Gate of God - ตอนที่ 503 -504
ตอนที่ 503 ดาบแห่งเกียรจิยศ
ใบหน้าของฉาน ยู่ เต็มไปด้วยความสับสน
จิตใจนางว่างเปล่านางไม่รู้ว่าควรจะตื่นเต้นหรือโกรธ นางรอมานานเกินไปแล้ว
เขากลับมาแล้ว…
หลังจากหนึ่งปีผ่านไปเขากลับมากลับมาเอาดาบ
แต่…
ทำไมเขาไม่มาหาข้า
เกิดอะไรขึ้นเมื่อหนึ่งปีก่อน?เขาไม่ควรจะมาบอกความจริงกับข้างั้นหรือ? ทำไมนะ? เขากลัว? หรือเขาไม่อยากเจอข้า?
”ฝ่าบาทข้าได้ส่งคนไปปิดประตูทางออกไปอาณาจักรเซี่ยไว้แล้ว เราควรจะแจ้งอาณาจักรเซี่ย… “วานรน้ำแข็งแนะนำ
”ไม่จำเป็น!”ฉาน ยู่ ตอบอย่างไม่ลังเล “ท่านลุงไม่เชื่อข้างั้นรึ?””
”ฝ่าบาท…ข้าเชื่อมั่นในตัวท่าน!”วานรน้ำแข็งตอบออกมา
”สั่งให้ทหารที่ชายแดนลดการป้องกันลงด้วย”นัยน์ตาของ ฉาน ยู่ เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
”ลดการป้องกัน?ทำไม? ท่านไม่ต้องการรู้ความจริงเบื้องหลังการตายของ ฉาน หลิง งั้นหรือ?”วานรน้ำแข็งไม่เข้าใจ
”ข้าอยากรู้”ฉาน ยู่ ตอบกลับ
”ถ้าอย่างนั้นทำไม… ข้ารู่ว่าท่านเชื่อมั่นในตัว ฟาง เจิ้งจือ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำมันแต่ก็น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง! เขายังเป็นหนี้ของดินแดนภูเขาทางใต้ พวกเราไม่สามารถให้องค์รัชทายาท… ”
”ท่านลุงวานร!”
”ฝ่าบาทท่านคิดอะไรอยู่?”
”ส่งคนไปปักดาบที่คล้ายกันบนหน้าผาเฟิง ซู!”ฉาน ยู่ ตอบหลังจากความคิดบางอย่าง
”ปักดาบที่คล้ายกัน?”วานรน้ำแข็งตกตะลึง
”รับทราบ!”
”ฝ่าบาทท่านวางแผนจะปิดเรื่องนี้กับเขางั้นหรือ? แต่ว่าตอนที่เขาตัดสินใจดึงดาบออกมา เขาอาจตั้งใจจะประกาศให้ทุกคนได้รู้!”วานรน้ำแข็งไม่เข้าใจ
”้ข้าไม่รู้ว่าเขาต้องการซ่อนตัวหรือไม่แต่ข้าไม่ต้องการให้ข่าวนี้กระจายออกไปถึงหูของพวกอาณาจักรเซี่ย!”ฉาน ยู่ ตอบกลับ
”ฝ่าบาทท่านจะไปที่เมืองเหยียนงั้นหรือ?”
”อืมม…เจ้าคิดว่าถ้าเราซุ่มโจมตีที่ปากทางเข้า เราจะจับเขาได้ไหม?”ฉาน ยู่ สอบถาม
”เอ่อ… ” ริมฝีปากของวานรน้ำแข็งกระตุกแต่เขาไม่ได้ตอบ
”เป็นเวลาหนึ่งปีแล้วที่ข้าครองบัลลังก์ใกล้ได้เวลาที่ข้าจะต้องเดินทางไปที่นั่นแล้ว”ฉาน ยู่ กล่าวต่อ
”เอาล่ะในเมื่อท่านตัดสินใจแล้ว ข้าจะเตรียมการทุกอย่างไว้ให้ ท่านจะเดินทางไปยังไง?”วานรน้ำแข็งพยักหน้า
”ยิ่งยิ่งใหญ่เท่าไรยิ่งดี!”
