Gate of God - ตอนที่ 1042 ความตายของหลินยู่
ตอนที่ 1042 ความตายของหลินยู่
ฟางเจิ้งจือรู้ว่าวิชาสังเวยเลือดแข็งแกร่งแค่ไหนไม่เพียงแต่จะมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่มันสามารถดูดกลืนพลังได้ทุกรูปแบบก่อนจะเปลี่ยนให้มันกลายเป็นพลังของตัวเอง
มีตำนานเกี่ยวกับเรื่องนี้จากโลกเก่าของเขาหรือไม่?
ขณะที่ฟางเจิ้งจือกำลังพยายามคิดกิ่งไม้สีขาวที่ออกมาจากร่างของหนานกงมู่ได้ผสานเข้ากับวิชาสังเวยเลือดบนท้องฟ้า
ครืน!โลกทั้งใบราวกับกำลังสั่นสะเทือน
ราวกับสวรรค์และโลกได้กลายเป็นหนึ่งโลกทั้งใบตกอยู่ในความเงียบราวกับมีต้นไม้ยักษ์ต้นเดียวอยู่บนโลก
สัญลักษณ์วิชาสังเวยเลือดบนอากาศกลายเป็นแสงสีแดงก่อนที่มันจะแต่งแต้มต้นไม้สีขาวให้กลายเป็นสีแดงพร้อมกับทิ้งสัญลักษณ์ต่างๆไว้บนต้นไม้
วิชาสังเวยเลือดหายไปแล้ว? ฟางเจิ้งจือตัวแข็งค้าง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฉากตรงหน้าทำให้เขาไม่สามารถคิดอะไรต่อได้
นั่นเป็นเพราะต้นไม้ที่กลายเป็นสีแดงเหมือนกับมีเลือดไหลเวียนอยู่ด้านใน
ชีวิต!
มันถูกทำให้มีชีวิต!
ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน
วิชาสังเวยเลือดนั้นเป็นสื่อกลางระหว่างหนานกงมู่กับต้นไม้เทพเจ้าด้วยวิชาสังเวยเลือดมันสามารเปลี่ยนพลังจากต้นไม้เทพเจ้าให้กลายเป็นพลังของตัวเองได้
ดูเหมือนเรื่องแย่ๆกำลังจะเกิดขึ้น! ในที่สุดฟางเจิ้งจือก็ค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างวิชาสังเวยเลือดกับต้นไม้เทพเจ้า
ถ้าไม่มีวิชาสังเวยเลือดต้นไม้เทพเจ้าก็จะเป็นแค่ต้นไม้ธรรมดาแม้จะสามารถสร้างผลไม้เทพเจ้าได้ แต่พลังของมันผู้อื่นก็ไม่สามารถควบคุมได้
อย่างไรก็ตามหากมีวิชาสังเวยเลือด…
ทุกอย่างจะต่างออกไปในทันที
การที่ต้นไม้เทพเจ้าและวิชาสังเวยเลือดปรากฎขึ้นในร่างของคนคนเดียวกันคนคนนั้นจะสามารถใช้พลังจากต้นไม้เทพเจ้าได้ราวกับตัวเองเป็นต้นไม้เทพเจ้า
หนี!
นี่เป็นความคิดแรกของฟางเจิ้งจือ!
นั่นเป็นเพราะหนานกงมู่ไม่ใช่หนานกงมู่ที่เขารู้จักอีกต่อไปก่อนหน้านี้เขามีพลังมากพอจะสู้กับฟางเจิ้งจือได้
ตอนนี้เมื่อเขาใช้พลังจากต้นไม้เทพเจ้าโดยตรง…
เขาจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน?
