Gate of God - ตอนที่ 479-480
ตอนที่ 479 การตายที่แปลกประหลาด
แสงสีม่วงส่องผ่านผิวเปลือกผลไม้
ราวกับเป็นคริสตัล…
ที่สำคัญที่สุดนอกจากลวดลายบนผิวเปลือก ดูเหมือนจะมีบางอย่างอยู่ภายใน
อย่างที่บอกไปเรื่องนี้ไม่ได้สำคัญที่สุด
สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดคือเขาจะกินมันเข้าไปยังไง!
ผลไม้ก่อนหน้านี้มีขนาดเท่ากำปั้นแต่นี้มันใหญ่กว่าสิบเท่า!
ปากของเขาไม่ใหญ่พอ
นั่นคือปัญหาที่ใหญ่ที่สุด
เขาไม่ามารถตัดแบ่งเป็นสิบชิ้นได้
ถึงยังไม่ต้องคิดถึงเรื่องนั้น…
แม้เขาจะทำได้เขาก็ไม่กล้าจะทำ
เขายังจำได้แม่นว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคังหยางทำลายผลไม้ไปสองลูก
เมื่อมันถูกทำลายพลังงานภายในทั้งหมดก็ถูกปล่อยออกมา ไม่สามารถตัดผลไม้แห่งเต๋าออกได้
เขาตระหนักว่าผลไม้เหลืออยู่ไม่มากเขากินพวกมันเข้าไปเร็วมาก
เคี้ยว?
เป็นไปไม่ได้ที่จะทำ
ถ้าฟาง เจิ้งจือ เคี้ยวมันล่ะก็ฟันคงแตกเป็นเสี่ยงแน่นอน เขาตัดสินใจกลืนพวกมันเขาไปแทน
”กินข้าจะกิน!”
ฟางเจิ้งจือ จะกินพวกมันเข้าไปทั้งหมด
การต่อสู้บนท้องฟ้าทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆขณะที่ทหารต่างพุ่งเข้าหาคังหยาง
ศพกองเป็นภูเขา…
แต่ทุกอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบ
ราวกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟแม้จะรู้ถึงความตายที่รออยู่ด้านน้า แต่พวกเขาก็ไม่คิดจะหยุด
ดินแดนภูเขาทางใต้เป็นบ้านเกิดของพวกเขา
ฟางเจิ้งจือ ไม่ใช่คนที่ชอบสงคราม เขารู้ว่ามันโหดร้ายมากขนาดไหน …
แต่สงครามเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เกิดประวัติศาสตร์
สงครามระหว่างประเทศพลัง เผ่าพันธ์ ผู้คน ตราบใดที่ยังมีความขัดแย้ง การต่อสู้ก็จะเกิดขึ้น
มีวิธีเดียวที่จะแก้ปัญหาทั้งหมด…
คือการได้รับชัยชนะ
ฟางเจิ้งจือ ต้องการเอาชนะ เขารู้ดีว่าถ้าเขาพ่ายแพ้ เขาจะต้องตาย
ไม่มีใครที่อยากตาย
อย่างน้อยๆก็ฟาง เจิ้งจือ เขาลุกขึ้นยืน และถือผลไม้ผลสุดท้ายไว้ในมือ มันเป็นผลไม้สีม่วงที่กำลังส่องแสง
เขาอ้าปากออกให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถ้าเขากลืนมันลงไปไม่ได้ล่ะ?
เขาต้องพยายามยัดมันลงไป!
ฟางเจิ้งจือ รู้ว่า คังหยาง นั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหน
คังหยางจะไม่เปิดโอกาสให้เขาเขาอ้าปากกว่างจนเลือดเริ่มออก! แต่มันก็หายได้เองเพราะเขาอยูในระดับอภินิหาร
กลืน!
มันต้องใช้ความกล้า…
ฟางเจิ้งจือ ต้องทำ
เขารู้สึกทรมาน
เมื่อเขาพยายามยัดผลไม้สีม่วงเข้าไปเข้าก็เข้าใจความหมายของความทรมานอย่างแท้จริง …
”แกร้ก!”