”ข้าจะให้ใครสักคนส่งข้อความถึงอาณาจักรเซี่ยประกาศถึงการไปเยือนของท่าน!”วานรน้ำแข็งโค้งคำนับ
”ขอบคุณเจ้ามาก”
…
บนยอดของเมืองภูเขาเซียน…
ร่างในชุดคลุมสีน้ำเงินยืนอยู่ที่เชิงเขาเขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและเมฆหมอกที่ล้อมรอบเมืองภูเขาเซียน
”นายน้อยท่านจะไปที่เมืองภูเขาเซียนงั้นหรือ? ถ้าจะไป ข้าจะเตรียมการทันที!”เสียงดังขึ้นข้างๆชายคนนั้น
”ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น”ร่างสีน้ำเงินสายหน้า
”อันที่จริงแล้วหัวหน้าบอกให้ข้าส่งข้อความข้าจะส่งข้อความนี้ให้ท่าน ถ้าท่านก้าวเข้าไปในดินแดนภูเขาทางใต้
”พูดต่อสิ”
”ตอนที่ท่านถูกกล่าวหาว่าสังหารองค์รัชทายาทเมื่อหนึ่งปีก่อน…หัวหน้าเชื่อว่าองค์ราชินีไม่เชื่อเรื่องที่อาณาจักรเซี่ยบอก!”
”อืมพูดต่อไป”
”นอกจากนี้หัวหน้ายังรู้เรื่องผู้ติดตามแปดคนที่ร่วมสังหาร อย่างไรก็ตามพวกเขาก็หายไปทันทีที่พวกเขากลับไปถึงเมืองหลวง หัวหน้าเชื่อว่าองค์รัชทายาทได้ปิดปากพวกเขา แล้ว…”
”ดังนั้นคนเดียวที่สามารถเป็นพยานได้ก็คือซู ฉิง”
”ใช่แต่ ซู ฉิง เป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิด นอกจากนี้เขายังได้องค์รัชทายาทคอยช่วย คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเป็นพยานต่อต้าน หลิน เทียนหลง”
”อืม”
”หัวหน้ารู้สึกว่าถ้าท่านสามารถหาคนในดินแดนภูเขาทางใต้มาเป็นพยานให้ท่านได้… แม้ว่าคำให้การนั้นเป็นเท็จ … ”
”ข้ารู้”
”งั้นท่านจะไปที่เมืองภูเขาเซียนหรือไม่?”เสียงนั้นเต็มไปด้วยความหวัง
”ไม่ข้าไม่ไป”
”ถ้าอย่างนั้น…แล้ว ท่านจะไปที่ไหน?”
”หมูู่บ้านภูเขาทางเหนือ”
”หมู่บ้านภูเขาทางเหนือ!เอ่อ …เอ่อ นั่นมันเป็นไปไม่ได้! องค์รัชทายาทส่งคนไปสอดแนมตลอดหนึ่งปีที่นั่น ท่านจะถูกพบทันทีที่ก้าวเข้าไป และจากนั้น … “เสียงเต็มไปด้วยความกลัว
”แล้วอะไร?”
”หัวหน้าบอกข้าเสมอว่าท่านไปได้ทุกที่ยกเว้นเพียงสองแห่ง”
”หมู่บ้านภูเขาทางเหนือและเมืองหลวงข้าพูดถูกไหม?”
”แล้วทำไมท่านยังจะไปที่หมู่บ้านภูเขาทางหนืออีก?”
”เพราะข้าอยากไปแค่นั้นไม่พอหรือไง?”
”รับทราบ!”
”เจ้าจะส่งข้อความบอกนางงั้นหรือ?”ร่างในชุดสีน้ำเงินถาม
”ข้า…ข้าไม่กล้า!”
”โอ้ทำไมละ?”
”แม้ข้าจะเป็นคนของนิกายเงาแต่ก็มีทุกวันนี้ได้ก็เพราะท่าน เพราะงั้นข้าจะไม่ทรยศท่าน … ”
”งั้นเจ้าจะทรยศวู่ จวี้เอ๋อ งั้นหรือ?”
