Gate of God - ตอนที่ 473 -474
ตอนที่ 473 ฝนสีดำ
ฉานหลิง โกรธมาก
เขาเกือบจะชนะอยู่แล้ว!แต่เกิดอะไรขึ้น? เขาถูก ฟาง เจิ้งจือ หักหลัง!
เดี๋ยวก่อน
หรือว่า…
ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปทันทีเหมือนเขาจะลืมเรื่องบางอย่างไป
เขาคิดว่าเขาสามารถปกป้องดินแดนภูเขาทางใต้และทำลายฟาง เจิ้งจือ ได้พร้อมกัน แต่เขาลืมนึกถึงสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ คิด
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหาก…
ฟางเจิ้งจือ คิดแบบเดียวกัน?
มันน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก…
ฉานหลิง มองไปที่หัวหน้าถิ่นฐานรอบๆตัวเขา เขาพบว่าสถานการณ์ตอนนี้เขาไม่สามารถควบคุมได้อีกแล้ว
”เดี๋ยว…ทำไม…ซิงหยวนกัว ถึงอยู่ที่นี่?” ฉาน หลิง เห็นร่างหนึ่งที่หางตา
เขาตกใจมาก
เขาเข้าใจที่ฟาง เจิ้งจือ จะนำทหารแดนใต้เข้ามาในกลืนกินโลก แต่ทำไม ซิง หยวนกัว และหน่วยเกราะมังกรรวมถึงกองทัพทลายภูผาถึงเข้ามาอยู่ในนี้ด้วยล่ะ?
เกิดอะไรขึ้นกัน?
หรือเขาเป็นกบฎ?
ต่อให้เป็นอย่างนั้นจริงๆเขาก็ไม่น่าทำแบบนี้
ฉานหลิง มองไปที่ ซิง หยวนกัว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยคำถาม
ซิงหยวนกัว ส่ายหัวด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อบ เขารู้ว่าเขาอยู่ในกลืนกินโลก
และเขาค่อนข้าง…
อับอาย
”ข้าคิดว่า…ความเข้าใจของฟาง เจิ้งจือ คงมีปัญหาเล็กน้อย!” ซิง หยวนกัว ไม่รู้จะพูดออกมายังไงดี
นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาถูกพาเข้ามาในกลืนกินโลกอย่างไรก็ตามตอนนี้มันต่างออกไป
ซิงหยวนกัว มองไปยังต้นไม้สูงกลางสนามรบที่เต็มไปด้วยศพ
สถานการณ์ตอนนี้ต่างออกไป…
ปกติ…
การเปิดใช้งานกลืนกินโลกจะมาพร้อมตัวเลือก
ตัวอย่างที่ภูเขาคังหลิงปีศาจ เลือกที่จะดูดกลืนผู้คนและสัตว์เข้าไปในภูเขาคังหลิง
อย่างไรก็ตามภูเขายังคงอยู่
มันไม่ได้ถูกดูดกลืนเข้าไปด้านใน
แต่ตอนนี้ต่างออกไปฟาง เจิ้งจือ ดูดกลืนทั้งสนามรบ ทั้งถิ่นฐานเนินเขาเหล็กเข้ามา
ผลลัพธ์คือ…
ขอบเขตของมันนั้นมีจำกัด
กล่าวให้ชัดเจนคือกลืนกินโลกสามารถกลืนกินกองทัพปีศาจทั้งหมดเข้ามาได้….แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถดูดกลืนกองทัพทั้งหมดได้
ผลที่ได้ก็ชัดเจน…
มีปีศาจเพียงแสนตนอยู่ในกลืนกินโลก
ทหารฝ่ายมนุษย์ก็ถูกดูดกลืนมาเหมือนกัน
แต่ตอนนี้…
พวกเขาจะทำอะไรได้ล่ะ?
ต่อสู้กันอีกครั้ง?
