Gate of God - ตอนที่ 485 -486
ตอนที่ 485 เพื่อ หยุน ชิงวู
ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งที่คังหยาง พูด
มันชัดเจน
ทั้งคังหยางทั้ง ฟาง เจิ้งจือ ยังไม่ตาย ปกติแล้วพวกเขาทั้งสอง ควรจะกำลังต่อสู้กันอยู่
เกิดอะไรขึ้น?
แลกเปลี่ยนตัวประกัน?
ทหารทุกคนมองหน้ากันและไม่เห็นอะไรอื่นนอกจากความสับสนในแววตาของพวกเขาเอง
สิ่งเดียวที่สามารถอธิบายได้คือ…
พวกเขาสองคนต้องบ้าไปแล้ว…
จะอธิบายสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นยังไง?
ไม่มีใครเข้าใจ
ดวงตานับไม่ถ้วนจ้องมองที่คังหยาง
พวกเขาตั้งตารอฟังคำอธิบาย
คำตอบอาจอยู่ในการเคลื่อนไหวต่อไปของคังหยางหรือไม่ก็ ฉือ กูเหยียน
ชุดสีชมพูและเส้นผมเงางามพริ้วไหวตามสายลม
”ตกลง”ฉือ กูเหยียน พยักหน้าโดยไม่ลังเล นางตอบราวกับว่าได้คาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้แล้ว
”อืม”คังหยาง พยักหน้า
ไม่มีคำพูดหรือความรู้สึกใดๆฉือ กูเหยียน มองอย่างใจเย็น
ทหารทุกคนไม่เชื่อสายตาตัวเอง
”เกิดอะไรขึ้น?”่
”มันจบแล้ว?!”
”จบแล้วรึ?”่
ทหารทุกคนในสนามรบไม่ว่าจะเป็นปีศาจหรือมนุษย์ต่างก็สับสนอย่างที่สุด
นี่มันไม่น่าเชื่อ!
ถ้ามันง่ายขนาดนั้นแล้วจุดประสงค์ของสงครามครั้งนี้คืออะไรกัน?
มนุษย์และปีศาจนับไม่ถ้วนต้องล้มตายไปเพื่ออะไรกัน!
พวกเขาไม่เข้าใจ…
จนกระทั่ง…
พวกเขาได้ยินเสียงอึกทึกที่ด้านหลังพวกเขา
แน่นอนว่ามันอยู่ไกลออกไปมันดังมาจากทางเนินเขาเหล็ก
เมื่อพวกเขาได้ยินท่าทีของเหล่าทหารก็เปลี่ยนไป
เหล่าปีศาจเริ่มเคร่งเครียด
ฝ่ายมนุษย์ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อย่างน้อยๆสามารถเห็นได้ถึงความสุขในแววตาของพวกเขา ความมั่นใจในชัยชนะ
หลังจากวันแห่งการต่อสู้ที่เหนื่อยล้า…
กองกำลังเสริมกำลังมาถึงแล้ว
แม้ว่านี่จะเป็นเพียงแนวหน้าแต่การมาถึงของเหล่าทหารก็หมายความว่าการต่อสู้จบลงแล้ว
ณจุดนี้
ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจว่าทำไมคังหยางถึงต้องการแลกเปลี่ยนตัวประกันกับฉือ กูเหยียน
เป็นเพราะว่า…
ไม่มีความหมายที่จะต่อสู้ต่อไปแล้ว
ผลลัพธ์นั้นชัดเจน
การต่อสู้ก่อให้เกิดการสูญเสียในทุกๆด้านนี่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น
ในการต่อสู้เพื่อความตายระหว่างทั้งสอง…
จะมีผู้หนึ่งที่จะได้รับชัยชนะ
อย่างไรก็ตามถ้าใครคนหนึ่งอ่อนแอกว่าอีกคน มันคงจบได้โดยง่าย
ความจริงแล้ว…
การัดสินระหว่างทั้งสองกองทัพนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
โดยเฉพาะการต่อสู้ในแดนไกลนอกอาณาจักรเซี่ย
มันเป็นการต่อสู้ที่โหดร้าย
การต่อสู้ที่ไม่ว่าปีศาจหรือมนุษย์ก็ไม่อยากคิดถึงมันพวกเขาไม่อยากให้มีประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