”เอ่อ…”
”เจ้าพูดว่าจะภักดีกับข้าต่อหน้าข้าและบอกว่าจะภักดีกับนางต่อหน้านาง อืม… ข้าจะบอกข้อความของเจ้ากับนางไม่ให้พลาดสักคำ”
”…” ชายที่ยืนอยู่ข้างๆพูดไม่ออกทันที
ฟางเจิ้งจือ ยังคงยืนนิ่งเงียบ “เจ้ามีปัญหาอะไรไหม?”ร่างสีน้ำเงินยิ้มและมองร่างที่ด้านหลังเขา
”ไม่มีปัญหานายน้อย โปรดบอกหัวหน้าในสิ่งที่ข้าพูด”เสียงของเขาสั่นอย่างเห็นได้ชัด
”เนื่องจากเจ้าพูดกับข้าอย่างจริงใจข้าจะตอบแทนคำขอของเจ้า ไปซะ ใช้ชื่อของ วู่ จวี้เอ๋อ บอกคนทั้งเก้าแล้วรอข้าที่เมืองฮวายอัน”
”นายน้อยท่านต้องการให้ข้าปลอมคำสั่งงั้นหรือ?”น้ำเสียงของเขาสั่นไหว
”เจ้ามีปัญหาอะไรไหม?”
”ไม่ไม่มีปัญหาขอรับ หัวหน้าคงเคยชินแล้ว”
”งั้นเจ้ารออะไรอยู่ล่ะไปสิ?”
”รับทราบ!่
…
ห้าวันต่อมา…
ในบ้านอันเงียบสงบที่อาณาจักรเซี่ยนางมีสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อเห็นขดหมายที่อยู่ตรงหน้า
”บ้าเอ้ย!”วู่จวี้เอ๋อ ฉีกจดหมายในมือทิ้ง นางขมวดคิ้ว…
”โอ้?่เจ้าโกรธใครงั้นหรือ จวี้เอ๋อ?”ชายชราคนหนึ่งโผล่มาข้างตัวนาง เขาสวมชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์
”จะเป็นใครไปได้อีกล่ะ?”
”ฟางเจิ้งจือ?!่
”ท่านคิดว่าเขาไม่ทำเกินไปหน่อยหรือ?เขาเป็นสมาชิกของนิกายเงา เขาจะเรียกสมาชิกนิกายไปที่เมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์ทำไม…เขาไม่กลัว…?” เสียงของ วู่ จวี้เอ๋อไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
”ใช่เขาให้สมาชิกนิกายไปรวมกันที่เมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์ได้ยังไง?”ชายชราถาม
”เขาไม่ได้เรียกพวกนั้นไปแต่เขาหลอกพวกนั้นโดยใช้ชื่อข้า!” วู่ จวี้เอ๋อ ยืนยัน
”อืมเจ้าพูดถูกแล้ว อย่างไรก็ตามข้าไม่เข้าใจสิ่งหนึ่ง ทำไมพวกเขาถึงเชื่อใจ ฟาง เจิ้งจือ มาก? พวกเขาไม่ได้มาตรวจสอบกับเจ้าก่อนด้วยซ้ำ…”ชายชราตอบ
”อาจารย์ท่านหมายความว่ายังไง?”วู๋ จวี้เอ๋อ ถามด้วยความสงสัย นางสัมผัสบางอย่างได้
”หลังจากผ่านไปหนึ่งปีนิกายเงาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เจ้าไม่รู้ตัวงั้นหรือ?”ชายชราบอกใบ้
”ท่านอาจารย์!”วู่ จวี้เอ๋อ ไม่ชอบพูดคุยด้วยวธีนี้ นางมองไปยังจดหมายที่ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
”ไปลงนรกซะเถอะ!”
วู่จวี้เอ๋อ ยืนขึ้น ก่อนจะเดินไปที่สวนด้วยความหงุดหงิด
ชายชราไม่พูดอะไรเลยขณะที่เขาดูนางหายตัวไปในสวนเขายิ้มราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
…
ณเมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์…
ทุกคนอยู่ในอารมณ์รื่นเริงพวกเขาทั้งหมดกำลังเฉลิมฉลองให้กับฤดูใบไม้ผลิ
มีทั้งเสียงเพลงบทกวี บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
แน่นอนว่าความสนุกสนานเช่นนี้นักเรียนจนๆไม่สามารถเอื้อมได้ถึง
พวกเขามีเงินในกระเป๋าไม่เพียงพอแต่ยังต้องการที่จะสนุกกับตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงไปรวมตัวกันที่ทะเลสาบขับกล่อมบทเพลง ขับบทกวี
พูดถึงความเพลิดเพลิน…
พวกเขาไม่เคยไปที่แดนใต้ที่นั่นเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายจำนวนมาก ผู้ที่ยังไม่เข้าถึงวิถีแห่งเต๋าไม่ควรเหยียบเท้าไปที่นั่น
ดังนั้นแม่น้ำแห่งความสัตย์จึงเป็นสถานที่ที่ดีที่สุด
มันอยู่ใกล้และเงียบสงบที่สำคัญมีเรือจำนวนมากสัญจรผ่าน
ที่ไหนมีเรือย่อมมีผู้หญิง
ที่ไหนมีผู้หญิงที่นั่นมีอัจฉริยะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…
การโอ้อวดความสามารถ!
