Gate of God - ตอนที่ 456
ตอนที่ 456 เจ้าจะช่วยข้าหรือไม่?!
จากที่เคยเห็นมาผู้เป็นวีรบุรุษมักจะไม่กลัวความตาย
ดังนั้น
พวกเขาจึงกลายเป็นที่ยอมรับของผู้คน
อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้อยากเป็นแบบนั้น เขาอยากมีชีวิตอยู่
แม้ว่าจะต้องตาย เขาก็อยากตายในที่ที่ดีกว่านี้หน่อย หรือทําสิ่งที่ยิ่งใหญ่ก่อนตาย
นี้ไม่ใช่เวลาที่เขาควรตาย
เขาควรจะแกล้งทําเป็นกล้าหาญไหม?
บอกให้ หยุน ชิงวู เข้ามาจัดการเขาเร็วๆ?
ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทางทําแบบนั้น
หลังจากที่ได้ยินคําพูดของ หยุน ชิงวู สิ่งแรกที่เขาคิดคือควรจะตอบนางยังไง
“ทําไมนางยังไม่ฆ่าเขาล่ะ?”
มีความเป็นไปได้มากมาย
บางคนอาจจะคิดว่านางไม่ต้องการฆ่าเขา แต่ไม่มีทางเลือก บางคนอาจจะคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ ยังมีประโยชน์อยู่นางเลยไม่ฆ่า
อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้คิดแบบนั้น
ถ้านางไม่คิดจะฆ่าเขาคงไม่สั่งให้ไป่ซิงลอบสังหารเขาอย่างแน่นอน และนางคนไม่แทงเขา จากนั้นก็เตะลงจากหน้าผา
งั้น…
เขามั่นใจว่า หยุน ชิงวูต้องการให้เขาตาย
แต่มันน่าจะยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม
เมื่อเวลาอันเหมาะสมมาถึง
นางไม่มีทางปล่อยเขาไว้แน่!
ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่าตอนนี้เขาเหมือนลูกไก่ในกํามือของ หยุน ชิงวู
หากหยุน ชิงวู ต้องการให้เขาตาย เขาก็ไม่มีทางต่อต้านนางได้
ความแตกต่างของพลังนั้นมากเกินไป
ฟาง เจิ้งจือ นั้นคิดว่าตัวเองที่จริงก็แข็งแกร่งแล้ว เขาอยู่ในระดับอภินิหารที่หาใครยากที่จะต่อต้านเขา
เขาไม่ได้คาดหวังว่าชีวิตของเขาจะจบลงก่อนที่มันจะเริ่มต้นอย่างแท้จริง
เขาต้องทํายังไง?
เขาไม่รู้ว่าเขาต้องขอร้องนางหรืออ้อนวอนนางยังไง
แต่การทําแบบนั้นในตอนนี้ก็มีแต่นําความอับอายมาให้ตัวเองเท่านั้น
ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้จะตอบคําถามนี้ยังไงดี
หยุน ชิงวู ไม่คิดจะเจอการเขาในเร็วๆนี้แน่นอน นางแสดงออกอย่างชัดเจนว่านางกําลังมีความสุขที่เห็นเขาทรมาร
“ข้าทํานางกลายเป็นบ้าไปแล้วหรือ?” ฟาง เจิ้งจื้อ นึกถึงอดีตตอนที่เขาได้พบกับ หยุน ชิงวู นางต่างออกไปจากในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้นางดูเย็นชาและโดดเดี่ยว
แต่ตอนนี้
นางเป็นเหมือนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กําลังมีความสุข
เกิดอะไรขึ้น?
ในฐานะนายน้อยของเหล่าปีศาจ นางควรวางแผนล่วงหน้าและสนใจสงครามตรงหน้ามากกว่า ทําไมนางต้องมาสนใจข้าด้วย?
ข้ามีค่าขนาดนั้น?