”อาจารย์ท่าน…” หยุน ชิงวู ได้ยินเสียงจากที่ไกลๆ แต่นางเลือกที่จะไม่สนใจนางไม่ได้ออกคำสั่งแต่อย่างใด
นางมองไปที่คังหยางนางไม่ได้ร้องไห้แล้ว แต่เต็มไปด้วยความกังวล
คังหยางไม่แนะนำให้หยุน ชิงวู ออกคำสั่งถอนทัพเช่นกันเขายื่นมือของเขาออกมาลูบหัวของ หยุน ชิงวู
ปีศาจยังคงยืนอยู่ในจุดเดิม
เหล่าทหารฝ่ายมนุษย์ต่างค่อยๆจับอาวุธขึ่้น
นี่คือการป้องกันครั้งสุดท้าย
พวกเขาไม่สามารถลดการป้องกันลงได้จนกว่ากำลังเสริมจะมาถึง
พวกเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียด…
ฉานหลิง รู้สึกกังวลอย่างยิ่ง เขาสามารถได้ยินเสียงของกองกำลังเสริมกำลังที่กำลังจะมาถึง แต่เขาไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นทหารของดินแดนภาคใต้หรือทหารของอาณาจักรเซี่ย!
มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่รู้สึกกังวล
เขาคือฟาง เจิ้งจือ
หลังจากสวมเกราะฟาง เจิ้งจือ ก็จัดทรงผมเล็กน้อย แล้วเดินไปหา ปิง หยาง
”ไปกันเถอะ”ปากของ ฟาง เจิ้งจือ กระตุกเล็กน้อย
”ไป?ที่ไหนกัน?” ปิง หยาง ถามด้วยความสงสัย
”ไร้สาระมาก!ข้าต่อสู้มาทั้งคืน! แน่นอนว่าข้าต้องหิวแล้ว เจ้าไม่หิวงั้นรึ?” ฟาง เจิ้งจือ เยาะเย้ย
ปิงหยาง มอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยสายตาอันว่างเปล่า เขารู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ พึ่งกินผลไม้มาเอง
”เจ้า…ยังไม่อิ่มอีกรึ?”ปิง หยาง ถามอย่างสงสัย
”โง่มาก!”ฟาง เจิ้งจือ ไม่คิดจะตอบคำถามของนาง
”โง่!”
เสียงของฟาง เจิ้งจือ ดังก้องไปทั่วสนามรบ
หน่วยเกราะมังกรและกองทัพทลายภูผารู้เรื่องฟาง เจิ้งจือ กับ ปิง หยาง มาบ้าง เช่นนี้พวกเขาจึงไม่แปลกใจกับสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ พูดออกมาเท่าไรนัก
อย่างไรก็ตามทหารของแดนใต้ต่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเป็นอย่างมาก
ดูหมิ่น…
มันนับเป็นการดูหมิ่นองค์หญิงหรือไม่?
เดี๋ยวก่อน…
เขาเองก็ไม่เคารพองค์หญิงฉาน ยู่ เช่นเดียวกัน!
ทหารแดนใต้ต่างส่ายหัวอย่างไม่เห็นด้วย
ฟางเจิ้งจือ เพิกเฉยต่อปฏิกริยาของพวกเขา เขาหันไปมอง ฉือ กูเหยียน
”เจ้าจะกินอะไรไหม?”ฟาง เจิ้งจือ ถามอย่างหงุดหงิด
”ข้าจะกินถ้าเจ้าทำ” ฉือ กูเหยียน พยักหน้าหลังจากคิดสักพัก
”ข้า?ข้าไม่มีวัตถุดิบที่จะทำ” ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัวก่อนจะชี้ไปที่หน้าอกของตัวเอง
”ข้าเอาติดมือมาจากบ้านเจ้าอยู่บ้าง”ฉือ กูเหยียน หยิบกล่องไม้เล็กๆออกมา
ภายในมีมากกว่า10 ช่องแต่ละช่องบรรจุผงที่มีสีสันแตกต่างกันไป
ทหารทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นฉือ กูเหยียน หยิบกล่องออกมา
พวกเขาไม่แปลกใจกับกล่อง…
พวกเขาตกตะลึงกับคำพูดของนาง
บ้านของเขา?
