Gate of God - ตอนที่ 467-468
ตอนที่ 467 อะไรกัน?
ฟางเจิ้งจือ กัดริมฝีปากแน่นขณะมองไปที คังหยาง เขาเสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้ แต่เขาไม่มีทางเลือก
”ฆ่าเขาฆ่าเขา!่
”ล้างแค้นให้นายน้อยของพวกเรา!่
”ตาย!่
”ตาย!”
ปีศาจเริ่มร้องตะโกนเมื่อพวกเขาเห็น ฟาง เจิ้งจือ เดินออกมา
บนกำแพงของถิ่นฐานเนินเขาเหล็ก…
ทุกคนกำลังมองดูฟาง เจิ้งจือ เดินไปหา คังหยาง
พวกเขารู้สึกว่าฟาง เจิ้งจือ กล้าหาญและไม่กลัวความตาย
เวลาทั้งโลกเหมือนจะหยุดลงบรรยากาศรอบๆเต็มไปด้วยความเงียบสงบ
ความภูมิใจความสงบ ไม่กลัวความตาย
ไม่มีคำไหนที่อธิบายสิ่งที่ฟาง เจิ้งจือ ทำตอนนี้ได้ มันทำให้พวกเขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก
พวกเขารู้ว่าฟาง เจิ้งจือ กำลังทำอะไรอยู่
อย่างไรก็ตาม…
เมื่อฟาง เจิ้งจือ ก้าวเท้าออกไป ใช่ว่าพวกเขาจะสามารถยอมรับได้ง่ายๆ
”ทำไมคนไร้ยางอายแบบเขาถึงมามีความกล้าหาญเอาตอนนี้?”องค์หญิง ฉาน ยู่ ไม่สามารถทำใจเชื่อได้ว่าชะตาของดินแดนภูเขาทางใต้จะอยู่ในมือของ ฟาง เจิ้งจือ
นางอยากจะถามเหลือเกิน
ทำไมเขาต้องเสียสละตัวเอง?เพื่ออะไร? เงิน? พลัง? เพื่ออวดผู้หญิง? ถ้าผลคือเขาต้องตายล่ะ?
ความกล้าหาญไม่เกรงกลัวใคร
เป็นคุณลักษณะที่ชาวแนใต้ชื่นชม
อย่างไรก็ตามนางไม่เคยเห็นชายคนไหนเสียสละขนาดนี้มาก่อน เพราะตัวนางนั้นแข็งแกร่งอยู่แล้ว แข็งแกร่งกว่าชายคนไหนๆ
แต่ตอนนี้นางสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ออกมาจากตัวฟาง เจิ้งจือ
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก
มันทำให้ตัวนางสั่นสะท้านและยากจะร้องไห้ออกมา
และ…
นางก็ร้องไห้ออกมาจริงๆ
”เจ้าไร้ยางอาย….!”เสียงของนางสั่นสะท้านเจือปนด้วยความโกรธ
ฉานหลิง และหัวหน้าถิ่ยฐานคนอื่นต่างยิ้มด้วยความขมขื่นเมื่อเห็นฉากที่เกิดขึ้น
เป็นเพราะว่า…
ฟางเจิ้งจือ หยุดเดิน
หลังจากก้าวออกไปไม่กี่ก้าวเขาหันหลังกับและพุ่งตัวกลับมาที่ถิ่นฐานเนินเขาเหล็กทันที
”ไร้ยางอาย!”
”ไร้ยางอายที่สุด!”
”มีคนแบบนี้อยู่บนโลกได้ยังไงกัน?!”
ทหารแดนใต้ต่างมองฟาง เจิ้งจือ ด้วยความโกรธเกรี้ยว พวกเขายกหอกเล็งไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
ก่อนหน้านี้เขาพูดอะไรออกมา?
