Gate of God - ตอนที่ 471 -472
ตอนที่ 471 ข้าขอโทษครึ่งเซียน
หัวหน้าดินแดนปีศาจต่างมองไปที่ก้อนหินสีดำที่อยู่กับฟาง เจิ้งจือ พวกเขารู้ว่ามันคืออะไร แต่พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ
ไม่ใช่แค่พวกเขาที่ไม่เชื่อ
หยุนชิงวู เองก็ไม่เชื่อเช่นกัน
”ฟางเจิ้งจือ เป็นผู้ทำลายกลืนกินโลก?”่
นางเป็นคนที่คิดแผนการที่ภูเขาคังหลิงแต่มันก็ล้มเหลว
หยุนชิงวู ไม่รู้ถึงเหตุผลที่ทำให้แผนการล้มเหลว ที่นางรู้คือกลืนกินโลกได้หายไปพร้อมกับศิลาเซียน
หยุนชิงวู เริ่มคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับภูเขาคังหลิง
อย่างไรก็ตามนางปฏิเสธความคิดนั้นทันที
นางไม่คิดว่าฟาง เจิ้งจือ จะมีพลังมากพอจะทำลายกลืนกินโลก
แม้ว่ากลืนกินโลกจะไม่ได้ทรงพลังเท่ากับตอนแรกแต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ จะทำลายลงได้อยู่ดี
แม้แต่ซิง หยวนกัว ก็ไม่สามารถทำลายมันได้
ยิ่งไปกว่านั้นนางได้รู้มาว่า ฟาง เจิ้งจือ เองก็อยู่ในกลืนกินโลก ณ เวลานั้นเช่นกันหมายความว่า ฟาง เจิ้งจือ ทำลายกลืนกินโลกจากภายในงั้นหรือ?
นั่นยิ่งเป็นไปได้ยากมากกว่า
งั้น…
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หยุนชิงวู มองดูก้อนหินสีดำบนมือของ ฟาง เจิ้งจือ แววตาของนางเต็มไปด้วยความสับสนอย่างไรก็ตามนางไม่คิดจะเสียเวลาคิดเรื่องนั้น
มีปัญหาที่เร่งด่วนยิ่งกว่า
นั่นก็คือ…
กลืนกินโลกถูกเปิดใช้งานแล้ว!
ตามปกติแล้วต้องใช้ผู้ที่อยู่ในระดับจุติ และ ผู้ที่อยู่ในระดับอภินิหารอีกกว่า 10 คนเพื่อที่จะเปิดใช้งานมันอย่างไรก็ตามการโจมตีของคังหยางเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะเปิดใช้งานมันได้แล้ว
”บังเอิญ?หรือโชคชะตา?” ่
…
”พี่เหยียนนั่นมันสิ่งที่มาจากตอนนั้น … ” ปิง หยาง ถามอย่างสับสน เมื่อนางเห็นก้อนหินเรืองแสง
”อืมกลืนกินโลก!”่
”นั่นหมายความว่าเจ้าไร้ยางอายนั่นคือคนที่ช่วยเราไว้บนภูเขาคังหลิง?่
”ใช่”ฉือ กูเหยียน พยักหน้า นางไม่รู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ทำได้ยังไงอย่างไรก็ตาม กลืนกินโลกอยู่ในกำมือของเขา
นั่นอาจหมายความได้ว่า…
ฟางเจิ้งจือ เป็นคนที่ช่วยชีวิตพวกนางเอาไว้ทั้งหมด
บนกำแพงของถิ่นฐานเนินเขาเหล็ก…
ซิงหยวนกัว พึมพำกับตัวเองขณะที่มองก้อนหินยนหน้าอกของ ฟาง เจิ้งจือ
”มันคือเขา… มันเป็นเขาจริง ๆ … ยอดเยี่ยมมาก ด้วยกลืนกินโลก พวกเราสามารถหลุดพ้นจากสถานการณ์ตอนนี้ได้แน่นอน!”ซิง หยวนกัว เองก็ยังสับสนเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามในฐานะผู้บัญชาการกองทัพ
ความกังวลหลักของเขาคือทำอย่างไรจึงจะชนะสงครามนี้
กลืนกินโลกคือโอกาสเดียว
”ฟางเจิ้งจือ!”หนานกง เฮา ปากอ้าค้างขณะที่ชักดาบออกจากฝัก
ไม่มีใครรู้ว่าหนานกง เฮา กำลังคิดอะไรอยู่
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดเลยว่า หนานกง เฮา พึ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ฟางเจิ้งจือ ได้เข้าร่วมการต่อสู้บนภูเขาคังหลิง
เขารู้ดีว่าหัวหน้าปีศาจพูดถึงอะไร
กลืนกินโลก?