ซิงหยวนกัว อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เขาพูดไม่ออก เขาสามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้ทหารของอาณาจักรเซี่ยได้ แต่ทหารของดินแดนภูเขาทางใต้ล่ะ?
บอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด?
ใครจะเชื่อเขากัน?
”ข้าขอโทษมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด!”ทันใดนั้นได้เกิดเสียงดังขึ้นบนท้องฟ้า อย่างไรก็ตามคำขอโทษนั้นไม่มีความจริงใจเลยแม้แต่น้อย
ในความเป็นจริง…
เสียงฟาง เจิ้งจือ ดูตื่นเต้นมาก
เขาไม่ได้กังวลเรื่องที่ปีศาจและมนุษย์ถูกดูดกลืนเข้ามาแม้แต่น้อย
ความคิดเดียวที่เขามีคือ…
สิ่งที่เขาต้องทำนั้นเสร็จสิ้นแล้ว…
เพราะตอนนี้
ไม่มีใครทำอะไรฟาง เจิ้งจือ ได้!
นี่คือความคิดของฟาง เจิ้งจือ ในตอนนี้
ฉานหลิง เองก็ได้ยินเสียงของ ฟาง เจิ้งจือ เขาอยากจะสาปส่งออกมา
”ไม่เป็นไรในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิดข้าจะฟังแผนของเจ้าหน้าที่ฟางl!” ฉาน หลิง ไม่กล้าจะด่า ฟาง เจิ้งจือ ตอนนี้
หัวหน้าถิ่นฐานต่างตกตะลึงพวกเขามองหน้ากันด้วยความสับสนก่อนจะตระหนักได้ว่า ฉาน หลิง ทำอะไรอยู่
”เราจะทำตามที่เจ้าต้องการเจ้าหน้าที่ฟาง!” พวกเขาพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียง
ซิงหยวนกัว รู้สึกแปลกใจที่ได้ยินเรื่องนี้ เขายิ้มอย่างขมขื่น …
”เจ้าหน้าที่ฟาง?ท่านองค์รัชทายาท ท่านไม่สบายหรือเปล่า? ข้าจำได้ว่าตอนที่อยู่เมืองภูเขาเซียน ท่านยังพยายามจะฆ่าข้าอยู่เลย” เสียงของ ฟาง เจิ้งจือ ดังขึ้น
”เข้าใจผิดฮ่าฮ่า… นั่นมันก็เป็นความเข้าใจผิดด้วย!” ฉาน หลิง กัดฟันแน่น
”อ๋อเข้าใจแล้วในเมื่อมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด งั้นก็ไม่ต้องไปใส่ใจมันละกัน” ฟาง เจิ้งจือ ตอบอย่างใจกว้าง
”ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ฟาง มาก!” ขาของ ฉาน หลิง กระตุกเล็กน้อย ในตอนแรกเขาจะขอบคุณ ฟาง เจิ้งจือ ที่ใจกว้าง แต่เขาก็ได้สติเสียก่อน
”ไม่จำเป็นหรอกท่านอาจจะมอบพวกอัญมณีหรือไข่มุกให้ข้าแทนก็ได้!” ฟาง เจิ้งจือ พูดออกมา
”แน่นอน!”แววตาของฉาน หลิง แดงก่ำ
เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นฟาง เจิ้งจือ เป็นคำทำให้เขาต้องมายืนอยู่ตรงนี้ แต่เขาต้องมาขอโทษ ฟาง เจิ้งจือ ไร้ยางอายสิ้นดี!
เขายังพยายามข่มขู่เอาของจากข้า!
เขาเป็นองค์รัชทายาท!
แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะปฏิเสธ ฟาง เจิ้งจือ ได้
…
เสียงของฟาง เจิ้งจือ ดังก้องไปทั่ว แม้แต่พวกปีศาจ รวมถึง หยุน ชิงวู และ คังหยาง เองก็ได้ยินเช่นกัน
อย่างไรก็ตามหยุน ชิงวู และ คังหยาง ไม่ได้ทำอะไร
ดังนั้น…
หัวหน้าดินแดนปีศาจก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเช่นกัน
พวกเขารอคำสั่งอย่างอดทนพวกเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาก็ทำได้แค่รอ
พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น
กลับกันปิง หยาง ได้หมดความอดทนแล้ว
”ฟางเจิ้งจือ เจ้าไร้ยางอาย รออะไรอยู่?รีบมาช่วยข้าเร็วเข้า! เจ้าลืมไปแล้วหรอ ว่าข้าได้เสี่ยงชีวิตช่วยเจ้าไว้? ….” ปิง หยาง ฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ
แต่มันก็ไม่สำคัญ
นางสามารถพูดอะไรก็ได้ที่นางต้องการ
”ถ้าเจ้าหุบปากข้าจะลองคิดดู” ฟาง เจิ้งจือ ตอบแต่ไม่ได้ทำอะไร
”ไม่แน่นอน!เจ้าจะทำอะไร? เจ้ากล้าดูหมื่นข้างั้นหรือ? เจ้าต้องได้รับผลตอบแทนอย่างสาสมแน่อน ถ้าข้ากลับไปเมื่อไร จะรีบรายงานท่านพ่อทันทีแน่นอน ให้เอารางวัลของเจ้าทิ้งไปซะ และเจ้าจะเป็นได้แค่เจ้าหน้าที่ระดับสี่ไปตลอดชีวิต” ปิง หยาง ขู่
”อ้อเป็นอย่างนั้นหรอกหรอ? ก็ฟังดูดีอยู่นะ ข้าชอบตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับสี่นี้มาก” ฟาง เจิ้งจือ พูดออกมาพร้อมหัวเราะเบาๆ
”เขาจะทำให้เจ้าถูกลดตำแหน่งเป็นระดับห้าไม่ก็หกให้ได้แน่นอน!เจ้าจะถูกไล่ไปประจำที่ชายแดน!”ปิง หยาง ยังคง หยายามขู่ต่อไป
”เมืองชายแดน?นั่นก็ไม่เลวเหมือนกัน! ข้าจะได้เก็บค่าผ่านทาง!” ฟาง เจิ้งจือ ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร
”จะ…เจ้า เจ้าไร้ยางอาย!!ช่วยข้า! ช่วยข้า…ไม่อย่างนั้น…ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!”ปิง หยาง เดือดดาลเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามน้ำเสียงของนางเปลี่ยนไปไม่ได้หยิ่งยโสเหมือแต่ก่อน
”ทำไมไม่ให้ข้าอ่านกฎแห่งเต๋าให้เจ้าฟังล่ะ?เจ้าอยากฟังบทไหนล่ะ?” ฟาง เจิ้งจือ ตอบอย่างใจเย็น
ฉือกูเหยียน เองก็ใจเย็นเช่นกัน
แม้ว่าร่างกายของนางจะสั่นเทาเล็กน้อยแต่นางก็สงบกว่า ปิง หยาง