ฟันของเขาแตกเป็นเสี่ยง
ริมฝีปากของเขาฉีกขาด…
มันเป็นภาพที่น่าสลดใจมาก
ทหารของดินแดนภูเขาทางใต้ที่กำลังเตรียมพุ่งไปหาคังหยางต่างตกใจกับสิ่งที่เห็น
มองไปที่ผลไม้และริมฝีปากที่ฉีกขาดของฟาง เจิ้งจือ
เขาไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่เห็นได้
ฟางเจิ้งจือ ยังไม่ยอมหยุด
ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้นที่มึนงงเหล่าปีศาจเองก็เช่น แม้แต่ทหารของอาณาจักรเซี่ย ต่างก็ตกตะลึง
ในขณะนั้นเองพวกเขารู้สึกว่าการเสียสละของพวกเขานั้นไร้ความหมาย
เป็นเพราะว่า…
พวกเขามีความรู้สึกว่า…
ฟางเจิ้งจือ กำลังจะตาย!
ถ้านั่นเป็นความจริง…
ถ้าอย่างนั้นพวกเขาจะต่อสู้เพื่ออะไรเพื่อ ฟาง เจิ้งจือ ที่กำลังจะตายงั้นหรือ?
เชี่ยอะไรเนี่ย!
ในขณะนั้นการต่อสู้ก็หยุดลง
มันหยุดลงชั่วคราว
ตาของปิง หยาง เบิกกว้างและใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อนางมองดู ฟาง เจิ้งจือนางอยากจะตรงไปช่วยเหลือเขาในทันที
ฉือกูเหยียน ยิ้มอย่างขมขื่น นางไม่เคยคิดว่าการที่พบ ฟาง เจิ้งจือ เป็นเรื่องที่ผิดพลาด แต่ตอนนี้นางเริ่มคิดขึ้นมาบ้าง…
หยุนชิงวู รู้สึกขมขื่นเล็กน้อยเช่นกัน
นางไม่ได้มองดูที่ฟาง เจิ้งจือ นางมองไปที่คังหยาง ซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางแสงแห่งเซียน
นางรู้สึกว่า…
คังหยางไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้…
ยังไงเจ้านั่นก็ต้องตาย…
สัญลักษณ์บนหน้าผากของเขาเปล่งประกายในขณะที่เขาหยุดเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้เขาต้องการหยุดฟาง เจิ้งจือ จากการกินผลไม้
แต่ตอนนี้…
เขาไม่สนใจแล้วจริงๆ
เขาไม่ค่อยได้เจอคนที่จะหายใจไม่ออกจนตาย
ใบหน้าของฟาง เจิ้งจือ กลายเป็นสีแดงก่ำ หัวเขาดูเหมือนลูกแอปเปิ้ล แต่สีแดงพวกนั้นเป็นสีของเลือด เส้นเลือดบนใบหน้าของเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เขารู้สึกพลาดกับการตัดสินใจเช่นนี้
เขาควรทำยังไงดี?
คายมันออกมา?
ไม่มีทาง!
นั่นน่าอายเกินไป…
และทุกอย่างก็จะสูญเปล่า
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก
ฟางเจิ้งจือ ไม่รู้ว่าผลไม้สีม่วงนี้จะช่วยเขาได้หรือไม่ แต่เขารู้ว่าลูกนี้มีพลังมากกว่าลูกอื่น
งั้น…
เขาต้องให้มันลงท้องไป!
เขามาถึงจุดที่ไม่สามารถถอยหลังกลับได้แล้ว
ฟางเจิ้งจือ ต้องการที่จะให้กำลังใจตัวเอง แต่เขาหาคำพูดอะไรไม่ได้จริงๆ ปากของเขาเต็มไป ด้วยผลไม้
ใบหน้าของเขาเป็นสีแดงในขณะที่เขายกกำปั้นของเขาขึ้น
ชก!
เขาชกผลไม้สีม่วง
”เข้าไป!”ฟาง เจิ้งจือ ตะโกนกับตัวเอง
จากนั้น…
เขารู้สึกว่าผลไม้สีม่วงเข้าไปในปากของเขาอีกเล็กน้อยรอยแตกมุมปากของเขาขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ
ความเจ็บปวด!