หินก้อนนี้เป็นสมบัติในตำนานงั้นหรือ?
แข็งแกร่งมาก!
นี่เป็นสิ่งที่สามารถทำลายโลกได้ทั้งใบด้วยสิ่งนี้เขาสามารถเอาตัวรอดได้แน่!
มีปัญหาเดียวเท่านั้น…
เ-าจะใช้มันยังไง?
”เอ่อ… เจ้ารู้วิธีใช้งานมันหรือไม่?”ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่คังหยางแล้วถามเขาด้วยความจริงใจ ท่าทีของคังหยางเปลี่ยนไปในทันที
…
สายลมพัดชุดคลุมของคังหยางพริ้วไหวไปด้านหลัง
ทุกอย่างอยู่ภายใต้ความเงียบ
คังหยางไม่ใช่คนเดียวที่เงียบไปปีศาจทุกตนรวมทั้งทหารบนเนินเขาเหล็กต่างก็เงียบเช่นกัน
เหล่าปีศาจมองหน้ากันและกันพวกเขาต่างยิ้มเยาะออกมาพวกเขาต่างรู้สึกดีที่ได้ยินเช่นนั้น
ทหารฝ่ายมนุษย์ต่างยิ้มอย่างขมขื่น
พวกเขาไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง
รู้วิธีใช้งานหรือไม่?
นั่นเป็นคำถามที่ยอดเยี่ยมมาก!
ริมฝีปากของหยุน ชิงวู สั่นเทา นางอยากจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องอดกลั้นมันเอาไว้มันไม่ใช่เวลาจะมาหัวเราะ
ถ้านางหัวเราะตอนนี้…
มันอาจจะเร็วเกินไปที่จะเฉลิมฉลอง
นอกจากนี้นางไม่ชอบหัวเราะต่อหน้าผู้คน
สำหรับปิง หยาง นางตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์
นางอยากจะด่าฟาง เจิงจือ จริงๆเขาไม่รู้จริงๆ หรือ?
อย่างไรก็ตามนางก็กลืนคำพูดกลับไป
คังหยางเริ่มเคลื่อนไหวทันที
เขายกมือขึ้นโดยไม่ลังเลเขารู้ว่ากลืนกินโลกอันตรายเพียงไหน
มันอันตรายมากแม้แต่เขายังกลัวมัน
ฟางเจิ้งจือ คิดว่าตัวเองเป็นคนไร้ยางอายเสมอ ดังนั้นเขาไม่คิดว่าสิ่งที่คังหยางทำจะไม่มีเหตุผล
ฟางเจิ้งจือ คาดเดาถึงความเป็นไปได้ต่างๆนาๆ
..
อะไรคือประโยชน์ของการที่เขามีสมบุติในมือแต่ไม่รู้วิธีใช้มัน?
ฟางเจิ้งจือ โมโหมาก มันราวกับว่าเขากำลังจะได้นอนกับหญิงสาว แต่เขาไม่รู้ว่าซิปที่เอาไว้ถอดเสื้อของนางนั้นอยู่ตรงไหน
ที่สำคัญที่สุดคือหญิงสาวนางนั้นจะอยู่กับเขาเพียงแค่สามนาที่เท่านั้น!
