่พวกเขาไม่มีทางถอยกลับแล้ว การต่อสู้สิ้นสุดลง
”ฟางเจิ้งจือ แม้เจ้าจะฆ่าข้า กองทัพคนเถื่อนก็ได้เข้าสู่ดินแดนทางเหนือแล้ว พวกเราไม่มีวันแพ้!”ซู ฉิง ตะโกน
”หึเจ้าก็ไม่มีทางหนีเช่นกัน เมื่อข้าก้าวเท้ามาที่นี่แล้ว! “ฟาง เจิ้งจือ จ้องไปที่ ซู ฉิง และนึกถึงตอนที่พบกันครั้งแรก
ในตอนนั้น…
ซูฉิง มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า รอยยิ้มของเขาราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในการควบคุม อย่างไรก็ตามความหยิ่งผยองในตอนนั้นกลับกลายเป็นความหวาดกลัวในวันนี้
ฟางเจิ้งจือ จ้องไปที่ท้องฟ้าพร้อมกับครุ่นคิด ซู ฉิง ขึ้นชื่อเรื่องการวางแผนที่ซับซ้อน ความจริงแลhวเขายอดเยี่ยมกว่า ฟาง เจิ้งจือ
แต่ตอนนี้เขากำลังยืนก้มหน้าด้วยความหวาดกลัวต่อหน้าฟาง เจิ้งจือ
พลังที่แท้จริง
ฟางเจิ้งจือ มีทั้ง วู่ จวี้เอ๋อ ,ฉาน ยู่ ,เหยียน ซิว ,คนของนิกายเงาและกองทหารเมฆา บทสรุปของสงครามครั้งนี้นี้เป็นที่ชัดเจน
หอคอยหลิงหยุน?
บางทีอาจจะอยู่ในสถานะเดียวกันกับหอคอยหลิงหยุน
”ดูเหมือนครั้งนี้ข้าจะแพ้แล้ว”ซู่ ฉิง ถอนหายใจ.ไอรีนโนเวล.
”บอกมาเฉียน วู่ อยู่ที่ไหน?”
”เฉียนวู่? ฮ่าฮ่า เจ้าจะได้เจอเขาเร็วๆนี้แน่นอน!”ตอนแรก ซู ฉิง ตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
”ฟางเจิ้งจือ เจ้าอยากให้ข้าช่วยไหม?”เสียงของ วู่ จวี้เอ๋อ ดังขึ้นมา สายตาของนางเต็มไปด้วยจิตสังหาร
”ไม่จำเป็นข้าจะทำเอง” ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัวของเขา หลังจากนั้นแสงสีม่วงที่น่าหวาดกลัวก็ส่องประกายขึ้นที่ดาบไร้ร่องรอย
จากนั้นแสงสีม่วงก็ค่อยๆเคลื่อนเข้าหาหัวใจของซู ฉิง
เลือดสีแดงสดไหลออกจากปากของซู ฉิง ในขณะที่เขาจับดาบไร้ร่องรอยแน่น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความขมขื่น จนในที่สุดเขาก็ยอมรับในชะตากรรม
บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบ!
ฝนหยุดตกและแสงแดดสาดส่องผ่านขอบฟ้า
…
ครึ่งเดือนต่อมาดวงดาวส่องแสงในท้องฟ้ายามค่ำคืน
ศาลาทองคำตั้งอยู่บนยอดเขาสูงตระหง่านที่ดูเหมือนจะลอยอยู่บนสวรรค์บรรยากาศเงียบสงบ
ด้านบนสุดของศาลามีคำสองคำสลักเอาไว้’เต๋าสวรรค์’ มันเด่นชัดแม้จะเป็นยามกลางคืน
ในตอนนั้นเองมีแสงที่ส่องลงมาจากท้องฟ้าราวกับดาวตก แต่มีความแตกต่าง นั่นเพราะมันส่องสว่างท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดสนิท
ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนจะมีเสียงบางอย่างท่ามกลางแสงสว่างมันดังก้องไปทั่ว
ตูม!ท้องฟ้าสั่นไหวแผ่นดินสั่นสะเทือน
ในเวลาเดียวกันก็มีร่างๆหนึ่งปรากฎตัวออกมาที่ศาลาเต๋าสวรรค์ชุดกระโปรงยาวสีชมพูพริ้วไหวตามสายลมเข็มขัดผ้าไหมสีขาวที่ทำให้เอวบางจนเห็นได้ชัด เส้นผมที่งดงามพาดไหล่ นางเป็นความงดงามอย่างแท้จริง
ร่างนั้นมีความรวดเร็วมาก
นางไปถึงขอบฟ้าในทันที
หลังจากนั้นสิ่งที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้น
”ดูสิบนท้องฟ้า!”