แต่ตอนนี้…
เขาพึ่งทิ้งฉือ กูเหยียน ไว้ด้านหลัง
ไม่ว่าคนๆ นั้นจะไร้ยางอายแค่ไหน
ก็ต้องมีขีดจำกัด
”ฟางเจิ้งจือ เจ้าไร้ยางอาย เจ้ากล้าทิ้งพี่เหยียนได้ยังไง? ข้า…ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่!” ปิง หยาง ตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
เขาผลักฉือ กูเหยียน ไปดานหน้า หลังจากนั้นก็รีบวิ่งตรงไปที่เนินเขาเหล็ก
ที่สำคัญที่สุดคือ…
เขากำลังตะโกนร้อง
”เปิดประตู!่
”เปิดประตู!่
”…”
ไม่มีใครสามารถยอมรับได้!
ปิงหยาง อยากจะฆ่า ฟาง เจิ้งจือ
ฉือกูเหยียน เองก็ตกใจเช่นกัน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ อย่างไรก็ตามนางไม่เคลื่อนไหว
นางยังมีหยุน ชิงวู อยู่ในมือ
ดังนั้น…
นางขยับไม่ได้
ไม่ว่าฟาง เจิ้งจือ จะทำอะไรนางก็ไม่มีทางเลือก
”สวะ!่
”ขี้ขลาด!”
”อาณาจักรเซี่ยไม่มีคนขี้ขลาดเช่นเจ้า!”่
หน่วยเกราะมังกรทำได้แค่ก่นด่าฟาง เจิ้งจือ
พวกเขาผิดหวังกับฟาง เจิ้งจือ มาก
พวกเขารู้สึกเหมือนถูกหลอก
หากฟาง เจิ้งจือ กลัวตายเขาก็ไม่ควรจับตัว หยุน ชิงวู และส่งนางให้ ฉือ กูเหยียน
เขาอาจจะจนตรอกจริงๆ
แต่ตอนนี้…
อะไรคือการพยายามหลบหนี?
เขาไม่ได้ทิ้งฉือ กูเหยียน และ ปิง หยาง ไว้หรอกหรือ?
ปิงหยาง เป็นองค์หญิงที่ถูกตามใจมากที่สุด ที่สำคัญนางได้เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเขาไว้
หน่วยเกราะมังกรและกองทัพทลายภูผาเองก็โกรธมากพวกเขาอับอายกับการกระทำของ ฟาง เจิ้งจือ
”ท่านพ่อประตู…” ซิง ฉิงซุย ยิ้มอย่างขมขื่น เขาหันไปมอง ซิง หยวนกัว
”เปิดประตู!”ซิง หยวนกัว มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ขณะออกคำสั่ง
”ทำไมกัน?ทำไมท่านต้องให้คนขี้ขลาดเข้ามาด้วย?!”
”ใช่แล้ว!พวกเราไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขา!”่
”คนขี้ขลาดไร้ยางอายเช่นนี้ควรถูกทิ้งให้พวกปีศาจจัดการ!เขาเป็นความอัปยศต่ออาณาจักร!่
ทหารทุกคนต่างไม่พอใจ
”หุบปากเปิดประตูซะ!” ซิง หยวนกัว ขมวดคิ้ว ก่อนที่น้ำเสียงของเขาจะเปลี่ยนไป
”รับทราบ!”ถึงแม้ทหารจะไม่พอใจ แต่พวกเขาไม่มีทางเลือก
”เปิดประตูก่อนที่จะสายเกินไป!” ฟาง เจิ้งจือ ตะโกนร้องด้วยความกังวล
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฟาง เจิ้งจือ พูด
ทหารไม่ได้รู้สึกยินดีแม้แต่น้อยแต่พวกเขาไม่มีทางเลือก
”แอ้ด…แอ้ด!”
