Gate of God - ตอนที่ 517-518
ตอนที่ 517 กัดฟัน
ว่านฉง ส่ายหัวขณะหันไปมองรอบๆตัว
ฟางเจิ้งจือ อาจจะติดสินบนใครเอาไว้ก็ได้…
แต่ว่านฉง ก็ปัดความคิดนี้ทิ้งไปทันที พยานไม่สามารถเป็นคนทั่วไปได้
พยานจำเป็นต้องเชื่อถือได้
นั่นเป็นเงื่อไขหนึ่ง
แค่ชาวบ้านธรรมดาไม่มีทางส่งผลอะไรพยานจำเป็นต้องมีอำนาจพอสมควร
ชาวบ้านอาจเป็นพยานในการก่ออาชญากรรมเล็กๆ น้อย ๆ อย่างไรก็ตาม การฆาตกรรมนั่นไม่ใช่เรื่องเล็ก
สำหรับกรณีของฟาง เจิ้งจือ ต่อให้เป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยหรือคนจากตระกูลขุนนางก็ไม่เพียงพอ
ว่านฉง มองไปรอบๆ ฟาง เจิ้งจือ
มีสี่คนที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้…ไม่มีทาง!
พวกเขาทำตามคำสั่งของฟาง เจิ้งจือ ไม่สามารถเป็นพยานได้ คนเดียวที่เหลือคือ เหยียน ซิว
เหยียนซิว มาจากตระกูล เหยียน และน่าจะได้เป็นผู้สืบทอดของ เหยียน เฉียนหลี่
ดังนั้น…
เขาน่าจะมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นพยาน
อย่างไรก็ตามทุกคนรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนกับฟาง เจิ้งจือ เขาไม่สามารถเป็นพยานได้
”ฟางเจิ้งจือ ข้ารู้ว่านายน้อยเหยียน เป็นสหายเจ้า เจ้าควรรู้ว่าทั้งครอบครัวและมิตรสหาย ไม่สามารถเป็นพยานให้เจ้าได้!” ว่าน ฉง หัวเราะเยาะ
”ข้ารู้”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
”โอ้?่แล้วใครจะเป็นพยานของเจ้ากันล่ะ?” ว่าน ฉง เริ่มสงสัย
ไม่ใช่เหยียน ซิว งั้นหรือ?
ใครอีกที่จะเป็นพยานให้เขาได้?
ว่านฉง ไม่คิดว่ามีใครโง่พอที่จะทำแบบนั้น
ฉือเฮา เองก็สับสนเช่นกัน เขาขมวดคิ้ว คนแรกที่น่าจะเป็นพยานให้เขาคือ เหยียน ซิว
แต่
ฟางเจิ้งจือ พูดเป็นนัยแล้วว่าไม่ใช่ เหยียน ซิว
หรือเป็นองค์หญิง ปิง หยาง?
อาจเป็นไปได้!
อย่างไรก็ตามนางก็สนิทกับฟาง เจิ้งจือ เช่นกัน…
ฉือเฮา มองข้ามหัวเหล่าฝูงชนออกไป เขาขมวดคิ้วเพราะเขาไม่เห็นทีท่าว่าองค์หญิง ปิง หยาง จะปรากฎตัวออกมา
พยานจะเป็นใครได้อีก?
ใครที่จะช่วยยืนยันคำโกหกของฟาง เจิ้งจือ ได้? ใครโง่พอที่จะช่วยเขายืนยัน?
ฉือเฮา มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความสงสัย
เหยียนซิว เองก็มีท่าทีคล้ายกัน อย่างไรก็ตาม เหยียน ซิว ไม่ได้ถามออกมา เขารอให้ ฟาง เจิ้งจือ พูด
สำหรับฟาง เจิ้งจือ …
เขายิ้มแล้วหันไปมองที่ฉือ เฮา
ฉือเฮา ตกใจมาก เขาไม่รู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะมองมาที่เขาทำไม ฟาง เจิ้งจือ ควรจะมองไปที่พยานของเขาสิ?
ขณะที่เขากำลังคิดนั้นเองฟาง เจิ้งจือ ก็ชี้นิ้วมาที่เขา
”พยานของข้าคือฉือ เฮา แห่งกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์!่
”พยานของข้าคือ…”
”ฉือเฮา แห่งกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์!”
”…”
เสียงนี้ดังก้องไปทั่ว…
ทุกคนตกตะลึง
ไม่มีใครคิดว่าฉือ เฮา จะเป็นพยานให้ ฟาง เจิ้งจือ ทำไมเขาถึงกล้าเป็นพยานให้เรื่องไร้สาระแบบนี้?
