Gate of God - ตอนที่ 1017 เปลี่ยนเป็นอาชูร่า
ตอนที่ 1017 เปลี่ยนเป็นอาชูร่า
ซิวเอ๋อร์ซิวเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?! เหยียนเฉียนหลี่กังวลเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเหยียนซิวล้มอยู่บนพื้น เขารู้นิสัยของเหยียนซิวเป็นอย่างดี ต่อให้เจ็บปวดแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางล้มลงง่ายๆ
เหยียนเฉียนหลี่ต้องการจะหยุดฟางเจิ้งจือเพราะเหยียนซิวดูเจ็บปวดมาก
อย่างไรก็ตามเขาจะหยุดฟางเจิ้งจือได้งั้นหรือ?
ไม่!
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถหยุดฟางเจิ้งจือได้แต่เขาเชื่อว่าฟางเจิ้งจือไม่มีทางฆ่าเหยียนซิว
ซิว…ข้าขอโทษข้าต้องปล่อยเจ้าไป… เต๋าซิงที่ล้มอยู่บนพื้นกอดร่างของเหยียนซิวเอาไว้แน่น ความเห็นแก่ตัวของข้าทำให้เจ้าทรมาร มันถึงเวลาที่เจ้าต้องเป็นอิสระแล้ว…ไม่มีเหตุผลอะไรที่ข้าต้องรั้งเจ้าเอาไว้อีก
เต๋าซิงท่านจะทำแบบนั้นจริงๆงั้นหรือ? ร่างของเหยียนซิวสั่นไหวเมื่อมองไปที่เต๋าซิง เขากุมมือของเต๋าซิงเอาไว้
เป็นเวลานานแล้วแต่เจ้าก็ยังคงเรียกข้าว่าเต๋าซิง? เต๋าซิงเริ่มร้องไห้ น้ำตาไหลอาบใบหน้าของนางราวกับน้ำตกสีเงิน
มันเป็นสัญลักษณ์ของความโศกเศร้าแต่ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นเพราะความโศกเศร้าในใจของนางหรือเป็นเพราะผลจากเขตแดนภาพภูเขาและแม่น้ำ
เต๋า.. เหยียนซิวหยุดพูดแค่คำแรกเขาดูลังเล
ตอนนั้นเองที่ดาบของฟางเจิ้งจือมาถึงฝนสีเงินที่ตกลงมาจากฟากฟ้ารวมกันที่ปลายดาบ
เกิดแสงสีเงินสว่างจ้าขึ้น
ราวกับดวงดาวยามค่ำคืนดวงดาวค่อยๆลอยไปที่ลำคอของเต๋าซิงและกำลังจะจบชีวิตของนางลง
ข้าปล่อยให้นางตายไม่ได้! ทันใดนั้นเสียงของเหยียนซิวดังขึ้นอีกครั้ง เสียงของเขาดูบ้าคลั่งหลังจากถูกกดดันอย่างหนัก
ตูม!ลำแสงสีแดงเลือดพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
มันไร้ความมืดมิดมีเพียงสีแดงราวกับเลือดเท่านั้น บรรยากาศอันเยือกเย็นทำใหอากาศเกือบถูกแช่แข็ง
มันเป็นฉากที่ทำให้เหยียนเฉียนหลี่ตกตะลึง
อาชูร่าคลั่งดูเหมือน…มันถูกชะล้างแล้ว?! เหยียนเฉียนหลี่นั้นศึกษาเกี่ยวกับเต๋าอาชูร่ามาทั้งชีวิต เขาสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเหยียนซิวได้
มันเป็นสีแดงบริสุทธิ์
บ่งบอกว่ามันเป็นสถานะที่ดีที่สุดของเต๋าอาชูร่าไม่มีความมืดมิดจากห้วงนรกอีกต่อไป