ตูม!สายฟ้าสีแดงเลือดไหลเวียนไปทั่วต้นไม้เทพเจ้า หนานกงมู่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ร่างกายของเขาได้ผสานเข้ากับต้นไม้เทพเจ้าอย่างสมบูรณ์
กิ่งก้านของมันเริ่มเคลื่อนไหวไปมาราวกับเป็นแขนของมนุษย์
พวกเราควรทำยังไงดี?หนีไหม? ฟางเจิ้งจือลังเล เขาต้องการจะหนี แต่เพราะมีมนุษย์จำนวนมากอยู่ด้านนอกเขาจึงไม่สามารถทำได้
ฟุ้บ!ขณะที่ฟางเจิ้งจือกำลังคิดกิ่งไม้หนึ่งได้พุ่งมาทางเขา
ข้าจะลองดู! ฟางเจิ้งจือคิดว่าอย่างน้อยก็ควรทดสอบดูก่อนว่าตอนนี้หนานกงมู่มีพลังมากขนาดไหน
อย่างน้อยหลังจากรู้แล้วเขาค่อยหนีก็ได้
โดยไม่ลังเลฟางเจิ้งจือพุ่งไปด้านหน้าพร้อมกับดาบในมือทั้งสองข้าง แสงสีแดงปกคลุมใบดาบทั้งสอง
ผสานอาชูร่า! ฟางเจิ้งจือร้องคำรามจากนั้นดาบทั้งสองเล่มก็โจมตีเข้ากับกิ่งไม้ที่พุ่งเข้ามา
ตูม!เสียงระเบิดดังขึ้น
ฟางเจิ้งจือรู้สึกราวกับดาบของตัวเองโจมตีเข้ากับบางอย่างที่แข็งราวกับ’เพชร’
แกร้ง!แทบจะในทันทีดาบของเขาหักเป็นสองส่วน
… ฟางเจิ้งจือเหลือบมองดาบหักๆของเขา
… เหยียนซิวเองก็มองมันอยู่เช่นกัน
จากนั้นพวกเขาก็มองหน้ากันเงียบๆ
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลที่สุดเรื่องที่ควรกังวลที่สุดคือตอนนี้พวกเขายังหาตัวหนานกงมู่ไม่เจอ
พวกเขาหาหนานกงมู่ไม่เจอและกิ่งไม้ก็แข็งเกินไป
หนีดีไหม? ฟางเจิ้งจือถามเหยียนซิว
พวกเราสามารถหนีได้ด้วยหรือ? เหยียนซิวพูดขณะมองต้นไม้เทพเจ้าก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองดาบพังๆในมือของฟางเจิ้งจือ
อาจจะ
อืม เหยียนซิวพยักหน้าทันทีเขารู้ว่าฟางเจิ้งจือกำลังจะทำอะไร
ฟางเจิ้งจือต้องหลอกล่อให้หนานกงมู่ปรากฎตัวออกมาไม่อย่างนั้นการต่อสู้คงไม่สามารถดำเนินต่อไปได้
หนานกงมู่พวกเราจะถอยไปก่อนสักพักรอพวกเราก่อนเดี๋ยวพวกเราจะกลับมา! ฟางเจิ้งจือพูดกับต้นไม้สีแดง
…. ต้นไม้สีแดงตกอยู่ความเงียบ
… เหยียนซิวเองก็เงียบเช่นกัน
ในเมื่อเจ้าไม่พูดอะไรก็หมายความว่าตกลงเหยียนซิวไปกันเถอะ! ฟางเจิ้งจือเตรียมตัวจะหนีทันที
ฟางเจิ้งจือข้าคิดว่าเจ้าตัดสินใจที่จะต่อสู้กันข้าแล้ว ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าเจ้าจะกล้าหนีไป! ในที่สุดเสียงของหนานกงมู่ได้ดังขึ้น ในเวลาเดียวกันหัวเล็กๆได้ปรากฎขึ้นท่ามกลางกิ่งไม้สีแดง
หนานกงมู่ยืดหัวออกมาจากต้นไม้เทพเจ้า
อย่างไรก็ตามมันไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์อีกต่อไปมันเป็นเหมือนหัวที่สร้างขึ้นจากต้นไม้เก่าๆพร้อมกับแสงสีแดงที่ราวกับเป็นดวงตา
เขาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาแล้วเขาซ่อนตัวอยู่ในต้นไม้มาตลอด! ดวงตาของฟางเจิ้งจือเบิกกว้าง แม้ว่าหนานกงมู่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาแต่ฟางเจิ้งจือจะสามารถฝ่ากิ้งไม้สีแดงพวกนั้นไปได้งั้นหรือ?
ฟางเจิ้งจือข้ารู้ว่าเจ้าต้องการให้ข้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงตอนนี้ข้าก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงแล้ว เจ้ากล้าเข้ามาหรือเปล่า? หนานกงมู่มองฟางเจิ้งจือ
ฟุ้บ!