แสงสีเงินได้หายไปแล้ว
ฉือกูเหยียน ไม่ได้ถาม ฟาง เจิ้งจือ ว่าเมื่อไรเขาจะช่วยชีวิตพวกนาง นางมองไปบนท้องฟ้าด้วยความคิดอันล้ำลึก
ดวงดาวเป็นประกายบนท้องฟ้า
ทันใดนั้นดูเหมือนจะมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้ามันเกิดขึ้นแปปเดียวราวกับก้อนเมฆแค่ลอยไปมา
แต่พวกมันไม่ใช่เมฆ
มันให้ความรู้สึกแปลกๆราวกับฝนกำลังตกอย่างไรก็ตามสิ่งที่ตกลงมาไม่ใช่ฝน มันบดบังแสงดาวที่ส่องลงมา
มันให้ความรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก
และทันใดนั้นมันก็ตกลงมาที่พื้น
ราวกับอุกาบาตนับไม่ถ้วนกำลังตกลงมาแต่อุกาบาตทุกลูกกลับเป็นสีดำ
”ในที่สุดมันก็มาแล้ว!”หัวหน้าดินแดนปีศาจมองไปที่ฝนสีดำด้วยดวงตาอันเป็นประกาย
พวกเขาจับอาวุธในมือแน่น
พวกมันใกล้เข้ามา
ยิ่งมันใกล้เข้ามาเท่าไรมันก็ยิ่งแผ่ความกดดันออกมามากเท่านั้น
”ตาย!”กองทัพปีศาจตะโกนพวกเขาถูกครอบงำด้วยความกลัว แต่พวกเขาเลือกที่จะสู้
พวกเขารู้…
ไม่มีทางถอยให้พวกเขา
…
บนกำแพงของถิ่นฐานเนินเขาเหล็ก…
ซิงหยวนกัว มองวัตถุสิดำที่ตกลงมาใส่พวกปีศาจ พวกเขาค่อนข้างรู้สึกสับสน
พวกเขาเคยเผชิญหน้ากับกองทัพเงานี้มาก่อน
ตอนนั้นเพราะพวกมันทำให้หน่วยปีกสีชาดและกองทัพทลายภูผาพบกับความสูญเสียจำนวนมาก
ตอนนี้…
สิ่งที่คล้ายกันเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามครั้งนี้เป้าหมายของพวกมันคือปีศาจ
ฉานหลิง จับจ้องไปที่กองทัพเงา เรื่องของกลืนกินโลกไม่ใช่ความลับ
มันเป็นเรื่องที่คนทั่วไปก็รู้
เช่นนั้นเขาจึงไม่ควรโกรธฟาง เจิ้งจือ เขาพยายามระงับความโกรธของตัวเองไว้
เหล่าหัวหน้าถิ่นฐานก็ข่มความโกรธและความกลัวของตัวเองเอาไว้เช่นกันพวกเขากลัวกองทัพเงาเหล่านั้น
สำหรับหนานกง เฮา
เขาหลับตาลงขณะที่ชุดของเขาพริ้วไหวไปตามสายลมเขาพลับตาตั้งแต่ที่เขาถูกดูดเข้ามาในกลืนกินโลก
เขาไม่แม้จะใส่ใจว่าสายลมนั้นพักมาจากไหน…
…
ร่างสีดำร่วงลงมาจากท้องฟ้าราวกับเม็ดฝน
ทุกคนรู้ว่าการต่อสู้นองเลือดกำลังรอพวกเขาอยู่เมื่อกองทัพเงาลงมาถึงนั่นคือจุดเริ่มต้นของการสังหารหมู่
”ตาย!่
”ตาย!่
”…”
เงาสีดำลงมาถึงแล้ว
พวกมันบดบังแสงอาทิตย์เอาไว้ทั้งหมด
”ยิงได้!”
