Gate of God - ตอนที่ 425
ทหารดินแดนภูเขาทางใต้จะช่วย ฟาง เจิ้งจือ?
แน่นอนว่าไม่
พวกเขาได้รับคำสั่งให้ร่วมมือกับกองทัพปีศาจเพื่อล้อมอาณาจักรเซี่ยเอาไว้ ต่อให้พวกเขาจะไม่ทำตามคำสั่งของปีศาจ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ขัดขวาง
อย่างไรก็ตามทหารยังพอมีทหารกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่
หากพวกเขาสามารถฝ่าทั้งสองกองทัพเข้าไปได้…
พวกเขาคือ เถิง ซือเซิง และทหารหมาป่าเขาเงินห้าร้อยนาย
ทหารของอาณาจักรเซี่ยเห็น ฟาง เจิ้งจือ เคยสั่งการทหารเหล่านี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เข้าโจมตีทหารหมาป่าเขาเงิน
ทหารของดินแดนภูเขาทางใต้นั้นรู้ดียิ่งกว่า ทหารหมาป่าเขาเงินนั้นเป็นกองทัพชั้นเยี่ยมของดินแดนภูเขาทางใต้ และเป็นตัวแทนของงค์หญิง ฉาน ยู่
ตั้งแต่ที่ทหารของดินแดนภูเขาทางใต้ได้ปรากฎตัว เถิง ซือเซิง นั้นวางท่าทีเป็นคนนอกตลอด
ไม่มีใครโจมตีกลุ่มของเขาได้
ต่อให้พวกเขาจะถูกล้อมโดยทหารของดินแดนภูเขาทางใต้และอาณาจักรเซี่ย พวกเขาก็สามารถหลบหนีออกไปได้
ตั้งแต่เริ่มต้น เถิง ซือเซิง ทำเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น เขาเป็นเงาของ ฟาง เจิ้งจือ
ราวกับหมาป่าที่รอโอกาสโจมตี
การต่อสู้ระหว่าง หนานกง เฮา และ ฟาง เจิ้งจือ นั้นถือว่าเสี่ยงมาก เถิง ซือเซิง จึงไม่ได้เข้าไปแทรกแซง เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ ถูกโจมตีโดย เหยียน ซิว โอกาสทองของเขาได้มาถึง
แต่ เหยียน ซิว กลับยืนป้องกัน ฟาง เจิ้งจือ เอาไว้
จากนั้น ฟาง เจิ้งจือ ก็เอาชนะ ฉือ โข่ว และต่อสู้กับ วู่ ยี่ เถิง ซือเซิง เองก็อยู่ในระดับอภินิหาร เขาจึงไม่ได้โจมตี
เขาทำแค่รอ!
เขายังรอต่อไป
เขารอให้ ฟาง เจิ้งจือ ขึ้นไปบนหน้าผา เขาไม่เคยยอมแพ้ในการเฝ้ารอ เขาไปยืนอยู่ที่ที่มั่นใจว่าจะไม่ห่างเกินไป
เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ เลือกที่จะพุ่งขึ้นไปบนหน้าผา เขาได้เลือกไปยืนอยู่ที่ตีนหน้าผา เขาสามารถมองเห็น ฟาง เจิ้งจือ ได้ ถ้าเงยหน้าขึ้นไป
มันเป็นเรื่องยากงั้นหรือ?
มันอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับคนอื่นๆ แต่มันก็ไม่มีปัญหาสำหรับทหารหมาป่าเขาเงิน ทหารของดินแดนภูเขาทางใต้ทั้งหมดเปิดทางให้พวกเขาผ่าน
ในความเป็นจริง มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานะของพวกเขาแต่เป็นสัตว์ที่พวกเขาขี่อยู่
เพราะ…
ไม่มีใครอยากเข้าใกล้หมาป่าเขาเงินที่ดุร้าย
เช่นนั้นเมื่อพวกเขาผ่านเข้าไปจึงไม่มีใครมาเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย
เถิง ซือเซิง รอมานาน
แม้ว่าเขาจะเริ่มหมดหวัง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้
เขาจะไม่มีวันลืมเป้าหมายของเขา
“บรู๋วว!” เสียงคำรามดังก้อง ทันใดนั้นร่างขนาดใหญ่ได้กระโจนขึ้นไปบนท้องฟ้า
ทุกคนที่อยู่บนพื้นสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
จากนั้น
มันก็วิ่งกระโจนไปทางใต้หน้าผา ตามมาด้วยร่างขนาดใหญ่หลายร่าง
“บรู๋ว!“
“บรู๋ว!“
หมาป่าเขาเงินวิ่งออกไปขณะที่ร้องคำรามออกมา
ตกตะลึง! ทำอะไรไม่ถูก!