มีอัจฉริยะคนหนึ่งอยู่ที่นี่เขาสวมชุดสีทองและเหน็บดาบหยกเขียวไว้ที่เอว
เขาเป็นคนพาลอันดับหนึ่งในมณฑลฮวายอัน
เมิ่งอวี้ชู
มันเป็นเรื่องโชคร้ายที่เขาพบกับฟาง เจิ้งจือ ในการทดสอบแห่งเต๋า ในท้ายที่สุดเขาถูกกล่าวหาว่าโกงการทดสอบ
แต่โชคดีที่เขาเป็นคนแน่วแน่
เขาไม่ปล่อยให้ความล้มเหลวมากลืนกินเขา!
ตราบใดที่เขาปีนกลับขึ้นมาได้เขาก็ยังเป็นคนที่สามารถกำหนดโชคชะตาของตัวเองได้
ในการทดสอบกฎแห่งเต๋ารอบที่แล้วเขาได้อันดับหนึ่งในการทดสอบด้านการต่อสู้ มันเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเขา
ดังนั้น…
เขาจึงเลือกที่จะผ่อนคลายและโอ้อวดความสามารถของเขาเล็กน้อยที่เมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์
เขาอยู่บนเรือลำเล็กๆที่ตกแต่งอย่างงดงามท้ายเรือประดับด้วยรูปแกะสลักอย่างงดงามมีธงขนาดใหญ่อยู่ท้ายเรือเขียนว่า’เมิ่ง’ อยู่ ทำให้ใครก็ตามที่เห็นสามารถระบุตัวเขาได้ทันที
เขาแน่ใจไม่มีเรือลำไหนโดดเด่นไปกว่าเรือของเขาแน่นอน
แน่นอนว่าเขาเป็นคนที่มีอิทธิพล
ไม่มีเรือลำไหนเข้ามาใกล้เขา
แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นเรือลำใหญ่ลำหนึ่งล่องมาใกล้
”นั่นไง!”เมิ่ง อวี้ชู ดึงดาบออกมาก่อนจะมองไปยังเรือลำนั้น
เขากระโดดขึ้นไปบนฟ้า
จากนั้นเรือลำเล็กก็แล่นไปข้างหน้าเหมือนมีสายลมคอยผลักดันมันเป็นภาพที่งดงามและดึงดูดความสนใจของเหล่าหญิงสาวรวมถึงเหล่านักปราชญ์ที่อยู่ริมฝั่ง
หากเรือลำอื่นในแม่น้ำนี้ถือว่าเป็นปลา
เรือของเขานั้นก็เป็นมังกร!
ธงสีทองโบกสะบัด
ทุกคนต่างเพ่งมองไปที่เรือลำนั้นพวกเขารอให้ เมิ่ง อวี้ชู กระโดดขึ้นไปบนนั้น
มันใกล้เข้ามาแล้ว…
ในขณะที่เรือลำนั้นใกล้เข้ามาเมิ่ง อวี้ชู ก็ก้มหน้าลงพร้อมกับดวงตาอันเป็นประกาย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
”ข้าลูกชายคนโตของตระกูลเมิ่งเมิ่ง อวี้ชู! ข้าขอขึ้นไปบนเรือของเจ้า!” เมิ่ง อวี้ชู ตะโกนขึ้นมา
ไม่มีใครยิ่งใหญ๋ไปกว่าเขาที่นี้
นอกจากนี้…
ผู้คนที่อยู่บนเรือลำนั้นคงไม่แข็งแกร่งพอที่จะต้านทานได้
คงเป็นแค่หญิงสาวหรือคนมีตังธรรมดาๆ
แบบไหนก็ดีทั้งนั้น!
เมิ่งอวี้ชู มั่นใจมาก
เขามั่นใจว่าเรือทุกลำต้องหยุดเรือให้เขา!
ฮ่าฮ่า!
เมิ่งอวี้ชู ยิ้มเยาะในขณะที่เขาคิดกับตัวเอง
อย่างไรก็ตามเขาก็ตระหนักถึงความผิดปกติในทันที รอยยิ้มของเขาแข็งค้าง
”เฮ้หยุดหยุด… หยุด!”