ฟางเจิ้งจือ ไม่สามารถหาอะไรมาอธิบายความเจ็บปวดของเขาในตอนนี้ได้
เขาหายใจไม่ออก…
น้ำตาไหลอาบแก้ม
เขากำลังร้องไห้…
เขาไม่ค่อยร้องไห้เท่าไรนัก…
แต่ตอนนี้เขากำลังร้องไห้มันเป็นเพราะความเจ็บปวดและความเศ้ร้า
สายตานับไม่ถ้วนมองไปที่ฟาง เจิ้งจือ
พวกเขามองฟาง เจิ้งจือ ที่หายใจไม่ออก และบิดตัวอยู่บนพื้น ทุกคนต่างกลืนน้ำลาย
พวกเขานึกถึงความทุกข์ที่ฟาง เจิ้งจือ กำลังเจออยู่
”เขาจะหายใจไม่ออกจริงๆงั้นหรือ?”
พวกเขาต่างคิดไปต่างๆนาๆพวกเขาไม่อยากจะเชื่อ แต่…
มันเกิดขึ้นจริง
ฟางเจิ้งจือ หมดหวังแล้ว เขาอยากตาย ความเจ็บปวดนั้นสาหัสเกินไป!
ผลไม้ติดอยู่… เขาไม่สามารถผลักมันเข้าไปหรือคายมันออกมา …
เฉพาะผู้ที่เคยมีประสบการณ์…
จึงจะรู้ว่ามันเจ็บปวดเท่าไหน!
มีคำพูดบอกว่าค่อยๆกัดทีละคำ
นั่นหมายความว่าอย่าโลภเกินไปตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ เข้าใจคำนี้แล้ว
บัดซบ!
แต่เขามีทางเลือกอื่นหรือไม่?
ไม่!
เขาต้องไปให้ถึงเป้าหมาย!
ฟางเจิ้งจือ เพิก เฉย ต่อสายตารอบๆ จากนั้นเขาชกผลไม้
”ตึงตึง ตึง… ”
เสียงดังก้องอย่างต่อเนื่อง…
ในที่สุด…
หลังจากโดนไปเกือบร้อยหมัด…
ผลไม้ก็สามารถเข้ามาอยู่ในปากของฟาง เจิ้งจือ ได้
จากนั้นฟาง เจิ้งจือ ก็เจอกับปัญหาใหม่ ผลไม้ติดคอเขา!
มันไม่ยอมลงไป!
เขาต้องทำยังไง?
ไม่มีความจำเป็นต้องตอบคำถามนั้น
เป็นเพราะว่า…
มีทางแก้ไขเพียงทางเดียวเท่านั้น
เขาอยู่ในจุดที่ไม่สามารถถอยกลับได้อีกแล้ว
”ปัง!”
ฟางเจิ้งจือ เอามือต่อยผลไม้ด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดที่เขามี
ฟางเจิ้งจือ รู้สึกว่าลำคอของเขาเหมือนจะระเบิดออกมา
”อั้ก!”
ร่างกายของฟาง เจิ้งจือ เริ่มกระตุกด้วยความเจ็บปวด
ขาของเขาสั่นสะท้าน
ก่อนที่เขาจะล้มลงกับพื้น
”เขา… สำลักจนตายแล้วงั้นหรือ?”
ปีศาจต่างคิดขึ้นมาขณะมองไปยัง ฟาง เจิ้งจือ ที่เหมือนไร้ชีวิตไปแล้ว
ใบหน้าของซิง หยวนกัว กลายเป็นสีม่วงทันที
มันไม่ใช่เพราะความอ่อนแอหรืออาการการบาดเจ็บของเขา… แต่มันเป็นที่หัวใจ…
หัวใจของเขาแตกสลาย
เขาทำทั้งหมดไปเพื่ออะไร?
ทำไมเขาถึงฝากความหวังไว้กับคนคนเดียว?
เขาเจ็บใจมาก!!
เขาไม่อยากจะเชื่อเลย
พวกเขาพยายามเป็นอย่างมากแต่ ฟาง เจิ้งจือ กลับสำลักตาย?