ตอนนี้ไม่มีเสียงอะไรนอกจากเสียงวิ่งของหมาป่าเขาเงินและเสียงฝนที่ตก
ทุกคนรู้ดีว่าว่าใครที่พุ่งออกไปบนท้องฟ้า
เถิง ซือเซิง!
เขาเป็นหัวหน้าของทหารหมาป่าเขาเงิน
ทหารดินแดนภูเขาทางใต้รู้ชื่อเสียงของหมาป่าเขาเงินดี แต่ทำไมพวกเขาต้องช่วย ฟาง เจิ้งจือ?
พวกเขาทั้งหมดล้วนสงสัยในตัวเอง จากนั้นพวกเขาก็สงสัยว่า เถิง ซือเซิง จะพา ฟาง เจิ้งจือ ไปที่ไหน
เหตุใดทหารหมาป่าเขาเงินถงพุ่งไปทางนั้นกัน?
ไม่มีใครสามารถตอบคำถามของพวกเขา
เถิง ซือเซิง เองก็เช่นกัน เขาเริ่มตะโกนสั่งทหารรอบๆที่ขวางเขาอยู่ “พวกเจ้าทุกคนหลีกทาง!“
ทุกคนต่างได้ยินเสียง เถิง ซือเซิง ที่รีบร้อน
ถ้าเป็นกรณีนี้ ต่อให้เขาช่วย ฟาง เจิ้งจือ ได้ ก็ใช่ว่าเขาจะสามารถหนีไปได้
“โย่!” เสียงแหลมๆดังขึ้นมาพร้อมกับเงาหนึ่งที่บินอยู่บนหัวพวกเขา
“วางเจ้าไร้ยางอายลงเดี๋ยวนี้นะ!” มันเป็นเสียงของ ปิง หยาง
“อย่าไปยุ่งกับนางแค่วิ่งก็พอ!” เถิง ซือเซิง สั่งทหารของเขาโดยไม่ลังเล การจับตัว ฟาง เจิ้งจือ เป็นภารกิจที่แท้จริงของพวกเขา
สำหรับ ปิง หยาง…
พวกเขาไม่ต้องกังวลกับนาง พวกเขากำลังพุ่งไปทางหุบเขาซึ่งมันค่อนข้างแคบ ดังนั้นอินทรีย์ของนางไม่สามารถผ่านไปได้ สิ่งเดียวที่นางทำได้คือบินวนไปรอบๆ
“รับทราบ!“ทหารม้าหมาป่าเขาเงินตะโกนออกมาพร้อมกัน
ทหารดินแดนภูเขาทางใต้ทั้งหมดเปิดทางให้พวกเขา พวกเขาไม่สามารถหยุดหมาป่าเขาเงินได้ เพราะพวกเขาเชื่อฟังคำสั่งของคนคนเดียว
คือ …
ฉาน ยู่!
