Gate of God - ตอนที่ 730 สวรรค์ทั้งสามระดับ
ศาลาเต๋าสวรรค์สร้างขึ้นท่ามกลางป่ารกทึบซึ่งทำหน้าที่เป็นปราการธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบในขณะเดียวกันก็เป็นทิวทัศน์ที่งดงามอีกด้วย
หลังจากที่ออกจากกระท่อมเหยียน ซิว ก็ค่อยๆเดินเข้าไปในป่าผ่านไปสักพัก เขาก็มาถึงทะเลสาบเล็กๆแห่งหนึ่งผิวน้ำเป็นสีเขียวใสชัดเจน มองเห็นไปจนถึงก้นของทะเลสาบสายลมพัดผ่าน ผิวน้ำเริ่มก่อตัวเป็นระลอกคลื่น
เหยียนซิว ไม่ได้พูดหรือออกเสียง เขาเดินไปเจอหินริมทะเลสาบและนั่งลง จากนั้นก็หยิบหนังสือออกมา
บนหน้าปกมีอักษรขนาดใหญ่เขียนอยู่มันดูเหมือนหนังสือทั่วๆไป แต่ เหยียน ซิว ค่อยๆเปิดมันอย่างระมัดระวัง
เวลาค่อยๆผ่านไป เหยียนซิว ยังคงให้ความสนใจกับหนังสือของเขาท่าทีของเขานิ่งสงบ ราวกับรูปปั้นที่นั่งอยู่บนก้อนหิน
มันเป็นภาพที่เงียบสงบอย่างไม่น่าเชื่อโดยเฉพาะภูเขาที่อุดมสมบูรณ์ ทะเลสาบสีเขียวใส มันเป็นฉากหลังที่รู้สึกได้ถึงความสงบและความผ่อนคลาย
…
ณสวรรค์ชั้นสี่ ในที่สุด ฟาง เจิ้งจือ ก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเข้าใกล้ ฉือ กูเหยียน มากขึ้น
สวรรค์ชั้นที่สี่ต่างกับสวรรค์ชั้นที่สามอย่างสิ้นเชิง หรือพูดอีกอย่างคือมันเป็นคนละโลกกันเลย ถ้าสวรรค์ชั้นที่สามคือพื้นที่ที่เงียบสงบและงดงาม สวรรค์ชั้นที่สี่คงเป็น …สนามรบ
สวรรค์ชั้นสี่นั้นต่างออกไปจากเดิมไม่มีทุงหญ้าอันกว้างใหญ่อีกต่อไป บนพื้นที่ ฟาง เจิ้งจือ เหยียบ นั้นเต็มไปด้วยสีแดง พื้นดินเต็มไปด้วยสีแดงนองเป็นทางยาวสายเลือดที่ตกค้างหลังสงคราม
ภาพด้านบนก็เช่นกันมันไม่ใช่ภาพที่ให้ความรู้สึกสงบ เมื่อมองภาพนั้นมันให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในสนามรบ
ฟางเจิ้งจือ รู้สสึกว่าความเร็วของ ฉือ กูเหยียน เริ่มช้าลงหลังจากเข้าสวรรค์ชั้นที่สี่
สวรรค์ชั้นสี่?
ฟางเจิ้งจือ เคยได้ยิน ฉือ กูเหยียน สรุปสั้นๆว่า เก้าสวรรค์แยกออกเป็สามสวรรค์ชั้นสูง สามสวรรค์ชั้นกลาง และสามสวรรค์ชั้นต้น และจากที่เขาสังเกตุ สวรรค์ชั้นสี่คงเป็นชั้นแรกของสามสวรรค์ชั้นกลาง
สามสวรรค์ชั้นต้นบ่งบอกถึงทฤษฎีของเต๋า…ถ้างั้นสามสวรรค์ชั้นกลางบ่งบอกถึงอะไร?
ประสบการณ์ต่อสู้?
ฟางเจิ้งจือ จ้องไปที่ภาพพร้อมขมวดคิ้ว และพยายามวิเคราะห์มัน สนามรบ…เป็นการใช้วิชาเต๋างั้นหรือ?หรือรูปแบบของเต๋าสวรรค์?