เขากดดันมาก
ฟางเจิ้งจือ ตื่นตระหนก
คังหยางยกมือขึ้นแล้วฟาง เจิ้งจือ รู้ว่ามันทรงพลังและรวดเร็วแค่ไหน เขาต้องการที่จะหยุด คังหยาง แต่เขาไม่สามารถำได้
”ปิงหยาง และ ฉือ กูเหยียน ต้องรู้วิธีใช้มันแน่นอน! ทำไมพวกนางถึงไม่บอกข้าละ หรือข้าควรจะถาม?” ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่าพวกเขาคงมีปัญหาในการทำงานร่วมกันบางอย่าง
ในความเป็นจริง…
เขาจะโทษฉือ กูเหยียน และ ปิง หยาง ไม่ได้
ไม่มีใครคิดจะตอบคำถามของเขาในสถานการณ์เช่นนี้นอกจากนี้พวกนางไม่รู้จะตอบ ฟาง เจิ้งจือ ได้ยังไงในเวลาสั้นๆ
เพราะคังหยางนั้นเร็วเกินไป
คังหยางลังเลอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้ฟังคำถามของ ฟาง เจิ้งจือ แต่เขาก็ได้สติอย่างรวดเร็ว
เขาไม่คิดจะให้โอกาสฟาง เจิ้งจือ ทำอะไร
ฟางเจิ้งจือ มองการโจมตีของคังหยางที่เข้ามาพร้อมกัดฟันแน่น
นี่ไม่ใช่สมบัติหรือ?
ทำไมไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย!
เขาไม่มีทางเลือกอื่นเขาตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก และได้เขวี้ยงหินไปทางคังหยาง
”อั้ก!่
แสงสีเงินพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของคังหยาง
ฟางเจิ้งจือ ไม่รู้ว่าเขาปาหินไปถูกทางไหม แต่เขาต้องขอพูดเลยว่าตัวเขานั้นแม่นมาก
เขาได้ฝึกปาของใส่คู่ต่อสู้มาตลอด
ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นสมัติหรืออาวุธลับ
มันก็โยนได้เหมือนกัน!
ฟางเจิ้งจือ ยิ้มอย่างมั่นใจ
อย่างไรก็ตามทุกคนที่เห็นสิ่งที่ฟาง เจิ้งจือ ทำกลับตกตะลึง
พวกเขาไม่สามารถทำใจเชื่อได้
ฟางเจิ้งจือ ทำอะไรกัน?
”เกิดอะไรขึ้น?””
”เขาโยนกลืนกินโลกทิ้งทำไม?่
”เขาทำอย่างนั้นจริงๆ?!”
ทหารทุกคนไม่อยากเชื่อสายตาตวเองพวกเขาอ้าปากค้าง
แต่ไม่มีเสียงออกมาแม้แต่น้อย…
ปากของปิง หยาง เองก็อ้าค้างเช่นกัน
นางไม่อยากจะเชื่อเลยแม้แต่น้อย
ในความเป็นจริง…
แม้แต่ฉือ กูเหยียน และ ฉือ กู เหยียน ก็ตกตะลึง
ผู้หญิงสองคนที่สวยที่สุดในโลก…
แต่ปากของพวกนางกลับอ้าค้าง
ตาของพวกนางจับจ้องไปที่ฟาง เจิ้งจือ
”โป้ก!”มันพุ่งโดนหน้าผากของคังหยางพอดี ทำให้เกิดรอยแดงบนหน้าผากของเขา
คังหยางไม่ได้พยายามจะหลบ
มือของเขาหยุดกลางอากาศมันไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากฆ่า ฟาง เจิ้งจือ แต่เขาอยากถาม ฟาง เจิ้งจือ เหลือเกินว่า
”เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”
ตั้งแต่เด็กคังหยาง ปราถนาที่จะเห็นดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ และดวงดาว
แต่ตอนนี้…
สิ่งที่เขาอยากจะเห็นคือสีหน้าของฟาง เจิ้งจือ เขาต้องการที่จะรู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ใช้สมองส่วนไหนคิด
นี่เป็นคำถามีที่ทุกๆคนในสนามรบก็อยากจะถามออกมาเช่นกัน
พวกเขาดูที่ฟาง เจิ้งจือ …
จากนั้นก็มองไปที่กลืนกินโลกที่พึ่งถูกปาใส่หน้าคังหยาง
น่าเศร้ามาก
มันไม่ได้อยู่ในมือของฟาง เจิ้งจือ อีกต่อไปแล้ว
เขาไม่รู้ว่าการเควี้ยงกลืนกินโลกจะทำให้เกิดอะไรหรือไม่แต่เขารู้ว่าเขาเควี้ยงเข้าเป้า
และคังหยางก็หยุดลง…
ได้ผลไหม?