เสียงประตูถูกเปิดออก
สีหน้าของคังหยาง กลายเป็นน่าเกลียดน่ากลัวทันที
ท่าทีอันนิ่งสงบของเขาหายไปอย่างสมบูรณ์
เขาขมวดคิ้วขณะที่ชุดของเขาพัดไปตามสายลมดูเหมือนเขากำลังคิดบางอย่างอยู่ขณะที่กำหมัดแน่น
ในที่สุดเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวเมื่อได้ยินเสียงประตูถิ่นฐานเปิดขึ้น
”ดีดีมาก! ฟาง เจิ้งจือ เจ้าเป็นตัวอันตรายสำหรับพวกปีศาจจริงๆ!”เสียงของคังหยางดังขึ้น
และทันทีที่เสียงของเขาดังขึ้น…
เขาก็หายตัวไปจากจุดเดิม
ในช่วงพริบตาเดียว…
เขาก็ปรากฎตัวต่อหน้าฟาง เจิ้งจือ
เขาเดินออกมาจากแสงสีฟ้าผมสีเงินของเขาพัดไปตามสายลม
”เร็วมาก!”
”นี่คือความโกรธของครึ่งเซียนงั้นรึ?่
”การจุติเต๋าแห่งสวรรค์?!”ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทางหนีพ้น!่
”แน่นอน… แต่ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเขาบอก ฟาง เจิ้งจือ เป็นตัวอันตรายที่สุดสำหรับพวกปีศาจ? เขาก็เป็แค่คนขี้ขลาดไร้ยางอายเท่านั้น?”่
หน่วยเกราะมังกรและกองทัพทลายภูผาต่างสับสน
”เจ้าจะเข้าใจเมื่อเจ้ามองไปที่องค์หญิงปิง หยาง” เสียงของ หนานกง เฮา ดังขึ้นขณะที่มือจับดาบแน่น
ซิงหยวนกัว ก็ทำเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม…
ดาบของซิง หยวนกัว อยู่ที่เอว
ชุดสีม่วงของเขาพัดไปตามสายลมร่างกายของเขาปลดปล่อยออร่าที่พร้อมต่อสู้ออกมา
ทหารทั้งหมดต่างตกตะลึง
พวกเขาไม่เข้าใจว่าหนานกง เฮา หมายความว่าอะไร อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขามองไปที่ ปิง หยาง
มีใครบางคนอยู่ข้างๆนาง
เป็นหญิงสาวในชุดสีชมพูดวงตาของนางเปล่งประกายเป็นอย่างมาก
”พี่เหยียนท่านยอดเยี่ยมที่สุด! พวกเราเชื่อใจเจ้าไร้ยางอายไม่ได้จริงๆ!” ปิง หยาง มอง ฉือ กูเหยียน อย่างตื่นเต้น
”ไม่เป็นเพราะเขาทำให้ข้ามาช่วยเจ้าได้” ฉือ กูเหยียน ส่ายหัว
ตอนนั้น…
ที่ฟาง เจิ้งจือ จับมือนาง
ฟางเจิ้งจือ ได้เขียนหลายอย่างมากมาย
”ข้าจะล่อคังหยาง ออกไป!่
ตอนแรกฉือ กูเหยียน ไม่เข้าใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาก้าวเท้าออกไป นางเข้าใจได้ทันที
เมื่อพูดถึงทักษะการแสดง
ฉือกูเหยียน เป็นแค่มือสมัครเล่น
คังหยางอาจจะดูออกแต่เขาก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน
เป็นเพราะว่า…
เขาไม่สามารถปล่อยให้ฟาง เจิ้งจือ เข้าไปในถิ่นฐานเนินเขาเหล็กได้!
…
”เจ้าหนีไม่พ้นแล้ว”คังหยาง มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความโกรธ เขารู้ถึงแผนของ ฟาง เจิ้งจือ
เช่นเดียวกับที่ฉือ กูเหยียน คาดเดา
คังหยางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเล่นตามแผน เขาไม่สามารถปล่อย ฟาง เจิ้งจือ ไปได้
”นั่นเป็นเรื่องจริงแต่เจ้าเองก็สูญเสียเช่นกัน” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าและเงยหน้าขึ้น
เขาไม่ต้องหันหลังกลับ
เขารู้ว่าฉือ กูเหยียน อยู่ข้างๆ ปิง หยาง
”ข้าไม่คิดอย่างนั้น”คังหยาง ส่ายหัวขณะชี้ไปที่ ปิง หยาง ที่ยังยืนอยู่จุดเดิม
”นั่นหมายความว่าเจ้าไม่ได้ตาบอดโอ้ข้าขอโทษ … เจ้าตาบอดนี่” ริมฝีปากของ ฟาง เจิ้งจือ กระตุกเล็กน้อย
คังหยางขมวดคิ้ว แต่เขาไม่ได้โกรธอะไร
”ข้าเข้าใจแล้วเจ้าได้บอกวิธีในการคลายเต๋าแห่งสวรรค์ให้แก่นาง อย่างไรก็ตาม เจ้าคิดว่าคำพูดของเจ้าจะได้ผลงั้นหรือ?”