…
ที่ทางเข้าถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง ทหารต่างยืนนิ่ง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป
พวกเขาไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา
ความจริงคือ ฟาง เจิ้งจือ ถูกช่วยโดย เถิง ซือเซิง พวกเขารีบวิ่งไปที่หุบเขาทันที
“ตอนนี้เขาอยู่ในมือของดินแดนภูเขาทางใต้ พวกเราควรทำยังไงดีท่านพ่อ?” ซิง ฉิงซุย มองไปที่ ซิง หยวนกัว
“มันยังดีกว่าเขาตกอยู่ในมือของพวกปีศาจ เข้ายึดถิ่นฐานวานรน้ำแข็งให้ได้ก่อน หากเราสามารถเอาชนะได้ ดินแดนภูเขาทางใต้จะไม่เป็นศัตรูของพวกเราอีกต่อไป” ดวงตาของ ซิง หยวนกัว เต็มไปด้วยความเยือกเย็น ในฐานะผู้บัญชาการ เขาต้องมีความสงบเยือกเย็น
“ข้าเข้าใจแล้ว!” ซิง ฉิงซุย หยักหน้า
เขาสามารถเห็นความมุ่งมั่นที่ต้องการฆ่า ฟาง เจิ้งจือ ในตาของเหล่าปีศาจได้ ดังนั้น ฟาง เจิ้งจือ ยังมีประโยชน์ต่อดินแดนภูเขาทางใต้
ดังนั้น…
จนกว่าถึงเวลาที่เขาไร้ประโยชน์ ชีวิตของเขาจะไม่อยู่ในอันตรายแน่นอน
“ฆ่า!” ซิง หยวนกัว ตะโกน
“ฆ่า!“
“ฆ่า!“
“…”
ทหารของอาณาจักรเซี่ยทั้งหมด กองทัพทลายภูผา และหน่วยเกราะมังกร เริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาพาตัวเองเข้าไปใกล้ประตูทางเข้าถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง
ทหารของดินแดนภูเขาทางใต้ก็เริ่มป้องกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อไม่มีแม่ทัพพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก
…
บนหน้าผา หยุน ชิงวู จ้องมองที่หลังของ เถิง ซือเซิง นางเฝ้ามองอยู่ตั้งแต่แรก
ปีศาจทุกตนหันไปมอง หยุน ชิงวู พวกเขากำลังรอคำสั่งของนาง
อย่างไรก็ตาม หยุน ชิงวู ไม่ได้พูดอะไรออกมา
นับตั้งแต่ตอนที่นางเตะ ฟาง เจิ้งจือ นางไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย
ฝนดาบแสงที่ตกกระหน่ำก็หยุดแล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตามฝนยังไม่หยุดตก กระโปรงสีชมพูและขาวพริ้วไหวไปตามสายลมราวกับดอกไม้กลางสายฝน
“เจ้าไม่ไล่ตามพวกเขาไปรึ?” ในที่สุด หยุน ชิงวู ก็พูดออกม อย่างไรก็ตามทุกคนรู้ว่าอารมณ์ของ หยุน ชิงวู ยังไม่มั่นคงเท่าไรนัก
“ข้าไม่จำเป็นต้องไล่ตาม” ฉือ กูเหยียน หันไปมอง ทหารหมาป่าเขาเงินที่วิ่งออกไปอยู่
“ข้าเข้าใจ! ” หยุน ชิงวู มองตามสายตาของ ฉือ กูเหยียน ก่อนที่จะหันไปมองอินทรีย์บนท้องฟ้า
“เจ้าจะไปแล้ว?” ฉือ กูเหยียน มอง หยุน ชิงวู
“ใช่แล้วเจ้าล่ะ?“
“ไม่ใช่ตอนนี้”
“ถ้าเจ้าไม่ออกไปตอนนี้ คงไม่สะดวกที่จะออกไปในครั้งหน้า”
“พวกเราสามารถรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ก็ต่อเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น” ฉือ กูเหยียน ยังคงนิ่งสงบ
“งั้น… พวกเราก็ทำได้แค่รอดู” หยุน ชิงวู พยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็หันหลังและเดินลงหน้าผาไป่
“รอดู” ฉือ กูเหยียน พยักหน้าและไม่คิดจะพูดอะไรอีก
…
การสูญเสียแม่ทัพ ทำให้ค่ายกลทั้งหมดที่พวกเขาตั้งมาพังทลาย
ทหารของดินแดนภูเขาทางใต้ไม่กลัวความตาม แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาอยากตาย
เมื่อรองแม่ทัพเห็นแม่ทัพของตัวเองตาย พวกเขาก็เริ่มระส่ำระส่าย ไม่นาน ประตูทางเข้าถิ่นฐานก็เริ่มเป็นรอยแตกโดยกองทัพทลายภูผา
ทหารของอาณาจักรเซี่ย รีบพุ่งเข้าไปในถิ่นฐานวานรน้ำแข็งและจับตัวทหารดินแดนภูเขาทางใต้ที่อยู่ด้านนอกด้วยทันที
เมื่อมาถึงจุดนี้ ทหารของดินแดนภูเขาาทงใต้มีเพียงสองทางเลือก
พวกเขาพยายามปกป้องเมืองถิ่นฐานวานรน้ำแข็งต่อไป หรือถอยกลับไปทีเมืองภูเขาเซียนผ่านทางช่องเขา
ไม่นานพวกเขาก็เลือกตัวเลือกที่สอง มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเลือกตัวเลือกแรก
พวกเขาไม่มีเสบียงเพียงพอ!
นั่นคือปัจจัยสำคัญ
ทหารที่วิ่งออกมาจากถิ่นฐานวานรน้ำแข็งเองก็ไม่มีเสบียง!
