Gate of God - ตอนที่ 1024 เก้าหางเป็นแปดหาง
ตอนที่ 1024 เก้าหางเป็นแปดหาง
ในฐานะอสูรที่มีชีวิตหลายร้อยปีจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือย่อมมีประสบการณ์มากกว่าคนทั่วไป ยิ่งกว่านั้นร่างอสูรจิ้งจอกเก้าหางที่ล่ำรือกันในเรื่องของลางสังหรณ์ทำให้นางสัมผัสได้ถึงความั่นใจของเฉียนยู่
อย่างไรก็ตามเหล่าเซียนและเกือบทุกคนของเผ่ามนุษย์อยู่ที่ศาลาเต๋าสวรรค์ รวมไปถึงตัวตนปริศนาอย่างเมิ่งเทียน พวกเขาทั้งหมดควรจะอยู่ที่ศาลาเต๋าสวรรค์
เว้นแต่…เมิ่งเทียนจะไม่ไปที่ศาลาเต๋าสวรรค์
อย่างไรก็ตามถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเท่ากับเผ่าพันธุ์มนุษย์กำลังจมอยู่ก้นทะเล และอาจจะตายลงในไม่ช้า ถ้าเกิดเรื่องเช่นนั้นจะมีประโยชน์อะไรถ้าได้ครองภูเขาสวรรค์
เมิ่งเทียนไม่สามารถเสียสละกลุ่มพันธมิตรสวรรค์ทั้งหมดเพียงเพื่อครอบครองภูเขาสวรรค์ได้ และเช่นนั้นเหตุใดเฉียนยู่ถึงมีความมั่นใจขนาดนี้?
ในขณะที่ไป่ฉือกำลังครุ่นคิดนางก็ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังขึ้นบนท้องฟ้า จากนั้นก็มีร่างหนึ่งปรากฎขึ้นด้านบน
นางคือหญิงสาวที่สวมชุดสีชมพูผมสีดำยาวกำลังพริ้วไหว ใบหน้าของนางช่างงดงามเหนือสิ่งใดบนโลก
นอกจากนี้ดาบเล่มหนึ่งปล่อยกลิ่นอายอันเยือกเย็นและมีรอยสีม่วงที่อยู่บนตัวดาบ
มันคือดาบไร้ร่องรอย
ดาบที่ฆ่าอสูรและปีศาจมานับไม่ถ้วน
ไป่ฉือรู้จักดาบเล่มนี้ดี
อย่างไรก็ตามในตอนนี้มันอยู่กับหญิงสาวที่งดงาม นางกระโดดลงมายืนเคียงข้างเฉียนยู่
เจ้าค่อนข้างตรงเวลา เฉียนยู่เผยยิ้มเมื่อนางมองไปที่หญิงสาวด้านข้าง
พวกเราไม่ได้ตกลงกันไว้เช่นนี้หรอกหรือ? หญิงสาวตอบเสียงของนางช่างไพเราะเรากับนกน้อยยามเช้า แต่ท่าทีของนางดูเงียบขรึมอย่างไม่น่าเชื่อ
อืม..พวกเรางั้นหรือ? เฉียนยู่พูดไม่ออกเล็กน้อย
จริงๆแล้วนางได้ทำสัญญากับฉือกูเหยียนยิ่งไปกว่านั้นพวกนางพบกันสักแห่งที่ไม่ไกลจากภูเขาสวรรค์ มิฉะนั้นพวกนางคงไม่ปรากฎตัวขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันเช่นนี้
ด้านไป่ฉือนางตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่กระโดดลงมา
นางตกใจจนไม่ได้ยินการสนทนาแม้แต่น้อย
ฉือกูเหยียน! สิ่งที่ไป่ฉือคิดคือคนที่จะมาช่วยเฉียนยู่คือคนที่ไม่สามารถปรากฎตัวขึ้นที่นี่ได้
ฉือกูเหยียนควรอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถต่อสู้ได้
เหตุใดนางถึงมาปรากฎตัวที่นี่? นอกจากนี้ดาบของฟางเจิ้งจือก็อยู่กับนาง
เกิดอะไรขึ้น?
ถ้าฉือกูเหยียนอยู่ที่นี่แล้วฟางเจิ้งจืออยู่ที่ไหน เขาออกจากหมู่บ้านภูเขาทางเหนือแล้วมาที่นี่ด้วยหรือ?