”แน่นอนแต่เจ้าลืมไปเรื่องหนึ่งหรือเปล่า? นางเป็น ฉือ กูเหยียน!”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
”ใช่…นางคือ ฉือ กูเหยียน! หญิงสาวที่อัจฉริยะที่สุด อย่างไรก็ตาม แม้แต่ ฉือ กูเหยียน ก็ต้องใช้เวลา เจ้าคิดว่าเจ้าจะถ่วงเวลาได้พอหรือ?” คังหยาง พูดขึ้นมา
”เดี๋ยวเราได้รู้กัน”ฟาง เจิ้งจือ โบกมือ
”เอาล่ะงั้นเรามาดูกันก็ได้”คังหยาง พยักหน้า
เมื่อเขาพยักหน้าพื้นที่รอบตัวเขาก็บิดเบี้ยวและเกิดการเปลี่ยนแปลงราวกับว่ามันถูกส่งเข้าไปในอีกมิติหนึ่ง
ฟางเจิ้งจือ ไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือไม่ แต่เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่มาจากด้านบน
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเขาก็ตกตะลึง
เป็นเพราะว่า…
มีภูเขาอยู่บนหัวของเขาจริงๆเป็นภูเขาที่สูงกว่าร้อยเมตรที่เต็มไปด้วยผืนป่า
ฟางเจิ้งจือ ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ เขาสัมผัสได้ว่าภูเขาเป็นของจริง!!
”อะไรกัน?”ฟาง เจิ้งจือ ไม่เคยคาดการณ์เรื่องแบบนี้มาก่อน
มันเป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวมาก?!
นี่คือพลังของครึ่งเซียนงั้นหรือ?
หรือนี่เขากำลังอ่านเรื่องราวของหงอคงอยู่กันแน่?!
เพจหลัก: Gate of god TH
ตอนที่ 468 อัจฉริยะที่ไม่เคยมีมาก่อน
ฟางเจิ้งจือ ตกตะลึงอย่างแท้จริง
เขารู้อยู่เสมอว่าเต๋าแห่งการสรรค์สร้างสามารถยืมพลังมาจากสิ่งรอบๆได้เช่นคนที่สามารถเข้าถึงเต๋าแห่งภูเขาได้ก็สามารถใช้มันกดดันฝ่ายตรงข้ามได้
บางคนอาจจะสามารถควบคุมแสงอาทิตย์หรือเปลวเพลงได้อย่างไรก็ตามพลังพวกนี้ก็ยังขึ้นอยู่ระดับพลังของตัวเอง
มันเป็นเรื่องยากมากที่ใครจะสร้างภูเขาขึ้นมาจริงๆ!ยิ่งไปกว่านั้น คังหยาง สามารถสร้างภูเขาขึ้นมาได้โดยไม่ต้องใช้อะไรเลย
ฟางเจิ้งจือ รู้สึกว่าตัวเองควรจะวิ่ง อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเตรียมจะวิ่ง ร่างกายของเขากลับขยับไม่ได้
เป็นเพราะว่า…
พื้นดินใต้เท้าของเขากลับเป็นหนองบึงและมีเถาวัลย์ที่พันรอบขาเขาอยู่
มันค่อยปีนป่ายไปที่ขาเขาอย่างช้าๆมันค่อยๆดึงเขาลงไปในบึง
เขาไม่คิดว่าครึ่งเซียนจะมีพลังร้ายกาจขนาดนี้เขาไม่คิดว่าเขาจะแพ้ตั้งแต่รอบแรก
เขามีภูเขาอยู่บนหัวขณะที่ตัวเขาขยับไปไหนไม่ได้
ฟางเจิ้งจือ ต้องการจะหนี
แต่เขาจะหนียังไง?
