Gate of God - ตอนที่ 442
ฉาน หลิง ยืนนิ่ง เหล่าสาวใช้เองก็ยืนนิ่งด้วยความหวาดกลัวเช่นกัน
เป็นเพราะ ฉาน หลิง และ องค์หญิง ฉาน ยู่ นั้นฉลาด
แม้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ยังพูดไม่จบ แต่ องค์หญิง ฉาน ยู่ และ ฉาน หลิง หรือแม้แต่องค์ราชาเองก็รู้ได้ถึงสถานการณ์อันตึงเครียด
“ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ ข้าได้สั่งให้กองทัพแปดหมื่นนายเดินทางไปที่เนินเขาเหล็ก เพื่อป้องกันการลอบโจมตีจากเมืองเงาเลือด ถ้าข้าเดาไม่ผิด ข่าวที่องค์หญิง ฉาน ยู่ ส่งกองกำลังไปที่นั่นจะต้องไปถึงหูพวกปีศาจแล้ว หรือพูดง่ายๆว่า…มีสายอยู่ในกองทัพ!“
ฟาง เจิ้งจือ พูดตรงประเด็นทันที เขาไม่คิดจะปิดบังอะไร
ฉาน หลิง คิ้วขมวดทันที การที่สายของปีศาจอยู่ในกองทัพของดินแดนภูเขาทางใต้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรมากมาย มันดูเป็นเรื่องทั่วไปด้วยซ้ำ
คงเป็นไปไม่ได้ที่เผ่าปีศาจจะมองข้ามภัยคุกคามครั้งใหญ่นี้
แต่การที่ดินแดนภูเขาทาใต้อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ มันถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เป็นอย่างมาก มันจะส่งผลกับการต่อสู้ทั้งหมด
องค์หญิง ฉาน ยู่ เองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน แม้นางจะรู้ว่าการมีสายอยู่ในกองทัพเป็นเรื่องปกติ แต่มันก็ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
เพราะนางนั้นเป็นผู้บัญชาการทหารแปดหมื่นนาย
ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ทุกคนในห้อง ก่อนจะหันไปมองรัฐมนตรี
จากนั้นเขาก็ส่ายหัวและถอนหายใจออกมา
รัฐมนตรีกรมพิธีการสามารถเดาความหมายของสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ ทำได้ ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดงเพราะความโกรธ
เขาเป็นถึงหนึ่งในหกรัฐมตรี
แต่ตอนนี้เขาทำได้แค่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ที่สำคัญที่สุดไม่มีใครคิดจะช่วยเขาแม้แต่น้อย
เขาจะนิ่งเฉยอยู่ได้ยังไง
เขาจะไม่โกรธได้ยังไง?
ฟาง เจิ้งจือ เองก็เลือกที่จะเพิกเฉยเช่นกัน แต่เขาโบกมือให้สาวรับใช้และชี้ไปที่เก้าอี้ที่รัฐมนตรีกรมพิธีการเคยนั่งอยู่
หญิงรับใช้ทั้งแปดหันมามอง ฟาง เจิ้งจือ ก่อนจะหันไปมององค์ราชาทันที
หลังจากได้รับความเห็นชอบ สาวใช้ก็ลากเก้าอี้ตัวนั้นพร้อมกับจานที่เต็มไปด้วยผลไม้ชั้นดีเข้ามา
ฟาง เจิ้งจือ แสดงท่าทีพึงพอใจออกมาเล็กน้อย เขาหยิบผลไม้และดีดเข้าไปในปากทันที
ปีศาจนั้นมีทหารที่มีความสามารถมากโดยเฉพาะการสู้แบบตัวต่อตัว แม้ว่าพวกเขาจะมีความได้เปรียบด้านจำนวนและความสามารถ แต่พวกเขาเสียเปรียบด้านภูมิศาสตร์ถ้าทหารทั้งแปดหมื่นนายตั้งการป้องกันอย่างแน่นหนาที่เนินเขาเหล็ก คงเป็นเรื่องยากที่ปีศาจจะเข้ามาได้ วิธีเดียวที่จะเข้ามาได้คือสู้โดยไม่คิดชีวิต!“
“อืมมม …”
เมื่อได้ยิน องค์หญิง ฉาน ยู่ และ ฉาน หลิง พยักหน้าเห็นด้วย ข้อได้เปรียบของดินแดนภูเขาทางใต้เป็นเรื่องทำเลที่ตั้ง รวมถึงปราการป้องกันต่างๆในหกถิ่นฐานที่สร้างมากว่าร้อยปี
ต่อให้ปีศาจจะมีความได้เปรียบด้านพลังและจำนวน..
