Gate of God - ตอนที่ 1023 กฎใหม่และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 1023 กฎใหม่และการเปลี่ยนแปลง
แต่ละดวงวิญญานล้วนมีหนึ่งเงาห้าเงานั้นก็หมายถึงห้าดวงวิญญาน
ฟางเจิ้งจือคิดว่าสายตาของตัวเขาเองอาจจะผิดปกติอย่างไรก็ตามหลังจากเขาขยี้ตา เขาพบว่ามีห้าเงาเหนือร่างของโจวฉี
เกิดอะไรขึ้น?
โจวฉีมีห้าดวงวิญญานงั้นหรือ?
ฟางเจิ้งจือไม่เชื่อแต่ก็ยากที่จะปฏิเสธความจริงเขาไม่เคยเห็นอะไรแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อนตั้งแต่ที่เขาสามารถใช้เต๋าแห่งวิญญานได้
อย่างไรก็ตามการต่อสู้ครั้งก่อนเขาไม่ได้ใช้เต๋าวิญญานดูโจวฉีทำให้เขาสังเกตุเห็น
ห้าดวงวิญญาน…
เป็นไปได้ที่เขาได้ทำให้ดวงวิญญานหนึ่งของโจวฉีบาดเจ็บไปก่อนหน้านี้?
อีกดวงวิญญานเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
มันแปลกมาก
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้กังวลอะไรมากนัก
จะห้าดวงวิญญานหรือหนึ่งเขาก็จะฆ่าทิ้งทั้งหมด!
นี่เป็นคำถามสุดท้ายของเจ้างั้นหรือ?หืม ข้าใช้เพียงสองกระบวนท่าก็สามารถจัดการฉินเซียนได้ โจวฉีไม่คิดว่าฟางเจิ้งจือจะถามเช่นนี้ แต่เขาก็ตอบกลับมา
สองกระบวนท่า? ฟางเจิ้งจืออึ้งเล็กน้อย
จากความทรงจำของเขาพลังของโจวฉีดูไม่ได้ต่างจากฉินเซียนมากนัก
หรือว่าเขาจะลอบโจมตีฉินเซียน?
ยิ่งไม่น่าเป็นไปได้เขาดูจากนิสัยของฉินเซียนแล้ว เขาไม่น่าจะไว้ใจใครทำให้พลาดท่าโดนลอบโจมตีได้ง่ายๆ
มีบางอย่างผิดปกติ ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่ๆ!
ฟางเจิ้งจือไม่รู้ว่ามีจุดผิดปกติตรงไหนอย่างไรก็ตามเรื่องสำคัญในตอนนี้เขาต้องประเมิณความแข็งแกร่งของโจวฉี ณ ปัจจุบันให้ได้เสียก่อน
ฟางเจิ้งจือตัดสินใจถามออกไปตรงๆ พวกเราจะทำตามกฎของการประชุมพันธมิตรสวรรค์ใช่ไหม? สามรอบ?
ใช่อย่างไรก็ตามมันจะต่างออกไปจากการประชุมพันธมิตรสวรรค์เล็กน้อย ข้าเชื่อว่าพวกเราสามารถเปลี่ยนกฎได้ โจวฉีพยักหน้า
ยังไง?
‘ง่ายมากพวกเราสามารถเพิ่มกฎใหม่เข้าไปได้เพื่อที่จะได้ยุติธรรมทั้งสองฝ่าย โจวฉีอธิบาย
กฎที่เจ้าต้องการจะเพิ่ม? ฟางเจิ้งจือเข้าใจสิ่งที่โจวฉีกล่าว
หลังจากคิดสักพักในที่สุดโจวฉีก็ตอบ กฎของข้านั้นง่ายมาก ไม่ว่าผู้ที่เข้าร่วมต่อสู้คือใคร คนคนนั้นจะสามารถเข้าร่วมได้เพียงรอบเดียวเท่านั้น
’เข้าร่วมได้เพียงแค่รอบเดียว?’ฟางเจิ้งจือขมวดคิ้ว
การเพิ่มกฎนี้เข้าไปนับเป็นหายนะของมนุษยชาติ
มีเพียงเขาคนเดียวที่สามารถสู้กับตัวตนระดับเทพเจ้า
แต่ถ้าเขาสามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้เพียงรอบเดียวเท่ากับมนุษย์ไม่มีทางชนะอีกสองรอบ
พวกเราจะต่อสู้ภายใต้กฎเช่นนั้นได้ยังไง?