นางกำลังพูดอะไรออกมา?
แน่นอนว่า…
นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักสถานการณ์ปัจจุบันยังคงตึงเครียด … ทำไม ฟาง เจิ้งจือ ถึงยังพูดคุยเกี่ยวกับอาหาร?
ทำไมเขาถึงลากฉือ กูเหยียน มาคุยด้วย?
พวกเขายังอยู่ในสงคราม!ทำไมพวกเขาถึงกล้าพูดถึงเรื่องของกินกัน?
ที่สำคัญที่สุดคือ…
คังหยางดูเหมือนจะไม่โกรธแม้แต่น้อย ราวกับเขาไม่ได้ยินการสนทนาระหว่าง ฉือ กูเหยียน และ ฟาง เจิ้งจือ
หรือเขาลืมสิ่งที่ฟาง เจิ้งจือ ทำกับเขาในกลืนกินโลกไปแล้ว? แม้ว่าเขาจะรักษาตัวเองได้อย่างรวดเร็วเพราะเป็นเซียนก็ตาม แต่เขาทนกับความอัปยศได้ยังไง?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่เกิดอะไรขึ้นในโลกแห่งเซียน?
”ผู้หญิงช่างน่ารำคาญเหลือเกิน… ”
ฟางเจิ้งจือ เพิกเฉยต่อสายตาคนรอบข้าง ดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อเห็นกล่องเครื่องเทศในมือของ ฉือ กูเหยียน
”งั้นข้าขอกินด้วย!”ปิงหยาง อดใจไม่ไหว ดวงตาของนางเป็นประกายด้วยความคาดหวังเช่นกัน
”ไม่มีอาหารให้เจ้าหรอก”ฟาง เจิ้งจือ ตอบกลับ
”ฮึ!ทำไมล่ะ? พวกเครื่องปรุงเป็ของพีเหยียนนะ! ข้าเองก็เป็นถึงเจ้าหญิง…”
”ข้าบอกแล้วใช่ไมหว่าอย่ามาพูดเรื่องตำแหน่งกับข้าอยู่กับข้าให้พูดแทนตัวเองว่า ‘ข้า’ก็พอ” ฟาง เจิ้งจือ พูดขัดขึ้นมา
”ข้าอยากกินบ้าง!”ปิง หยาง ตอบ
”ก็ได้”ฟาง เจิ้งจือ โบกมือด้วยความรำคาญ ก่อนจะเดินไปที่เนินเขาเหล็ก
ฉือกูเหยียน และ ปิง หยาง เดินตามหลังไป
ทหารของแดนใต้ทำใจเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้พวกเขาไม่คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะปล่อยคังหยางไป
อย่างไรก็ตาม…
คังหยางไม่ได้มีท่าทีจะหยุด ฟาง เจิ้งจือ
”เฮ้เจ้าไร้ยางอาย ทำไมชายตาบอดถึงไม่ตามเจ้ามาล่ะ? ทำไมเขาไม่อยากฆ่าเจ้าแล้วงั้นรึ? หรือระหว่างพวกเจ้ามีความลับอะไรอยู่?” ปิง หยาง ยังคงเฝ้าดูคังหยาง ขณะที่นางเดินไปทางเนินเขาเหล็ก
ปิงหยาง ทนไม่ไหว ความอยากรู้อยากเห็นของนางมาถึงจุดสูงสุด
”โง่”ฟาง เจิ้งจือ ตอบด้วยความรังเกียจ
”เจ้าดูถูกข้าอีกแล้วนะ?อย่าคิดว่าเจ้ายิ่งใหญ่เพราะทำเรื่องแค่นี้ไป! เอ่อ…พูดตามตรงเจ้าช่วยพวกเรามาตลอด ต่อให้เจ้าจะเอาชนะคังหยางไม่ได้ก็ตาม แต่เจ้าก็ถ่วงเวลาได้จนกำลังเสริมเดินทางมาถึง สิ่งที่เจ้าทำมีคนเห็นมากมาย ข้าคิดว่าท่านพ่อคงออกมาต้อนรับเจ้าที่ประตูเมือง เจ้าจะเชื่อข้าไหม?”่
ปิงหยาง บ่นในตอนแรก ก่อนจะนึกได้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ได้ทำสิ่งที่สุดยอดลงไปจริง
”ต้อนรับข้าที่ประตู?เพื่ออะไร? อ๋อหรือเขาจะเอาสมบัติหรือเพชรพลอยมาให้ข้า อืมก็คุ้มอยู่นะข้าเสียเลือกไปเยอะมาก…”