”ตึง!่
ท่ามกลางสายตาจำนวนมากเรือลำใหญ่ได้ชนเข้ากับเรือของ เมิ่ง อวี้ชู จากนั้น เมิ่ง อวี้ชู ก็กระเด็นตกลงไปในน้ำทันที
เพจหลัก: Gate of god TH
ตอนที่ 504 ข้าคือ ฟาง เจิ้งจือ!
ไม่ใช่ว่าเมิ่ง อวี้ชู ไม่ไวพอ … แต่เมื่อเรือใหญ่ชนเข้ากับเรือของเขาจนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทำให้เขาไม่สามารถทรงตัวเอาไว้ได้
และ…
เพราะเรือของเขาเล็กไป
เรือลำเล็กของเขาแตกออกเป็นสองส่วนทันทีก่อนจะถูกกลืนหายไปกับคลื่นน้ำ
ทุกคนที่ยืนดูอยู่ต่างมองด้วยความตกตะลึงพวกเขายังตั้งสติไม่ทันด้วยซ้ำ
”เขาหล่นลงไปในน้ำ?”่
”โอ้ไม่มันชนแล้ว!”่
แม้แต่เมิ่ง อวี้ชู ก็ไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา นี่มันเป็นการหยามเขาใช่ไหม?!
เมิ่งอวี้ชู ต้องการบอกให้หยุด
เรือของเขาค่อนข้างแพงเขาไม่มีทางปล่อยให้เรือลำใหญ่นั้นผ่านไปโดยที่เขาไม่ได้ค่าเสียหาย จากนั้นเสียงเบาๆก็ดังขึ้น
”เมิงอวี้ชู? อืมคุ้นๆนะ…เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน”
…
นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรอื่นอีก…
เรือลำใหญ่นั้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดมันยังคงมุ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆ ราวกับคนที่อยู่บนเรือไม่เห็น เมิ่ง อวี้ชู
อย่างไรก็ตามเมิ่ง อวี้ชู รู้ดีว่า …
คนพวกนั้นต้องเห็นเขา!ไม่มีเรือลำไหนที่ธงเขียนว่า เมิ่ง ไว้อีก
เดี๋ยวก่อน!
ดูเหมือนนั่นจะเป็นเสียงผู้ชาย!
มีแค่ผู้ชายคนเดียวอยู่บนเรือลำนั้นงั้นหรือ?
”หยุดอยู่ตรงนั้น!ข้าเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเมิ่ง เจ้ากล้าดียังไง ชนข้าแล้วหนี?! เจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกจากมณฑลฮวายอันไปได้!” เมิ่ง อวี้ชู ตะโกน เขาไม่สามารถทนที่ตัวเองถูกหยามต่อหน้าคนอื่นได้
ตอนนี้้ความสามารถของเขาถือว่าพัฒนาขึ้นมามากแล้ว
ตอนที่เขาเข้าร่วมการทดสอบแห่งเต๋าเขาอยู่เพียงระดับประทับศักดิ์สิทธิ์แต่ตอนนี้เขาอยู่ในระดับผนวกดาราแล้ว
นอกจากนี้เขายังเป็นอันดับหนึ่งในการทดสอแห่งเต๋าระดับมณฑลด้านการต่อสู้
เขาไม่สามารถเดินบนน้ำได้แต่เขาสามารถควบคุมกระแสลมทำให้เขาสามารถเคลื่อนตัวไปบนสายน้ำได้
เรือลำใหญ๋นั้นค่อนข้างเร็วแต่ เมิ่ง อวี้ชวู เร็วกว่า
เขากระโดด…
เหยียบไปที่ซากเรือก่อนจะพุ่งขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็เอื้อมมือไปที่ท้ายเรือลำใหญ๋นั้น
การทำแบบนี้สามารถเรียกเสียงชื่นชมและความประทับใจจากเหล่าหญิงสาวได้เป็นอย่างดี
”กรี้ด!นายน้อยเมิ่งเก่งที่สุดเลย”
”ไม่น่าแปลกใจที่เขาชนะในการต่อสู้!”
”นี่คือพลังของผู้ที่อยู่ในระดับผนวกดารา?”