อาชูร่าคลั่งได้รับการชะล้าง?! เต๋าซิงมองฉากตรงหน้าด้วยความไม่เชื่อขณะที่ได้ฟังเหยียนเฉียนหลี่พูด
เพราะนางใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อช่วยเหลือเหยียนซิวในขั้นตอนสุดท้ายของเต๋าอาชูร่าแต่ผลลัพธ์ก็ไม่น่าพึงพอใจมากนัก
นางไม่มีทางเลือกนอกจากรวมทั้งสองเป็นหนึ่ง
ดังนั้นเต๋าอาชูร่าของเหยียนซิวจึงมีทั้งสีแดงและดำเมื่อพลังทั้งสองแบบก่อตัวขึ้นในร่างของเหยียนซิวมันเพิ่มพลังของเขาเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามการย้อนกลับของเต๋าอาชูร่ายิ่งรุนแรงขึ้น
แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขาด้วยความรู้ในเรื่องตัวยาและสมุนไพรพวกเขาสามารถยับยังการย้อนกลับของพลังได้ แต่บางอย่างก็สามารถรักษาให้หายได้เพียงผิวเผิน แต่สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ได้รับการแก้ไข
อย่างไรก็ตามตอนนี้… แสงที่เปล่งออกมาจากร่างเหยียนซิวดูบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก
มันไม่มีความมืดมิดอีกต่อไปมีเพียงเต๋าอาชูร่าดั่งเทพผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดแห่งการฆ่า
ตูม!ขณะที่เต๋าซิงและเหยียนเฉียนหลี่กำลังตกตะลึง แสงสีแดงได้ก่อตัวเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่และตบไปที่ฟางเจิ้งจือ
ทำให้ฟางเจิ้งจือต้องถอยหลังไปห้าก้าวโดยไม่ตั้งใจ
ยิ่งไปกว่านั้นรอยบนพื้นดินมีความลึกอย่างน้อยหนึ่งนิ้วหิน ณ จุดเดิมที่ฟางเจิ้งจือยืนอยู่กลายเป็นผุยผง
ผู้อาวุโสเมิ่งเทียน! มู่ฉิงเฟิงอุทานออกมา
เขาไม่ต้องการเห็นเมิ่งเทียนฆ่าเต๋าซิงแต่เขาก็ไม่ต้องการให้เมิ่งเทียนตายหรือบาดเจ็บจากการต่อสู้กับเหยียนซิวเช่นกัน
แม้มันจะดูน่าขันแต่เป็นสิ่งที่มู่ฉิงเฟิงคิดอยู่ตอนนี้ นอกจากเขาแล้วคนอื่นๆในกลุ่มพันธมิตรสวรรค์ก็คิดแบบนั้นเช่นกันเมิ่งเทียนนั้นเป็นความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติ
ไม่เป็นไร ฟางเจิ้งจือยกมือขึ้นขัดปิงหยางที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเขา จากนั้นเขาก็ยกหยุนชิงวูส่งให้ปิงหยาง ระวังพวกอสูรและปีศาจที่อาจจะโผล่มาเมื่อไรก็ได้ด้วย
อืมข้ารู้แล้ว ปิงหยางพยักหน้าและรับตัวหยุนชิงวูไป จากนั้นนางก็ถอยกลับไปอยู่ข้างๆเหยียนเฉียนหลี่และวู่จวี้เอ๋อ
หยุนชิงวู?!
เป็นหยุนชิงวูจริงๆงั้นหรือ?
นางตายแล้วหรือยัง?เราควรใช้โอกาสนี้ข้านางเลยไหม?
