Gate of God - ตอนที่ 449
ฆ่า หยุน ชิงวู!
แม่ทัพมู่ไม่รู้เลยว่า หยุน ชิงวู ต้องการอะไร แต่ความคิดที่จะต้องฆ่านางนั้นมีอยู่เต็มหัวใจขณะที่มองนางเดินมายังประตูถิ่นฐาน
ความโกรธของปีศาจ?
แม่ทัพมู่รู้ว่าการตายของ หยุน ชิงวู จะทำให้เหล่าปีศาจบ้าคลั่งแล้วกลับมาล้างแค้นในที่สุด
แต่เขาก็รู้ว่า …
ถ้าเขาสามารถฆ่า หยุน ชิงวู ได้ล่ะก็มันจะเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของพวกปีศาจ
“เตรียมพร้อม!“แม่ทัพมู่ยกแขนขึ้น
สงครามได้เริ่มขึ้น ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องลังเลในการทำลายพวกปีศาจที่เต็มไปด้วยความคิดที่จะเข่นฆ่า
ในฐานะทหารผู้กล้าหาญของดินแดนภูเขาทางใต้ …
แม่ทัพมู่ไม่กลัวความตาย ไม่มีทหารคนใดกลัวตายทั้งนั้นมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้นก่อนที่จะล้มตายจากไป คือต้องช่วยชีวิตให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะจากไป
พวกเขาจะฆ่าและฆ่าจนกว่าพวกเขาจะไม่สามารถฆ่าได้อีก
ใครก็ตามที่ก้าวเท้าออกมา…
ต้องตาย!
พลธนูทุกคนบนกำแพงดึงธนูของพวกเขา เมื่อพวกเขาเห็นสัญญาณมือของแม่ทัพมู่
ลูกธนูแผ่บรรยากาศอันเยือกเย็นออกมา
หยุน ชิงวู ไม่ได้ขยับแม้แต่ก้าวเดียว ราวกับนางไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น นางยังคงเดินต่อไป ชุดกระโปรงยาวของนางพลิ้วไหวตามสายลม
“ตายซะ!”แม่ทัพมู่ไม่ลังเลอีกต่อไป หยุน ชิงวู เข้าระยะยิงของพลธนูแล้ว
“ฟิ้ว!“
“ฟิ้ว ฟิ้ว!“
บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยลูกธนูมากมายที่กำลังพุ่งเข้าหา หยุน ชิงวู
ทันใดนั้นเอง ลำแสงสีฟ้าก็สว่างขึ้นด้านหน้าของ หยุน ชิงวู
มันมาจากคนที่ยืนอยู่ข้างรถม้าสีดำ เขาสวมชุดคลุมสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำให้ทุกคนต่างสงสัยว่าเขาเป็นใคร
ถึงอย่างนั้น … ไม่มีใครกล้าประมาทพลังขอลำแสงนี้
เป็นเพราะว่า…
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งดูเหมือนว่ามันจะหายไป ตอนที่มันปรากฎขึ้นมาอีกครั้งก็อยู่เหนือหัวของ หยุน ชิงวู แล้ว
ตั้งแต่สมัยโบราณผู้คนเชื่อว่าท้องฟ้าเป็นสีฟ้า
ไม่ต้องคิดเลยว่าแสงนั้นหายไปหรือกลมกลืนไปกับสีของท้องฟ้า
สิ่งที่ชัดเจนคือมันปรากฎขึ้นอีกครั้งเหนือหัวของ หยุน ชิงวู
ลูกธนูร่วงหล่นสู่พื้นดิน
“พวกเราโจมตีถูกเป้าหมายหรือไม่?!“
ทหารของดินแดนภูเขาทางใต้เริ่มชื่นชมเมื่อเห็นลูกธนูบนพื้นอย่างไรก็ตามความตื่นเต้นนั้นมีอยู่ไม่นาน
ไม่มีเลือดอยู่ที่ปลายลูกธนู
หยุน ชิงวู หยุดพักหนึ่งและเงยหน้าขึ้นมองแสงสีฟ้าเหนือหัวของนาง จากนั้นก็มองไปที่ลูกธนูรอบตัว
นางยังคงเดินไปข้างหน้าพร้อมเหยียบย่ำลูกธนูที่กองอยู่บนพื้นจนแตกเป็นสองส่วน
“เกิดอะไรขึ้น?”ทหารของดินแดนภูเขาทางใต้ต่างสับสน พวกเขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขารู้ว่าแสงสีฟ้านั้นต้องทำอะไรสักอย่างแน่
ท่าทีของแม่ทัพมู่ดูเจ็บปวดเช่นกัน