คังหยางแสดงให้เห็นถึงความร้ายกาจของเขาอย่างแท้จริงมันเหมือนเขากำลังเล่นกับเด็กทารกอยู่
บนกำแพงของถิ่นฐานเนินเขาเหล็ก
หน่วยเกราะมังกรและหองทัพทลายภูผาต่างตกตะลึง
”แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้!่
”ครึ่งเซียน?่
”ไม่คังหยางเป็นครึ่งเซียนมากกว่าสิบปีแล้ว ตอนนี้เขาคงใกล้จะเป็นเซียนแล้ว!”
จากนั้นพวกเขาก็หันไปมองฟาง เจิ้งจือ ด้วยความรู้สึกผิด
ณจุดนี้
พวกเขารู้แล้วว่าทำไมฟาง เจิ้งจือ จึงวิ่งหนี
ไร้ยางอาย?
ไม่มันไม่ใช่ความขี้ขลาดหรือไร้ยางอาย แต่เกิดจากความฉลาดของเขา ฟาง เจิ้งจือ คิดทุกอย่างไว้แล้ว
น่าเศร้าที่ไม่มีอะไรจะช่วยชีวิตเขาไว้ได้
ฉานหลิง กำหมัดแน่น เขาชื่นชมความสามารถของ ฟาง เจิ้งจือ จริงๆ
เขาชื่นชมฟาง เจิ้งจือ…
ทำให้ดวงตาของเขาเริ่มสว่างขึ้นและสว่างขึ้น
เขารู้สึกเหมือนกำลังเห็นการสูญสิ้นของอัจฉริยะ
องค์หญิงฉาน ยู่ เองก็กังวลเช่นกันเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
ความรู้สึกโกรธของนางก่อนหน้านี้…
ทุกอย่างหายไปเมื่อคังหยางมาปรากฎตัวหน้า ฟาง เจิ้งจือ
…
ภูเขาปิดกั้นแสงดาวทั้งหมดไว้
ตอนนี้แทบไม่มีแสงสว่างแล้วทุกคนต่างมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
พวกเขารู้ว่าแม้แต่อัจฉริยะอย่างฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีอันทรงพลังเช่นนี้ได้
พวกเขาคิดว่าฟาง เจิ้งจือ คงสิ้นหวังแล้ว
แต่ความจริงแล้วไม่ใช่
แม้ว่าฟาง เจิ้งจือ จะแปลกใจ แต่เขาก็ไม่ได้สินหวัง
”เป็นไปได้ไหมว่าเขายังมีเคล็ดลับบางอย่างอยู่?”่
คำถามนี้ลอยอยู่ในใจของทุกคนแต่ไม่มีใครคิดออกว่า ฟาง เจิ้งจือ มีแผนอะไร
ขณะที่พวกเขาคิดนั้นเอง
แสงสีม่วงก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจากกำแพงเมือง
เมื่อดาบแสงเล่มนั้นปรากฎขึ้นบนท้องฟ้าทั่วทั้งบริเวณก็ปกคลุมไปด้วยจิตสังหารอันน่ากลัว
เป็นจิตสังหารที่น่าหวาดหวั่น
”ตูม!่”
ดาบแสงสีมวงพุ่งชนภูเขาลูกนั้นทำให้เกิดแรงระเบิดขนาดใหญ่
”แกรก…!”เสียงของภูเขาที่แตกออกดังขึ้นทั่วบริเวณ
จากนั้น…
ภูเขาก็แตกออกกลายเป็นเสี่ยงๆ
จากนั้นลำแสงสีขาวก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าแน่นอนว่ามันอ่อนแอกว่าลำแสงสีม่วงเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม…
ไม่มีใครถามถึงพลังของดาบแสงสีขาวนี้
มันทั้งเยือกเย็นและเบาบางแต่ก็ทำให้ทุกคนหวาดกลัวได้
”ตูม!”่
ลำแสงสีขาวพุ่งชนพื้น
เถาวัลย์ขาดสะบั้นหนองบึงเริ่มแช่แข็ง
การปรากฎขึ้นอย่างฉับพลันของลำแสงทั้งสองทำให้ทหารบนกำแพงตกใจมาก
พวกเขามองร่างที่ยืนบนกำแพงเมือง
ไม่มีใครสงสัยพลังหรืออำนาจของเขา
เขาเป็นเสาหลักของสิบสามกองตรวจการ
คนที่ยืนอยู่ข้างๆซิง หยวนกัว คือ นักปราชญ์สวมชุดขาว
ดาบของเขาปลดปล่อยความเยือกเย็นออกมา
หนานกงเฮา
หน่วยเกราะมังกรและกองทัพทลายภูผามองไปที่ฟาง เจิ้งจือ หลังจากได้สัมผัสการโจมตีอันรุนแรงทั้งสอง
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าทำไมฟาง เจิ้งจือ ถึงไม่ตกใจ
อาจจะเพราะว่า..