ฟาง เจิ้งจือ ต้องการสงบใจสง แต่เขาก็ไม่สามารถทําได้ เขารู้สึกว่าตัวเองราวกับกําลังขาดอากาศหายใจ
“เจ้าคิดว่าข้ายังมีประโยชน์อยู่?” ฟาง เจิ้งจือ ตัดสินใจถามออกไป
“เจ้าพูดถูก!” หยุน ชิงวู พยักหน้า
ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่าเขาได้ปลดภูเขาอันหนักอึ้งออกจากบ่า นี่เป็นข่าวที่ดีที่สุดสําหรับเขา นั่นหมายความว่าเขายังสามารถเจรจาต่อรองได้
“เอ่อ เจ้าต้องการให้ข้าทําอะไร? ข้าจะทําให้ดีที่สุด! “ฟาง เจิ้งจือ กล่าวเสริม
“ไม่มี เจ้าเพียงรออยู่ที่นี่” หยุน ชิงวู สายหัว
“รอที่นี่?” ฟาง เจิ้งจือ เหมือนหัวใจบีบแน่น เขามีค่า แต่นางไม่ต้องการให้เขาทําอะไร?
หรือนางต้องการให้เขา
ยืนรอความตายเฉยๆ ?
“เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ข้าต้องการให้เจ้ายืนอยู่ตรงนี้เพื่อรอความตาย!” หยุน ชิงวู ยิ้มอย่างสดใส ขณะที่นางอ่านใจของ ฟาง เจิ้งจือ
“ไปตายซะ!” ฟาง เจิ้งจือ ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
เขาอยากตายมากกว่าถูกทําให้ขายหน้า
หากมีความหวังแม้แต่เพียงเล็กน้อย เขาจะทําทุกอย่างเพื่อให้อยู่รอด อย่างไรก็ตาม หยุน ชิงวู ได้พูดอย่างชัดเจนว่าจะไม่ปล่อยให้เขามีชีวิต
เขาขอด่านางสักหน่อยเถอะ
” น่าจะมาในเร็วๆนี้ ” หยุน ชิงวู ยกหัวขึ้น ก่อนจะพึมพัมกับตัวเอง “มา? ใคร….”ฟาง เจิ้งจือ กลืนคําพูดกลับไปทันที เขาเห็นเงาสีดําขนาดใหญ่บนท้องฟ้า
เสียงที่คมชัดดังทะลุผ่านอากาศ สัตว์ตัวหนึ่งในทะลุก้อนเมฆพร้อมกับบดบังแสงอาทิตย์มันมีปีกขนาดใหญ่ทั้งสองข้าง
ในดวงตาของมันราวกับมีเปลวเพลิงอยู่ ขนนกสีขาวราวหิมะปกคลุมทั่วร่างมัน มันไม่ใช่ขนนกธรรมดา แต่มันมีรูปร่างเหมือนเกล็ด รูปร่างของมันคล้ายนกอินทรีย์เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามมันแตกต่างจากอินทรีย์ตรงที่หางของมันยาวมากราวกับนกฟีนิกส์อินทรีย์เหมันต์
มันเป็นสัตว์ที่คนบอกต่อกันมาว่าสืบทอดสายเลือดมาจากฟินิกส์
บนร่างของมันมีคนสองคนอยู่ ด้านซ้ายสวมเกราะเพลิง นางยิ้มเยาะขณะมองลงไปด้านล่าง
นางมีบรรยากาศอันเย่อหยิ่งประกอบกับท่าทางของนาง
นางคือ ปิง หยาง องค์หญิงที่ถูกตามใจมากที่สุดในอาณาจักรเซีย
คนที่อยู่ข้างๆนางคือ ถือ กูเหยียน เป็นคนเดียวที่สามารถใกล้ชิดกับปิง หยาง ได้ และเป็นคนเดียวที่ ปิง หยางเชื่อใจ
ผมสีดําและขุดสีชมพูของนางโบกพัดไปตามท้องฟ้า
นางนับได้ว่าเป็นคนหนึ่งที่งดงามมาก อย่างไรก็ตามนางโดดเด่นเกินไปจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้นาง
