Gate of God - ตอนที่ 1029 ความไร้ยางอายอีกระดับ
ตอนที่ 1029 ความไร้ยางอายอีกระดับ
สี่คนต่อครั้ง?! โจวฉีหรี่ตา เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ฟางเจิ้งจือพูด
อย่างไรก็ตามด้วยบางเหตุผลเขาสัมผัสได้ว่ามันเป็นหลุมพราง
สี่คน…
หรือฟางเจิ้งจือคิดจะให้มนุษย์ที่แข็งแกร่งทั้งหมดลงแข่งขันในรอบเดียวกันแล้วรอบที่เหลือก็คละๆกัน?
เป้าหมายของฟางเจิ้งจือคือเอาชนะในรอบแรก?
มันเป็นไปได้มากที่สุดเพราะถ้าฟางเจิ้งจือฆ่าตัวตนเทพเจ้าทั้งหมดสี่คนในรอบแรก อีกสองรอบที่เหลือก็ไม่ได้เป็นปัญหาอีกต่อไป
สิ่งที่เรียกว่า’ข้อตกลง’ในตอนแรกจะไม่มีผลทันทีที่เหล่าตัวตนระดับเทพเจ้าทั้งสี่ได้ตายลง เดี๋ยวก่อน!
ถ้าฟางเจิ้งจือต้องการจะทำแบบนี้ทำไมเขาถึงไม่เอาห้าคนไปเลย?
ทำไมถึงแค่สี่?
หรือมันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ?
ไม่มีทางโจวฉีไม่เชื่อ
ยิ่งไปกว่านั้นโจวฉีตัวจริงได้ตายไปแล้วโจวฉีที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหนานกงมู่
คนที่เข้าใจในฟางเจิ้งจือดีราวกับเป็นพี่น้องกัน
เขารู้ว่าแม้ฟางเจิ้งจือจะดูไร้ยางอายแต่เขาก็มีความระเอียดรอบคอบเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์จริงจัง
สี่คน…มันต้องมีบางอย่างผิดปกติ
หนานกงมู่ทำการวิเคราะห์อย่างรวดเร็วถ้าเป็นรอบละสองคน เขาจะจัดตัวตนระดับเทพเจ้าสองคนลงแข่งขันในสองรอบแรก จากนั้นในรอบสุดท้ายเขาจะลงพร้อมกับราชาอสูร เขามั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะ
ถ้าเป็นสามคนในรอบแรกเขาจะใช้ตัวตนระดับเทพเจ้าสามคน รอบที่สองตัวตนระดับเทพเจ้าหนึ่งคนพร้อมกับราชาอสูร ส่วนในรอบสุดท้ายก็เป็นตัวเขาเองกับราชาอสูร
แต่ถ้าเป็นรอบละสี่คน?
หนานกงมู่ขมวดคิ้วอีกครั้ง
มีความเป็นไปได้มากมายเกินไป
ปัญหามันอยู่ตรงไหนกันแน่?! ตอนแรกหนานกงมู่คิดว่าถ้าจัดการแข่งขันมันคงเป็นเรื่องง่ายที่เขาจะเอาชนะ
อย่างไรก็ตาม…
ตอนนี้เขากลับอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
นั่นเป็นเพราะฟางเจิ้งจือได้เสนอแผนที่ดูเป็นประโยชน์กับฝ่ายเขาออกมา
แปลกแปลกเกินไป
ถ้าเป็นสี่… หยุนชิงวูที่เงียบอยู่ตลอดเวลากล่าวขึ้นมา
เจ้าคิดถึงเรื่องนี้ด้วยงั้นรึ? ฟางเจิ้งจือหันไปยิ้มให้นาง
… ริมฝีปากของหยุนชิงวูขยับเล็กน้อย จากนั้นนางก็หันไปมองฟางเจิ้งจือและโจวฉี จากนั้นนางก็ส่ายหน้า มั่นใจได้ ข้ารู้ว่าข้าเป็นเพียงทาส
ถ้าข้าบอกว่าข้าไม่คิดมากถ้าเจ้าจะมีส่วนร่วมในการแข่งขันนี้ด้วยเจ้าจะเชื่อข้าไหม? รอยยิ้มของฟางเจิ้งจือสดใสกว่าเดิม เขาไม่ได้ลืมว่ายังมีหยุนชิงวูอยู่
อย่างไรก็ตามมันเป็นอย่างที่เขาบอกเขาไม่คิดมากถ้านางจะช่วยโจวฉีจัดสรรกำลังคนสำหรับการแข่งขัน
เจ้าไม่คิดมาก? หยุนชิงวูตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น จริงๆแล้วต่อให้มีข้ามันก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก
แต่ข้าสนใจเรื่องนี้เจ้าคิดจะให้ข้าฟาดนางสลบไปอีกรอบหรือไง? ปิงหยางไม่เข้าใจว่าฟางเจิ้งจือกำลังคิดอะไรอยู่ แต่นางรู้ถึงความน่ากลัวของหยุนชิงวูดี
นางไม่คิดจะให้โอกาสหยุนชิงวูทำอะไรทั้งนั้น
… ท่าทีของหยุนชิงวูเปลี่ยนไปราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็เงียบไป
ไม่เป็นไรปล่อยให้นางพูดตามที่นางต้องการ ฟางเจิ้งจือส่ายหน้า
เจ้ามั่นใจ? ปิงหยางสับสนมาก สถานการณ์ตอนนี้ถือว่าอันตรายสำหรับมนุษยชาติมากแล้ว ทำไมฟางเจิ้งจือจึงทำเช่นนี้?