เขาคำนวณทั้งหมดเอาไว้แล้ว?
แต่ละคนต่างมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัวเมื่อคิดถึงตรงนี้
บังคับให้คังหยางทิ้งปิง หยาง เอาไว้…
ทำให้ฉือ กูเหยียน มีโอกาสช่วย ปิง หยาง
จากนั้นเขาก็คำนวณเวลาที่คังหยางจะปรากฎตัวออกมาหน้าเขาให้พอดีกับระยะโจมตีของ ซิง หยวนกัวและ หนานกง เฮา
อัจฉริยะ?
มันอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ
ฟางเจิ้งจือ พึ่งประมือกับครึ่งเซียนมา
ตามปกติคนธรรมดาคงไม่มีใครสามารถคิดแผนอะไรได้
แต่สำหรับฟาง เจิ้งจือ…
เขาสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของครึ่งเซียนเอาไว้ได้ทั้งหมดเขาสามารถทำให้สงครามมาถึงจุดที่เขาได้เปรียบได้
เขาเป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยมีมาก่อน!
เป็นคำพูดเดียวที่สามารถอธิบายฟาง เจิ้งจือ ได้
จากนั้นพวกเขาก็นึกถึงคำพยากรณ์สวรรค์…
คนที่น่าจะทำตามคำทำนายนั้นได้ควรจะเป็น…
ฉือกูเหยียน!
”เราต้องช่วยเขา!”องค์หญิง ฉาน ยู่ มองไปที่ ซิง หยวนกัว และ หนานกง เฮา
เมื่อเหล่าหัวหน้าถิ่นฐานที่ยืนอยู่ด้านหน้าได้ยินเสียงตะโกนขององค์หญิงฉาน ยู่ พวกเขาทั้งหมก็เริ่มเคลื่อนไหว
หากซิง หยวนกัว และ หนานกง เฮา สามารถทำได้ พวกเขาก็สามารถทำได้เช่นกัน
นั่นหมายความว่าฉาน หลิง เองก็สามารถทำได้เช่นกัน ยิ่งพวกเขาถ่วงเวลา คังหยาง ได้มากเท่าไรพวกเขายิ่งได้เปรียบ อย่างไรก็ตามตอนที่พวกเขาจะพุ่งออกไปนั้นเอง…
พวกเขาลังเล
นั่นเพราะเมื่อพวกเขามองไปที่ ฉาน หลิง ดวงตาของ ฉาน หลิง บอกว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ถูกต้องนัก
เหตุผลล่ะ?