หรือมันจะทำงานถ้าเขาโยนออกไป?
ตอนนั้นเขาก็คิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วบางครั้งปัญหาที่ซับซ้อนที่สุดก็มีวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด
อาจใช้ได้กับกรณีแบบนี้
ฟางเจิ้งจือ หัวเราะ
คังหยางเป็นครึ่งเซียนแล้วยังไง? เขายังถูกโจมตีด้วยหินของ ฟาง เจิ้งจือ!
ฟางเจิ้งจือ ค่อนข้างภูมิใจในตัวเอง แต่เขาไม่ได้เข้าใจอะไรเลย …
โดยปกติแล้ว…
หลังจากสมบัติโจมตีถูกเป้าหมายมันจะสั่นคลอนโลกทั้งใบ อย่างไรก็ตา ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย
ตรึงคู๋ต่อสู้เอาไว้ชั่วขณะ?
คังหยางไม่ควรจะกระอักเลือดออกมาจากปากแบบนั้นหรอกหรือ?
เดี๋ยวก่อน
มีบางอย่างผิดปกติ!
กลืนกินโลกเป็นเหมือนมิติคู่ขนานหลังจากโจมตี … เป้าหมายควรจะ …
หายไป?
หรือถูกดูดเข้าไป
อย่างน้อยที่สุดคังหยาง ควรร้องตื่นตระหนกออกมา!
ฟางเจิ้งจือ มองที่ คังหยางและตระหนักว่าคังหยางยังมีสภาพเดิม ไร้รอยขีดข่วน
เกิดอะไรขึ้น?
เป็นไปได้ไหมว่าเขาอาจโยนพลาด?รอยยิ้มของ ฟาง เจิ้งจือ แข็งค้าง
คังหยางกระโจนออกไปและหลบกลืนกินโลกขณะที่มันพุ่งเข้ามาเฉียดหน้า
ฟางเจิ้งจือ ไม่ได้โง่
ความเร็วในการตอบสนองของเขาไม่ได้เร็วที่สุดในโลกแต่เขารู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
การเคลื่อนไหวของคังหยางทำให้พิสูจน์ได้ว่าการโจมตีของ ฟาง เจิ้งจือ นั้นทำอันตรายเขาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ดังนั้น…
อันดับแรกคือต้องหยุดคังหยาง
เขาต้องไม่ปล่อยให้กลืนกินโลกตกไปอยู่ในมือของคังหยาง
ฟางเจิ้งจือ เป็นกังวลอย่างมากเมื่อเขาเห็นคังหยางพุ่งเข้าไปหากลืนกินโลกเขาไม่ได้รวดเร็วเท่าคังหยาง
อะไรอีกละ?
หากคังหยางมีกลืนกินโลก…
เขาจะยังคงมีโอกาสไหม?
เขาเกลียดตัวเองที่ไม่รู้ว่าจะเปิดมันยังไง
ฟางเจิ้งจือ โกรธมาก เขาคิดว่าคังหยางจะหายไปหลังจากถูกปาหินใส่
แต่มันไม่ใช่!