เหล่าศิษย์ต่างยืดคอพยายามดูหยุนชิงวูที่อยู่ในอ้อมแขนของปิงหยาง
หุบปาก! ปิงหยางตะโกน
… เหล่าศิษย์ต่างมองหน้ากันในสายตาของพวกเขามีแต่คำถาม ‘เจ้าเป็นใครกัน?’ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้พูดอะไรเพราะแม้ปิงหยางจะปกปิดใบหน้าแต่นางแสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดกับเมิ่งเทียน
พวกเขาไม่กล้ามีปัญหากับนาง
เจ้าไร้ยาง…เอ่อข้าหมายถึงผู้อาวุโสจะไม่ฆ่านางงั้นหรือ? วู่จวี้เอ๋อเดาตัวตนของปิงหยางออกทันทีที่เห็นดวงตาของนาง อย่างไรก็ตามนางไม่เข้าใจว่าทำไมฟางเจิ้งจือถึงเลือกที่จะส่งหยุนชิงวูให้ปิงหยางแทนที่จะฆ่านางทิ้งทันทีตั้งแต่ที่จับตัวนางได้
พวกเราไม่สามารถฆ่านางได้ในตอนนี้ ปิงหยางไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม
อ้อข้าเข้าใจแล้ว วู่จวี้เอ๋อพยักหน้าแม้จะยังไม่พอใจกับคำตอบมากนัก นางยื่นมือขวาออกไปเพื่อจับหน้าอกของหยุนชิงวู จากนั้นนางก็ดึงมือกลับอย่างรุนแรง หึ! อย่าบอกนะว่าเขา…สนใจในตัวนางอยู่?
เสียงของวู่จวี้เอ๋อนั้นเบามากมีเพียงปิงหยางที่ได้ยิน ปิงหยางเห็นการกระทำของวู่จวี้เอ๋ออย่างไรก็ตามแทนที่จะหยุด ปิงหยางกลับบีบแขนของหยุนชิงวู
ถ้าเขาสนใจนางจริงๆข้าจะบีบคอเขาก่อน! ปิงหยางบ่นออกมาด้วยความหงุดหงิด
ฮ่าฮ่า…เจ้าวางแผนจะบีบคอเขางั้นรึ? วู่จวี้เอ๋อปิดปากหัวเราะ ใบหน้าของนางเป็นสีแดงเล็กน้อยชวนดูน่าหลงไหลเป็นอย่างมาก
เจ้าไม่จำเป็นต้องมาใส่ใจ ปิงหยางเหลือบมองวู่จวี้เอ๋อ จากที่ข้ารู้เจ้าแต่งงานกับเจ้าไร้ยางอายที่หมู่บ้านภูเขาทางเหนือ? ยิ่งไปกว่านั้นท่านป้าซูเหลียนยังอวยพรให้เจ้า? ข้าขอเตือนเจ้าไว้หน่อยนะ ถ้าพี่เหยียนยังอยู่เจ้าคงทำได้เพียงแค่ฝัน!
ฉือกูเหยียน?นางทรงพลังจริงๆ แต่น่าเศร้า…นางยังคงเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ วู่จวี้เอ๋อกรอกตา
หึเจ้าก็ไม่มีโอกาสอยู่ดี! ทำไมล่ะ?
เจ้ากล้าสู้กับข้างั้นรึ?
เจ้าเป็นเพียงเซียนเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครงั้นรึ? ข้ามีลูกน้องจำนวนมาก ต่อให้ข้าจะไม่ชนะเจ้าในการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง เจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดีถ้าสู้แบบกลุ่ม!
งั้นรึ?เจ้าลืมไปแล้วงั้นรึว่าข้าก็เป็นนายน้อยของหอคอยหลิงหยุนเช่นกัน?
อืมก็น่าประทับใจอยู่หรอกแต่นมของเจ้าเล็กไปหน่อย!