ถ้าเป็นเช่นนั้น…
ต้องเป็นปัญหาแน่
ไป่ฉือรู้ดีว่าเมื่อฟางเจิ้งจือและฉือกูเหยียนร่วมกันสู้แม้แต่นางก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้
ฟางเจิ้งจืออยู่ที่ไหน?เจ้าเด็กไร้ยางอายนั่นอยู่ที่ไหน? ไป่ฉือมองไปบนท้องฟ้าแต่กลับไม่เห็นใคร
เจ้ากำลังถามถึงฟางเจิ้งจืองั้นหรือ?เจ้าไร้ยางอายคงอยู่ที่ศาลาเต๋าสวรรค์ในตอนนี้ ฉือกูเหยียนตอบกลับอย่างเมินเฉย
ศาลาเต๋าสวรรค์?ฟางเจิ้งจืออยู่ที่ศาลาเต๋าสวรรค?! ใช่เจ้าไม่รู้งั้นหรือ?
ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่ที่ไหน?
เจ้าก็รู้ว่าเขาไม่สามารถหลบหนีจากอสูรและปีศาจได้ไม่ว่าจะพยายามซ่อนตัวแค่ไหนดังนั้นเขาไม่ได้คิดจะหนีอีกต่อไป อย่างไรก็ตามตอนนี้ชื่อใหม่ของเขาคือเมิ่งเทียน!
เมิ่งเทียน?!ชื่อใหม่ของฟางเจิ้งจือคือเมิ่งเทียน! เป็นไปได้ยังไง… เดี๋ยวก่อน เจ้าจะบอกว่าฟางเจิ้งจือ …ก็คือเมิ่งเทียน?! ท่าทีของไป่ฉือเปลี่ยนไป
ความสดใสบนใบหน้าของนางหายไปสีหน้ากลายเป็นซีดขาวเหมือนหิมะ
ฟางเจิ้งจือคือเมิ่งเทียน
เมิ่งเทียนคือฟางเจิ้งจือ
ฉือกูเหยียนพูดอย่างใจเย็น
ความคิดนับไม่ถ้วนพุ่งผ่านจิตใจของไป่ฉือ
ถ้าฟางเจิ้งจือปลอมตัวเป็นเมิ่งเทียนนั่นหมายความว่าเขาฆ่าหลินจีที่ดินแดนภูเขาทางใต้และจับตัวเจ้าปีศาจไปจากเมืองเงาเลือด
น่าสะพรึงกลัว!
ความแข็งแกร่งของเขาน่ากลัวจริงๆ!
เขามีพลังมากขึ้นภายในเวลาไม่กี่เดือนได้ยังไง?!
สิ่งสำคัญที่สุดคือหยุนชิงวูกำลังไปที่ศาลาเต๋าสวรรค์พร้อมกองทัพอสูรและปีศาจด้วยความตั้งใจที่จะทำลายกลุ่มพันธมิตรของมนุษย์และเมิ่งเทียน
อย่างไรก็ตามหยุนชิงวูไม่รู้ว่านางกำลังเผชิญหน้ากับคนที่คุ้นเคยอย่างฟางเจิ้งจือ
พวกเขาจะสามารถทำลายกลุ่มพันธมิตรได้ไหม?
ไม่นี่คืออุบาย ต้องเป็นอุบายแน่นอน
ไป่ฉือคิดเสมอว่าเผ่าอสูรและปีศาจมีความได้เปรียบเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างสิ้นเชิงและจะไม่มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นที่ศาลาเต๋าสวรรค์
อย่างไรก็ตามหลังจากได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของเมิ่งเทียนนางก็เริ่มตื่นตระหนกเพราะเห็นได้ชัดว่ามันเป็นไปตามแผนการ
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่ฟางเจิ้งจือวางเอาไว้
แม้เผ่าอสูรและปีศาจจะได้รับความช่วยเหลือจากตัวตนระดับเทพเจ้าแต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เกิดเรื่องผิดพลาดถ้านี่คือแผนการที่ฟางเจิ้งจือวางเอาไว้
อย่างน้อยที่สุดมันคงไม่ใช่ชัยชนะที่ง่ายดายแน่นอน
สิ่งสำคัญที่สุดคือแม้ว่าพวกเขาจะชนะแต่หยุนชิงวูอาจตกอยู่ในอันตราย
เม็ดเหงื่อก่อตัวขึ้นบนหน้าผากของไป่ฉือนางตื่นตระหนกเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะกำลังเผชิญหน้ากับการต่อสู้แต่นางกังวลเรื่องความปลอดภัยของหยุนชิงวู
ไป่ฉือเจ้าต้องตายวันนี้! เฉียนยู่สามารถบอกได้ว่าไป่ฉือกำลังตื่นตระหนก นางจะไม่พลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้ ดวงจันทร์แปดดวงลอยอยู่เหนือหัวของเฉียนยู่พวกมันกำลังหมุนวนและส่องประกายไปยังจุดสำคัญทั้งแปดบนร่างของไป่ฉือ