ฟางเจิ้งจือ ไม่ค่อยมั่นใจ แต่เมื่อเขาจ้องไปยังม้วนภาพที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาแล้วนั้น เขารู้สึกได้ลางๆว่ามันเป็นสถานที่ที่เขาสามารถหาผลประโยชน์ได้อย่างแท้จริง
เวลาผ่านไปฟาง เจิ้งจือ ครุ่นคิดอยู่กับภาพๆนั้น และในตอนนั้นเองกระจกป้องกันใจก็ส่องสว่างขึ้น
แต่แล้วในขณะเดียวกัน…ก็มีเสียงประกาศดังขึ้น
”ฉือกูเหยียน เข้าสู่สวรรค์ชั้นที่หก!”
”ฉือกูเหยียน เข้า … ”
”…”
”หา?นางเร็วอะไรขนาดนั้น?”ริมฝีปากของ ฟาง เจิ้งจือ บิดงอลงด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ
เขาคิดว่าตัวเขาเร็วกว่านางอยู่ตลอดตราบใดที่เขาไขปริศนาภาพนี้ได้ เขาจะมีโอกาสได้เข้าใกล้ ฉือ กูเหยียน อีกครั้ง
แต่ตอนนี้ความจริงได้ตอกย้ำว่าช่องว่างระหว่างพวกเขาได้ห่างออกไปอีกขั้น
เขาพยายามยิ้มออกมาอย่างสิ้นหวังความจริงแล้ว ยัยลูกเจี๊ยบนั่นรับมือยากกว่าที่คิด
…
ในขณะที่ฟาง เจิ้งจือ กำลังหมกหมุ้นกับภาพในชั้นที่สี่ ศิษย์ที่มีนามสกุลว่าเต๋า กับนามสกุลหวัง ผู้รับผิดชอบในการสังเกตเหตุการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์กำลังวิ่งตรงไปหาผู้อาวุโสหกอีกครั้ง แต่คราวนี้…
ใบหน้าของเขาแดงก่ำและดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
”ผู้อาวุโสหก!”เสียงของพวกเขาไม่กังวลอีกต่อไป และดูผ่อนคลายกว่าเดิม
”ว่า?”ผู้อาวุโสหกลุกขึ้นทันทีที่ศิษย์ทั้งสองมาถึง เขารู้ว่ามีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น ไม่ ฟาง เจิ้งจือ ก็ ฉือ กูเหยียน ได้ขึ้นไปยังชั้นถัดไป
”ผู้อาวุโสศิษย์พี่ฉือ กูเหยียน ได้เข้าสู่สวรรค์ชั้นที่หกแล้ว!”
”โอ้?่เจ้ามันใจงั้นรึ?”
”ใช่พวกข้ามั่นใจ!” ไอรีนโนเวล
”เยี่ยมากเยี่ยมากจริงๆ!” ได้ยินเช่นนี้ความกังวลบนใบหน้าของผู้อาวุโสหกก็ลดลงทันที ศิษย์รอบข้างประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนที่พวกเขาจะแสดงความยินดีออกมาในทันที
”สวรรค์ชั้นที่หก!”
”แล้วฟาง เจิ้งจือ ล่ะ เป็นยังไง?”
”แน่นอนว่าเขาคงยังไม่คืบหน้าไปไหนแม้เขาจะผ่านป่าแห่งความลึกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่มีทางชนะ!”
”แน่นอนคู่ต่อสู้ของเขาคือศิษย์พี่ฉือ กูเหยียน !”
พวกเขาต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างแท้จริงเพราะปัจจัยที่กำหนดชัยชนะมักจะเป็นสวรรค์ทุกๆสามชั้น แม้ฟาง เจิ้งจือ จะแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาในสวรรค์ชั้นแรกๆ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะสามารถไปถึงสวรรค์ชั้นสูงๆได้
ทุกคนล้วนมีจุดแข็งและจุดอ่อนเป็นของตัวเองฟาง เจิ้งจือ นั้นต่างกับ ฉือ กูเหยียน ที่สามารถรักษาระดับความสามารถของตัวเองได้ในทุกๆชั้น…
”อีกเพียงชั้นเดียวนางจะไปถึงชั้นที่เจ็ดแล้วซึ่งเป็นสามสวรรค์ชั้นบนสุด!”
”อืม!มีน้อยกว่าร้อยคนในประวัติศาสตร์ของศาลาเต๋าสวรรค์ที่สามารถไปถึงสามสวรรค์ชั้นสูงสุดได้ใช่ไหม?”