“ตาย! ยิงอีกครั้ง!“
“ฟิ้ว ฟิ้ว … “
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยลูกธนูราวกับห่าฝน
เป็นเหมือนครั้งก่อน ลูกธนูทะลุผ่านแสงสีฟ้าและร่วงลงสู่พื้น
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยิงถูกเป้าหมายแต่ หยุน ชิงวู กลับไม่เป็นอะไร
มันเป็นภาพที่แปลกมาก
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่!“
“เรายิงโดนนางแน่นอน แต่ทำไมนางถึงไม่เป็นอะไรเลย“
“เป็นไปไม่ได้!“
ทหารของดินแดนภูเขาทางใต้ต่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาเห็นลูกธนูทะลุผ่าน หยุน ชิงวู แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
“นี่ … มันน่าจะเป็น … “ท่าทีของแม่ทัพมู่เปลี่ยนไปเมื่อเขาคิดถึงสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้
“ท่านแม่ทัพ หรือว่า… “
สายตาของแม่ทัพคนอื่นๆก็เบิกกว้างเช่นกันบางคนในพวกเขาถึงกับตกตะลึง
“เป็นมัน!“แม่ทัพมู่กำมือแน่น เขาไม่สามารถยอมรับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขาได้ มันเป็นความคิดที่น่ากลัว
แม่ทัพนคนอื่นๆต่างก็อ้าปากค้างด้วยความกลัว เมื่อแม่ทัพมู่ยืนยันในข้อสงสัยนั้น
ก่อนหน้านี้พวกเขาเพียงแค่นิ่งงันกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้เมื่อรู้ว่าแสงนั่นคืออะไรพวกเขาถึงกับหวากลัว
เป็นเพราะว่า…
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
จากสิ่งที่เห็นว่าลูกธนูได้ทะลุผ่านร่างของ หยุน ชิงวู ไป อย่างไรก็ตาม ถ้าใครสักคนมองดูจากบนพื้น จะเห็นว่าลูกธนูหายไปเมื่อกระทบกับแสงสีฟ้า
หรือก็คือมันถูกย้ายไปยังมิติคู่ขนานเมื่อกระทบเข้ากับแสงสีฟ้า และถูกปล่อยออกมาอีกครั้งรอบกายของ หยุน ชิงวู
มีคนไม่มากที่รู้ว่าทำเช่นนี้ได้อย่างไร
คนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงระดับนั้นได้
ระดับจุติที่ประกอบไปด้วยเต๋าทั้ง6
มันเป็นเต๋าที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ เต๋าเล็กๆผสานกันจนเกิดเป็นเต๋าที่ยิ่งใหญ่ ราวกับว่าลำธารหลายแห่งที่ไหลมาบรรจบกันจนเกิดเป็นท้องทะเล
นี่เป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่ใช้เพื่อเข้าถึงพลังแห่งเต๋า
พวกเขาจะทำความเข้าใจเต๋าเล็กๆก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเต๋าที่ยิ่งใหญ่
แต่แน่นอน…
มีข้อแม้เช่นกัน
เหยียน ซิว ก็เป็นหนึ่งในนั้น
เหยียน ซิว เข้าใจในเต๋าแห่งอาชูร่า อย่างที่กล่าวไป หากไม่มีพื้นฐานที่เหมาะควร กฎของธรรมชาติก็จะกันไม่ให้เราสามารถไปถึงสิ่งนั้นได้
แม้ว่า เหยียน ซิว จะเข้าถึงเต๋าแห่งอาชูร่า…
แต่เขาไม่ได้อยู่ในระดับจุติเพราะเขาไม่สามารถเข้าใจเต๋าเล็กๆนับพันดวงได้
มันเหมือนกับเขาสามารถปิดประตูบานใหญ่ได้ แต่ที่พื้นกลับพุพัง แม่จะอยู่ที่ประตูก็ตาม เส้นทางกลับไม่ราบรื่นแม้แต่น้อย
ผลที่ตามมา…
จะไม่สามารถเปิดประตูบานนั้นได้อย่างเต็มที่!