ด้วยน้ำมือของเจ้า? แม้นางจะรู้สึกตัวเล็กน้อยแต่ด้วยสัมผัสของจิ้งจอกเก้าหางทำให้นางสงบลงได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อแสงดาบทั้งแปดพุ่งเข้าหานางก็ถอยกลับอย่างรวดเร็วและใช้มือขวาวาดลวดลายบนอากาศ
รอยแยกสีดำปรากฎขึ้นแสงดาบทั้งแปดถูกกลืนหายไปอย่างสมบูรณ์ในเสี้ยววินาที
จากนั้นมือซ้ายของไป่ฉือเริ่มเคลื่อนไหว
นางชี้ไปด้านหน้า
จากนั้นรอยแยกสีดำก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของเฉียนยู่และแสงดาบสีเงินทั้งแปดก็พุ่งลงมาด้วยความเร็วสูง
นั่นคือแสงดาบของเฉียนยู่
อย่างไรก็ตามพวกมันกำลังโจมตีใส่เฉียนยู่ ท่าทีของเฉียนยู่เปลี่ยนไป
นางไม่ได้ถอยหนีและปลดปล่อยพลังทั้งหมดเพราะเห็นว่าไป่ฉือกำลังตื่นตระหนก
อย่างไรก็ตามนางไม่คิดเลยว่าไป่ฉือจะตอบสนองได้ทันทีและใช้รอยแยกส่งพลังของนางกลับมาเช่นนี้
ยัยแก่นี่แข็งแกร่งจริงๆ เฉียนยู่กลายเป็นจริงจังและเตรียมรับมือกับแสงดาบทั้งแปดด้วยหอคอยหยกในมือ
อย่างไรก็ตามก่อนที่นางจะใช้หอคอยหยกในมือตาข่ายหยกก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของเฉียนยู่
มันเป็นตาข่ายจากแสงดาบหยกนับไม่ถ้วน
สุดยอดกระบวนท่าของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์…ล้านคมดาบ
ตูม!
แสงดาบปะทะกับล้านคมดาบจนแหลกสลายเป็นจุดแสงมากมาย … ดวงตาของเฉียนยู่เบิกกว้าง
นางรู้ว่าฉือกูเหยียนนั้นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อแต่นางไม่คิดเลยว่าแข็งแกร่งมากขนาดนี้ สามารถหยุดการโจมตีที่แข็งแกร่งของนางอย่างง่ายดายด้วยกระบวนท่าเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นฉือกูเหยียนไม่ได้ใช่พลังสายเลือดแม้แต่น้อยและล้านคมดาบยังคงส่องประกายอยู่บนหัวของนาง
แสงดาบที่ผสานกันแสงและเงาที่ผสานเข้าด้วยกัน
ไม่เกิดความเสียหายกับล้านคมดาบแม้แต่น้อย
นั่นหมายความว่าหากเฉียนยู่โจมตีฉือกูเหยียนด้วยพลังทั้งหมดก็ไม่สามารถทำอะไรนางได้แม้แต่น้อย
ในตอนนั้นเองฉือกูเหยียนเคลื่อนไหวอีกครั้งนางก้าวออกไปอย่างอ่อนโยนและปรากฎตัวต่อหน้าไป่ฉือในชั่วพริบตา
เร็วมาก! เฉียนยู่ประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
ไป่ฉือเองก็ตกใจเช่นกันนางตั้งใจโจมตีครั้งที่สองหลังได้เห็นฉือกูเหยียนเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตามฉือกูเหยียนมาอยู่ต่อหน้าไป่ฉือแล้วก่อนที่นางจะเคลื่อนไหว
เร็วเกินไป!
แม้แต่ไป่ฉือก็ไม่สามารถตอบสนองได้
อย่างไรก็ตามนางยังคงเป็นจักรพรรดินีอสูรและเคยเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พลังของนางอยู่ใกล้เคียงกับพลังระดับเทพเจ้า และความจริงของร่างอสูรจิ้งจอกเก้าหางที่มีคาดการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นด้านหน้าได้ค่อนข้างแม่นยำ
ดังนั้นแม้จะรู้สึกตกใจไป่ฉือก็ยังคงตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและเปลี่ยนท่าเป็นป้องกันทันที
หางทั้งเก้าของจิ้งจอกปรากฎขึ้นด้านหลังของนางในทันทีหางทั้งสองพุ่งเข้าหาฉือกูเหยียนทันทีที่ร่างของนางปรากฎขึ้น ครืน!ในขณะนั้นเองดาบไร้ร่องรอยส่งเสียงคำรามจากแผ่นหลังของฉือกูเหยียน จากนั้นแสงสีม่วงก็ส่องสว่างขึ้นในมือของนาง
ฉือกูเหยียนไม่ได้หยุดเคลื่อนไหวแม้แต่น้อยพร้อมกับดาบไร้ร่องรอยที่ปรากฎขึ้นในมือนางโจมตีใส่ไป่ฉือราวกับว่าไม่เห็นหางทั้งสองที่พุ่งเข้ามา
ฟุ่บ!