ฟางเจิ้งเจิ้ง!
เป็นไปได้ยังไง?
ฉือเฮา กล้าที่จะให้การเท็จจริงๆงั้นหรือ?
”เขาพูดว่า… ฉือ เฮา เป็นพยาน?
”ใช่ฉือ เฮา?! เป็นไปได้ยังไงกัน?”
”ไม่มีทางกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์เป็นคนพาเขามาที่นี่ ทำไม ฉือ เฮา ต้องช่วยเขาด้วย? ”
ทุกคนต่างมองหน้ากันและมองไปที่ฉือ เฮา พวกเขาไม่เชื่อว่า ฉือ เฮา จะทำแบบนี้
ว่านฉง เองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ฉือ เฮา เป็นพยานจริงๆงั้นหรือ?
เอิ่ม…
จะเป็นไปได้ยังไง?
ว่านฉง พบว่าท่าทีของ ฉือ เฮาดูอึมครึมลง เขาสามารถพูดได้ว่า ฉือ เฮา เองก็ไม่คาดคิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน
ฉือเฮา โกรธมาก!
เขาอยากจะสบถออกมามาก
เขาต้องการจะตะโกนด่าออกมาโดยไม่สนอะไรอย่างไรก็ตามหลังจากที่เขากำลังคิดถึงมัน…
เขาพบว่ามันไม่ได้ช่วยอะไร
เขาเป็นขุนนางขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ มาจากครอบครัวชาวนา
ฉือเฮา ไม่อาจะสบถออกมาต่อหน้าผู้คนจำนวนมากได้ มันจะเป็นผลเสียต่อภาพลักษณ์ของเขา
เขาหันไปมองที่ฟาง เจิ้งจือ ที่หันมามองเขาด้วยความไร้เดียงสา ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่า ฟาง เจิ้งจือ คิดอะไรอยู่
ถ้าเขายังเดาไม่ได้เขาก็ไม่ควรเป็นผู้นำของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์แล้ว
นี่คือกับดัก!ฟาง เจิ้งจือ วางแผนเอาไว้แล้ว
สามวันก่อนเขาได้บอกให้ฟาง เจิ้งจือ อย่าทำตัวเด่น ขณะเข้าเมือง เขายังบอกเป็นนัยๆว่าราชาต้วนจะช่วยเรื่องนี้ด้วย
สิ่งที่เขาต้องการคือให้ฟาง เจิ้งจือ ทำตามแผนของเขา ตราบใดที่ ฟาง เจิ้งจือ ทำตามนั้น สุดท้ายเขาต้องยอมภักดีกับราชาต้วนแน่นอน
มันเป็นแผนที่สมบูรณ์แบบ
ฉือเฮา ลองทบทวนแผนนี้หลายครั้ง และไม่พบปัญหาใดๆ
ถ้าฟาง เจิ้งจือ เข้ามาในเมืองหลวง เหมือนตอนที่เขาปรากฎตัวขึ้นมาในเมืองฮวายอัน เขาไม่มีทางมีชีวิรอดแน่นอน ถ้าไม่มี ฉือ เฮา หรือราชาต้วนช่วยเหลือ
แต่ตอนนี้…
แผนการของเขาพังยับเยินอย่างสมบูรณ์มันถูกทำลายทันทีที่ ฟาง เจิ้งจือ บอกว่าเขาเป็นพยาน
ตอนนี้ฉือ เฮา มีสองทางเลือก
หนึ่งคือเป็นพยานให้ฟาง เจิ้งจือ อย่างที่สองคือไม่ช่วยยืนยัน และวางตัวไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่อไป
ทั้งสองตัวเลือกไม่มีทางเลือกไหนที่ดีเลยแม้แต่น้อย!
ฉือเฮา กัดฟันแน่น เขากำลังจะพูดว่า “ฝันไปเถอะ” แต่เขากลืนคำพูดกลับไปทันที
เขายืนเห็นร่างทั้งสีที่ยืนปกปิดตัวตนอยู่รอบๆฟาง เจิ้งจือ เขาเห็นทหารยามที่นอนจมกองเลือดอยู่เช่นกัน
หากเขาไม่เป็นพยาน…
เขาสามารถทำนายได้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้
ฉือเฮา รู้ว่าถ้าเป็นคนอื่น เขาคงสามารถแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้ได้
แต่เมื่อพูดถึงฟาง เจิ้งจือ …
เขาต้องคิดย้อนไปถึงตำแหน่งของเขา
ฟางเจิ้งจือ สามารถต่อต้านการจับกุมได้อย่างแน่นอน
ฉือเฮา ไม่สนใจว่า ฟาง เจิ้งจือ ต้องการสร้างสถานการณ์เช่นนี้ต่อไปหรือไม่ แต่เขาเป็นคนพา ฟาง เจิ้งจือ มาที่นี่ เขาควรจะเป็นผู้รับผิดชอบ
นอกจากนี้ฟาง เจิ้งจือ ยังมีพวกนิกายเงาอยู่เบื้องหลังอีก
มีคนไม่มากที่รู้เรื่องนี้แต่ ฉือ เฮา เป็นหนึ่งในคนที่รู้ ถ้านิกายเงาตัดสินใจช่วย ฟาง เจิ้งจือ …
อะไรจะเกิดขึ้น?
เมืองหลวงจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย!
แน่นอนว่ายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาต้องคิดถ้า ฟาง เจิ้งจือ สร้างความวุ่นวายที่นี่ องค์รัชทายาทอะจะกลายเป็นผู้ได้เปรียบอีกครั้ง
หาก’อาชญากร’ ที่เขาพามา ก่อความวุ่นวาย …
แผนการของราชาต้วนจะสำเร็จหรือไม่?
ถ้าไม่มีฟาง เจิ้งจือ ก็จะไม่มีหนามไว้ทิ่มแทงองค์รัชทายาท ไม่มีใครที่คิดจะต่อสู้กับองค์รัชทายาท
”มันเกินกำลังไป!”
เขานั้นมีอำนาจอยู่ในมือมากมายแต่ ฉือ เฮา ไม่คิดเลยว่าจะถูกมัดมือชกแบบนี้!
ฟางเจิ้งจือ ข่มขู่เขาให้ยอมจำนน
ฉือเฮา พา ฟาง เจิ้งจือ เข้ามาในเมืองหลวงโดยตั้งใจจะพาให้มาติดกับดัก อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดเลยว่า ฟาง เจิ้งจือ จะวางกับดักใส่ตัวเขาเอง!
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเดินเข้าไป
”ข้า…ข้าสามารถเป็นพยานได้ว่า …ชื่อของชายคนนี้คือ ฟาง เจิ้งเจิ้ง!”ฉือ เฮา กล้ำกลืนพูดคำเหล่านั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากที่พูดออกไปเขารู้สึกราวกับแบกภูเขาลูกใหญ่
”ชื่อของเขาคือฟาง เจิ้งเจิ้ง!”
”ฟางเจิ้งเจิ้ง?!”่
”…”
เสียงของฉือ เฮา ดังก้องไปทั่ว
ฝูงชนตกตะลึงเมื่อได้ยินอย่างนี้พวกเขาไม่สามารถทำใจเชื่อได้ว่าผู้นำกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ จะเป็นพยานยืนยันว่าชายคนนี้ชื่อ ฟาง เจิ้งเจิ้งจ
พวกเขาทั้งหมดเริ่มสับสน
หรือว่า…
คนๆนี้อาจจะเป็น ฟาง เจิ้งเจิ้ง ไม่ใช่ ฟาง เจิ้งจือ งั้นหรือ? ถ้าไม่ใช่งั้นทำไมผู้นำกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ต้องโกหก?
การโกหกนี้คุ้มค่างั้นหรือ?
เขาเป็นผู้นำของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นหนึ่งใน 13 กองตรวจการ! เขาเป็นผู้นำของแดนเหนือ! เขาจะโกหกได้ยังไง?
ดวตาของว่าน ฉง จ้องเขม็งจนแข็งค้าง
ฉือเฮา…
ฉือเฮา เป็นพยาน?
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาว่าการให้พยานเท็จนั้นจะเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตามฉือ เฮา ยังคงทำ เขาเป็นพยานให้เรื่องนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย
ใครจะสามารเชื่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้บ้าง?
ว่านฉง ทำอะไรไม่ถูก
เขาจะกล่าวหาว่าฉือ เฮา ให้การเท็จได้หรือไม่?
ไม่มีทางฉือ เฮา เป็นผู้นำของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ จะมาให้การเท็จได้อย่างไร?
ว่านฉง เป็นคนที่รู้กฎหมายดี กฎหมายกำหนดให้มีหลักฐานและเขาไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าคำให้การของ ฉือ เฮา นั้นเป็นเรื่องโกหก
เขาจะพูดยังไงดี?
”ท่าน… ท่านรู้ไหมว่าเพิ่งพูดอะไรออกมา?”ว่าน ฉง ได้ยินอย่างชัดเจน แต่เขาก็ยังไม่เชื่อ
ฉือเฮา ต้องโกหกเพื่อช่วย ฟาง เจิ้งจือ เลยงั้นหรือ?