เสียงของเหล่าหญิงสาวแข่งตะโกนออกมาทำให้เหล่านักปราชญ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย อย่างไรก็ตามไม่มีใครมีเงินหรือพลังเท่า เมิ่ง อวี้ชู
ที่ท้ายเรือ…
เมิ่งอวี้ชู กัดฟันแน่นก่อนจะจับท้ายเรือไว้ได้
เขาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ดีเท่าไรนักต่อให้เขาจับท้ายเรือได้ แต่เรือเร็วเกินไป ทำให้ตัวของเขาลอยขึ้นไปบนอากาศอีกรอบ
เขาอยากให้คนบนเรือเห็นใจเขาบ้าง
เขาไม่ได้เตรียมใจที่จะตกลงไปอีกครั้งไม่ว่ามันจะยากแค่ไหนเขาก็จะขึ้นเรือลำนี้ให้ได้! ถ้าเขาตกลงไปในน้ำตอนนี้ชื่อเสียงของเขาจะถูกทำลาย!
เขากัดริมฝีปากแน่น…
”อ้ากก!”เมิ่ง อวี้ชู ตะโกนก่อนจะดึงตัวเองขึ้นได้วยกำลังแขนทั้งสองข้าง
ทุกคนบนฝั่งต่างตะโกนให้กำลังใจ
เมิ่งอวี้ชู มีความสุขกับเรื่องนี้มาก
อย่างไรก็ตามท่าทีของเขากลับแข็งค้างทันทีหลังจากนั้นเขาเห็นดาบ …ดาบที่แผ่จิตสังหารอันเยือกเย็นออกมา…
มันถูกจ่ออยู่ที่คอของเขา
ทั้งเงียบและอันตราย…
เขารู้สึกหวาดกลัว
เขารู้ว่าไม่มีใครถือดาบอยู่ก่อนที่เขาจะขึ้นไปบนเรือ
คำอธิบายคือเมื่อเขาพลิกตัวขึ้นไปบนเรือคนบนนั้นก็เอาดาบมาจ่อคอเขาทันที ความแม่นยำของผู้โจมตีของเขานั้นไร้ที่ติ
สำหรับคนที่ถือดาบ…
เมิ่งอวี้ชู ไม่รู้จัก และไม่เห็นหน้าตาของเขา
เพราะคนคนนั้นสวมชุดสีดำและผ้าปิดหน้าอยู่
ผู้หญิง?
เมิ่งอวี้ชู เห็นไม่ชัดเจนนัก แต่ก็สามารถบอกได้ว่าเป็นผู้หญิงจากกระโปรงสีดำที่นางใส่ นางมีรูปร่างที่ค่อนข้างดี
”ข้าเป็นลูกคนโตของ… ” เมิ่ง อวี้ชู ที่กำลังจะประกาศตัวคนรู้สึกเจ็บแปล้บที่คอทันที เขาจึงเลือกที่จะหุบปาก
เขาสามารรถสัมผัสได้ถึงความแหลมคมของดาบและเลือดที่ไหลออกมา
เขาจะถูกฆ่า?
ที่นี่คือมณฑลฮวายอัน!มีสายตานับไม่ถ้วนมองอยู่ ใครกันที่จะกล้าสังหารผู้คนต่อหน้าสายตาจำนวนมาก?
หรือจะเป็นพวกโจรสลัด?
แต่นี่เป็นแม่น้ำ!มีโจรสลัดในแม่น้ำด้วยหรือ? ไม่สมเหตุสมผล!
”มีปัญหาอะไรกับพวกเรางั้นหรือ?”เสียงของนางนั้นเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
”ไม่… ไม่มีปัญหา… ” เมิ่ง อวี้ชู ต้องการให้พวกเขาชดใช้ แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือมีชิวตรอด
นี่ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องเงิน
”ลงไป!”เสียงของนางดังขึ้น
”อา?เดี๋ยว…ข้าจะลงไปเดี๋ยวนี้เลย!” เมิ่ง อวี้ชู ได้สติ ก่อนจะกระโดดลงเรือไปอย่างรวดเร็ว
มันน่าอับอายขนาดไหน?
แน่นอนว่ามาก!