แต่…
นั่นคือความจริง…
ความจริงมักโหดร้าย!
มีสองร่างยืนอยู่บนกำแพงของถิ่นฐานเนินเขาเหล็ก
หนึ่งในนั้นสวมชุดนักปราชญ์สีขาวอีกคนสวมชุดอันหรูหราที่เปื้อนไปด้วยเลือด
หนานกงเฮา และ ฉาน หลิง
ทั้งคู่ไม่ได้กระโดดลงสนามรบ
”เจ้ากำลังรออะไรอยู่?”ฉานหลิง มองไปยัง ฟาง เจิ้งจือ ที่นอนอยู่พร้อมยิ้มเยาะ
”ข้าไม่ได้รออะไร”หนานกง เฮา ส่ายหัว
”ข้าไม่คิดว่าหนานกง เฮา จะกลัวความตาย!” ฉาน หลิง เยาะเย้ย
”ต้องมีคนอยู่ที่นี่”หนานกง เฮา พูดเพิ่มเติม
”อยู่ที่นี่?”ท่าทีของ ฉาน หลิง เปลี่ยนไป เขากำดาบในมือแน่น เขาเห็นความนิ่งสงบของ หนานกง เฮา เป็นอย่างดี
”ข้ามีสนธิสัญญาอยู่ในมือถ้าท่านไม่มีปัญหาอะไร โปรดลงนาม ” หนานกง เฮา ดึงกระดาษสีทองอกมา
ก่อนจะโยนมันให้คังหยาง..
”สนธิสัญญา?!”ท่าทีของ ฉาน หลิง เปลี่ยนไป “งั้น..เจ้าเป็นฑูตตัวจริง!”
”ใช่”หนานกง เฮา พยักหน้า
”ถ้าข้าไม่ลงนามล่ะ?””สายตาของ ฉาน หลิง เต็มไปด้วยความเยือกเย็น
”ท่านคิดว่าข้ายืนรออยู่ด้านหลังทำไมล่ะ?”หนานกง เฮา ตอบกลับอย่างใจเย็น
”หนานกงเฮา ข้าต้องยอมรับในความสามารถของเจ้า พลังของเจ้าเทียบได้กับผู้ที่อยู่ในระดับจุติขั้นต้นได้เลย แต่เจ้าคิดว่าเจ้าจะฆ่าข้าได้อย่างนั้นรึ?” ฉาน หลิง กดดัน
”ทำไมท่านไม่ลองดูล่ะ?”หนานกง เฮา หันกลับไปมอง พร้อมเอามือจับที่ดาบ
ท่าทีของฉาน หลิง เปลี่ยนไปทันที
เขามองไปที่หนหานกง เฮา และกองทัพมนุษย์ที่สู้อยู่
เขากัดฟันแน่น
”ห้าปี!พวกเราจะเป็นรัฐบรรณาการเพียงห้าปี!” ฉาน หลิง พูดจุดดยืนของตัวเองออกมา
”สิบปีนั่นเป็นขั้นต่ำ” หนานกง เฮา ส่ายหัวของเขา
”ตกลงสิบปีแต่ข้ามีเงื่อนไข … ” ฉาน หลิง ลังเล ก่อนจะมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ “พวกเราจะมอบของบรรณาการให้เพียงครึ่งหนึ่ง!”
”มันอยู่ในสนธิสัญญากรุณาลงนาม”หนานกง เฮา พยักหน้า
”มีอยู่แล้ว?!”ฉาน หลิง ไม่อยากจะเชื่อ
เขาคลี่กระดาษออกและอ่านมัน
หนานกงเฮา พูดถูก…
มันเขียนอยู่ในนั้นแล้ว
นอกจากนี้ยังมีการระบุระยะเวลา10 ปีอย่างชัดเจน สิ่งสำคัญที่สุดคือมีการประทับตราสีแดงที่ด้านล่าง
ตราประทับของจักรพรรดิ!
”ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องนี้จะถูกคาดการณ์โดยอาณาจักรเซี่ยไว้แต่แรกแล้วไม่เลว ฮ่าฮ่า ไม่เลว!” ฉาน หลิง กัดฟัน
จากนั้นเขากัดนิ้วของตัวเอง…
และ…
วางมันลงบนกระดาษ
ฉานหลิง ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาลังเลเล็กน้อย ก่อนจะโยนมันกลับให้ หนานกง เฮา
หนานกงเฮา และไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน เขาเก็บกระดาษ และจับไปที่ดาบ
เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
พุ่งออกไปจากกำแพงไปบนท้องฟ้า
ฉานหลิง กัดริมฝีปากเมื่อเห็น หนานกง เฮา จากไป เลือดหยดหนึ่งไหลออกมา ท่าทีของเขาดูไม่มั่นคงเท่าไรนัก
โกรธ…
ความโกรธของเขาฝังลึก…
อย่างไรก็ตามความโกรธของเขาถูกแทนที่ด้วยความตกใจอย่างรวดเร็ว
สายตาของเขาเห็นบางอย่างที่ควรจะไร้ชีวิตไปแล้ว…
เขาเห็น…
ร่างหนึ่งอยู่ดีๆก็กระตุกขึ้นมา…
เพจหลัก: Gate of god TH
ตอนที่ 480 ช่างน่าเกลียดเหลือเกิน
”ข้าตาฝาดไปงั้นหรือ?”ฉาน หลิง ขยี้ตามองคนที่นอนอยู่
เขา…
ตายแล้วจริงเหรอ?
ขณะที่ฉาน หลิง กำลังคิดนั่นเอง ดาบของ หนานกง เฮา ได้มาถึงคังหยาง แล้ว
มันเป็นดาบโปร่งใส
มันชื่อว่าดาบสรรพสิ่ง
ปลายดาบเต็มไปด้วยไอเย็นหมอกหนาปกคลุมทั่วตัว หนานกง เฮา
ทุกคนมองไปที่หนานกง เฮา
และคังหยาง
แม้เขาจะมองไม่เห็นแต่เขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น เพราะเขาคือ คังหยาง ที่ทรงพลัง ไม่มีอะไรสามารถเอาชนะเขาได้
แสงแห่งปราชญ์ยังคงเปล่งประกายระยิบระยับ
ดาบของหนานกง เฮา หยุดอยู่กลางอากาศ ราวกับถูกแสงเซียนหยุดไว้
มันไม่ใช่อะไรที่คนอื่นคาดเดาไม่ได้…
แต่ท่าทีของหนานกง เฮา เปลี่ยนไปราวกับทะเลสาบที่ถูกหินปาใส่
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์อันหลากหลาย
…
ก่อนที่หนานกง เฮา จะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ราวกับเขาได้ใช้พลังทั้งหมดเพื่อดึงดาบออกมาจากแสงแห่งเซียน
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก…
แต่มันเป็นเรื่องจริงดาบสรรพสิ่งถูกดึงออกมาจากแสงแห่งเซียน
เกิดเป็นเงาดาบนับไม่ถ้วน!
เงาที่เกิดขึ้นเหมือนดาบสรรพสิ่งอย่างกับแกะ
พวกมันเริ่มหมุนวนไปรอบๆคังหยางราวกับพายุลูกหนึ่ง ในเวลาเดียวกัน หนานกง เฮา ก็ได้หายไป
เสียงของดาวที่เคลื่อนไหวไปมาดังขึ้นอย่างชัดเจน
แสงแห่งเซียนพุ่งไปหาพายุนั้น
ทุกคนรู้ดีว่าแสงนี้ทรงพลังเช่นไร
อย่างไรก็ตามมีดาบเพียงส่วนหนึ่งที่ถูกทำลาย อีกส่วนหนึ่งก็กลับมารวมตัวกันเป็นพายุเช่นเดิม
มันดูรุนแรงมากยิ่งขึ้น
แสงแห่งเซียนดูอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด
มันเป็นภาพที่น่าตกใจมากยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพายุเข้าใกล้คังหยาง มันได้สร้างรอยๆเล็กๆบนชุดของคังหยาง
มันถูกตัดขาด
แม้จะเป็นรอยเล็กๆแต่ทุกคนสามารถเห็นได้ชัดเจน
”ว้าว!”