นอกจากนางแล้วมนุษย์คนอื่นๆก็สงสัยว่าฟางเจิ้งจือทำไมถึงมั่นใจได้ขนาดนี้
ฟางเจิ้งจือเจ้ามั่นใจจริงๆงั้นหรือ? มู่ฉิงเฟิงที่หมดหวังถามออกมาด้วยความระมัดระวัง
แน่นอนข้ามั่นใจเต็มร้อย! ฟางเจิ้งจือกล่าว มั่นใจเต็มร้อย?!
ไม่เพียงแต่มู่ฉิงเฟิงเท่านั้นที่ตกใจแม้แต่ฝ่ายอสูรและปีศาจก็ตกใจ
เขาหมายความว่ายังไงที่มั่นใจเต็มร้อย?มั่นใจว่าจะแพ้งั้นรึ?
เขาบ้าไปแล้ว!
ใช่มันไร้สาระมาก!
กองทัพอสูรและปีศาจเริ่มหัวเราะพร้อมกับมองดูฟางเจิ้งจือราวกับกำลังมองคนโง่
แต่ไม่นานพวกเขาก็หยุดหัวเราะ
นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าไม่มีใครหน้าด้านเท่าฟางเจิ้งจืออีกแล้ว
โจวฉีมาเริ่มกันเถอะ ใครกันที่เจ้าจะส่งมาตายในรอบแรก? ฟางเจิ้งจือถามหนานกงมู่พร้อมหัวเราะ
เจ้าจะให้ข้าเลือกก่อนงั้นรึ? หนานกงมู่ขมวดคิ้ว
ผู้มาทีหลังยอมเป็นแขกในเมื่อพวกเรามาก่อนก็ถือว่าเป็นเจ้าบ้าน พวกเราย่อมให้เจ้าเลือกก่อนอยู่แล้ว ฟางเจิ้งจือพยักหน้า
ดูเหมือนเจ้าจะลืมบางอย่างข้าเป็นผู้ริเริ่มการแข่งขันนี้ จะทำยังไงถ้าข้าไม่เห็นด้วย หนานกงมู่ส่ายหัว
งั้นก็จับฉลาก ฟางเจิ้งจือกล่าว
จับฉลาก?
ข้าจะเขียนฉลากเลขหนึ่งและสองเอาไว้ใครได้หนึ่งก็เริ่มก่อน แบบนี้ก็ไม่มีใครโกงได้ ฟางเจิ้งจือกล่าว
ได้งั้นเอาตามนี้ หนานกงมู่หยุดคิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าให้ฟางเจิ้งจือ
ฟางเจิ้งจือหัวเราะอย่างยินดี
ปิงหยางที่อยู่ด้านข้านกลับดูสับสนยิ่งกว่าเดิมนางหันไปทางเหยียนซิว เจ้าคิดว่าเจ้าไร้ยางอายวางแผนจะทำอะไร?
ไม่รู้ เหยียนซิวส่ายหน้า
หืมเจ้าก็ไม่รู้งั้นหรือ? ปิงหยางไม่เชื่อ แต่ก็ไม่คิดจะซักไซร้อีกต่อไป นางหันไปหาวู่จวี้เอ๋อที่ยืนอยู่ไม่ไกลแทน วู่จวี้เอ๋อ มาพนันกันไหม?
พนันอะไร? วู่จวี้เอ๋อเดินออกมาจากด้านหลังเซียนสวรรค์พักพิงพร้อมกับยืดหน้าอกของนางขึ้นเล็กน้อย
ใบหน้าของปิงหยางดำทมึนในทันที
อย่างไรก็ตามนางอดกลั้นกับการกระทำของวู่จวี้เอ๋อและกระซิบบางอย่างให้นางฟังแทน
เจ้าต้องการพนันเรื่องนี้? วู่จวี้เอ๋อถามหลังจากได้ยิน
ใช่เจ้ากล้าเสี่ยงไหม? ปิงหยางพูดอย่างมั่นใจ
ไม่มีอะไรที่ข้ากลัว!