”แน่นอนข้ารู้ เจ้าหน้าที่ว่าน สงสัยในคำพูดของข้างั้นหรือ?”ฉือ เฮา กัดฟันพูด เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดในทุกๆคำพูด
อย่างไรก็ตามเขาต้องสงบใจลง
เขาพูดออกไปแล้ว
ไม่มีทางที่จะกลับคำได้เขาต้องยืนยันว่าชายคนนี้คือ ฟาง เจิ้งเจิ้ง เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
”ท่านเต็มใจจะเป็นพยานให้ชายผู้นี้จริงๆ หรือ? ท่านกำลังจะบอกว่าเขาคือ ฟาง เจิ้งเจิ้ง ไม่ใช่ ฟาง เจิ้งจือ อย่างนั้นใช่หรือไม่?”ว่าน ฉง ถามอีกครั้ง
”ใช่แล้ว!”ฉือเฮา พยักหน้า
ว่านฉง ไม่ได้พูดอะไรอื่นอีก เขารู้ว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ฉือ เฮา เต็มใจจะให้การเท็จเพื่อ ฟาง เจิ้งจือ?
เขาไม่คิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม
เขารู้ว่าเขาต้องแก้ไขมันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น องค์รัชทายาทต้องการจับกุม ฟาง เจิ้งจือ เขาจึงต้องทำให้สำเร็จ
ตอนนี้เขาไม่สามารถถอยกลับได้
ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือฟาง เจิ้งจือ
”ข้าเชื่อไม่ลง!โปรดหลบไป ให้ข้าจับตัวเขาเสียดีๆเถอะ!” ว่าน ฉง กัดฟัน
”ว่านฉง เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? ข้าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับหนึ่ง! ต่อให้เจ้าเป็นรัฐมนตรี เจ้ากล้าที่จะสงสัยในคำพูดของข้า?” ฉือ เฮา โกรธ
”ที่นี่คือเมืองหลวงไม่ใช่แดนเหนือท่าน ฉือ เฮา โปรดเข้าใจด้วย!”
”แล้วยังไง?”
”กฎหมายนั้นอยู่เหนือตำแหน่งข้าเป็นรัฐมนตรีกรมกฎหมาย มีสิทธิจับกุมผู้ต้องสงสัย หากท่านมีปัญหาสามารถร้องเรียนไปที่สภาในวันพรุ่งนี้ได้!”
”ข้าเป็นพยานให้เขาแล้วเขาไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยที่เจ้าหาตัวอยู่”
”แต่ข้าเชื่อสายตาตัวเองถ้าข้าจับผิดคน ข้ายินดีควักลูกตาออกมาเลย!” ว่าน ฉง ตอบกลับด้วยความโกรธเช่นกัน
”ว่านฉง เจ้า … ” ฉือ เฮา ตกตะลึง เขาไม่คิดว่า ว่าน ฉง จะแน่วแน่ในการจับตัว ฟาง เจิ้งจือ ขนาดนี้
เขากล้าเอาดวงตาของเขาเป็นประกันต่อหน้าคนจำนวนมาก!ฉือ เฮา คาดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อย
”จับกุมเขา!”
”เจ้าไม่กล้าหรอก!”
”ท่านยืนอยู่ตรงนั้นซะพาตัว ฟาง เจิ้งจือ ไปที่กรมกฎหมายเดี๋ยวนี้! ให้ทหารยามรักษาเมืองช่วยพวกเราด้วย! เอาตราประจำตัวข้าไปด้วย ลองดูสิใครจะกล้ามาขวางทางข้าอีก!” ดวงตาของ ว่าน ฉง เต็มไปด้วยความเยือกเย็น
ฝูงชนต่างเต็มไปด้วยความตกใจ
พวกเขาไม่เคยเห็นรักฐมนตรีกล้าเผชิญหน้ากับแม่ทัพที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับหนึ่งอย่างเปิดเผยเช่นนี้มาก่อน
ทั้งฉือ เฮา และ ว่าน ฉง ต่างทรงพลัง
แม้แต่ในเมืองหลวงยังมีไม่กี่คนที่กล้าเผชิญหน้ากับพวกเขา
แต่ตอนนี้…
หนึ่งคนยินดีที่จะให้การเท็จส่วนอีกคนเอาตราประจำตัวออกมาเพราะ ฟาง เจิ้งจือ
ทุกคนต่างคาดเดาว่าพรุ่งนี้เมืองหลวงคงเต็มไปด้วยข่าวเรื่องนี้แน่นอน
ท่าทีของฉือ เฮา เปลี่ยนไป ความจริงแล้ว ท่าทีของเขายังคงเหมือนเดิมตั้งแต่เขาก้าวเข้าประตูเมืองหลวงมา ในฐานะผู้นำของกองตรวจการแดนเหนือทั้งห้า
ไม่มีใครเคยสงสัยในคำพูดของเขามาก่อน!