… หน้าของปิงหยางขึ้นสีทันที นางก้มหัวมองหน้าอกตัวเองก่อนจะหันไปมองทางวู่จวี้เอ๋อด้วยความโกรธ
ดูนั่นกองทัพปีศาจและอสูรมาถึงแล้ว! ขณะที่ปิงหยางกำลังจะตะโกนออกมาด้วยความโกรธ วู่จวี้เอ๋อกลับชี้ไปอีกด้านและพูดออกมาด้วยความกังวล
เร็วขนาดนี้? ปิงหยางหันกลับไปและพบแต่ความว่างเปล่า นางรู้ได้ในทันทีว่าวู่จวี้เอ๋อโกหก
ขณะที่นางกำลังจะหันไปตบวู่จวี้เอ๋อนางพบว่าวู่จวี้เอ๋อหนีไปยืนข้างๆเหยียนเฉียนหลี่และเซียนสวรรค์พักพิงด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว
น่ารำคาญจริง! ปิงหยางยังคงบ่นวู่จวี้เอ๋อ อย่างไรก็ตามนางได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น มันดึงดูดความสนใจของนาง
จากนั้นปากเล็กๆของนางก็อ้าค้าง
นั่นเป็นเพราะเงาสีแดงที่มีความสูงเกือบหกเมตรสวมชุดเกราะสีแดงเลือดได้ปรากฎขึ้น
มีร่างหนึ่งอยู่ในเงานั้น
เหยียนซิว!
หืม?เหยียนซิวก็กลายเป็นคนตัวใหญ่ได้เช่นกัน? ปิงหยางตกใจเพราะนางคิดว่ามีเพียงฟางเจิ้งจือที่ทำเช่นนี้ได้
ล้อมรอบตัวเองเอาไว้ด้วยพลังเพื่อเพิ่มขนาดของร่างกายจากนั้นพลังภายในร่างจะกลายเป็นชุดเกราะที่ดูทรงพลัง
อย่างไรก็ตามมันเป็นพลังที่มาจากสายเลือด
เหยียนซิวเองก็มีพลังจากขีดจำกัดสายเลือดเช่นกันงั้นหรือ?
ไม่น่าเป็นไปได้
งั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
มันน่าจะเป็นการเปลี่ยนเป็นอาชูร่าแม้แต่ข้าเอง…ยังไม่สามารถทำได้! เสียงของเหยียนเฉียนหลี่ดังขึ้น
แปลงเป็นอาชูร่างั้นหรือ?มันแข็งแกร่งมากไหม? ปิงหยางถามอย่างไร้เดียงสา
หลังจากมีประสบการณ์ทั้งความเป็นความตายจากการกลายเป็นอาชูร่าคลั่งซิวเอ๋อร์สามารถทำลายขีดจำกัดและได้รับเต๋าอาชูร่าคืนมา เขาแข็งแกร่งกว่าข้าเสียอีก แทนที่จะตอบปิงหยาง เหยียนเฉียนหลี่ราวกับพูดกับตัวเอง
มันไม่ใช่เรื่องปกติงั้นหรือ?เหมือนกับเซียนสวรรค์พักพิงที่เขามักจะบอกว่าตัวเองแข็งแกร่ง แต่ข้าเห็นเวลาเขาต่อสู้แล้วไม่สามารถเอาชนะได้เขาเอาแต่หนีตลอด แม้แต่ข้าเขายังเอาชนะไม่ได้เลย ปิงหยางกระพริบตา
…
…
สีหน้าของเหยียนเฉียนหลี่แข็งค้างไปในทันทีเซียนสวรรค์พักพิงเองก็มีท่าทีเช่นเดียวกัน พวกเขามองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างพูดไม่ออก
น่าเศร้าที่มันเป็นเรื่องจริงพวกเขามีชีวิตอยู่เป็นเวลานานและสามารถกลายเป็นเซียนได้หลังจากเข้าสู่วัยชรา ตอนนี้พวกเขากำลังถูกเด็กหญิงอายุเพียงสิบหกปีดูถูก
ข้าเรียนรู้แต่การแปรธาตุมาค่อนชีวิตเรื่องการต่อสู้…คนรุ่นใหม่ย่อมดีกว่าแน่นอน เซียนสวรรค์พักพิงหายใจลึกๆก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหนือกว่า เต๋าฮุนชอบเล่นแร่แปรธาตุเช่นกันแต่เขาตายไปแล้ว ปิงหยางกล่าวพร้อมกับมองไปทางเต๋าฮุนที่นอนอยู่บนพื้น