ฟุ้บ! หลังจากพูดจบหนานกงมู่ได้ยื่นมือออกไปที่เหยียนซิวและฟางเจิ้งจือ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการจะขัดขวางทั้งคู่ไม่ให้หลบหนี
แม้พวกเขาจะไม่สามารถทำลายกิ่งไม้ได้แต่พวกเขาก็สามารถหลบได้
หลังจากตัดสินใจแสงฟ้าส่องสว่างฟางเจิ้งจือหายไปและปรากฎขึ้นอีกครั้งในตำแหน่งอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของหนานกงมู่
อย่างไรก็ตามเหยียนซิวพบกับปัญหาบางอย่าง
กิ่งที่โจมตีไปยังเหยียนซิวทำให้แขนเสื้อของเขาฉีกออกพร้อมกับทิ้งรอยเลือดไว้ที่แขน
ดาบของข้าอ่อนแอเกินไปถ้าไม่มีดาบไร้ร่องรอยข้าไม่สามารถตัดกิ่งพวกนั้นได้! ฟางเจิ้งจือโยนดาบทิ้ง
แม้เขาจะเอาดาบมากมายมาจากหอคอยหลิงหยุนแต่ยี่สิบกว่าเล่มพังไปแล้ว แม้ว่าคุณภาพของดาบเหล่านั้นจะไม่เลวร้ายนักแต่มันก็ไม่เพียงพอจะใช้ต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่ง
ฟางเจิ้งจือคิดถึงดาบไร้ร่องรอยของเขามาก
อย่างไรก็ตามเขาทิ้งดาบไร้ร่องรอยไว้ที่หมู่บ้านภูเขาทางเหนือ
ขณะที่เขากำลังคิดกิ่งก้านสีแดงได้พุ่งมาหาเขาแล้ว มันมีมากกว่าหกกิ่งที่โจมตีมายังเขา และอีกสองกิ่งโจมตีไปยังเหยียนซิว
เหยียนซิวทนอยู่ในนี้นานไม่ได้พวกเราต้องรีบถอย! ฟางเจิ้งจือไม่สามารถลังเลได้อีกต่อไปเมื่อเห็นกิ่งไม้พุ่งมา
นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าถ้ายังสู้ต่อไปพวกเขาต้องตายแน่นอน
เขาทำได้แค่ถอย
อย่างน้อยที่สุดก็ถอยออกไปจากพื้นที่ที่เต็มไปด้วยลมหายใจแห่งความตาย
โซ่ตรวนนรก! เสียงร้องคำรามดังขึ้น โซ่ขนาดใหญ่สองสามเส้นพุ่งขึ้นจากพื้นดินพันรอบต้นไม้เทพเจ้าก่อนที่จะโจมตีไปที่หัวของหนานกงมู่
หนานกงมู่ไม่ได้โง่
เพราะกิ่งไม้โดยรอบเริ่มโต้กลับแล้ว
ตูม!
ตูม!
เสียงระเบิดดังก้อง
ฟางเจิ้งจือใช้โอกาสนี้คว้าเหยียนซิวและหนีออกไปจากลมายใจแห่งความตาย
กลุ่มพันธมิตรฝ่ายมนุษย์ยังคงอยู่ที่นี่แม้ว่าทั้งสองจะหนีไปก็ตาม! ดวงตาของหนานกงมู่กลายเป็นสีแดงก่ำ
ครืน!
ครืน!
กิ่งจากต้นไม้เทพเจ้าพุ่งเข้าหาฟางเจิ้งจือและเหยียนซิวราวกับสายฝน
อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือและเหยียนซิวยังคงวิ่งหนี
ตูม!ฟางเจิ้งจือแสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจในการหลบหนี
มันไม่ใช่การเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยมแต่มันก็พอจะทำให้เหล่าศิษย์และกองทัพอสูรและปีศาจต้องเบิกตากว้าง
พวกเขาออกมาแล้ว!
ฟางเจิ้งจือออกมาพร้อมกับเหยียนซิว?
เอ่อ…ไม่ ทำไมพวกเขาถึงหนี? พวกเขาชนะ? โจวฉีแพ้? แต่ทำไมลมหายใจแห่งความตายยังคงอยู่?