รัฐมนตรีกฎหมาย?
เจ้าหน้าที่ระดับสองกล้าท้าทายเขาได้อย่างไร!
ฉือเฮา กำมือแน่น ถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ถ้าไม่มีพยานรู้เห็นอยู่รอบๆ ว่าน ฉง คงไม่มีทางได้ยืนอยู่อย่างเป็นสุขแน่
มือของเหยียน ซิว กระตุกเพราะเขาเดาได้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงมือที่ไหล่ของเขาขณะเดียวกันเสียงก็ดังก้องก็เกิดขึ้น
”เจ้าหน้าที่ว่าน!ทำไมท่านต้องทำเช่นนั้น?! ท่านอยากจับกุมข้าจริงๆงั้นหรือ? ท่าน ฉือ เฮา โปรดหลบไปก่อน เข้ามา ข้าจะอยู่ตรงนี้แหละ ถ้าท่านลากตัวข้าไปได้ ก็เข้ามาเลย ท่านว่ายังไงล่ะ?”
เพจหลัก: Gate of god TH
ตอนที่ 518 จุดสีแดง
ทุกคนเงียบลง
ทั้งฉือ เฮา ,ว่าน ฉง รวมไปถึงผู้คนโดยรอบทั้งหมด และแม้แต่ เหยียน ซิว เองก็มอง ฟาง เจิ้งจือ พวกเขาทั้งหมดต่างมึนงงกับสิ่งที่ได้ยิน
มันเริ่มถึงทางตัน
ว่านฉง และ ฮือ เฮา ต่างทำอะไรไม่ถูก แต่ ฟาง เจิ้งจือ กลับดึงตัวเองออกจากสถานการณ์ได้อย่างงดงาม
ฉือเฮา จะไม่ปล่อยให้ ว่าน ฉง จับตัว ฟาง เจิ้งจือ
มันไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมายมันเป็นเรื่องของเกียรติและศักดิ์ศรีของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์
ถ้าเขาถอยตอนนี้…
เขาจะต้องเสียเปรียบในอนาคตดังนั้นฉือ เฮา ไม่สามารถหันหลังกลับได้อีกแล้ว
สำหรับผลที่จะตามมา…
ด้วยความช่วยเหลือของเขาที่มีต่ออาณาจักรเซี่ยสิ่งที่เขาต้องทำคือยอมรับความผิดและขอโทษองค์จักรพรรดิ จากนั้นเขาจะถูกลดโทษลง
นอกจากนี้เขามีลูกสาว ลูกสาวที่เป็นอัจฉริยะจนได้อยู่ในศาลาเต๋าสวรรค์ นางเป็นคนในคำพยากรณ์จากสวรรค์ และจะเป็นผู้นำกองทัพของอาณาจักรเซี่ยในอนาคต
ฉือเฮา จะไม่ยอมให้รัฐมนตรีกฎหมายมาขวางทางเขา! เขาคือคนที่ทรงพลัง และมีอิทธิพลมากในอาณาจักรเซี่ย
ฉือเฮา รู้สึกขัดแย้งเป็นอย่างมาก
ฟางเจิ้งจือ ต้อนเขาจนมุม เขาเตรียมที่จะเผชิญหน้ากับการตัดสินใจของเขาแล้ว อย่างไรก็ตามสิ่งที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น
ฟางเจิ้งจือ!
เขาจะทำอะไร?
ยืนนิ่งๆให้ ว่าน ฉง เข้ามาจับ? เขาไม่รู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?
ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้ไร้พลัง แต่เขาก็ไม่สามารถป้องกันด้วยการยืนอยู่เฉยๆได้แน่นอน
ว่านฉง ไม่ได้อ่อนแอ
ฉือเฮา ไม่เข้าใจ
ว่านฉง เองก็เช่นกัน เขาไม่เข้าใจจริงๆว่า ฟาง เจิ้งจือ กำลังพูดเรื่องอะไร หรือว่า ฟาง เจิ้งจือ จะยอมจำนน?แต่คนที่ไร้อย่างอายอย่าง ฟาง เจิ้งจือ จะยอมแพ้จริงๆงั้นหรือ?