”เจ้าจะรู้อะไร?ตามปกติแล้วผู้บัญชาการที่ได้รับชัยชนะเท่านั้นที่ได้รับการต้อนรับจากองค์จักรพรรดิ ! หากท่านพ่อมาต้อนรับเจ้านั่นก็ถือว่าเป็นเกียรติอย่างมาก เจ้ากล้าพูดเรื่องสมบัติได้ยังไง?” ปิง หยาง ตอบกลับด้วยความดูถูก
”เกียรติยศไม่มีความหมายสมบัติต่างหากละที่มีความหมายสำหรับข้า” ฟาง เจิ้งจือ ตอบโต้
”แล้วเรื่องการเลื่อนตำแหน่งล่ะ?หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าจะได้เลื่อนตำแหน่งอย่างแน่นอน อย่างน้อยน่าจะเป็นถึงรัฐมนตรี อืม…แต่เจ้ายังขาดประสบการณ์ เพียงเจ้าหน้าที่ระดับหนึ่งก็มากแล้ว อันดับสองก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตระกูลเจ้าอาจจะถูกยกระดับเป็นขุนนาง”ปิง หยาง กล่าวอย่างตื่นเต้น
”ตระกูลขุนนาง?”หัวใจของฟาง เจิ้งจือ สั่นไหว
เขาไม่ได้สนใจอะไรมากกับการเลื่อนขั้นแต่การได้เป็นขุนนางนั่นต่างออกไป
มันเทียบเท่ากับการเป็นสมาชิกของชนชั้นสูง
รวมถึงครอบครัวของเขาก็เช่นกันมันเป็นสิ่งที่เยี่ยมมาก
ฟางเจิ้งจือ ไม่สนใจว่าตำแหน่งนั้นจะสูงแค่ไหน
แต่การได้รับเงินเดือนทุกเดือนก็เยี่ยมแล้ว
แค่นอนอยู่เฉยๆก็มีเงินมากองให้
ช่างวิเศษเหลือเกิน!
เขาจินตนาการถึงพวกมันอย่างคาดหวัง
ถ้าเขากลับไปที่หมู่บ้านในฐานะขุนนางชั้นสูงคนในหมู่บ้านทั้งหมดต้องชดีใจแน่
ฟางเจิ้งจือ ยิ้มอย่างสดใส
เมื่อปิง หยาง เห็นสิ่งนี้
ความตื่นเต้นของนางกลายเป็นความรังเกียจทันที
”มันเป็นเรื่องใหญ่ตรงไหน?แค่สานเลือดชนชั้นสูง?”ปิง หยาง โต้กลับ จากนั้นนางก็พูดต่อว่า “เฮ้ย เจ้าไร้ยางอาย เจ้ายังไม่ได้บอกข้าว่างเกิดอะไรขึ้นระหว่างเจ้ากับคังหยางกันแน่ ทำไมเขาถึงไม่ฆ่าเจ้า?”่
”ถ้าข้าเดาถูกสิ่งที่คังหยางทำก็เพื่อ หยุน ชิงวู” เสียงของ ฉือ กูเหยียน ดังขึ้นเมื่อนางมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
”หยุนชิงวู? ฟาง เจิ้งจือ ทำอะไรกับ หยุน ชิงวู?”ปิง หยาง สับสน
เพจหลัก: Gate of god TH
ตอนที่ 486 เหตุผลของคังหยาง
”คงเป็นการดีกว่าที่สอนให้คนตกปลาเจ้าเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนหรือไม่?”ฉือ กูเหยียน ถาม ปิง หยาง
”แน่นอนการให้ปลาแก่คนมันเป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้น ถ้าต้องการช่วยระยะยาวก็ควรจะสอนวิธีให้แก้พวกเขา ข้าพูดถูกไหม?”ปิง หยาง ถาม
”ใช่”ฉือ กูเหยียน พยักหน้า
”แต่..ข้ายังไม่เข้าใจ มันเกี่ยวข้องกับเรื่องที่คังหยาง ไว้ชีวิต ฟาง เจิ้งจือ ยังไง?” ปิง หยาง ยังคงสับสน
”มันมีอีกความหมายหนึ่ง…อาจารย์ที่ดีย่อมปูเส้นทางไว้ให้ลูกศิษย์”
”เส้นทาง?”