ในตอนที่เปิดประตูอย่างเต็มที่ แต่พลังงานภายในกลับทำลายล้างเส้นทางจนหมดสิ้น
นั่นคือสิ่งที่ เหยียน ซิว ได้พบด้วยตัวเขาเอง
แต่ผู้คนจำนวนมากก็ต้องการแบบนี้
อย่างน้อย เหยียน ซิว ก็สามารถเปิดประตูของเต๋าแห่งอาชูร่าได้แล้วสิ่งที่เหลือก็เพียงแค่ฝึกฝนมัน
เมื่อเข้าใจถึงเต๋าแห่งอาชูร่าได้ เหยียน ซิว ก็จะเข้าสู่ระดับจุติ
เพื่อเข้าถึงระดับเซียน …
สิ่งกีดขางมากมายบนเส้นทาง
หลายปีที่ผ่านมา หลายๆคนสามารถเข้าไปถึงระดับจุติแต่มีเพียงไม่มีกี่คนที่สามารถเข้าถึงระดับเซียนได้ มันห่างกันเกินไป
เหตุผลก็คือ …
สิ่งสุดท้ายคือเต๋าทั้งหกที่ยิ่งใหญ่
“เต๋าสวรรค์! การจุติเต๋าแห่งสวรรค์ หกเต๋าที่แข็งแกร่งที่สุด!“ในที่สุดทหารของดินแดนภูเขาทางใต้เข้าใจ
“สวรรค์!“
“นั่นคือสวรรค์!“
ทหารทุกคนต่างจ้องไปที่แสงสีฟ้าด้วยความหวาดกลัว
นั่นหมายความว่า …
ในบรรดาพวกปีศาจมีผู้ที่เข้าถึงการจุติเต๋าแห่งสวรรค์อยู่ด้วย
หรือก็คือพวกเขาต้องต่อสู้กับปีศาจที่อยู่ในระดับเซียน พวกเขาไม่ได้มีศัตรูเป็นเพียงกองทัพปีศาจอีกต่อไป!
พวกเขาจะชนะได้อย่างไร?
ทหารของดินแดนภูเขาทางใต้ต่างสิ้นหวัง
ในทางตรงกันข้ามกองทัพปีศาจก็โกรธแค้น พวกเขาต้องทนมองดูฝนธนูยิงใส่ หยุน ชิงวู ของพวกเขา
แม้ลูกธนูจะไม่ทำอันตรายต่อตัว หยุน ชิงวู ได้ แต่ไฟในใจของพวกปีศาจก็ถูกทำให้ลุกโชนขึ้นมาอยู่ดี
“ตาย!“
“ตาย!“
“ตาย!“
ความโกรธแค้นราวกับระเบิดออกมาจากตัวของพวกปีศาจ
จิตสังหารกระจายออกไปทั่ว
ปีศาจไม่สามารถทนได้ เมื่อเห็น หยุน ชิงวู ถูกคุกคามด้วบวิธีนี้
“ตูม!“
“ตูม!“
“…”
แม้จะไม่ได้รับคำสั่ง ปีศาจก็ยกโล่ขึ้นมาและกระแทกลงพื้นพร้อมกัน
มันแสดงให้เห็นถึงความโกรธเกรี้ยวของพวกเขา
ทันใดนั้น หยุน ชิงวู ก็หยุดอยู่ที่ประตูทางเข้าถิ่นฐานเนินเขาเหล็ก สายลมพัดชายกระโปรงของนางเบาๆ
ใบหน้าของแม่ทัพมู่ซีดขาว
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไม หยุง ชิงวู ถึงเดินออกมา
ทุกอย่าง…
ตั้งแต่ที่นางเดินออกมาจากรถม้าถูกนางควบคุมไว้ทั้งหมด
นางพยายามฝังความโกรธเกรี้ยวลงในใจของเหล่าปีศาจ
โดยไม่ต้องพูดสักคำเดียว
นางใช้ร่างของนางเป็นเป้าหมาย!
เลวร้ายมาก!