อย่างไรก็ตามมันน้อยมากเมื่อแลกกับชีวิตของเขา
เมิ่งอวี้ชู มองไปที่ฝั่ง
ดวงตาที่นับไม่ถ้วนกำลังจ้องมองที่เขาพวกเขาได้เห็นการเผชิญหน้าบนเรือ
ทุกคนตกตะลึง
อย่างไรก็ตามพวกเขาเข้าใจสถานการณ์ที่เมิ่ง อวี้ชู กำลังเจออยู่
เมิ่งอวี้ชู มองขึ้นไปบนฟ้า เขาตั้งตารอวันสนุก ๆ! เขาต้องการเล่นสนุกและชื่นชมฤดูใบไม้ผลิ
แต่…
เขาถูกโยนลงน้ำอีกครั้ง…
เมิ่งอวี้ชวู รู้สึกอับอาย อย่างไรก็ตามในตอนนั้นเอง เสียงของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นเป็นเสียงที่ไม่เย็นเยือกเหมือนเดิม เป็นเสียงที่ราวกับเขานึกบางอย่างออก
”ข้าจำได้แล้วเขาคือ เมิ่ง อวี้ชวู! !”
หรือเขาจะเป็นแสงแห่งความหวัง
เขาจะลงมาช่วยหรือไม่?
เมิ่งอวี้ชวู รู้สึกมีความหวัง!
น้ำตาเริ่มไหลออกมามีคนรู้จักเขา?
สิ่งตอบแทนจะไม่ใช่เรือของเขา!
แต่เป็นชื่อเสียง!
เขาโยนเรื่องเงินทิ้งไปใครก็ตามที่หาเรือขนาดใหญ่แบบนี้มาได้ต้องมีอิทธิพลมากแน่นอน
ถ้าเขาขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้าเรือได้ล่ะก็คงจะดี!เขาต้องการวิธีที่น่าอายน้อยกว่าการหลบหนี
เมิ่งอวี้ชวู หันไปมองรอบๆ และมองหญิงสาวภายใต้ผ้าคลุมหน้า
เขามีคำถามขึ้นมาในใจ
ข้าจะกระโดดขึ้นไปใหม่ได้ไหม?
คำตอบนั้นง่ายไม่แพ้กัน
นางไม่ได้ตอบด้วยคำพูดใดๆนางไม่ได้ลดดาบลง แต่นางดูเป็นมิตรขึ้น
นอกจากนั้นนางขยับไปด้านข้างและเปิดทางให้เมิ่ง อวี้ชู…
”ฮ่าฮ่ามันคงเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น ข้าขอรู้ได้ไหมว่าสหายของข้าเป็นใคร” เมิ่ง อวี้ชู หัวเราะดังมากพอที่ทุกคนจะได้ยิน
”นายน้อยเมิ่งนี่ก็นานมากแล้วสินะ” เสียงผู้ชายดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเดินออกมาจากห้องโดยสาร เขาสวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน
ท่าทีของเขาดูจริงใจ
เขายิ้มกว้างให้เมิ่ง อวี้ชู
อย่างไรก็ตาม…
เมิ่งอวี้ชู กลับตัวแข็งค้าง เขาไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขารู้สึกว่าร่างกายไม่มีแรงขึ้นมาทันที
ความจริงแล้ว…
มันเกือบจะเหมือนกับ…
เขาเห็นผี!
เมิ่งอวี้ชู นึกถึงความเป็นไปได้มากมายว่าชายคนนี้จะเป็นใคร อาจเป็นเจ้าหน้าที่หรือทายาทของตระกูลผู้สูงศักดิ์
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดว่าชายคนนี้จะปรากฎตัวขึ้นมา
เขาไม่ควรมาอยู่ที่นี่!
โดยเฉพาะในเมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์ตอนกลางวันแสกๆ!
อย่างน้อยเขาก็ควรปลอมตัว!
หมวก?
หรือแม้แต่ผ้าคลุมหน้า?
เมิ่งอวี้ชวู จะเข้าใจ ถ้าเขาคิดจะปิดบังตัวเองเสียบ้าง อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ปกปิดส่วนไหนเลยแม้แต่น้อย! เขาเป็นคนที่อาณาจักรเซี่ยต้องการตัวมากที่สุด!
”ฟาง…ฟาง … ฟาง เจิ้งจือ!”เมิ่ง อวี้ชวู รู้สึกเหมือนกับว่าถูกฟ้าผ่า เขาจ้องมองด้วยความสับสน
ผู้ชายคนนี้…
ทำไมเขาถึงมาโผล่ที่นี่กัน?