… ขาของเซียนสวรรค์พักพิงสั่นเทาจนแทบจะยืนไม่อยู่
ปิงหยางไม่สนใจปฏิกริยาของเซียนสวรรค์พักพิงอย่างไรก็ตามความโกรธที่นางมีต่อวู่จวี้เอ๋อได้หายไป
สีหน้าของนางกลับมามีความสุขอีกครั้ง
…
ฟางเจิ้งจือไม่ได้ยินการสนทนาระหว่างปิงหยางวู่จวี้เอ๋อและคนอื่นๆ ตอนนี้เขากำลังสนใจสิ่งตรงหน้าเท่านั้น
เขามีเรื่องาสำคัญให้ทำ
เหยียนซิวสามารถทำลายขีดจำกัดและมีพลังมากขึ้นมันควรเป็นเวลาที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง แต่เวลาไม่เหมาะสมเท่าไรนัก หากสิ่งนี้เกิดจากเต๋าซิงถูกฆ่าตายมันจะสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตามในโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ
เหยียนซิวกำลังปกป้องเต๋าซิงด้วยชีวิตของเขา
พลังปกติของเขาไม่มีทางเทียบกับฟางเจิ้งจือได้อย่างไรก็ตามถ้าเหยียนซิวกลายเป็นอาชูร่า พลังของเขาก็เกือบจะเท่ากับฟางเจิ้งจือ
เท่ากับว่าเขาต้องใช้เวลาในการฆ่าเต๋าซิงโดยไม่ทำร้ายเหยียนซิว
เขาต้องไล่เหยียนซิวให้ออกห่างจากเต๋าซิง
แต่เหยียนซิวก็คือเหยียนซิว
เขาไม่เคลื่อนไหวและมุ่งมั่นที่จะอยู่เคียงข้างเต๋าซิงเพื่อปกป้องนาง
ซิวเจ้าไม่ต้องการให้ข้าตายแต่เจ้า…ก็ไม่เคยมีข้าอยู่ในหัวใจเช่นกัน… เต๋าซิงกล่าวออกมาด้วยความเจ็บปวด นี่ก็ผ่านมานานแล้ว…ข้าไม่สามารถเข้าไปอยู่ในหัวใจของเจ้าได้ มันคงเป็นชะตากรรมของข้าใช่ไหม?
ผู้คนกล่าวว่าโชคชะตานั้นต้องตัดสินด้วยตัวของเราเองตลอดหลายปีข้าคิดว่าข้าสามารถกำหนดชะตากรรมตัวเองได้ แต่สุดท้ายข้าก็ได้รู้…
บางทีชะตากรรมของพวกเราอาจจะถูกกำหนดไว้แล้ว..
ซิว…ข้าต้องการบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองให้เจ้าฟังแต่เจ้าไม่เคยถามข้าแม้แต่น้อย ข้าไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ…
ข้ารู้ปัญหาของตัวเองข้ารู้ว่าทำไมข้าถึงเป็นเช่นนี้ ข้าเห็นความเจ็บปวดในตัวของเจ้า ข้าเห็นทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้า ข้าเห็นทั้งหมด ข้าสามารถ…
…
กลับสู่โลกความเป็นจริงได้แล้ว!
เสียงคำรามดังขึ้นขัดคำพูดของเต๋าซิงแสงดาบสีเงินพุ่งผ่านร่างของเหยียนซิวที่ขวางเต๋าซิงเอาไว้ ใบดาบพุ่งผ่านใต้วงแขนของเหยียนซิว
แม้เหยียนซิวจะเห็นมันแต่เขาไม่สามารถหยุดได้
มันเร็วเกินไป
ตูม!ลำแสงกระทบเข้ากับร่างของเต๋าซิงและผลักร่างของนางขึ้นไปบนอากาศเป็นเส้นโค้ง ก่อนที่ร่างของนางจะหล่นลงบนพื้นอย่างรุนแรง
……………………………………..