ทั่วอากาศเต็มไปด้วยลูกศรเพลิงพุ่งเข้าไปสู่ร่างเงา
อย่างไรก็ตามพวกมันไม่สร้างแม้แต่รอยขีดข่วนพวกมันทะลุร่างเงาไปและตกลงมาบนพื้นอีกครั้ง
ดาบปะทะกันเกิดเสียงดังกลางอากาศ
หยุนชิงวู ใบหน้าของนางตอนนี้ซีดขาว นางไม่เคยรู้สึกกลัวมาก่อนตลอดชีวิต ต่อให้นางจะถูกจับตัวโดย ฟาง เจิ้งจือ
แต่คราวนี้…
ใบหน้าของนางไร้สี
นางไม่สามารถซ่อนความเจ็บปวดและความเศร้าเอาไว้ได้นางไม่พูดอะไรออกมา ได้แต่ตัวสั่นอยู่เงียบๆ
นางกำลังรอ…
เพจหลัก: Gate of god TH
ตอนที่ 474 ชีวิตใหม่
การต่อสู้ได้เริ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามหยุน ชิงวู ยังไม่ได้สั่งให้ต่อสู้ นางเพียงยืนดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเจ็บปวด
ผ่านไป15 นาที จากนั้นก็ 1 ชั่วโมง… เสียงกรีดร้องและเสียงของการสังหารยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทหารปีศาจเริ่มล้มตาย
สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัวแต่พวกเขาไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากใคร ไม่มีปีศาจตนไหนที่จะกรีดร้อง เพื่อขอความช่วยเหลือ
ไม่มีปีศาจตนไหนไม่พอใจหยุน ชิงวู ที่ไม่ออกคำสั่ง
ร่างสีดำมากมายพุ่งเข้าหาเหล่าปีศาจราวกับเทพแห่งความตายปีศาจมากมายล้มตายเลือดของพวกเขานองเต็มพื้น
หัวหน้าดินแดนปีศาจกัดฟันสู้และพยายามป้องกันการโจมตีดวงตาปีศาจของพวกเขาเป็นประกาย
ค่ำคืนนั้นไม่ได้มืดมิดอีกต่อไป
มีแสงส่องอยู่บนท้องฟ้า
เป็นค่ำคืนที่ยาวนานหลายชีวิตต้องสูญเสียไป ภายในพริบตา ราวกับพวกเขาทั้งหมดได้มาอยู่ในโลกที่แตกต่าง
กำแพงของถิ่นฐานเนินเขาเหล็กเงียบสงบแปลกๆ
ทุกสายตาจับจ้องไปที่การต่อสู้ระหว่างร่างเงาเและเหล่าปีศาจพวกเขารอคอยอย่างอดทน…
มีร่างหนึ่งอยู่ท่ามกลางสนามรบ
นางสวมชุดสีขาวยืนอยู่กลางสนามรบนางดูเหมือนดอกบัวที่เบ่งบานยามค่ำคืน ยืนเด่นอยู่ในทะเลสีดำ
ในขณะนั้นเอง…
แสงสว่างก็ส่องสว่างขึ้นด้านข้างของนาง
มันเป็นแสงสีฟ้าที่บริสุทธิ์
ชุดสีฟ้าพริ้วไหวอยู่ด้านในนั้นใบหน้าที่เหี่ยวย่นของชายชราแหงนมองบนท้องฟ้าและเฝ้ารอรุ่งอรุณ
ดวงตาของร่างนั้นกลวงและไร้ชีวิตชีวา
เหนือดวงตาคู่นั้นมีสัญลักษณ์ที่ไร้ชีวิตมันถูกตราไว้ที่หน้าผากของชายคนนี้ มันเป็นสัญลักษณ์ที่เรียบง่ายแต่ก็ปล่อยกลิ่นอายแปลกๆ
มันเกือบจะเป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการสรรค์สร้างทั้งหมด
ตอนนี้…
สัญลักษณ์นั้นกำลังเปลี่ยนแปลง…
มันเริ่มส่องสว่างและมีรูปแบบที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
ราวกับได้รับชีวิตใหม่…
ไม่นานสัญลักษณ์นั้นก็สว่างขึ้น
ราวกับเป็นตัวแทนของการสรรค์สร้างทั้งหมด
ราวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้
หรืออาจจะเป็นตัวแทนของการจุติ
เมื่อสัญลักษณ์เปลี่ยนไปแสงเริ่มส่องสว่างขึ้น … และสว่างขึ้น … สว่างมากขึ้น …
…
ในที่สุดความเงียบสงบบนกำแพงเนินเขาเหล็กก็ถูกทำลายลง
ทุกคนต่างจ้องไปที่สัญลักษณ์นั้นด้วยความหวาดกลัว
”คังหยาง?!่
”หรือว่าคังหยาง … … ”
”เป็นไปไม่ได้!่
พวกเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อพวกเขาไม่สามารถทำใจเชื่อ
”ฮึ่ม!”่
ในขณะนั้นเสียงฮัมดังขึ้นไปในอากาศและพื้นดินก็เริ่มสั่นคลอน
ในเวลาเดียวกัน…
มีลำแสงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
มันเป็นแสงสีทองที่ทะลวงผ่านแสงสีฟ้ามันส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้า
”อาจารย์!”เสียงของหยุน ชิงวู ดังก้อง
นางยังไม่ได้เปิดปากแม้แต่น้อยตั้งแต่กองทัพเงาเริ่มจู่โจมนางไม่มีคำพูดใดๆเมื่อทหารปีศาจนับพันล้มตาย
อย่างไรก็ตามเมื่อนางได้เห็นแสงสีทองนางก็พูด
แต่…
นางพูดแค่คำเดียว
อาจารย์!