หน่วยเกราะมังกรและกองทัพทลายภูผาต่างตกตะลึงหลังจากคังหยางเป็นเซียน มีเพียงหนานกง เฮา คนเดียวที่สามารถทำร้ายเขาได้
หรืออย่างน้อยที่สุดก็ทำให้เสื้อผ้าของเขาเป็นรอย!
ไฟในใจของเหล่ามนุษย์ถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง
ฉานหลิง รู้สึกเย็นยะเยือกเป็นอย่างมากจนหน้าผากมีเหงื่อไหลออกมา
ในที่สุดเขาก็เข้าใจ่าทำไมหนานกง เฮา ถึงกล้าที่จะยืนอยู่ด้านหลัง และเขาใจว่าทำไม หนานกง เฮา ถึงกล้าท้าทาย คังหยาง
”หนานกงเฮา!่
…
”เป็นการโจมตีที่ดี!ใช้ดาบสรรพสิ่งเพื่อบิดเบือนกฎ!” ซิง หยวนกัว มองด้วยความชื่นชม
”ใช้ดาบสรรพสิ่งเพื่อบิดเบือนกฎ?”หน่วยเกราะมังกรและกองทัพทลายภูผารู้ว่า ซิง หยวนกัว กำลังอธิบายวิชาของ หนานกง เฮา
แต่พวกเขาไม่เข้าใจความหมายของมัน…
แต่….
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ควรจะถาม
ฉือกูเหยียน มองไปที่ท้องฟ้าเช่นกัน ราวกับนางกำลังคิดบางอย่างอยู่
มีไม่กี่คนที่รู้ว่าหนานกง เฮา แข็งแกร่งขนาดไหน
หายากที่ใครบางคนจะสามารถกดดันให้หนานกง เฮา สามารถใช้ทุกอย่างได้
ฉือกูเหยียน เป็นหนึ่งในนั้น
ตอนที่นางสู้กับหนานกง เฮา เขาได้ใช้ทุกอย่างที่มีแล้วเช่นกัน แต่ก็ล้มเหลว
เขาพ่ายแพ้ฉือ กูเหยียน
”เขาประสบความสำเร็จหาใช่เพราะดาบสรรพสิ่งไม่ แต่เขาเล่นกับกฎ แม้แต่ข้าก็ไม่มั่นใจที่จะทำเช่นนั้น!” ฉือ กูเหยียน พึมพัม
”พี่เหยียนท่านพูดอะไร?”ปิง หยาง ไม่เข้าใจ
”ไม่มีอะไร”ฉือ กูเหยียน ส่ายหัว
…
บนท้องฟ้า…
ดาบยังคงหมุนวนอยู่ทั้งเสียงและสายลมถูกควบคุมด้วยพายุที่เกิดขึ้นจากดาบสรรพสิ่ง
คังหยางไม่เคลื่อนไหว เขายืนเงียบๆอยู่ที่จุดเดิม
ทันใดนั้น…
มีลำแสงหนึ่งพุ่งผ่านเขาไป…
ทำให้ชุดของเขาพัดขึ้นเล็กน้อย
และดูเหมือนดาบจะตัดผ่านหน้าท้องของเขาไปเล็กน้อยพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมา
หน่วยกราะมังกรและกองทัพทลายภูผาต่างยินดี
”หนานกงเฮา!่”
”หนานกงเฮา!่”
”…”
ปีศาจตอบสนองแตกต่างกัน
พวกเขาต่างโกรธแค้นเขารู้ว่า หนานกง เฮา ใช้วิชาอะไร
คังหยางเป็นเซียน…
แต่เขาก็ยังเป็นคังหยาง
เขาแตกต่างจากเซียนคนอื่นเขาสามารถคำนวณทิศทางได้จากเสียงและคลื่นพลังเท่านั้น ตอนนี้ หนานกง เฮา กำลังรบกวนมันทั้งคู่
หรือก็คือ
หนานกง เฮา ทำให้ ดาบหายไปจากดวงตาของ คังหยาง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าหนานกง เฮา ทำอย่างไร แต่พวกเขาไม่ยินดีแน่นอน
”น่ารังเกียจ!”
ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความแค้น
พวกเขาอยากจะสบถออกมาก่อนเหลือเกิน
แต่ในการต่อสู้
ผลลัพธ์คือสิ่งที่สำคัญที่สุด…
กระบวนท่าและวิธีที่ใช้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
…
”ไม่เลวตระกูลหนานกง ไม่ทำให้ผิดหวัง… ” เสียงของ คังหยาง ดังขึ้น ก่อนจะดึงแสงแห่งเซียนกลับมา
สัญลักษณ์บนหน้าผากของเขายังคงเรืองแสง
ปีศาจทุกคนตกใจที่เห็นสิ่งนี้พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไม คังหยาง ถึงทำแบบนี้
มันไม่เท่ากับเขาทิ้งการป้องกันของตัวเองไปงั้นหรือ?
เขาตาบอด…
การดึงแสงแห่งเซียนกลับมาจะเป็นเรื่องดีงั้นหรือ?
ปีศาจไม่สามารถเข้าใจได้
หยุนชิงวู กำมือแน่นด้วยความกังวล
ในขณะนั้นเอง…
ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางพายุ
เป็นร่างที่หลอมรวมเข้ากับพายุโดยสมบูรณ์เขาถือดาบใน มือ ของเขา
มันเป็นดาบที่อยู่ห่างจากหน้าผากของคังหยางเพียงไม่กี่นิ้ว
ไม่มีสิ่งใดขวางกั้นมันไว้แม้แต่น้อย
มันทั้งเงียบและอันตราย
มันมีชื่อเรียกอยู่…
วิชารบมังกร!
ดวงตาของทุกคนจ้องเขม็งไปที่ดาบพวกเขาอยากจะตะโกนโห่ร้อง แต่พวกเขาไม่สามารถทำได้ ดาบนั้นเร็วมาก! มันไม่มีเวลาแม้แต่จะเกิดเสียงด้วยซ้ำ
”แกร้ง!”เสียงเบา ๆ ดังขึ้น
สองมือ…
ประสานกัน…
ระหว่างกลางนั้นมีดาบโปร่งแสงอยู่
ท่าทีของหนานกง เฮา เปลี่ยนไปทันที
”ผู้อาวุโสท่าน… ” หนานกง เฮา ไม่อยากจะเชื่อ เขาพยายามจะโจมตีครัง้ที่สอง
”เจ้ามีทางเลือกอื่นนอกจากโจมตีหน้าผากข้าไหม?”ท่าทีของ คังหยาง เต็มไปด้วยความสงบ
”อืมข้าเข้าใจแล้ว” หนานกง เฮา พยักหน้า
ทุกคนเงียบ
ปีศาจยิ้มเพราะความหวังของพวกเขาได้กลับมาใหม่อีกครั้ง
มนุษย์ต่างสิ้นหวังความหวังของพวกเขาถูกทำลายอีกครั้ง
คือมัน…
ทุกอย่างสูญเปล่า?
สงครามกำลังจะจบลงแล้วหรือ?
”เขาอาจไม่มีทางเลือกแต่ข้ามี!”
เสียงหนึ่งขัดความเงียบขึ้นมามันเป็นเสียงแปลกๆที่ดังขึ้นมาจากท้องฟ้า
มีเพียงสองร่างบนท้องฟ้า
คังหยางและ หนานกง เฮา
ไม่มีบุคคลที่สามอีก
แต่เสียงกลับมาจากฟากฟ้าหรือให้ชัดเจนกว่านั้นมันมาจากด้านหลังคังหยาง มันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
ท่าทีของคังหยางเปลี่ยนไปทันที
เขาหน้าซีด
เมื่อเสียงนั้นดังขึ้นเขาก็รู้สึกเจ็บปวดจนทนไม่ไหวเขาไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้มาก่อนในชีวิตของเขา
”เขาไม่มีทางเลือกแต่ข้ามี!”