พวกเขาก็สามารถต้านเอาไว้ได้
ถ้าปีศาจต้องการยึดเนินเขาเหล็กที่ป้องกันไว้ด้วยทหารแปดหมื่นนาย พวกเขาจะต้องสูญเสียเป็นอย่างมาก
“อย่างที่บอก ปีศาจมีเวลาไม่มากนัก พวกเขาไม่อยากจะเสียเวลาอีก การโจมตีอย่างเต็มกำลังเป็นทางเลือกเดียว แต่พวกเขาก็ไม่อยากพบกับความสูญเสียใดๆ ดังนั้นพวกเขาจะต้องยอกเลิกการล้อมเมืองภูเขาเซียนและหันไปโจมตีเนินเขาเหล็กจากทั้งสองด้านแทนในอีกสามวัน…การทำสัญญากันก็ช่วยถ่วงเวลาให้พวกนั้นได้เพียงพอแล้ว ใช่ไหมล่ะ?” ฟาง เจิ้งจือ หยุดพูด
เพราะเขารู้ว่ามันเพียงพอแล้ว
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจนมากไป การพูดมากกว่านี้อาจจะเป็นการอวดรู้มากเกินไป เขาต้องการให้องค์ราชาและ ฉาน หลิง ประทับใจในตัวเขา
ฉาน หลิง ไม่ได้พูดออกมาทันที
เขาเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเองและมีความมั่นใจสูงสุดในแผนการของเขา
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถปฎิเสธความจริงได้
จากมุมมองของเขาเด็กจากอาณาจักรเซี่ยนี้พูดออกมาด้วยความสงบและไม่ได้มีอคติ ทุกสิ่งที่เขาพูดออกมาล้วนเป็นเพียงการคาดเดา ฉาน หลิง อาจจะไม่ให้ค่ากับมันก็ได้เช่นกัน
นั่นเป็นเพราะ …
ผลที่ตามมาของการคาดเดานั้นใหญ่หลวงเกินป ฉาน หลิง ไม่อยากจะคิดถึงการสูญเสียนั้น
องค์หญิง ฉาน ยู่ เงียบเหมือนกันนางจ้องไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ที่กำลังนั่งสบายๆอยู่บนเก้าอี้และกำลังแทะเนื้ออยู่ นางเคยชินกับพฤติกรรมของ ฟาง เจิ้งจือ และส่ายหัวขณะที่เดินก้มต่ำไปที่บัลลังก์
ตั้งแต่ที่นางเข้ามาก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู อย่างไรก็ตามตอนนี้นางเริ่มเคลื่อนไหวและเดินไปยังบัลลังก์
องค์ราชาของดินแดนภูเขาทางใต้เริ่มมองไปที่องค์หญิง ฉาน ยู่ ด้วยความรักอย่างไรก็ตามเมื่อเขาจ้องไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ความอ่อนโยนในแววตาของเขาก็หายไป หลายเป็นความสงสัยและแปลกใจ
เขาสามารถบอกได้เลยว่า ฟาง เจิ้งจือ เด็กแค่ไหน
…
และ ฉาน ยู่ ที่ยืนอยู่ด้านข้างเขาก็อายุน้อยเช่นกัน
เด็กหนุ่มคนนี้อาจเป็น …
“จริงๆแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่?!” ฉาน หลิง ตะโกนขึ้นมา แต่ไม่ได้หยุดองค์หญิง ฉาน ยู่ เขาแค่ยืนขึ้นและสังเกตุ ฟาง เจิ้งจือ เงียบๆคิ้ว, ดวงตา, จมูกของเขาจากบนลงล่างอีกครั้งและอีกครั้ง
“พวกชนชั้นสูงไม่ได้รู้นานแล้วหรอกหรือ?” ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มออกมา
“ใช่ …แน่นอน ผู้ที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถเข้าสู่ระดับสะท้อนสวรรค์ได้หลังจาก ฉือ กูเหยียน เจ้าคือ ฟาง เจิ้งจือ ?!” ฉาน หลิง พูดออกมาด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
“ท่านพี่คงอยู่ในเมืองหลวงนานเกินไป ตอนนี้เขาอยู่ในระดับอภินิหารแล้ว “แม้นางจะไม่อยากยอมรบความจริง แต่นางก็พูดออกมา
หลังจากพูดเสร็จนางก็นั่งลงข้างๆองค์ราชา
“ระดับอภินิหาร! เจ้าบอกว่าเขาอายุแค่สิบห้าสิบหกปีแต่เข้าสู่ระดับอภินิหารได้!“ฉาน หลิง อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
ท่าทีขององค์ราชาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน แต่ไม่ใช่เพราะความตกใจ แต่เป็นเพราะเขาสังเกตุ ฉาน ยู่ อยู่
เขาสามารถเดาได้จากท่าทีขององค์หญิง ฉาน ยู่
พ่อจะไม่เข้าใจลูกสาวของตัวเองได้อย่างไร?