”ฟางเจิ้งจือ เจ้าเอาจริงรึ?”ว่าน ฉง ไม่เชื่อ
”เจ้าหน้าที่ว่านท่านคงมีปัญหากับความจำ ข้าบอกท่านแล้วว่าข้าคือ ฟาง เจิ้งเจิ้ง และ ฉือ เฮา ก็ได้เป็นพยานยืนยันเรื่องนั้นแล้ว!”ฟาง เจิ้งจือ โบกมือให้เขา
”ข้าไม่สนหรอกว่าชื่อของเจ้าคือ ฟาง เจิ้งจือ หรือ ฟาง เจิ้งเจิ้ง ข้ามีเพียงคำถามเดียว เจ้าจะไม่ต่อต้านจริงๆใช่หรือไม่?”ว่าน ฉง พยายามเดาแผนการของ ฟาง เจิ้งจือ
”อย่างที่ข้าพูดไปแล้วข้าจะยืนอยู่นิ่งๆ ข้าจะไม่ต่อต้าน คำถามตอนนี้คือ ท่านมีความกล้าพอจะเข้ามาหรือไม่”
”ความกล้า?ฮึ่ม ข้าเปนรัฐมนตรีกฎหมาย ทำไมข้าต้องไปกลัวอาชญากรเช่นเจ้ากัน?”ว่าน ฉง ตอบอย่างมั่นใจ
”ถ้าอย่างนั้นก็ก้าวเข้ามา!” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าและมองไปที่ร่างทั้งสี่ที่สวมผ้าคลุมหน้า
พวกเขาทั้งสี่โค้งคำนับต่อฟาง เจิ้งจือ และถอยไปด้านหลังเขา
ว่านฉง ขมวดคิ้ว เขาอยากรู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ วางแผนอะไรอยู่ แต่เขานึกไม่ออก
หรือว่า…
ผู้ชายคนนี้ยอมแพ้แล้วจริงๆ?
ว่านฉง ไม่สามารถทำใจให้เชื่อเรื่องนั้นได้
ผู้คนต่างก็ไม่เชื่อสายตาตัวเองเช่นกัน
”ฟางเจิ้งจือ กำลังทำอะไร?”
”ข้าไม่รู้”
”เขายอมแพ้จริงๆเหรอ?ทำไมกัน ข้าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้?”
”ใช่ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน!แต่เขาพูดอย่างนั้นจริงๆ”
ประชาชนทุกคนไม่สามารถทำใจให้เชื่อได้แต่ความจริงกำลังเกิดขึ้นตรงหน้าพวกเขา คนทั้งสี่ที่ยืนรอบตัว ฟาง เจิ้งจือ นั้นถอยกลับไป
แม้แต่ฉือ เฮา ก็ก่าวไปด้านข้าง
เหลือเพียงแค่ว่าน ฉง กับ ฟาง เจิ้งจือ มันไม่กว้างนัก แต่ก็กว้างพอ
ว่านฉง ไม่เคลื่อนไหวในทันที
เขายังไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเขารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
”ท่านว่านให้ข้าเข้าไปก่อนไหม?” ทหารผู้หนึ่งระซิบข้างๆเขา
”ไม่จำเป็นดูสิว่าเขาจะทำอะไรข้าได้!” ว่าน ฉง โบกมือ ฟาง เจิ้งจือ พูดออกมาชัดเจนว่าให้เขาเป็นคนจับกุม เขาไม่มีทางกลัว ฟาง เจิ้งจือ แน่นอน
”ข้าเข้าใจแล้วนี่คือกุญแจและโซ่ตรวน “ผู้นำส่งมันให้กับ ว่าน ฉง
”อืม”ว่าน ฉง พยักหน้าและรับกุญแจมือ
มันเป็นของที่เอาไว้จับตัวผู้ต้องสงสัยดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนี
ฉือเฮา มองไปที่กุญแจมือในมือของ ว่าน ฉง จากนั้นก็หันกลับไปมอง ฟาง เจิ้งจือ อีกครั้ง เขาอยากรู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะทำยังไง
ทันใดนั้น…
ว่านฉง ก็เคลื่อนไหว
เขาค่อยก้าวขึ้นไปด้านหน้า…
ฟางเจิ้งจือ ยังคงไม่เคลื่อนไหว เขาทำเพียงแค่มองไปที่ ว่าน ฉง นิ่งๆ ราวกับว่า ว่าน ฉง ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
ว่านฉง จับกุญแจมือเอาไว้แน่น เขาไม่ได้เดินเข้าไปเร็วมากนัก เพราะคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ คงไม่อยู่เฉยๆแน่นอน
อย่างไรก็ตามฟาง เจิ้งจือ กลับไม่เคลื่อนไหว ราวกับเขารอให้ ว่าน ฉง เข้ามาจับตัวเขาไป
”เจ้าคงบ้าไปแล้วคิดว่าข้าจะกลัวเจ้างั้นหรือ?” ว่าน ฉง กัดฟันแน่น เขาเตรียมเข้าไปจับ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความรวดเร็ว
เขาเข้าใกล้มากแล้ว…
เขาหยุดยืนอยู่ห่างออกไปหนึ่งเมตรก่อนที่เขาจะยิ้มเยาะออกมา
ฟางเจิ้งจือ ยอมแพ้แล้วสินะ?