ถูกต้องไม่มีทาง!
ในเมื่อมันเป็นการเก็บคะแนนสามรอบและฟางเจิ้งจือสามารถเข้าร่วมได้เพียงรอบเดียว ไม่มีทางที่พวกเราจะชนะ!
ศิษย์ฝ่ายมนุษย์เริ่มไม่พอใจ
พวกเจ้ายอมแพ้อย่างง่ายดายฮ่าฮ่า… โจวฉีหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงศิษย์ฝ่ายมนุษย์
เจ้าไร้ยางอายพวกเราไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดคุยกับมันอีกแล้ว!
ใช่แล้วแค่จัดการพวกมันให้หมด!
วู่จวี้เอ๋อและปิงหยางกล่าวขึ้นด้วยความขุ่นเคืองบนใบหน้าการแข่งขันนั้นไม่มีประโยชน์ถ้าฝ่ายมนุษย์ถูกกำหนดให้พ่ายแพ้แต่แรก
ฟางเจิ้งจือไม่ได้ตอบพวกนางเขาเพียงกำหมัดแน่น เขาสามารถต่อสู้กับตัวตนระดับเทพเจ้าได้ แต่คนอื่นๆล่ะ? ปิงหยาง วู่จวี้เอ๋อ เหยียนซิว รับมือกับตัวตนระดับเทพเจ้าได้ไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำ
ก่อนอื่นข้าอยากรู้ว่าผู้ชนะจะได้อะไร? ฟางเจิ้งจือต้องการรู้เป้าหมายที่แท้จริงของโจวฉี
ตามกฎของการประชุมพันธมิตรสวรรค์ผู้ชนะจะสามารถสั่งการเผ่าพันธ์ที่เหลือได้ หากมนุษย์ชนะก็จะสามารถควบคุมเผ่าอสูรและปีศาจได้ กลับกันถ้าพวกเราชนะพวกเราก็มีสิทธิ์ตัดสินชะตากรรมของมนุษย์เช่นกัน โจวฉีตอบ
อำนาจเหนือเผ่าพันธุ์ทั้งหมดงั้นรึ?! ฟางเจิ้งจือตกใจมาก
เขาคิดว่าโจวฉีต้องการตัวหยุนชิงวูกลับไปแต่เขาไม่คาดคิดว่าโจวฉีต้องการเอาชนะเผ่าพันธ์มนุษย์
สิ่งเดิมพันนั้นมีค่ามากเกินไป
แม้ว่าโจวฉีจะบอกว่าผู้ชนะนั้นจะมีอำนาจเหนือเผ่าพันธ์ุอื่นอย่างไรก็ตามผลลัพธ์นั้นถูกกำหนดไว้แล้วให้มนุษย์แพ้
ในทางตรงกันข้ามต่อให้มนุษย์ชนะ มนุษย์จะยอมอยู่ร่วมกับปีศาจและอสูรอย่างสงบสุขงั้นหรือ? แน่นอนว่าไม่ มันจะตามมาด้วยการต่อสู้ที่ไม่รู้จบ
อย่างน้อยก็กินเวลาไปอีกนับพันปี
ไม่มีความสงบสุขที่แท้จริง
ทำไมงั้นรึหรือเจ้ากลัวแพ้? โจวฉีถาม …
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาสวรรค์
ประตูเทพเจ้าอันสง่างามทั้งสามบานลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือยอดเขาทั่วทั้งภูเขาปกคลุมไปด้วยบรรยากาศโบราณและศักดิ์สิทธิ์เพราะประตูทั้งสามบาน
ลานณ จุดสูงสุดของภูเขาได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาโดยเผ่าอสูร ราชาอสูรสิบตนยืนอยู่แต่ละมุมของยอดเขาเพื่อปกป้องกระดานหมากรุกที่วางอยู่ตรงกลาง
ไม่มีคราบฝุ่นบนกระดานแม้แต่น้อยแสดงให้เห็นว่ามันถูกดูแลเป็นอย่างดี
ตัวตนระดับเทพเจ้าออกมาจากประตูบ่อยครั้งตั้งแต่ที่ประตูของเผ่าอสูรและปีศาจถูกเปิดออก