ที่สำคัญนางไม่เพียงแต่กระตุ้นทหารที่อยู่ด้านหลังเท่านั้น นางยังกระตุ้นผู้ที่อยู่ด้านหน้านางตอนนี้
การจุติเต๋าแห่งสวรรค์
ครึ่งเซียน!
นางมั่นใจว่านางจะได้เปรียบอย่างมากจากการแค่เดินออกมา
“นายน้อยของเหล่าปีศาจ…?!“แม่ทัพมู่ ตัวสั่นเป็นอย่างมาก
แม่ทัพมู่ได้ยินว่า ฟาง เจิ้งจือ เคยปะทะกับนางมาก่อน
ในตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรมาก
แต่ตอนนี้…
เมื่อเขาเผชิญหน้ากับ หยุน ชิงวู เขาก็รู้สึกเพียงสิ่งเดียวในใจของเขา
กลัว! ความกลัวอย่างแท้จริง
ทั้งๆที่สงครามยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ แม่ทัพมู่ ไม่รู้ว่าจะสามารถนำกองทัพของเขาได้ยังไงแล้ว
ในการต่อสู้ระหว่างกองทัพทั้งสอง …
ขวัญกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
แต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะยกระดับขวัญกำลังใจของคนในกองทัพได้ยังไง
ปีศาจจำนวนมากเคลื่อนทัพมาด้านหน้าจนพื้นสั่นสะเทือน
“ตาย!“
“ตาย!“
“…”
…
ในหุบเขาขนาดใหญ่ ณ ดินแดนภูเขาทางใต้…
ทหารนับไม่ถ้วนในชุดเกราะสีดำถือหอกอยู่ในมือเพื่อปกป้องทางเข้าเมือง
หลิน เทียนหลง กำลังนอนอยู่สบายๆในกระโจม แม้ว่าเตียงจะนุ่มขนาดไหน แต่เขาก็ไม่สามารถหลับได้
“ฝ่าบาทมีคนของดินแดนภูเขาทางใต้ติดต่อมา!“
“ฑูตงั้นรึ? ปล่อยให้เข้ามา” หลิง เทียนหลง ค่อนข้างตื่นเต้นกับข่าวใหม่ แต่เสียงของเขายังนิ่งสงบ
“รับทราบ ฝ่าบาท!“ทหารตอบ
ไม่นานกระโจมก็ถูกเปิดออก ชายวัยกลางคนผิวค่อนข้างดำเดินเข้ามา
หลิน เทียนหลง ประหลาดใจเล็กน้อย
ปกติคนของที่นี่จะมีร่างกำยำ แต่ชายคนนนี้ค่อนข้างผอมบาง
หรือพูดได้ว่า…
หลิน เทียนหลง สัมผัสได้ถึงอันตรายจากชายคนนี้ ราวกับเขาได้ซ่อนพลังที่ยิ่งใหญ่เอาไว้
“สวัสดีฝ่าบาท” ชายวัยกลางคนนั่งลงบนเก้าอี้ที่ห่างจาก หลิน เทียนหลง เล็กน้อย
หลิน เทียนหลง รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
แต่หทารที่พาเขาเข้ามากลับกัดฟันด้วยความโกรธ เขากล้าไม่คุกเข่าให้องค์รัชทายาท?!
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในสงคราม …
แต่…
ในฐานะทหารขององค์รัชทายาท พวกเขาต้องปกป้องเกียรติยศขององค์รัชทายาทเอาไว้
“เจ้ากล้าไม่คุกเข่างั้นรึ?!” ทหารคนหนึ่งเตะไปที่หน้าขาของชายวัยกลางคน
“ตูม!“
ชายวัยกลางคนไม่สนใจ และปล่อยให้ทหารคนนั้นเตะเข้ามา ขาของเขาไม่ขยับแม้แต่น้อย
“ฝ่าบาทนีคือจดหมายถึงท่าน” ชายวัยกลางคนดึงแผ่นหนังที่จัดทำย่างปราณีตออกมา
“เจ้าและคนของเจ้ามักเป็นแบบนี้เสมอ อย่างน้อยช่วยบอกข้าหน่อยได้ไหมว่าเจ้าเป็นใคร” หลิน เทียนหลง ขมวดคิ้ว
“หัวหน้าถิ่นฐานเหยียน เยว่”