ฉานหลิง ไม่ได้บอกอะไร
อย่างไรก็ตามในฐานะหัวหน้าถิ่นฐานพวกเขาต้องทำตามองค์รัชทายาท
”เกิดอะไรขึ้น?เร็วเข้า! ถ้าพวกเราร่วมมือกันต่อสู้กับคังหยาง พวกเราจะมีโอกาสชนะสงครามนี้!” องค์หญิง ฉาน ยู่ เร่งรีบ
หากนางสามารถโจมตีได้นางจะโจมตีโดยไม่ลังเล อย่างไรก็ตาม นางอ่อนแอเกินไป
เพื่อที่จะโจมตีคังหยาง จากกำแพงเมือง…
อย่างแรกคือต้องอยู่ในระดับจุติ
ตอนนี้นางอยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์เท่านั้น
องค์หญิงฉาน ยู่ มั่นใจในความสามารถของตัวเองมาก แต่ตอนนี้นางอยากจะมีพลังมากกว่านี้เหลือเกิน
”ฉานยู่ เจ้าพอได้แล้ว! พวกเราสามารถโจมตี คังหยาง ได้ แต่นั่นก็หมายความว่า คังหยาง สามารถโจมตีพวกเรากลับได้เช่นกัน ตอนนี้พวกเราต้องรักษากำลังพลของเราไว้ให้มากที่สุด!” ฉาน หลิง ตอบ
”รักษากำลังพลเอาไว้?นั่นหมายความว่าท่านพี่จะเพิกเฉยต่อชะตากรรมของ ฟาง เจิ้งจือ และดินแดนภูเขาทางใต้งั้นหรือ?!” ทาทีขององค์หญิง ฉาน ยู่ เปลี่ยนไปทันที
”หุบปากเจ้าซะตอนนี้พวกเราสูญเสียกับสงครามไปมากแล้ว เจ้าอยากให้พวกเราตายมากกว่านี้หรือไง?” สายตาของ ฉาน หลิง เต็มไปด้วยความเยือกเย็น
”ท่านพี่!พวกเราเป็นนักรบนะ ไม่ควรจะแสดงพลังที่แท้จริงของพวกเราในตอนนี้หรือไง?!”
”พอแล้วข้าได้ตัดสินใจแล้ว พวกเราจะโจมตีในเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ถ้าเจ้าจะพูดอะไรอีก เจ้าก็ออกไปได้เลย” ฉาน หลิง ตอบด้วยความโกรธ
องค์หญิงฉาน ยู่ กำหมัดของนางแน่น
ดวงตาของนางเริ่มลุกโชนด้วยเปลวไฟลายเมฆบนตัวนางค่อยๆปรากฎขึ้นมา
ฉานหลิง ตกใจเป็นอย่างมาก
”ฉานหลิง เจ้าคิดอะไรอยู่?่”
”หึในเมื่อท่านพี่บอกว่าจะทำการป้องกันอยู่ในถิ่นฐาน ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก แต่ตอนนี้ ข้าคงไม่ทำตามคำสั่งของท่าน! ถ้าท่านไม่ไปช่วยเขา ข้าจะช่วยเอง! ท่านไม่สามารถบงการทุกอย่างได้!”่
”เจ้า..”สีหน้าของฉาน หลิง เปลี่ยนไป
เขารู้จักน้องตัวเองดีเมื่อนางต้องการทำอะไรไม่มีใครหยุดนางได้
มันทำให้นางได้รับความเคารพจากทหารเป็นอย่างมาก
องค์หญิงฉาน ยู่ พูดถูกต้อง
ฉานหลิง ไม่สามารถควบคุมทุกอย่างได้
ในดินแดนใต้นี้คำพูดของน้องสาวเขาก็ทรงพลังพอๆกับตัวฉาน หลิง
”ส่งทหารหมาป่าเขาเงิน…”
”ฝ่าบาทโปรดเชื่อในตัวองค์รัชทายาท!่
”ใช่แล้ว!เขาจะต้องมีเหตุผลแน่นอน นี่ไม่ใช่เวลามามีปัญหากันเอง”
”องค์รัชทายาทข้าคิดว่าองค์หญิงฉาน ยู่ ก็มีเหตุผล ท่านคงเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกเรา พวกเราสามารถช่วยสนับสนุนจากด้านข้างได้ การช่วยอาณาจักรเซี่ยก็เหมือนช่วยดินแดนใต้ไปในตัว!่”