ทันใดนั้นเสียงดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน
”ท่านว่านฉง! มีจดหมายถึงท่าน!”
”จดหมาย?จดหมายอะไร?”ว่าน ฉง หยุดนิ่งทันที เขาสามารถบอกได้ว่าเสียงที่ตะโกนมานั้นเป็นเสียงของผู้ดูแลบ้านของเขา
”ข้าไม่กล้าเปิดผู้ที่ส่งมันมาให้ข้าบอกว่าต้องให้ท่านเปิดด้วยตัวเอง” ผู้ดูแลบ้านพูดพร้อมกับหอบออกมา
”เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้าทำอะไรอยู่?จดหมายอะไร รอข้ากลับไปก่อนไม่ได้หรือไง?” เสียงของ ว่าน ฉง เต็มไปด้วยความเย็นชา
”ผู้ส่งบอกว่ามันเกี่ยวพันกับความเป็นหรือตายข้า …ข้าไม่กล้ารอ…เช่นนั้น…”
ว่านฉง ตกตะลึง จากนั้นเขาก็หันไปมอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยเหตุผลบางอย่างเขารู้สึกว่า ฟาง เจิ้งจือ ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับจดหมายนั้นแน่นอน
”เอามันมาให้ข้า”ว่าน ฉง พยักหน้าหลังจากลังเลไปครู่หนึ่ง
มันเป็นจดหมายที่เรียบง่ายไม่มีอะไรเขียนอยู่ที่ด้านหน้าซอง
เขาเปิดมันออก
มีกระดาษอยู่แผ่นหนึ่งด้านในมันไม่ใช่จดหมาย แต่มันเป็นภาพร่าง
จากมุมมองทางศิลปะ
มันเป็นภาพที่น่ากลัวภาพหนึ่งลายเส้นไม่ได้งดงาม ความเป็นจริงมันดูสับสนและไม่ชัดเจน มันไม่ได้เป็นภาพวิวทิวทัศน์
อย่างไรก็ตามภาพนี้ทำให้การแสดงออกของว่าน ฉง เปลี่ยนไป มือของเขาเริ่มสั่น
มีคำเขียนอยู่ด้านบนภาพนั้น
”แผนที่บ้านตระกูลว่าน!”
แน่นอนว่า…
นั่นไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญที่สุดมีจุดสีแดงทำเป็นเครื่องหมายอยู่บริเวณมุมขวาบน
มันทำให้ว่าน ฉง หน้าซีด เขารู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว
เขารู้ว่าจุดสีแดงนี้เป็นตัวแทนของอะไรนี่เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเขา
เขาอยู่ในสภามานานหลายปี
ทุกคนรู้ดีถึงการต่อสู้เพื่ออำนาจ
ในฐานะรัฐมนตรีกรมกฎหมายเขามีความลับที่ไม่อาจพูดออกมาได้ กว่าเขาจะมายืนอยู่จุดนี้ได้ เขาได้ผ่านการวางแผนมามากมาย
เงินและสมบัติเป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อตกลงมีบางอย่างที่แย่กว่านั้น
ว่านฉง ใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อสืบสวนอาชญากรรมรวมถึงรวบรวมหลักฐาน ไม่มีใครคิดว่าเขาจะทำผิดพลาดในการเก็บเอกสารเหล่านั้นไว้
อย่างไรก็ตามบางครั้งเรื่องต่างๆก็ไม่แน่นอน
ว่านฉง ได้เข้ามาทำงานในสภาหลังจากทำการทดสอบกฎแห่งเต๋า เขาต้องการจะพิสูจน์ความสามารถของเขาในศาล
อย่างไรก็ตามมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเขาต้องการเป็นนักปราชญ์
เขาสอบได้อันดับหนึ่งในการทดสอบด้านปัญญาแต่ในด้านการต่อสู้นั้นไม่ใช่ เขาจึงต้องละทิ้งความฝันในการเป็นผู้ฝึกตนของเขาไป
ตอนแรกความฝันของเขาคือเข้าโรงเรียนหลวงให้ได้
อย่างไรก็ตามมันเป็นความฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง
ว่านฉง ถูกส่งไปอยู่กรมกฎหมาย
กรมกฎหมาย!