ทหารที่มาจากช่องเขาก็เช่นกัน
พวกเขาเพียงนำเสบียงมาให้เพียงพอระหว่างทำสงครามเท่านั้น สุดท้ายพวกเขาถูกซุ่มโจมตีและไม่สามารถเอาเสบียงไปด้วยได้
นอกจากนี้…
ในถิ่นฐานวานรน้ำแข็งมีเสบียงอยู่มากมาย
ทำไมพวกเขาถึงไม่คิดจะเอามันออกมาเยอะๆ?
เพราะต่อให้พวกเขานำมันออกมาก็ไม่สามารถสู้อาณาจักรเซี่ยที่เตรียมเสบียงมาเผื่อใช้ได้เป็นเวลาถึงสองปี ดังนั้นการถอยจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
“ถอย!“
รองแม่ทัพตะโกนสั่ง สงครามจบลงแล้ว พวกเขาสูญเสียครั้งใหญ่
ทหารเริ่มเก็บศพสหายร่วมรบของพวกเขา
บางร่างนั้นเละเทะจนไม่รู้ว่าเป็นใคร อย่างไรก็ตามทหารของดินแดนภูเขาทางใต้ไม่เคยทิ้งศพไว้ต่อจะเหลือเพียงแค่แขนเท่านั้น
เป็นเพราะว่า…
นี่คือดินแดนภูเขาทางใต้
เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้าย นักรบสามารถตายในสนามรบได้ แต่พวกเขาไม่คิดจะปล่อยให้ร่างเหล่านั้นกลายเป็นอาหารของสัตว์ร้าย
ดินแดนภูเขาทางใต้นั้นถือว่าเป็นดินแดนของคนเถื่อน
พวกเขากล้าหาญและรักในเกียรติยศ แม้ว่าพวกเขาจะแพ้ หรือหนาวเหน็บจากอากาศ
พวกเขาไม่ถอยอย่างรวดเร็ว พวกเขาถอยไปอย่างช้าๆ
หลังจากที่พวกเขาถอยร่นไปแล้ว ประตูถิ่นฐานวานรน้ำแข็งก็เปิดออกมาอีกครั้ง เกวียนหุ้มเกราะเริ่มเก็บข้าวของต่างๆ
อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากศพแล้ว เกวียนไม้ก็เต็มไปด้วยชุดเกราะและอาวุธที่กระจัดกระจาย
ในฐานที่ทหารของอาณาจักรเซี่ยที่มารบในต่างแดนนั้น…
พวกเขาต้องรักษาทรัพยากรที่มีให้ได้มากที่สุดเพื่อพร้อมกับสงครามครั้งต่อไป
ดังนั้นชุดเกราะและหอกจึงจำเป็น!
นี่คือสงคราม
ความโหดร้ายคือความจริงของสงคราม มันโหดรายต่อทั้งผู้ชนะและผู้แพ้
เข้าสู่ช่วงดึก ฝนได้หยุดตกลงแล้ว
มีน้ำสายเล็กไหลผ่านสนามรบมันเต็มไปด้วยเลือด
“บรู๋ว!” เสีงของสัตว์ร้ายที่ออกมาหากินในยามค่ำคืนสามารถได้ยินชัดเจน
ลูกไฟลอยขึ้นจากถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง มันเป็นลูกไฟที่ส่งวิญญานของผู้ล่วงลับให้กลับบ้าน
“สงครามนั้นโหดร้าย!” เสียงดังขึ้นในอากาศด้วยความโกรธและความโศกเศร้า
อย่างไรก็ตามเสียงนั้นดังมาจากทางเข้าถิ่นฐานวานรน้ำแข็งไม่ใช่ด้านใน มันดูค่อนข้างแปลก
“เจ้าหน้าที่มาถึงแล้ว สงครามได้จบลงแล้ว” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา เสียงนี้ค่อนข้างมั่นใจและภูมิใจ
“อืม สั่งให้พวกเขาเปิดประตู!” ร่างหนึ่งเดินขึ้นไปด้านหน้า เขามาถึงประตูทางเข้าพร้อมขมวดคิ้วเมื่อเห็นรอยเลือดที่หน้าประตู
“รับทราบ!” อีกร่างหนึ่งเดินขึ้นไปด้านหน้า เขาเป็นชายวัยกลางคนที่สวมชุดเกราะอันส่องประกายเดินขึ้นไปด้านหน้า เขามองไปที่ประตูด้วยความหยิ่งยโส