เมิ่งอวี้ชวู ไม่ใช่คนเดียวที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เห็น
พวกคนที่ยืนอยู่บนฝั่งก็ไม่เข้าใจเช่นกันไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้จักรูปร่างหน้าตาของ ฟาง เจิ้งจือ
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาได้ยิน เมิ่ง อวี้ชวู เรียกชื่อ ฟาง เจิ้งจือ พวกเขาก็รู้สึกแบบเดียวกัน
”ฟางเจิ้งจือ?!”
”เจ้านั่นคือฟาง เจิ้งจือ!”
”เขา… เขาอยู่ในเมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์! หา! ฟาง เจิ้งจือ อยู่ที่เมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์!”
”ฟาง เจิ้งจือ คือคนที่ถูกตามล่า!”
ทุกคนทั้งหมดต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินพวกเขาจ้องไปยังชายที่สวมชุดสีน้ำเงิน
เช่นเดียวกับเมิ่ง อวี้ชวู…
ไม่มีใครคาดคิด
ฟางเจิ้งจือ กล้าปรากฎตัวออกมาในเมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์ตอนกลางวันแสกๆ?!
พวกเขาไม่สามารถหยุดความสงสัยได้
อย่างไรก็ตาม…
ด้วยนิสัยของพวกเขา
ในฐานะชาวเมืองของอาณาจักรเซี่ยพวกเขามีความรู้สึกที่จะกล่าวเตือนผู้อื่นเมื่อพบเห็นอาชญากร
”ไปบอกเจ้าหน้าที่!”
”เร็วเข้า!”
”ฟางเจิ้งจือ! ฟาง เจิ้งจือ อยู่ในเมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์!”
”เขาอยู่บนเรือลำนั้น!”
เสียงของพวกเขาดังก้องไปทั่วคนหลายคนวิ่งไปทางประตูเมือง
เมิ่งอวี้ชวู ได้ยินเสียงเหล่านี้
ปากของเขาอ้าแข็งค้างเมื่อเขาได้ยินเสียงตะโกนจากริมฝั่งเขารู้สึกเสียวไปถึงกระดูกสันหลัง
เขาตระหนักว่าเป็นเพราะเขา
เขาเป็นคนที่ทำให้ฟาง เจิ้งจือ เดินออกจากห้องโดยสาร และเขารู้ตัวตนของ ฟาง เจิ้งจือ แล้ว!
เขาไม่มีทางมีชีวิตรอดแน่นอน
”โอ้ไม่…ข้าคงเข้าใจผิดฮ่าฮ่าฮ่า … ฟาง…เอ้ย..ไม่ใช่, นายน้อยหลี่, ฮ่าฮ่าฮ่า … มันเป็นเวลานานแล้วที่พวกเราไม่ได้พบกัน ” เมิ่ง อวี้ชู หัวเราะ
เขารู็ว่าเหล่าผู้ที่อยู่ริมฝั่งไม่มีทางเชื่อเขาหากเขาย้อนเวลากลับไปได้คงไม่เลือกขึ้นเรือลำนี้ เขาจะไม่พยายามเรียกร้องค่าเสียหาย
ฟางเจิ้งจือ!
นี่คือผู้ชายที่ถูกปีศาจหลายแสนตนตามล่าที่ดินแดนภูเขาทาใต้เขาเป็นคนที่ได้ต่อสู็กับ คังหยาง
แน่นอนว่า…
มันไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด
นี่คือชายที่กล้าล่วงละเมิดองค์หญิงแดนใต้ก่อนที่จะฆ่า ฉาน หลิง และทำร้ายองค์รัชทายาท
แม้จะมีข่าวลือว่าเขาไม่มีพลังแล้ว
มันไม่สำคัญ…
เมิ่งอวี้ชู มองไปยังหญิงสาวที่ปกปิดหน้าอยู่ เขารู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของเขา …
เขาไม่ควรมองย้อนกลับไป
เขาควรจะกระโดดลงไป
ชื่อเสียง?
ชื่อเสียงของเขาไม่มีความหมายอะไรเลย!
ชีวิตของเขาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่ต้องการยุ่งกับเรื่องนี้ …
แม้แต่ตระกูลเมิ่งก็ไม่สามารถรับมือกับเรื่องนี้ได้
”นายน้อยเมิ่งไม่ได้จำผิดหรอกข้าคือ ฟาง เจิ้งจือ !” ชายหนุ่มยิ้มราวกับเขาไม่ได้ยินเสียงพูดคุยที่ดังมาจากริมฝั่ง
เพจหลัก: Gate of god TH