เมื่อพูดคำนั้นออกมาหยดน้ำตาก็ไหลออกมาอาบแก้มของนาง
เลือดไหลนองเต็มพื้น
น้ำตาของหยุน ชิงวู หยดลงไปบนพื้นที่นองเลือด
คังหยางหันกลับมา
เขามองดูหยุน ชิงวู ด้วยดวงตาที่บอดสนิท
อย่างไรก็ตาม…
ดวงตานั้นแสดงถึงความรู้สึกมากมาย
เช่นเดียวกับสัญลักษณ์บนหน้าผากของเขา
สัญลักษณ์ที่เรียบง่ายแต่มีความหมายที่ซับซ้อนเป็นที่สุด
สัญลักษณ์เปลี่ยนไปแสดงให้เห็นถึงการจุติและชีวิตใหม่แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความอาลัยต่อชีวิตที่ผ่านมาเช่นกัน
”เจ้าเป็นศิษย์ที่ดีมากชิงวู!”คังหยางพูดอย่างอ่อนโยน
อย่างไรก็ตามเหล่าปีสาจต่างหันไปมองคังหยางแม้จะเป็นช่วงเวลาอันสั้น
เป็นเพราะว่า…
พวกเขาทุกคนรู้…
แม้ว่าหยุนชิงวู จะให้ความเคารพว่าคังหยางเป็นอาจารย์ของนางตลอดมา แต่คังหยางไม่เคยเรียกนางเป็นศิษย์ของเขาเลย
ศิษย์…
ปกติแล้วนั่นเป็นคำพูดที่อาจารย์ทั่วๆไปใช้กัน
แต่คังหยางไม่เคยใช้คำนั้น
แม้หยุน ชิงวู จะคุกเข่าต่อหน้าเขา เขาก็ไม่เคยเรียก หยุน ชิงวู เป็นศิษย์แม้สักครั้งเดียว เขาเลือกจะเรียกชื่อของนางแทน
แต่ตอนนี้คังหยางกลับเรียกนางว่าลูกศิษย์
นี่เป็นครั้งแรกที่ครั้งหยางใช้คำนี้ในรอบสิบปี
เสียงของเขาไม่ดังนัก…
แต่มันก็ดังก้องไปทั่วสนามรบมันส่งผลต่อทุกคนในสนาม
ในขณะนั้นทุกคนลืมเกี่ยวกับการต่อสู้และการสังหารที่เกิดขึ้นรอบตัวพวกเขา…
หยุนชิงวู ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย น้ำตาไหลอาบแก้มของนาง
ในตอนแรกปิง หยาง โกรธและวิตกกังวลมาก
แต่ในขณะนี้อารมณ์ทั้งหมดเหล่านั้นหายไป
นางมองไปที่คังหยางขณะที่ปากเริ่มสั่นไหวนางกลัวมาก
นางไม่เคยกลัวแบบนี้มาก่อนในชีวิต
ฉือกูเหยียน ปล่อยมือจาก หยุน ชิงวู
นับตั้งแต่วินาทีที่แสงสีทองพุ่งออกมาจากหน้าผากของคังหยาง นางก็ปล่อยมือออกจาก หยุน ชิงวู
มันไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดนัก…
แต่…
นางก็ทำ
คังหยางค่อยๆเดินเข้าไปหาหยุน ชิงวู
ทุกก้าวของเขาล้วนมั่นคง
ราวกับเท้าของเขาแทบไม่ขยับเลยแม้แต่น้อยมันราวกับว่าร่างของเขากำลังลอยไปตามสายลมขณะที่เดินเข้าไป
แต่…
ไม่มีใครไปหยุดเขาแม้กระทั่งฉือ กูเหยียน
ไม่เพียงแต่ฉือ กูเหยียน ไม่หยุด คังหยาง เท่านั้น นางกลับก้าวถอยหลังออกไปและยืนอยู่ข้างๆ ปิง หยาง จึงทำให้คังหยางใกล้เข้ามาได้
ราวกับเวลาได้ถูกหยุดลง