เสียงดังก้องอยู่ในใจของคังหยาง
เขารู้สึกขมขื่นมาก
เขารู้อยู่เสมอว่าตัวเองมีจุดอ่อนอยู่ที่หน้าผาก…และเขาต้องคอยปกป้องมัน
เพราะมันเป็นเพียงจุดอ่อนเดียว
แต่ตอนนี้…
เขาตระหนักว่าเขามีจุดอ่อนอื่น
นั่นคือจุดที่ไม่มีใครรู้ได้
คังหยางดิ้นรนอย่างเจ็บปวด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหน้าเกลียดหน้ากลัว
”ฟางเจิ้งจือ!” คังหยาง ตะโกนด้วยความอับอายและโกรธ
ในฐานะเซียน…
เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บในจุดนั้น
แต่ฟาง เจิ้งจือ …
ฟางเจิ้งจือ เล็งไปที่มันครั้งที่สองแล้ว ที่สำคัญเขาทำสำเร็จในครั้งนี้
ความโกรธและความอาย!
ร่างของพุ่งลงมาจากท้องฟ้าและกระแทกพื้นทันที
เงียบ
ความเงียบก่อนหน้านี้ตามมาด้วยความยินดี และความเศร้าตามลำดับ
แต่คราวนี้มันเป็นผลมาจากความกลัว…
เป็นเพราะว่า…
ทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
พวกเขาเห็นร่างที่ยืนอยู่ด้านหลังคังหยางเป็นร่างที่เต็มไปด้วยเลือด
อย่างไรก็ตามท่าที่เขาทำอยู่นั้นทำให้ทุกคนหวาดกลัวไปจนถึงกระดูกสันหลัง
เขาประสานมือไว้ด้วยกัน…
มันคล้ายกับที่คังหยาง ตั้งรับดาบของ หนานกง เฮา แต่ ฟาง เจิ้งจือ ชูนิ้วชี้ขึ้นมาและประสานไว้ด้วยกัน
เพียงการเคลื่อนไหวในครั้งเดียว…
เขาแทงขึ้นไป…
ฟางเจิ้งจือ ใช้มันเพียงครั้งเดียว และไม่ลังเลที่จะใช้อีก คราวนี้เขาใช้พลังงานทั้งหมดที่เขามี
”โจมตี!”
เขารู้ว่ามันต้องได้ผล…
ทุกคนตกตะลึงพวกเขาไม่สามารถจินตนาการของผู้ที่โดนท่านี้เข้าไปได้
”เขายังไม่ตาย!”
”ฟางเจิ้งจือ ยังมีชีวิตอยู่!”่
”เขาไม่ได้ตายแล้วเหรอ?”
ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เห็นฟาง เจิ้งจือ เอาชีวิตรอดมาได้ยังไง?
มันเป็นผลไม้ลูกใหญ่
เขากินมันหมดได้ยังไง?
พวกเขาตกตะลึงกับการโจมตีอย่างไม่สนเรื่องมารยาทใดๆของฟาง เจิ้งจือ มาก
นั่นคือเซียน!
เขาใช้วิธีการที่น่ารังเกียจถึงสองครั้ง!ชายคนนี้หาญกล้าขนาดไหน?
อย่างไรก็ตามปีศาจไม่ได้คิดอย่างนั้น
”ไร้ยางอาย!”
”ไร้ยางอายมาก!”
”เขากล้าดียังไง?”
ปีศาจโกรธมาก!เซียนที่ผู้คนเคารพนับถือ แต่เขาพึ่งถูกแทง
เข้าจุดสงวน!
ที่สำคัญคือคังหยางล้มลงกับพื้น?
อย่างรุนแรง!
น่าอายมาก!
พวกเขาไม่สามารถทนได้!
ปีศาจต่างดึงธนูให้ตึงพวกเขาตัดสินใจยิง ฟาง เจิ้งจือ ให้ร่วงลงมา
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ปล่อยธนู
เป็นเพราะว่า…
พวกเขาเห็นดวงตาคู่หนึ่ง
มันเป็นดวงตาที่แปลกมากดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ ข้างหนึ่งเป็นสีม่วง ดวงตาอีกข้างเต็มไปด้วยสีสันมากมาย
แดง,เหลือง, น้ำเงิน, เขียว …
พวกเขาไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน
เพจหลัก: Gate of god TH