พวกมันกลับพลาดเป้าและพุ่งผ่านร่างของฉือกูเหยียนไป
เห็นได้ชัดว่าฉือกูเหยียนได้เปรียบในเรื่องความเร็วและเข้าใกล้ไป่ฉือได้ก่อนที่หางของนางจะเข้าถึงตัว
เป็นไปได้ยังไง! ไป่ฉือไม่คิดเลยว่าความเร็วของฉือกูเหยียนจะไม่ธรรมดาขนาดนี้ยิ่งไปกว่านั้นเงาของพลังสายเลือดยังไม่ปรากฎออกมาด้วยซ้ำ
นี่มันไร้สาระเกินไป
แม้จะไม่ใช่พลังทั้งหมดแต่นางก็เร็วกว่าไป่ฉือแล้ว
ไป่ฉือไม่มีทางเลือกนอกจากถอยกลับให้เร็วที่สุดจนเกิดรอยแตกที่พื้นขึ้น
ตูม!
ในขณะที่ไป่ฉือกำลังเคลื่อนไหวหางข้างหนึ่งขึ้นมาปกป้องด้านหน้าของนางขนสีขาวอันนวลนุ่มแข็งแกร่งเหมือนเหล็กกล้า
ระหว่างการต่อสู้ครั้งก่อนบนยอดภูเขาเซียนฟางเจิ้งจือพยายามฟันหางของไป่ฉือด้วยดาบของเขา อย่างไรก็ตามดาบไม่สามารถฝ่าขนของจิ้งจอกเก้าหางได้เลย
ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรพรรดิอสูรคือร่างกายไม่ต้องพูดถึงร่างอสูรอย่างจิ้งจอกเก้าหางเลย
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงที่เหลือเชื่อได้เกิดขึ้นในขณะนี้ฉือกูเหยียนตวัดดาบไร้ร่องรอยไปที่หางจิ้งจอกด้วยความเร็วราวกับภาพลวงตา
ฟู่! เลือดพุ่งขึ้นไปในอากาศขนของจิ้งจอกเก้าหางร่วงโรยราวกับหิมะ
นางฟันหางของจิ้งจอกขาดในดาบเดียว!
จักรพรรดินีอสูรที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดและการป้องกันที่ไม่แพ้ใคร
ในตอนนี้…
นางกลายเป็นจิ้งจอกแปดหาง!
เลือดสีแดงเข้มเหมือนดอกไม้ที่ผลิบานในอากาศหางสีขาวขนาดยักษ์ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะตกกระแทกพื้นด้วยเสียงที่ดังสนั่น
กรี้ด!!! ไป่ฉือกรีดร้องมันเป็นความเจ็บปวดแสนคนานับ
ความเจ็บปวดที่จิ้งจอกสูญเสียหางเท่ากับมนุษย์ที่เสียนิ้วทั้งหมดไปความจริงแล้วมันเจ็บปวดยิ่งกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า
ไป่ฉือกลิ้งไปกับพื้นอย่างต่อเนื่องร่างของนางสลับไปมาระหว่างร่างมนุษย์กับร่างอสูร กรงเล็บอันแหลมคมสร้างรอยแตกขึ้นที่พื้นดินเลือดของนางไหลนองไปทั่ว
มันเป็นฉากที่น่าสะพรึงกลัว
เฉียนยู่กลายเป็นงงงวยอย่างสมบูรณ์นางจับหอคอยหยกในมือแน่นจนนิ้วซีดขาว ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
นั่นเพราะตามแผนการที่วางไว้ฉือกูเหยียนจะสามารถหยุดยั้งไป่ฉือได้ชั่วขณะโดยใช้พลังสายเลือดและต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมด
ตราบใดที่ฉือกูเหยียนหยุดยั้งไป่ฉือได้นางก็สามารถมีสมาธิกับการเปิดใช้สมบัติเขตแดนหลินหยุนได้และสามารถกักตัวไป่ฉือได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตามมันเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้
ความหมายของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าคืออะไรกัน?!
……………………………………..