ทุกสิ่งดูเหมือนเป็นนิรันดร์…
คังหยางเดินมาถึงหยุน ชิงวู
เขายกมือขึ้นวางบนหัวของหยุน ชิงวู และลูบผมของนางช้าๆ ราวกับพ่อที่แสดงความรักต่อลูกสาว
แสงสีทองยังคงส่องแสงอยู่บนหัวของคังหยาง
แสงสีฟ้าที่ห่อหุ้มร่างของเขาหายไป
”พาพวกเขาออกไป”คังหยางกระซิบขณะมองดู หยุน ชิงวู ดวงตากลวงของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความเศร้าโศก
หยุนชิงวู มองกลับไปที่คังหยางทั้งน้ำตา นางกัดริมฝีปาก แต่ไม่ได้พูดอะไรมีเพียงน้ำตาที่ไหลรินออกมา
”ถ้าข้า…มองเห็นเจ้าได้ …คงจะดีไม่น้อย … ” การจ้องมองของคังหยางนั้นเต็มไปดวยความเหงาราวกับเขารู้ถึงจุดจบที่ใกล้เข้ามา
หยุนชิงวู ยังคงนิ่งเงียบ
อย่างไรก็ตามนางตัวสั่นเทาขณะที่กัดริมฝีปากจนเลือดไหลออกมาจากการกัดริมฝีปาก …
”เรียกข้าว่าอาจารย์อีกสักครั้ง”คังหยางร้องขอออกมาขณะลูบผมของ หยุน ชิงวู ด้วยมือของเขา
”อา…อาจารย์!”หยุน ชิงวู มองดูใบหน้าของเขา ขณะที่ร่างกายสั่นเทาและทำอะไรไม่ถูก
”อื้มเจ้าเป็นศิษย์ที่เยี่ยมยอด! เยี่ยมยอดจริงๆ!”คังหยาง พยักหน้า
เขาพึมพำออกมานี่คือคำพูด ที่เขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้พูดออกมา เขาลุกขึ้นยืน …
และยืนหลังตรง…
”แกร้กแกร้ก!”นั้นเป็นเสียงกระดูกของเขา …และเสียงกระดูกชิ้นใหม่ที่ก่อตัวขึ้น
ในเวลาเดียวกันนั้นรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าของเขาก็เริ่มเลือนหายไปไม่มีใครรู้ว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้น …
แต่…
ผิวสีขาวที่เหี่ยวย่นของเขาเริ่มหลุดร่วงออกจากใบหน้า
สิ่งที่แปลกยิ่งกว่าก็คือ…
ไม่มีเลือดไหลออกมาหลังจากผิวหนังแตกสลาย… มันเป็นผิวอีกชั้น ผิวที่เรียบเนียนและเปล่งปลั่ง
มันเหมือนผิวของเด็กแรกเกิด
เมื่อผิวชั้นใหม่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขาแขนของคังหยางเริ่มเปลี่ยนไป
กล้ามเนื้อเริ่มปรากฏ…
”แกร้กแกร้ก!”เสียงแตกหักยังคงดังก้องไปทั่ว
ทุกสายตาจับจ้องที่คังหยาง…
ด้านบนของเนินเขาเหล็ก…
ซิงหยวนกัว และ ซิง ฉิงซุย กำมือแน่นเมื่อเขามองดูร่างของคังหยางที่กำลังเปลี่ยนไป
ฉานหลิง และหัวหน้าถิ่นฐานต่างก็มองดูที่คังหยาง ท่าทีของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ในฐานะนักรบของดินแดนภูเขาทางใต้…
พวกเขาไม่เกรงกลัวสิ่งใด