”คังหยางเป็นอาจารย์ที่เยี่ยมยอด เขาได้ยอมแพ้ตอนนี้ แต่เขาได้มอบโอกาสในการล้างแค้นให้กับ หยุน ชิงวู เอาไว้แล้ว” ฉือ กูเหยียน อธิบาย
”ทิ้งโอกาสไว้ให้?สิ่งที่ท่านพูดหมายความว่า… ”
”ใช่แล้วคังหยางกำลังสร้างรากฐานให้ หยุน ชิงวู”
”รากฐาน?”ปิง หยาง สับสนมากขึ้น
“ถ้าข้าเดาไม่ผิดคังหยาง คงเหลือเวลาไม่มากนัก” ฉือ กูเหยียน หันไปมองสองร่างที่ค่อยๆห่างออกไป
หนึ่งแต่งกายด้วยชุดสีฟ้าอีกหนึ่งสวมชุดกระโปรงสีขาว
พวกเขายืนอยู่เงียบๆ
”พี่เหยียนท่านจะบอกว่าชายตาบอดนั่นกำลังจะตายงั้นรึ? เป็นไปไม่ได้ เขาเป็นเซียน! อายุขัยของเขาไม่มีจำกัดนี่?” ปิง หยาง ถามออกมา
”ตามปกติก็คงเป็นแบบนั้น” ฉือ กูเหยียน พยักหน้า
”ปกติ?ท่านกำลังบอกว่าเขไม่ได้เป็นเซียนอย่างแท้จริง แต่เขาพยายามฝืนเพื่อเข้าสู่ระดับเซียน? “ปิง หยาง ตกใจมาก
”มีหกเต๋าในระดับจุติเมื่อเข้าใจพวกมันทั้งหมด ระดับเซียนก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว คังหยาง เข้าถึงเต๋าแห่งสวรรค์ มีเพียงความเป็นไปได้เดียวที่เขายังไม่เข้าสู่ระดับเซียนก่อนหน้านี้”
”อะไร?”่
”เขาปลูกฝึกมาแค่เต๋าเดียว!”
”เต๋าเดียวเท่านั้น?เอิ่ม … พี่เหยียน หมายความว่าเขาเข้าสู่ระดับจุติ โดยไม่ได้ผ่านระดับผนวกดารา สะท้อนสวรรค์และระดับอภินิหารมาก่อน? มันจะเป็นไปได้ยังไง?” ปิง หยาง อดสงสัยไม่ได้
”มันยากมากสำหรับมนุษย์แต่มันเป็นไปได้สำหรับปีศาจ พวกเขาสามารถเข้าสู่วิธีแห่งเต๋าได้ตั้งแต่เกิดมาแล้ว” ฉือ กูเหยียน อธิบายอย่างอดทน
”นั่น…ไม่น่าเชื่อ!”
”ไม่มีใครรู้เรื่องที่ผ่านมาของชีวิตคังหยางเขาพึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาในช่วงสิบปีที่ผ่านมา การที่เขาพัฒนาตัวเองได้ไวเช่นนี้คงเป็นกรณีพิเศษ แน่นอนว่ามันก็เป็นแค่เพียงการคาดเดาของข้า” ฉือ กูเหยียนยังคงพูดต่อ
”แม้แต่องค์จักรพรรดิยังเชื่อท่านข้าใจไม่เชื่อได้ยังไง แต่ข้ายังสงสัย ในเมื่อเขารู้ว่าเขาไม่สามารถเป็นเซียนได้ ทำไมเขาต้องฝืนเพื่อทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนด้วย?”ปิง หยาง ยังคงถามต่อไป
”บางทีเขาอาจจะไม่มีเวลาเหลืออีกแล้ว”
”โอ้… ” ปิง หยาง เงียบหากสิ่งที่ ฉือ กูเหยียน กล่าวเป็นจริง บางที่คงมีเหตุผลบางอย่างที่ปีศาจเลือกโจมตีแดนใต้ในตอนนี้
เวลาของคังหยางกำลังจะหมดลงแล้ว …
นั่นคือแรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังแผนการนี้หรือไม่?