”นั่นหรือว่า… ”
”ใช่แล้วรุ่นน้องของพวกเรา!”
”เสียงนี้เป็นเหมือนเสียงของสวรรค์และโลก…”
พวกเขาทุกคนจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและมองไปยังแสงสว่างที่เลือนหายไปพวกเขาแต่ละคนเต็มไปด้วยความตกใจ
แสงสว่างหายไปกลายเป็นจุดแสงเล็กๆมากมายกลุ่มแสงมารวมอยู่ที่หน้าผากของนาง
ภายใต้แสงสว่างคือใบหน้าที่งดงามนางมีผิวพรรณที่นวลละออและแววตาที่สดใส
มันเป็นความงามที่เกินกว่าจะเป็นมนุษย์บนพื้นโลก
ช่างน่าทึ่งจริงๆ!
”ท่าน!”หญิงสาวสวมชุดสีเขียวมรกตตะโกนจากสวนนางจ้องมองไปยังร่างที่อยู่บนขอบฟ้าด้วยความดีใจ ก่อนจะพูดว่า “นางกลับมาแล้ว!”
”นางบรรลุแล้วงั้นหรือ?”ร่างหนึ่งเงยหน้าขึ้น ชุดสีขาวของเขาโบกพัดไปตามสายลม
เป็นหนานกง เฮา
”นางบรรลุที่หลังเจ้าหนึ่งเดือนเมื่อเทียบกับพวกเจ้าทั้งคู่แล้ว พวกเราช่างน่าละอายจริงๆ” ชายวัยกลางคนพูดพรอมถอนหายใจ
”ท่านถ่อมตัวเกินไปแล้ว!”หนานกง เฮา ส่ายหัวพร้อมกำดาบแน่น
”ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกเจ้าได้รับการสอนเป็นการส่วนตัวตั้งแต่เข้ามาที่นี่ในวันแรก มันเป็นสิ่งที่พวกเราเทียบไม่ได้แม้แต่น้อย …
ทันใดนั้นรางหนึ่งค่อยๆร่อนลงมาจากท้องฟ้าชุดสีชมพูของนางพริ้วไหวไปตามสายลม
จุดแสงจางๆสามารถมองเห็นได้จากหน้าผากของนาง
นางค่อยๆเดินอย่างช้าๆด้วยท่วงท่าอันสง่างามท่ามกลางสวนดอกไม้บานสะพรั่ง …ฉือ กูเหยียน
”ในที่สุดเจ้าก็บรรลุแล้วผู้นำศาลาได้มาที่นี่หลายครั้งและได้พูดไว้ว่า…”เด็กรับใช้ชุดสีเขียวพูดขึ้นมาทันที
”มีอะไรเกิดขึ้นในอาณาจักรเซี่ยไหม?”ฉือ กูเหยียน โบกมือและเปลี่ยนเรื่องที่ถาม
”ใช่มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย!”เด็กรับใช้พยักหน้าและเล่าต่อทันที “จากที่ข้ารู้อาณาจักรเซี่ยถูกบุกโดยพวกคนเถื่อน!”
”พวกมันวางแผนมาเป็นปีแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร” ฉือ กูเหยียน พยักหน้า
”ท่านพูดดถูก”เด็กรับใช้พูดก่อนจะส่งจดหมายในมือให้ฉือ กูเหยียน “มันเกิดขึ้นจากการที่องค์รัชทายาทพยายามชิงบัลลังก์…”
เมื่อเด็กรับใช้เล่าเรื่องไปเรื่อยฉือ กูเหยียน ก็ขมวดคิ้ว
”คนเถื่อนใช้โอกาสนี้ในการลอบบุกเข้าเมืองพวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากราชาอสูรด้วยงั้นหรือ? ราชาหลี่ฉิน เองก็เสียชีวิตไปแล้วเช่นกัน…” ฉือ กูเหยียน รู้สึกโศรกเศร้าเล็กน้อย ก่อนที่นางจะจจมอยู่ในห้วงความคิดสักพัก
”ใช่ท่านหลี่ฉินถูกฆ่าโดยราชาอสูรอย่างไรก็ตามมันเป็นความผิดของพวกคนเถื่อน!” เด็กรับใช้กำหมัดแน่น ต่อให้นางจะไม่ได้อยู่ในสงครามที่เกิดขึ้น แต่ในฐานะคนของอาณาจักรเซี่ยมันเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะไม่โกรธ