“ด้วยพรสวรรค์ ของ ฉือ กูเหยียน มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย!”
”แน่นอน!”
ในขณะที่ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์เต็มไปด้วยความตื่เต้นราวกับเป็นพวกเขาที่ไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดด้วยตัวเอง
… ในสวรรค์ชั้นที่สามของศิษย์ที่ปรากฎตัวขึ้นข้าง หยาน ฉิง เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มีประมาณห้าคน
”ศิษย์พี่ฉือ กูเหยียน นั้นยอดเยี่ยมมาก!”
”ถูกต้องแล้วนางไม่มีทางทำให้พวกเราผิดหวัง!”
”นี่สินะหัวเราะทีหลังดังกว่า!”
”ข้าคิดว่าเจ้าสารเลวนั่นคงหลงภูมิใจในตัวเองมากพูดตามตรงตอนนั้นเขาทำให้ข้าตกใจมาก แต่ตอนนี้พวกเรามาถึงชั้นสามแล้ว พวกเรามีโอกาสตามทันเขา!”
”พูดได้ดีศิษย์พี่หลี่!”
พวกเขามีความสุขอย่างเห็นได้ชัดความกังวลในใจของพวกเขานั้นได้หายไป
เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยของเหล่าศิษย์หยาน ฉิง ก็ขมวดคิ้ว แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ภาพ
”ภาพหมึกที่สาดกระเซ็นหมายถึง… น้ำ? ข้าเข้าใจแล้ว!” ทันใดนั้นดวงตาของ หยานฉิง ก็สว่างขึ้นในทันที
หลังจากนั้นเสียงประกาศก็ดังขึ้นในอากาศ
”หยานฉิง ได้เข้าสู่สวรรค์ชั้นที่สี่!”
”หยานฉิง ได้เข้าสู่สวรรค์ชั้นที่สี่…”
”…”
”หือ?หยาน ฉิง ไปสวรรค์ชั้นที่สี่แล้ว!”ศิษย์ทั้งห้าต่างแปลกใจ พวกเขามาถึงสวรรค์ชั้นที่สามด้วยเวลาไล่เลี่ยกับ หยาน ฉิง
”ความเข้าใจในเต๋าของเขาช่างลึกซึ้งจริงๆแม้เขาจะเติบโตมาในป่าก็ตาม”
”มันต้องเป็นเพราะเขามีพรสวรรค์แน่นอน!”
”อืมช่างน่าอิจฉา!”
หลังจากชื่มชมเสร็จศิษย์ทั้งห้าคนก็มองไปที่ภาพที่ลอยอยู่ด้านหน้าต่อไป
”ข้าเข้าใจแล้ว…ข้าเข้าใจแล้ว!”ทันใดนั้นศิษย์คนหนึ่งตะโกนออกมา ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความยินดี ไม่ใช่ใครอื่นเลย ศิษย์ที่วางเดิมพันกับ ฟาง เจิ้งจือ ไว้นั่นเอง
เขาเข้าไปในสวรรค์ชั้นที่สี่แล้ว?!
”…”
”ศิษย์พี่ไปยังชั้นสี่แล้ว?!ฮ่าฮ่าฮ่า เยี่ยมจริงๆ พวกเราต้องพยายามอย่างหนักแล้วตามศิษย์พี่ไปให้ทันแล้ว!” หลังจากได้ยินเสียงประกาศ ร่างของศิษย์คนนั้นได้หายไปจากสายตาพวกเขา
ในขณะเดียวกันในตอนที่เขาเข้ามาถึงสวรรค์ชั้นสี่ เขาก็สังเกตุเห็นร่างที่อยู่ตรงหน้าเขาทันที ร่างนั้นสวมชุดสีฟ้าที่ขาดรุ่งริ่งเล็กน้อย
”หืม?ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเอาชนะนายน้อยฟางได้งั้นหรือ ฟาง เจิ้งจือ ผู้ที่จะเข้าสู่สวรรค์ชั้นหนึ่งแล้วมาถึงชั้นสี่ได้อย่างไม่มีปัญหา?เกิดอะไรขึ้น? นายน้องฟางรอข้าอยู่หรือ? หรือขวดน้ำแห่งดวงดาวเพียงขวดเดียวมันยังไม่พอ? ต้องการมากกว่านั้นหรือ?”เขาแสดงท่าทีออกมาด้วยความยินดี ……………………………………..