จักรพรรดินีอสูรไป่ฉือนั้นเป็นแม่ทัพสูงสุดของที่นี่
ครั้งหนึ่งนางเคยเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่ตอนนี้นางอาศัยอยู่ในบ้านหินธรรมดาๆที่สร้างขึ้นใหม่บนยอดเขา ชุดขนสัตว์ทำให้นางดูมีเสน่ห์และเย็นชาเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามสีหน้าของนางกลับดูเบื่อหน่ายมาก
ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน ไป่ฉือเอนกายลงบนเก้าอี้ จากนั้นนางก็หลับตาลงช้าๆ
ถ้ามันน่าเบื่อมากทำไมเจ้ายังคงปกป้องที่นี่อยู่? ทันใดนั้นนางได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอก
ไป่ฉือลืมตาขึ้นทันที
จากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้านาง
มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผู้ชายทุกคนลุ่มหลง
ไป่ฉือลุกขึ้นและเดินไปเปิดประตู
หญิงสาวในชุดยาวสีเงินคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้า
นางงดงามาก เป็นความงดงามที่ต่างออกไปจากไป่ฉือที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนกลับกันความงดงามของนางนั้นแฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม
เฉียนยู่
ผู้นำหอคอยหลิงหยุน!
มีอะไรให้ข้าช่วยงั้นหรือ? ไป่ฉือยิ้มและกล่าวออกมาโดยไม่ใส่ใจอะไร
แน่นอนข้าอยู่ในหอคอยหลิงหยุนมานานเกินไปเลยต้องการยิดเส้นยืดสายเสียหน่อย เฉียนยู่ยิ้มและตอบกลับไปเช่นกัน
เป็นความคิดที่เยี่ยมข้ามีราชาอสูรสิบตนอยู่ที่นี่เจ้าเพียงคนเดียวจะรับมือได้งั้นหรือ? รอยยิ้มของไป่ฉือกว้างขึ้นเรื่อยๆ
ราชาอสูรสิบจักรพรรดินีอสูรหนึ่ง ดูเป็นงานที่หนักเอาการ เฉียนยู่ยังคงยิ้มอย่างสดใส
งั้นคงไม่มีทางอื่นนอกจากการต่อสู้กระมัง? คงเป็นเช่นนั้น
หืมให้ข้าเดาว่าทำไมผู้นำหอคอยเฉียนถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ไป่ฉือพยักหน้า จากนั้นก็ทอดสายตาออกไปไกล หอคอยหลิงหยุนลอบโจมตีภูเขาสวรรค์ ขณะที่หยุนชิงวูยกทัพไปที่ศาลาเต๋าสวรรค์ มันดูเป็นแผนที่ดี แต่ข้ากลับคิดว่ามันเหมือนการฆ่าตัวตายเสียมากกว่า เจ้าคิดเช่นไร?
แน่นอนว่าเป็นแผนที่ดี
เจ้าคิดว่าเพียงหอคอยหลิงหยุนจะสามารถทำลายภูเขาสวรรค์และปิดประตูเทพเจ้าของเผ่าอสูรและปีศาจลงได้งั้นรึ? ไป่ฉือยังคงยิ้ม
ไม่มีทางรู้ถ้ายังไม่ได้ลองใช่ไหม? เฉียนยู่แย้งออกไป
เจ้าสามารถลองได้ ไป่ฉือไม่พูดอะไรอีกและเริ่มโจมตีในทันที ฝ่ามือของนางพุ่งไปที่หน้าอกของเฉียนยู่
นางเร็วมาก พลังของนางนั้นท่วมท้นราวกับภูเขาที่ตั้งตระหง่าน
ตูม!