เอาล่ะงั้นข้าจะพนันโดยใช้กับ…กับเกราะอ่อนประกายเพลิงที่ข้าใส่อยู่ มันเป็นสมบัติป้องกันที่ดีที่สุดจากหอคอยหลิงหยุน เจ้าคิดเช่นไร? ปิงหยางชี้ไปที่เกราะอ่อนบนตัวของนาง เกราะอ่อนประกายเพลิง?ข้าไม่สนใจ ข้าต้องการเงินหนึ่งหมื่นเหรียญทองเท่านั้น วู่จวี้เอ๋อมองเกราะอ่อนบนร่างของปิงหยางและส่ายหัว
ในฐานะผู้นำนิกายเงานางรู้ดีว่าชุดเกราะบนร่างของปิงหยางเป็นสมบัติล้ำค่า
แต่นางรู้ว่าต่อให้นางจะเอาชนะปิงหยางได้นางก็ไม่มีทางได้รับเกราะอ่อนนั้นมาจริงๆ เฉียนยู่ไม่ใช่คนที่จะยอมปล่อยสมบัติล้ำค่าแบบนั้นให้คนนอก
ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะเรียกร้องสิ่งที่เป็นไปได้
เงินหมื่นเหรียญทองไม่สามารถซื้อเกราะอ่อนนี้ได้แต่ก็ไม่เป็นไร ตกลงตามนั้น แล้วเจ้าจะเดิมพันด้วยอะไร? ปิงหยางรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
ข้าจะเดิมพันด้วยศาลาศาลาหยาดฝนในเมืองหลวงของอาณาจักรเซี่ย! วู่จวี้เอ๋อกล่าวออกมาหลังจากคิดอยู่สักพัก ได้ถ้าแพ้ศาลานั่นจะตกเป็นของข้ารวมถึงคนของศาลาหยาดฝนด้วย! ปิงหยางไม่ได้กังวลอะไรมากนัก เพราะเป็นนางเท่านั้นที่ต้องชนะการพนันครั้งนี้
แน่นอน วู่จวี้เอ๋อพยักหน้าโดยไม่สามารถปฏิเสธได้
ด้านฟางเจิ้งจือเขาได้เขียนหมายเลขลงในกระดาษทั้งสองใบเสร็จแล้วพร้อมกับวางมันลงในมือทั้งสองด้านจากนั้นก็เดินไปหาหนานกงมู่
หนานกงมู่ชี้ไปที่มือขวาของฟางเจิ้งจืออย่างไม่ลังเลทุกอย่างดูราบลื่นมาก
อย่างไรก็ตามเมื่อกระดาษถูกส่งให้หนานกงมู่เรื่องแปลกๆได้เกิดขึ้น
นั่นเป็นเพราะเขากินกระดาษเข้าไปโดยไม่คิดจะดูมันแม้แต่น้อย
…
…
กองทัพอสูรและปีศาจรวมถึงมนุษย์ทั้งหมดเบิกตากว้าง
เขากินมันเข้าไป!
โจวฉีกินมันทำไม?
เขาพยายามจะทำอะไร?
ศิษย์ฝ่ายมนุษย์ไม่สามารถตอบสนองได้ชั่วขณะหนึ่งแต่ผ่านไปสักพักการแสดงของพวกเขากลับกลายเป็นอัปลักษณ์ทันที
ด้านกองทัพอสูรและปีศาจก็ได้สติเช่นกัน
ฮ่าฮ่าข้าเข้าใจแล้ว!
ท่านโจวฉีช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!
ฟางเจิ้งจือพลาดท่าแล้ว!
ด้านปิงหยางกลับยืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่
นั่นเพราะนางและวู่จวี้เอ๋อพนันว่าฟางเจิ้งจือเขียนเลขหนึ่งลงบนกระดาษทั้งสองแผ่น
ถ้าเป็นเช่นนั้นไม่ว่าโจวฉีจะได้กระดาษแผ่นไหนไปโจวฉีจะกลายเป็นผู้ที่ต้องส่งคนลงแข่งก่อนทันที
แต่ตอนนี้โจวฉีกลืนกระดาษแผ่นนั้นเข้าไปแล้ว…
เจ้าแพ้แล้ว หนานกงมู่ถอยหลังไปและกล่าวออกมา
ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีงานอดิเรกคือการกินกระดาษ…มันอร่อยไหม? หลังจากเงียบไปสักพัก ในที่สุดเขาก็กล่าวออกมาพร้อมกับมองโจวฉีด้วยความสับสน
เปิด! หนานกงมู่ไม่คิดจะตอบฟางเจิ้งจือ
อืมเชิญเจ้าดูมันตามสบาย ฟางเจิ้งจือถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัว จากนั้นเขาก็โยนกระดาษไปให้หนานกงมู่และเดินออกมา
หนานกงมู่แปลกใจกับท่าทีของฟางเจิ้งจือเล็กน้อยแต่เขาก็เปิดกระดาษออก ใบหน้าของเขาแข็งค้างในทันที
’เลขสอง’ขนาดใหญ่ถูกเขียนอยู่บนกระดาษแผ่นนั้น
……………………………………..