หัวหน้าถิ่นฐานพยายามเป็นตัวกลางให้ทั้งสองคน
”งั้นพวกเจ้าคอยให้ความช่วยเหลือจากด้านข้าง แต่ระวังอย่าเข้าใกล้เกินไป!” ฉาน หลิง กัดฟันตอบ
”รับทราบฝ่าบาท!” หน้าหน้าถิ่นฐานตอบพร้อมเพรียง
”ท่านพี่ข้าขอโทษ แต่… ” องค์หญิง ฉาน ยู่ พูดขึ้นมา
”ไม่จำเป็นมันเป็นความผิดพลาดของข้าเอง ข้าเครียดเกินไป ข้าควรแสดงจุดยืนของข้าให้ชัดเจน” ฉาน หลิง พยักหน้า
อย่างไรก็ตามเขามองดู ฟาง เจิ้งจือ พร้อมกำมือแน่น
”ท่านพี่ต้องได้เป็นราชาในอนาคตแน่นอนข้าต้องทำตามคำสั่งของท่าน!” องค์หญิง ฉาน ยู่ มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความกังวล
”ถ้าพวกเราร่วมมือกันไม่ว่าปีศาจหรืออาณาจักรเซี่ยก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้!”ฉาน หลิง พูดขึ้นมา
”ท่านช่างชาญฉลาดยิ่งนัก!”
”ตาย!่
”ตาย!่
หลังจากได้รับคำสั่งหัวหน้าถิ่นฐานต่างพุ่งไปหาคังหยาง ราวกับสายฟ้าทันที
ทันใดนั้นคังหยาง ก็เริ่มมีปฏิกริยา ชุดสีฟ้าของเขาพัดไปตามสายลมก่อนที่เขาจะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและหายไปทันที
ฟางเจิ้งจือ พึ่งได้รับอิสระ เขากำลังจะท้าทาย คังหยาง แต่…
เขาเห็นแสงสีฟ้าตรงหน้าเขา
”โอ้?ไม่มีการใช้กลยุทธ์อะไรอีกต่อไปแล้ว? ใช้แค่พลังเท่านั้น?” ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มเยาะ เขาเคยต่อสู้กับสัตว์ร้ายตั้งแต่เขาอายุยังน้อย
แม้เขาจะไม่ถนัดต่อสู้ระยะประชิดแต่เขาก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น
นอกจากนี้ฝ่ายตรงข้ามของเขาตาบอดการต่อสู้ระยะระชิดนั้นได้เปรียบกับ ฟาง เจิ้งจือ
ฟางเจิ้งจือ มั่นใจอย่างยิ่ง
เขาต้องการที่จะหลบการโจมตีครั้งแรก,แล้วไปทีด้านหลังคังหยาง ทุ่มเขาให้ลงไปนอนกับพื้น
จากนั้นเขารู้สึกมีบางอย่างกดทับที่น้าอก
เขามองลงไป
ดวงตาของเขาเบิกกว้าง
มันเป็นมือที่เปราะบาง
ฟางเจิ้งจือ คิดว่าเขาจะเป็นคนเดียวที่ใช้วิชานี้ได้ เขาไม่คิดเลยว่า คังหยาง จะใช้วิธีนี้กับเขาแทน
นอกจากนี้…
เขาไม่มีโอกาสโต้ตอบแม้แต่น้อย
”เชี่ยจะเร็วอะไรขนาดนี้?!”ฟาง เจิ้งจือ ร้องออกมาด้วยความกลัวจากหัวใจ เขารู้สึกถึงคลื่นพลังที่มาจากมือนั่น
หาได้ยากที่ฟาง เจิ้งจือ จะหวาดกลัว
แต่คราวนี้เขา…
เขาเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว…
พลังนั้นเข้าปะทะกับร่างเขาอย่างจัง
”ตูม!”เสียงระเบิดดังขึ้นฟาง เจิ้งจือ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาดูเหมือนดาวตกที่กำลังลอยไปหา ฉือ กูเหยียน และ ปิง หยาง
พร้อมกำมีลำแสงสีฟ้าพุ่งตามเขามาติดๆ…
เพจหลัก: Gate of god TH