ไม่มีทาง…
เขาต้องเอามันกลับมาให้ได้
”อ๊ากกก!”ฟาง เจิ้งจือ ร้องตะโกน มือข้างหนึ่งของเขาเอื้มไปที่กลืนกินโลก
อีกมือ….ไปที่หว่างขาของคังหยาง
ฟางเจิ้งจือ ไม่เคยใช้วิธีนี้กับชายคนไหน โดยเฉพาะคนแก่
เขาเคารพผู้สูงอายุเสมอ…
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาสิ้นหวัง เขาไม่มีทางเลือกอื่นในขณะนี้
เขาต้องเล็งไปที่จุดยุทธศาสตร์ของคังหยาง
ข้าขอโทษ…
ครึ่งเซียน!
เพจหลัก: Gate of god TH
ตอนที่ 472 พายุ
…
การวิจัยแสดงให้เห็นว่า…
การต่อสู้ของพวกรุ่นเยาว์มีโอกาสเจอผู้ที่ใช้ท่าทาง หรือวิธีแปลกๆอยู่มาก เขาอาจจะกัดหู หรือเหยียบเท้า
หากเป็นคนที่มีอายุมากพวกเขาจะต่อสู้แบบเดิมๆพวกเขาจะรอโอกาสที่เหมาะสมในการโจมตีและใช้วิชาลับ
คังหยาง
เป็นปีศาจที่มีประสบการณ์ยาวนานเขาไม่คิดว่าคู่ต่อสู้จะใช้วิธีที่น่ารังเกียจเช่นนี้
เพราะงั้นเขาจึงไม่ทันได้ระวังตัว
อย่างที่ว่าไปคังหยางมีการตอบสนองเหนือมนุษย์
การโจมตีของฟาง เจิ้งจือ จึงไม่ได้ผล
แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้คังหยางเหงื่อตกได้
”เจ้าสวะ!”คังหยางไม่เคยคิดเลยว่าฟาง เจิ้งจือ จะโจมตีจุดยุทธศาสตร์ของชายชราเช่นนี้
พวกเขาสองคนอยู่ใกล้มากๆ
ในระยะเท่านี้ไม่มีอะไรรับประกันว่าเขาจะป้องกันการโจมตีของ ฟาง เจิ้งจือ ได้ทัน
คังหยางจะไม่เสี่ยง
เขาเลือกที่จะหลบมันเขาก้มตัวลงต่ำแล้วกระโจนขึ้นไป
ขณะที่เขาลอยขึ้นไปในอากาศ…
เขาตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ…
เขารู้สึกว่าสีหน้าของฟาง เจิ้งจือ เปลี่ยนไป ราวกับ ฟาง เจิ้งจือ กำลังยิ้ม …
ความจริงแล้ว…
ฟางเจิ้งจือ กำลังยิ้มจริงๆการโจมตีครั้งนี้เป็นกลลวง เขาไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีจุดยุทธศาสตร์ของคังหยาง
เขากำมือซ้ายแน่น…
ตอนนี้กลืนกินโลกกลับมาอยู่ในมือของเขาแล้ว
นั่นคือจุดประสงค์ที่แท้จริงของการโจมตี
การขโมยสมบัติคืนจากมือของครึ่งเซียนได้นั้นมันเป็นเรื่องที่ทำให้เขาอยากฉลองจริงๆ
ฟางเจิ้งจือ หัวเราะเบา ๆ
ตอนนี้เขามีโอกาส
ทั้งปีศาจและมนุษย์ต่างพูดไม่ออก
เป็นเพราะว่า…
สิ่งที่พวกเขาได้เห็นนั้นน่าตกใจอย่างไม่น่าเชื่อ
เสียงอุทานว่า’เจ้าสวะ!’ดังเข้าหูของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นเหมือนกับว่าคังหยางจะหลงกล ฟาง เจิ้งจือ
เมื่อเขากระโจนจึ้นไปเขาละทิ้งกลืนกินโลกไว้ด้านหลัง
มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?!