แม้แต่การเผชิญหน้ากับกองทัพปีศาจซึ่งมีจำนวนมากกว่าเขา …แม้กระทั่งตอนที่คังหยางปรากฎตัว …พวกเขาก็ไม่ถอย …
แต่ตอนนี้…
พวกเขาหวาดกลัวอย่างแท้จริง
หนานกงเฮา เบิกตากว้างขึ้น
เขาลืมตาตั้งแต่วินาทีที่แสงสีทองปรากฏขึ้นแววตาของเขาไม่มีร่องรอยของความกลัว แต่เต็มไปด้วยความเคารพ
เขาเคารพคังหยาง …
ปีศาจทุกตนต่างมองไปที่คังหยางและมองดูผิวหนังที่อ่อนเยาว์ของเขา กับดวงตาที่บอดสนิทคู่นั้น
ในที่สุด…
เสียงก็เงียบไป
พร้อมๆกับร่างกายที่อ่อนแอ
ตอนนี้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าหยุน ชิงวู เป็นเด็กหนุ่มที่ผิวหนังเปล่งปลั่ง
เขาผอมลงเล็กน้อยแต่กล้ามเนื้อของเขาชัดเจน
มันเป็นภาพที่แปลกมาก
สิ่งที่แปลกกว่าคือเด็กหนุ่มคนนี้มีผมสีเงิน
เด็กหนุ่มคนนี้คือคังหยาง
คังหยางที่เกิดใหม่
สัญลักษณ์ยังคงอยู่บนหน้าผากของเขามันเป็นสัญลักษณ์ที่มีความซับซ้อนมากและเรืองแสงสีทอง
อย่างไรก็ตามดวงตาของเขายังคงมืดบอดอยู่เหมือนเดิม
ดวงตาที่มืดบอดนั้นมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแสงสีทองบนหน้าผากของเขาส่องสว่างขึ้นในขณะนั้น
มันส่องสว่างขึ้นไปบนท้องฟ้า
ในเวลาต่อมา…
เสาแสงก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า…
มันเกิดมาจากหน้าผากของคังหยาง
มันรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ…
มันเร็วมากจนบางคนไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดจากหน้าผากของคังหยางหรือส่องลงจากสวรรค์
จากนั้นเสาสีทองก็ระเบิดออกกระจายเป็นประกายสีทองมันแตกต่างจากฝนสีดำที่เคยสัมผัสมาอย่างสิ้นเชิง
สิ่งนี้แตกต่างเพราะ…
ทั้งหมดมันถูกสร้างขึ้นจากแสงสีทอง…
มันบดบังกลุ่มดาวทั้งหมดบนท้องฟ้า
ร่างเงาที่ตอสู้กับกองทัพปีศาจเงยหน้าขึ้น
พวกเขาจ้องมองไปที่แสงสีทองพวกเขายืนแน่นิ่งราวกับว่าถูกสะกด
จากนั้น… พวกเขาสลาย…
ราวกับน้ำแข็งละลายท่ามกลางแสงแดด
อย่างไรก็ตามการสลายนี้รวดเร็วกว่าการละลายของน้ำแข็งมากนัก
เมื่อแสงสีทองส่องลงมาร่างสีดำก็เริ่มพล่ามัว และค่อยๆโปร่งใส ก่อนจะหายไปในที่สุด
ในขณะนั้นเองคังหยางก็หายไปร่างของเขาพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
เขาทิ้งหยุน ชิงวู ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาไว้ด้านหลัง…
”อาจารย์!”
…
เพจหลัก: Gate of god TH