ถ้าเป็นแบบนั้นการที่คังหยางทะลวงเข้าสู่ระดับเซียน เองก็อยู่ในแผนการด้วย? ใบหน้าของ ปิง หยาง เต็มไปด้วยความแปลกใจ
ไม่ต้องสงสัยเลย…
หยุนชิงวู เป็นนายน้อยของเหล่าปีศาจ
ความสามารถในการทำนายอนาคตวางแผนล่วงหน้าทุกคนล้วนรู้ดี
อย่างไรก็ตาม…
นางประมาทฟาง เจิ้งจือ เกินไป นางไม่รู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ มีกลืนกินโลกอยู่ และไม่ได้คาดการณ์ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะสามารถเผชิญหน้ากับ คังหยาง ได้
มันคงเป็นความต้องการของสวรรค์
ไม่ได้เกี่ยวของกับเรื่องแผนการของหยุน ชิงวู
”ข้าเข้าใจแล้ว!คังหยางกังวลว่าความล้มเหลวจะส่งผลต่อจุดยืนของ หยุน ชิงวู กับพวกปีศาจ โดยเฉพาะตอนที่เขาไม่อยู่แล้ว คังหยาง เลยตัดสินใจทำเช่นนี้” ในที่สุด ปิง หยาง ก็เข้าใจ
”อืม”ฉือ กูเหยียน พยักหน้า
การทิ้งภัยคุกคามไว้จะเป็นหลักประกันว่า หยุน ชิงวู ยังมีค่าต่อพวกปีศาจ
อย่างไรก็ตาม…
มีอีกเหตุผลที่ว่าทำไมคังหยาง ถึงปล่อยให้ ฟาง เจิ้งจือ มีชีวิตอยู่
เขามั่นใจว่าฟาง เจิ้งจือ ไม่สามารถทำร้ายพวกปีศาจได้อีกต่อไป
กล่าวอีกอย่างคือฟาง เจิ้งจือ …
ฉือกูเหยียน มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ปากของนางกระตุกเล็กน้อย แต่ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมา
ฟางเจิ้งจือ รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
อย่างไรก็ตาม…
เขาไม่มีคำตอบ
ผลพวงจากการกินผลไม้แห่งเต๋า
ไม่มีใครรู้
ฟางเจิ้งจือ ไม่คิดจะสนใจเรื่องนี้อีก มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทั้งหมดที่เขารู้คือถ้าคังหยาง ออกแรงกดลงที่หน้าอกของเขา เขาต้องตายแน่นอน
อย่างไรก็ตาม…
คังหยางไม่ได้ฆ่าเขา
ฟางเจิ้งจือ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ หยุน ชิงวู หรือไม่ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ ทั้งหมดที่เขารู้คือคังหยางไม่ได้ฆ่าเขา และ…
คงไม่ฆ่าเขาในตอนนี้เช่นกัน
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วส่วนที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง
”เรามาพูดเกี่ยวกับเรื่องของขุนนางเป็นไง?ถ้าข้าได้เป็นขุนนาง ข้าจะได้ที่ดินไหม? ข้าจะมีทหารยามเป็นของตัวเอง?” ฟาง เจิ้งจือ เดินไปที่ประตูเนินเขาเหล็ก
แต่งงานกับใครบางคน?
แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่เขาต้องทำแน่นอน
ไม่งั้นใครจะเป็นผู้สืบทอดสายเลือดของเขาล่ะ?เขาจะแต่งงานกับใครดีนะ? เอา ฉือ กูเหยียน ออกจากตัวเลือกไปได้เลย หยุน ชิงวู? ถุ้ย! นางยิ่งแย่กว่าเสียอีก…
หรือเขาจะต้องไปพวกงานดูตัว? ด้วยคุณสมบัติของเขาในตอนนี้ต้องหาผู้หญิงดีๆได้แน่นอน
เดี๋ยวนะ!พวกผู้หญิง จากตระกูลชั้นสูงไม่น่าจะทำงานบ้านเป็น เขาต้องหาคนที่สามารถทำงานบ้านได้
ใช่
นั่นเป็นสิ่งสำคัญมาก!