”เจ้าไร้ยางอายนั้น!เขากล้าดียังไง … ”
ปีศาจทุกตนต่างโกรธเกรี้ยววีรบุรุษของพวกเขากำลังถูกทำให้อับอาย จากการโจมตีที่น่ารังเกียจของศัตรูตัวฉกาจ
ทหารฝ่ายมนุษย์ต่างยิ้มอย่างขมขื่นพวกเขามองหน้ากันและต่างรู้ดีว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทางเลือกอื่น
อย่างที่ว่าไปนั้นเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ …
คำถามเดียวก็คือ…
คังหยางถูกโจมตีหรือไม่?
”ทำได้ดี!เจ้าไร้ยางอาย ทำได้ดีมาก!”ทุกๆคนต่างหมดคำพูด เว้นแต่ผู้เดียว เสียงของ ปิง หยาง ดังลั่น
ฉือกูเหยียน ถอนหายใจเมื่อเห็นความตื่นเต้นของ ปิง หยาง นางตัดสินใจจะเว้นระยะห่างระหว่าง ฟาง เจิ้งจือ และ ปิง หยาง
ปิงหยาง รู้สึกประทับใจมากเกินไป
ฟางเจิ้งจือ คงทำให้นิสัยนางแย่ลงแน่นอน
สีหน้าของหยุน ชิงวู เปลี่ยนไปเมื่อมองไปที่ ปิง หยาง และ ฉือ กูเหยียน ขณะนั้นเองหลายๆฉากก็ผุดขึ้นมาในความคิดของนาง
…
ด้วยเหตุผลบางอย่างนางรู้สึกเจ็บปวดที่หน้าอก
”น่ารังเกียจ!”หยุนชิงวู สบถออกมา จากนั้นนางก็นึกถึงเรื่องบางอย่าง และหันไปหาคังหยางทันที ‘อาจารย์’ …”
นางต้องการถามว่าคังหยางเป็นอะไรไหม…
อย่างไรก็ตามนางกลืนมันกลับเข้าไปเมื่อตระหนักว่ามันไม่สมควรที่จะถาม
”ข้าไม่เป็นไร!”คังหยางรู้ชัดว่าหยุน ชิงวู กำลังเป็นห่วงเขา เขาส่ายหัวแต่ก็ตอบคำถามออกมาทันที
นั่นหมายความว่าการโจมตีของฟาง เจิ้งจือ …
เข้าเป้า!
แม้แต่คังหยางก็มีความอับอาย
เขาต้องการอธิบายตัวเองแต่เขาไม่สามารถทำมันได้
เขาไม่อาจพูดได้ว่าฟาง เจิ้งจือ พลาด
มันช่าง…
น่าอับอาย!
ฟางเจิ้งจือ ไม่สามารถอธิบายได้เช่นกัน
ไม่ว่าการโจมตีจะได้ผลหรือไม่มันก็ไม่สำคัญ
สิ่งสำคัญคือเขาได้กลืนกินโลกกลับคืนมาตอนนี้เขาแค่หาวิธีที่จะใช้งานมัน
”โลกในหัวใจของเจ้าจะเชื่อมโยงกับกลืนกินโลกมันจะกลืนกินโลก!”่
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมามันเป็นเสียงแห่งความหวัง
ฟางเจิ้งจือ ตกตะลึง
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเสียงของฉือ กูเหยียน จะงดงามเช่นนี้ เสียงของนางเหมือนกับเสียงของนางฟ้านางสวรรค์
ตั้งแต่เมื่อไร…
ที่นางเป็นแบบนี้?
เสียงของนางช่างน่าลงไหล?