องค์หญิง ฉาน ยู่ เป็นความภูมิใจของเขา ความหยิ่งยโสของนางนั้นมาจากความสามารถและสติปัญญาของนาง แต่เมื่อนางกล่าวถึง ฟาง เจิ้งจือ นางมีท่าทีที่ต่างออกไป
เขาจะไม่ตกตะลึงได้ยังไง?
“ระดับอภินิหาร!“ หญิงรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง ทุกคนเองก็ป้าปากค้างเช่นกัน
พวกเขาจ้อง ฟาง เจิ้งจือ เขม็ง
สำหรับคนที่เกิดมาบนดินแดนภูเขาทางใต้…
พวกเขาเคารพคนอื่นจากสิ่งเดียวเท่านั้น
พลัง
พลังที่ ฟาง เจิ้งจือ มีทำให้เหล่าสาวใช้ที่ต่ำต้อยประทับใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก
องค์ราชากวาดตามองทุกคนก่อนจะหยุดที่รัฐมนตรีกรมพิธีการ ก่อนจะมองข้ามไปทันที
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้รับตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับสี่ก่อนผลการทดสอบระดบสภาจะออกเสียอีก เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้พบผู้เยาว์ที่โดดเด่นเช่นเจ้า ข้ารู้สึกเป็นเกียรติมาก แม้ว่าข้าจะปกครองที่นี่มาหลายปี แต่ศาสตร์และศิลป์ในด้านกลยุทธ์ของข้ายังถือว่าต่ำต้อยนัก ข้าขอถามความเห็นท่านฟางเกี่ยวกับการต่อสู้ที่เนินเขาเหล็กหน่อยได้ไหม?“
องค์ราชาพูดพร้อมกับลุกขึ้นมาโค้งคำนับให้ ฟาง เจิ้งจือ เล็กน้อย
มันคือวัฒนธรรมของอาณาจักรเซี่ย
จากสิ่งนี้เขาสามารถจุดประสงค์ขององค์ราชาได้ ต่อให้เขาไม่มั่นใจว่าองค์ราชามีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาณาจักรเซี่ยหรือไม่
แต่อย่างน้อย…
เขาก็เรียกข้าอย่างให้เกียรติ
ร่างของ ฉาน หลิง สั่นเล็กน้อยหลังจากได้ยิน มือของเขากำดาบแน่นจนซีดขาว และเหมือนว่าเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
แต่เขาเลือกที่จะเงียบ
สำหรับ ฉาน ยู่ นางมอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความคาดหวัง
ฟาง เจิ้งจือ ค่อยๆว่างเนื้อในมือลง ที่จริงแล้วเขาดูไม่ได้กระตือรือร้นกับเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามถ้าเขายังเงียบ ภาพลักษณ์ของเขาจะติดลบทันที
“ถ้าข้าพูดว่า…. ฝ่าบาทและทุกคนควรยอมแพ้กับเรื่องทหารแปดหมื่นนาย?ท่านจะคิดยังไง?” ฟาง เจิ้งจือ พูดพร้อมมองไปที่องค์ราชาและทุกคนในห้อง