ขณะที่ฟาง เจิ้งจือ กำลังยุ่งอยู่กับการวางแผนชีวิตอยู่นั้น…
ปิงหยาง ก็มองมาที่เขาด้วยความรังเกียจ นางกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของ ฟาง เจิ้งจือ แต่สิ่งที่เขาสนใจกลับเป็นเรื่องที่ดิน ทหารยาม?
”ช่วยแสดงความขอบคุณข้าก่อนได้ไหม?ทำไมเจ้าถึงมัวแต่คิดถึงเรื่องที่ดิน ทหารยาม?” ปิง หยาง ฮึดฮัดขณะมองไปที่ หยุน ชิงวู และคังหยาง
ด้านหลังพวกเขา..
มีทหารปีศาจหลายแสนนายเกราะของพวกเขาส่องแสงระยิบระยับท่ามกลางแสงอาทิตย์ มันเป็นกองทัพที่น่ากลัวมาก
”ฮ่าฮ่าฮ่าทำไมล่ะ นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรได้รับจากการมีชีวิตรอดมานะ” ฟาง เจิ้งจือ ยังคงไม่สนใจ ปิง หยาง
ตอนนี้ควรเป็นเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง
อย่างอื่น…
ตอนนี้ก็ควรช่างมันก่อน
แน่นว่ามีเรื่องหนึ่งที่เขาต้องสนใจนั่นคือ เหยียน ซิว
ฟางเจิ้งจือ หันไปมอง ฉือ กูเหยียน และ ปิง หยาง “พวกเจ้ารู้ไหมว่า เหยียน ซิว เป็นยังไงบ้าง?”
”เหยียนซิว? เขากลับไปที่ดินแดนเหลียงตะวันตกแล้ว” ปิง หยาง ตอบโดยไม่ลังเล
”โอ้เขากลับไปแล้วหรือ? งั้น…” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า เขาได้ยินจาก เถิง ซือเซิง ว่า เหยียน ซิว บาดเจ็บอย่างหนัก
คงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะกลับไปที่ดินแดนเหลียงตะวันตกเพื่อพักฟื้นตัวเอง
อืมเขาควรจะหาเวลาว่างๆไปเยี่ยม เหยียน ซิว บ้าง ปัญหาคือเขาอาจจะไม่มีชีวิตอยู่จนถึงวันนั้น…
ฟางเจิ้งจือ ส่ายหัวและเดินเข้าไปที่เนินเขาเหล็ก
เมื่อทหารที่เฝ้าอยู่เห็นพวกเขาก็หลีกทางให้
ก่อนที่ทั้งสามคนจะหายตัวออกไปจากสายตาของทุกคนในสนามรบ
หนานกงเฮา ยืนขึ้นและมองไปทางร่างในชุดสีชมพูเช่นกัน เขากำหมัดแน่น
จากนั้นมันก็คลายออกเกือบจะทันที
“ท่านซิงข้าต้องการเดินทางกลับแล้ว”
”เดินทางกลับเหรอ?”ซิง หยวนกัว เข้าใจว่า หนานกง เฮา ต้องการเดินทางกลับตระกูล
”ใช่น้องชายของข้าคงรออยู่ นี่คือสนธิสัญญาระหว่างอาณาจักรเซี่ยและดินแดนภูเขาทางใต้ โปรดมอบมันให้องค์จักรพรรดิแทนข้าด้วย ข้าจะไปหาองค์จักรพรรดิประมาณหนึ่งเดือนหลังจากนี้” หนานกง เฮา ยื่นกระดาษในมือให้ ซิง หยวนกัว
”อืมข้าเข้าใจแล้ว” ซิง หยวนกัว พยักหน้าขณะที่เขารับสนธิสัญญามาจาก หนานกง เฮา
เพจหลัก: Gate of god TH