ฟางเจิ้งจือ ได้สติทันที เขารู้ว่าไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้
ท่าทีของคังหยางเปลี่ยนไป
มันเปลี่ยนไปทันทีที่เขาได้ยินเสียงของฉือ กูเหยียน
ไม่ใช่แค่คังหยาง
ทั้งหยุน ชิงวู และปีศาจตนอื่นๆเองก็ตกใจ
”ฮึ่มม”!่
ทันใดนั้นเองเกิดเสียงอันดังก้องแสงสีเงินมากมายสาดส่องไปยังท้องฟ้า
มันพุ่งขึ้นไปถึงสรวงสวรรค์
ในเวลาไม่นานท้องฟ้ายามค่ำคืนก็สว่างไสวดวงดาวมากมายต่างเปล่งแสงประกาย
แผ่นดินสั่นสะเทือน…
จากนั้นเสาแสงก็ระเบิดออกสะเก็ดแสงมากมายกระจายออกตกลงสู่พื้นราวกับฝน
ทั้งฝุ่นและทรายกระจายเต็มท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
”นั่น…มัน กลืนกินโลก!่
”เขาเปิดใช้งานมันแล้ว!่
”วิ่ง!่
เสียงตื่นตระหนกหลายคนเริ่มทับซ้อนกันขณะที่ปีศาจพยายามที่จะหยุดมันแต่มันก็สายเกินไป
หยุนชิงวู กัดริมฝีปากของนางขณะมองดูแสงบนท้องฟ้า แววตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว
”ฟางเจิ้งจือ!”เสียงของ หยุน ชิงวุ ไม่ดังมากนักนางถูกฝุ่นกลบบังอย่างรวดเร็ว แต่ทุกคนยังสามารถได้ยินเสียงไม่พอใจของนาง
ไม่นานหลังจากนั้น…
พื้นดินที่นางยืนอยู่ก็เกิดรอยร้าวรอยแตกของพื้นแตกขยายออกไปถึงกองทัพที่อยู่ด้านหลังของนาง
พงกปีศาจต่างพยายามหนั
อย่างไรก็ตาม…
พวกเขาถูกพายุทรายกลืนกินเข้าไป
พวกเขากรีดร้อง…
ปีศาจไม่สามารถรักษาระเบียบแถวได้อีกต่อไป
พวกเขาเริ่มวิ่งหนีกระจัดกระจายไปทุกทิศทางแต่พายุทรายนั้นเร็วเกินไปไม่มีที่ให้หนี
”เผ๋าพันธุ์ปีศาจ!”่
”พวกเราจะถูกทำลายที่นี่ไม่ได้!่
เหล่าปีศาจไม่เคยรู้สึกกลัวเช่นนี้มาก่อนพวกเขาคิดอยู่เสมอว่าจะสามารถดำรงอยู่ได้ตลอดไป
แต่ตอนนี้…
พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับเทพแห่งความตาย
ที่นี่มีทหารปีศาจนับแสนนายกว่า 90% ของทั้งหมดเป็นกองกำลังจากเมืองเงาเลือด ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา …
ปีศาจจะมีชีวิตรอดต่อไปอย่างไร
ซิงหยวนกัว สั่นเทาขณะที่เขามองดูกลืนกินโลก กำลังกลืนกินกองทัพปีศาจเข้าไป
เขาตื่นเต้นอย่างแท้จริง
กองทัพปีศาจทั้งหมดรวมตัวอยู่ในที่เดียว
”สงครามกำลังจะจบลง?”ซิง หยวนกัว โล่งอกขณะเขามองดูพายุทราย
เขามองไปที่จุดของแสงสว่างท่ามกลางพายุเขารู้ว่าคนๆนั้นคือใครและเขาจะกลายเป็นความภูมิใจของอาณาจักรเซี่ย
ฉานหลิง ก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน
เขาหวังให้ฟาง เจิ้งจือ ตายลงอย่างทรงเกียรติ แต่เขาก็หวังที่จะชนะในสงคราม
ถ้าดินแดนภูเขาทางใต้ได้รับชัยชนะจากนั้นเขาจะสามารถเจรจากับอาณาจักรเซี่ยได้
ตอนนี้…
ทุกอย่างเป็นในทางที่เขาต้องการ
พวกปีศาจล้มเหลวแล้ว!