เขาต้องเผชิญหน้ากับอาชญากรทุกวันเขาเห็นมาแล้วทุกคุกในอาณาจักร
มันไม่ใช่ชีวิตที่เขาต้องการ
แต่เมื่อเขาต้องเลือกระหว่างความจริงกับความฝันเขาฉลาดพอที่จะเลือกความจริง อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยละทิ้งความฝันของเขา
ความกระหายในความรู้ของว่าน ฉง นั้นหาได้ยากยิ่งที่ใครจะมี เขาจึงมีนิสัยเก็บเอกสารต่างๆไว้ ต่อให้รู้ว่ามันจะต้องกลับมาทำร้ายเขาในสักวันหนึ่ง
เขาเก็บมันทั้งหมดไว้
พวกมันเป็นเอกสารที่ทำให้ว่าน ฉง ละทิ้งความฝันและเริ่มไขว่คว้าสู๋ตำแหน่งอันสูงสุดในกรมกฎหมาย ซึ่งมันไม่ใช่วิธีที่ขาวสะอาดนัก
เขาเปลี่ยนจากหัวหน้าเรือนจำไปเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีและสุดท้าย…
เขาได้กลายเป็นรัฐมนตรีกรมกฎหมาย!
เมื่อว่านฉง เห็น ตรารัฐมนตรี วางอยู่ด้านหน้าเขา เขารู้ดีว่าความฝันของเขาไม่มีวันเป็นจริงอีกแล้ว
เขามองเอกสารเหล่านั้นขณะที่อยู่ในห้องหนังสือเขาได้เล่นกับไฟ ทำเรื่องเสี่ยงมาหลายครั้งหลายครา
สุดท้าย…
เขาตัดสินใจที่จะฝังเอกสารเหล่านั้นทั้งหมดเขาฝังในที่ที่ไม่มีใครรู้ มันเป็นเวลาห้าปีแล้วตั้งแต่วันนั้น แม้แต่ตัวเขาเองก็ลืมเกี่ยวกับการมีอยู่ของเอกสารเหล่านั้น
แต่ตอนนี้จุดสีแดงอยู่ตรงหน้าเขา
”ฟางเจิ้งจือ!” หน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง ก่อนจะกัดฟันแน่น ไม่มีจุดไหนในภาพที่บอกว่าใครเป็นผู้เขียนได้ แต่ก็เดาได้ไม่ยาก
เขาไม่รู้ว่าฟาง เจิ้งจือ รู้ได้ยังไงว่ามีเอกสารฝังอยู่ที่นั่น แต่เขารู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ วางแผนจะทำอะไร
”เจ้าหน้าที่ว่านข้าคือ ฟาง เจิ้งเจิ้ง” ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มออกมา
”เจ้าคิดว่าแค่นี้จะหยุดข้าได้งั้นหรือ?เจ้ามันก็เป็นแค่เด็กไร้เดียงสา เจ้าคิดว่าเป็นเรื่องง่ายงั้นรึที่จะเข้าไปคนบ้านของรัฐมนตรี?” เสียงของ ว่าน ฉง นั้นดังพอที่จะให้ ฟาง เจิ้งจือ ได้ยินเท่านั้น
เขาโมโหแต่เขาไม่ได้ตื่นตระหนก
เพราะ…
เขารู้ว่ายังมีทางออกอยู่ที่เขาต้องทำคือจับตัว ฟาง เจิ้งจือ และกลับไปเผาเอกสารเหล่านั้นทิ้งซะ เขายังสามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้อยู่
”อย่างนั้นงั้นรึ?มันยากที่จะค้นบ้านท่านจริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้” ฟาง เจิ้งจือ ยิ้ม
”เจ้าหมายความว่าอะไร?”ว่าน ฉง กำหมัดแน่น
ฟางเจิ้งจือ ไม่ตอบคำถามทันที เขาเพียงแค่ทอดสายตาไปไกล มองคนใช้ผู้หนึ่งวิ่งมาทางพวกเขา
ทันใดนั้นมีเสียงตะโกนดังขึ้นมา
”ท่านว่านฉง มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น!”
”คราวนี้อะไรอีก?!”ร่างกายของ ว่าน ฉง สั่นสะท้าน ขณะมองไปยังคนรับใช้ที่วิ่งเข้ามาหาเขา
เพจหลัก: Gate of god TH