ดวงตาของนางเป็นเอกลักษณ์มาก
ราวกับสรรค์สร้างมาจากดวงดาว มันงดงามและกระจ่างใส
ฟาง เจิ้งจือ คิดว่า หยุน ชิงวูกําลังรอโอกาสที่เหมาะสม แต่เขาไม่คิดว่านางจะรอ ปิง หยาง และ ฉือ กูเหยียน
“คงไม่ใช่ฉือกูเหยียน และ ปิง หยาง หรอกใช่ไหม พวกนางกลับไปแล้วนี่?” ฟาง เจิ้งจือ ไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เขาไม่รู้ว่าพวกนางยังอยู่ที่นี่
ตอนที่นางปรากฏตัว ฟาง เจิ้งจือ ก็หมดสติไปแล้ว จากนั้นเขาก็ถูกพาตัวไปที่ค่ายขอ งองค์หญิงฉาน ยู่ ทันที
และที่นั่น…
ไม่มีใครพูดถึงเรื่อง ปิงหยาง และ ฉือ กูเหยียน
ความเป็นจริง มันก็ไม่ได้สําคัญอะไรที่ชาวดินแดนใต้ต้องพูดถึงพวกนาง
อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ แต่ใช่ว่าหยุน ชิงวูไม่รู้
นางรู้ว่าฉือ กูเหยียนและปิง หยาง ยังอยู่ที่นี่ เช่นนางนางจึงรู้ว่าฉือ กูเหยียน ต้องมาที่เป็นเขาเหล็กอย่างแน่นอน
“เจ้ามาแล้ว” หยุน ชิงวู หยุดยิ้ม ท่าทีของนางกลับเป็นเยือกเย็นดังเดิม นางมองไปที่
ฉือ กูเหยียน และทักทายเบาๆ
“อืม” เสียงที่สงบของ ฉือ กูเหยียน ดังมาจากด้านบน
ฟาง เจิ้งจือ ค่อนข้างสับสน
เมื่อเขาเห็นพวกนางเขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาหวังว่าจะมีคนมาช่วยเขาจากสถานการณ์ที่ สําบากนี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คาดว่าจะเป็นคือกูเหยียน
เป็นเพราะว่า
เขารู้ว่านางต้องตกอยู่ในความอันตรายที่ร้ายแรงมาก
ในความเป็นจริงเขากําลังรอเวลาที่ใครจะมาช่วยเขา เขายังคิดว่าเขาอาจจะทรยศคนคนนั้น
แต่ถ้าคนช่วยเขาเป็น ฉือกูเหยียน
เขาจะยังกล้าทรยศนาง?
ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่านางคิดยังไงกับเขา แต่เขารู้ว่าตัวเองไม่มีทางปล่อยให้ ฉือ กูเหยียนตาย
นี่คือสาเหตุที่เขารู้สึกขัดแย้งมาก
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกวิตกกังวลและค่อนข้างเศร้าเช่นกัน
ขณะที่เขากําลังตัดสินใจว่าจะทรยศ ฉือ กูเหยียน หรือสู่เคียงข้างกับนาง
ฉือ กูเหยียน ก็หยุดอยู่กับที่
อินทรีย์เหมันต์ปืนหมุนวนอยู่บนอากาศ ขณะที่ปิง หยาง มองลงมาที่สนามรบด้วยความดูถูกที่สําคัญที่สุดคือ
ฉือ กูเหยียนพูดคุยกับ หยุน ชิงวู ยิ่งไปกว่านั้นราวกับทั้งคู่เป็นเพื่อกันมาเนิ่นนาน
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
สิ่งแรกที่ ฉือ กูเหยียน ควรทําไม่ใช่สิ่งมาช่วยเขาหรอกหรือ?
ตกลงนางจะมาช่วยเขาหรือเปล่าเนี่ย?!