อันที่จริงตอนนี้เขามีทหารกว่าแสนนายในดินแดนของเขา…
อย่างไรก็ตามเขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ามีบางอย่างผิดปกติ…
หลังจากที่กลืนกินเหล่าปีศาจและหยุน ชิงวู พายุทรายก็ไม่มีทีท่าจะหยุดลงมันกำลังหมุนไปทางเนินเขาเหล็ก
”หยุด!”ฉานหลิง รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เขาก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่พวกเขาถูกพายุดูดเข้าไป
แต่มันก็สายเกินไป
กว่าที่พวกเขาตระหนักถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นพายุทรายก็พัดมาถึงเนินเขาเหล็กแล้ว
ฉานหลิง ต้องการสาปแช่ง
เขาไม่เคยรู้สึกโกรธเช่นนี้มาก่อนในชีวิตของเขา
เมื่อเขาคิดว่าทุกอย่างที่เป็นของเขาพังทลายลงเขาไม่สามารถยอมรับมันได้
”ฟางเจิ้งจือ!”ฉาน หลิง ตะโกนลั่น
เขาไม่สามารถยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้
หัวหน้าถิ่นฐานคนอื่นๆทหารของดินแดนภูเขาทางใต้ เหล่าหน่วยเกราะมังกรและกองทัพทลายภูผาต่างก็ต้องตกใจ
”อ๊าก!”
”วิ่ง!่
”มันสายเกินไปแล้วข้า… ”
เสียงของพวกเขาดังขึ้นขณะที่พวกเขาเองก็ถูกกลืนเข้าไปในพายุทราย
ในเวลาเดียวกันนั้นกำแพงสีดำของเนินเขาเหล็กก็เต็มไปด้วยฝุ่นผง
ท้องฟ้าทั้งหมดมืดสนิท
ดวงดาวดับหายไป
ราวกับเป็นจุดเริ่มต้นของโลกใหม่
อย่างไรก็ตามฝุ่นเริ่มลดลงและรอยแตกบนพื้นดินเริ่มหายไป ต้นไม้ ใบหญ้าทุกอย่างกลับมาดวงดาวปรากฎขึ้นอีกครั้งบนท้องฟ้า
แสงสีเงินส่องลงบนพื้นดิน
ร่างๆหนึ่งเริ่มปรากฎให้เห็น
พวกเขาคือทหารปีศาจในชุดเกราะสีดำ
อย่างไรก็ตาม…
พวกเขาดูไม่ค่อยดี
กำแพงของเนินเขาเหล็กเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้งร่างปรากฎขึ้นที่ด้านบน ท่าทีของพวกเขาเหมือนๆกันกับเหล่าปีศาจ
สายลมพัดผ่านพวกเขา
ทั้งปีศาจหน่วยเกราะมังกร กองทัพทลายภูผา และเหล่าทหารของดินแดนทางใต้
ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
พวกเขายืนนิ่งๆ อยู่กับที่
ระหว่างถิ่นฐานไปจนถึงกองทัพพวกปีศาจมีร่างยืนอยู่ 4 ร่างหนึ่งคือชายชรา
ในชุดสีฟ้า
ข้างๆเขาคือหยุน ชิงวู ฉือ กูเหยียน และ ปิง หยาง
แต่…
ไม่มีฟาง เจิ้งจือ
”ฮ่าฮ่าฮ่า… โลกในหัวใจของเจ้าจะเชื่อมโยงกับกลืนกินโลก มันจะกลืนกินโลก!”ในตอนนั้นเองเสียงดังลั่นผ่านอากาศ
มันเป้นเสียงหัวเราะที่คลุ้มคลั่ง
จากนั้นก็มีคำถาม…
”โอ้?ทำไมองค์รัชทายาทถึงอยู่ที่นี่ด้วย?”่
”ใช่!”ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่? นั่นเป็นคำถามที่ดีมาก!!!!”ฉาน หลิง ก้มหัวของเขาแล้วกัดฟันแน่น
เพจหลัก: Gate of god TH