ฝ่ามือของทั้งสองปะทะกันเฉียนยู่กระเด็นถอยหลังมาและหยุดยืนนิ่งอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันดวงจันทร์สีเงินแปดดวงสว่างขึ้นเหนือหัวของนาง
ความแข็งแกร่งของเจ้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังจากผ่านไปครึ่งปี ไป่ฉือเอ่ยชม
น่าเศร้าที่เจ้าอ่อนแอลงมาก เฉียนยู่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
ลิ้นของผู้นำหอคอยเฉียนช่างแหลมคมจริงๆข้าสงสัยเหลือเกินว่าจักรพรรดิแห่งอาณาจักรเซี่ยเคยลิ้มลองลิ้นของผู้นำหอคอยเฉียนมาก่อนแล้วหรือยัง? ดวงตาของไป่ฉือเปล่งประกาย
นังแพศยา! ท่าทีของเฉียนยู่เปลี่ยนไป
นางรู้ว่าอสูรและปีศาจนั้นมีสังคมที่เปิดกว้างกว่ามนุษย์อย่างไรก็ตามนางไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไปเมื่อไป่ฉือพูดอะไรสกปรกเช่นนั้นออกมา
นางกำลังโกรธ
อย่างไรก็ตามไป่ฉือไม่สะทกสะท้านสายตาของนางมองไปรอบๆ ศิษย์หอคอยหลิงหยุนกำลังสู้อยู่กับราชาอสูร
มีอย่างน้อยสองร้อยคน
แต่พวกเขาสามารถสู้กับราชาอสูรทั้งสิบและกองทัพอสูรนับพันได้มันชัดเจนที่หอคอยหลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งที่สุดในห้าสำนักใหญ่
อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่สิ่งที่ไป่ฉือระวังมากที่สุด
นั่นเพราะคงมีแต่เด็กไร้เดียงสาเชื่อว่าหอคอยหลิงหยุนสามารถเอาชนะในศึกนี้ได้
สิ่งที่นางระวังมากที่สุดคือเฉียนยู่
นางมาอย่างเปิดเผย
นั่นหมายความว่านางเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีและสิ่งที่นางเตรียมมาทำให้ไป่ฉือกังวลเล็กน้อย ดินแดนหลิงหยุน
มันเป็นสิ่งที่บังคับให้กองทัพอสูรต้องถอยร่นกลับเข้าไปในหนองน้ำยักษ์
ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันที่ชื่อของหอคอยหลิงหยุนจะหายไป ไป่ฉือเหยียดยิ้มอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันกลับดูเย็นชาขึ้นเล็กน้อย
มันคุ้มค่าแล้วที่เพียงสำนักเดียวสามารถแลกกับชัยชนะของมนุษยชาติได้ เฉียนยู่เหยียดมือออกไป หอคอยหยกขนาดเล็กปรากฎขึ้นในมือของนาง
มันคือดินแดนหลิงหยุน
สมบัติที่ดีที่สุดของหอคอยหลิงหยุน
มีแต่ฟางเจิ้งจือที่สามารถหนีออกจากมันมาได้เพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์
แต่ไป่ฉือไม่น่าจะมีความสามารถเช่นนั้น!
ถ้าสำเร็จมันก็คุ้มค่าแต่ข้าเกรงว่ามันคงไม่สำเร็จ ไป่ฉือมองหอคอยหยกขนาดเล็กในมือของเฉียนยู่ นางขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะนางรู้ดีว่าสมบัติชิ้นนี้นั้นทรงพลังขนาดไหน อย่างไรก็ตามมันมีสิ่งที่ต้องแลกเพื่อใช้มัน
ยิ่งไปกว่านั้น…
ไม่มีใครโง่พอที่จะยืนอยู่เฉยๆขณะที่อีกฝ่ายเรียกใช้งานสมบัติ
ข้าสงสัยว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ถ้ามีคนที่สามารถรั้งเจ้าไว้ได้ขณะที่ข้าใช้งานดินแดนหลิงหยุน? เฉียนยู่กล่าวพร้อมเดินไปหาไป่ฉือ
เจ้าหมายความว่ายังไง?! ท่าทีของไป่ฉือเปลี่ยนไปทันที
……………………………………..