เมื่อเหล่าศิษย์ฝ่ายมนุษย์เริ่มคุยกันพวกเขาเห็นต้นไม้ยักษ์สีแดงปรากฎขึ้นจากลมหายใจแห่งความตาย
เกิดอะไรขึ้น?
ต้นไม้?!
ทำไมถึงมีต้นไม้?!
ไม่เพียงแต่เหล่าศิษย์เท่านั้นแม้แต่อสูรและปีศาจต่างก็ตกตะลึงอย่างชัดเจน
ฟางเจิ้งจือ?! หลินยู่ก็ตกใจเช่นกัน
นั่นเพราะจุดที่ฟางเจิ้งจือและเหยียนซิวพุ่งออกมาคือด้านหลังของหลินยู่ยิ่งกว่านั้นพวกเขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วราวกับเคลื่อนย้ายพริบตา
มันเป็นเรื่องบังเอิญงั้นหรือ?
แม้จะเป็นเรื่องบังเอิญแต่หลินยู่ก็ตั้งป้องกันในทันที เพราะรู้ดีว่าฟางเจิ้งจือนั้นแข็งแกร่งกว่าเขา
ฮืม?เป็นเรื่องบังเอิญงั้นหรือ? ฟางเจิ้งจือก็ตกใจเช่นกันเมื่อเห็นหลินยู่ด้านหน้า อย่างไรก็ตามไม่นานความตกใจก็กลายเป็นความประหลาดใจ
เปลี่ยนตำแหน่ง!
อะไรกัน?! ก่อนที่หลินยู่จะตอบสนองเขาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ฉุดรั้งร่างกายของเขา
จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าเขาถูกเปลี่ยนตำแหน่งกับฟางเจิ้งจือและเหยียนซิว แน่นอนว่านั้นไม่ใช่ประเด็นหลัก
สิ่งสำคัญคือในทันทีที่ถูกเปลี่ยนตำแหน่งเขาเห็นกิ่งไม้สีแดงกำลังพุ่งเข้ามาราวกับสายฝน
กิ่งไม้? หลินยู่ไม่รู้ว่ากิ่งไม้พวกนี้คืออะไรแต่เขาตั้งป้องกันด้วยผลึกน้ำแข็งในทันที
เปลี่ยนตำแหน่ง?
หลินยู่สามารถเข้าใจได้ที่ฟางเจิ้งจือใช้เต๋าสวรรค์อย่างไรก็ตามเขาไม่เข้าใจว่าทำไมฟางเจิ้งจือถึงกลัวกิ่งไม้พวกนี้
ในตอนนั้นเองกิ่งไม้สีแดงก็พุ่งลงมา
ตูม!
…
ดวงตาของหลินยู่เบิกกว้างเมื่อกิ่งไม้สีแดงทะลวงผ่านผลึกน้ำแข็งและเจาะทะลุร่างกายของเขาไป
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อกิ่งไม้ทะลุผ่านร่างกายเขารู้สึกว่าพลังงานในร่างกายหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับถูกกิ่งไม้พวกนั้นดูดซับพลังออกไป
ไม่!!!! หลินยู่ต้องการหนีแต่มันสายเกินไป ร่างกายและกล้ามเนื้อของเขาแห้งเหือดและสูบผอมลง
ราวกับว่าร่างของเขากลายเป็นปุ๋ยให้กิ่งไม้พวกนั้น
ปั้ง!ร่างกายของหลินยู่ระเบิดเป็นผุยผงและลอยหายไปในอากาศ
…
…
เหล่าศิษย์ฝ่ายมนุษย์และกองทัพอสูรและปิศาจเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อเมื่อเห็นร่างของหลินยู่สูญสลายไป
เขาตาย?!
ตัวตนระดับเทพเจ้าตาย?!
เขาตายด้วยพลังจากกิ่งไม้แปลกๆพวกนั้นเกิดอะไรขึ้น? บรรยากาศเข้าสู่ความเงียบ
มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือตัวแข็งค้างในทันที
นอกจากพวกเขาแล้วหยุนชิงวูที่เงียบสงบและตัวตนระดับเทพเจ้าอีกสามคนก็ตกตะลึงโดยสมบูรณ์