Gate of God - ตอนที่ 519-520
ตอนที่ 519 ใหญ่ขึ้น
”ที่บ้านที่บ้าน … ” คนรับใช้แทบหายใจไม่ทัน หน้าของเขาซีดเซียวจากการรีบวิ่งมา
”เกิดอะไรขึ้น?!”ว่าน ฉง ตกใจ เขาสัมผัสได้ถึงเรื่องแย่ๆที่อาจจะเกิดขึ้น
แต่มันก็แค่ความคิด
นี่คือเมืองหลวงจะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้นกับบ้านของเขาได้ยังไง…
ทันใดนั้นท่าทีของ ฟาง เจิ้งจือ ก็กลายเป็นตกใจอย่างมาก
”โอ้?่ทำไมถึงมีควันลอยขึ้นมาจากตรงนั้นล่ะ?…ว้าว นั่นมันไฟไหม?!” ฟาง เจิ้งจือ อุทานออกมาด้วยความตกใจ
ผู้คนต่างหันไปมองในทิศทางนั้น
”มีควันไฟลอยขึ้นมา!”
”เป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าไฟไหม่?”
”ดูนั่นสินั่นมันไฟไหม้นี่!”
ฝูงชนเต็มไปด้วยความไม่เชื่อก่อนจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
ทันใดนั้นคนรับใช้ก็สูดหายใจลึกๆก่อนจะรายงานออกมา
”ท่านว่าน…ที่บ้าน…เกิดไฟไหม!”
”อะไรนะ?!บ้านของข้าไฟไหม้?” ว่าน ฉง ตกตะลึง ท่าทีของเขาเปลี่ยนไป
เขามีลางสังหรณ์ว่าสิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นเมื่อเขาเห็นใบหน้าของฟาง เจิ้งจือ และสิ่งที่เขาพูด
แต่…
ความรู้สึกมันต่างกันอย่างชัดเจนเมื่อเหตุร้ายนั้นเกิดขึ้นต่อหน้า
”ใช่แล้ว…ข้าคิดว่าท่านควรจะรีบกลับไปตอนนี้ที่บ้านถูกล้อมไปด้วยทหารหลวจำนวนมาก ถ้าท่านไม่กลับไปตอนนี้…” คนใช้กล่าวเสริม
”ทหารหลวง!พวกเขามาทำอะไรที่บ้านของข้า?” ว่าน ฉง ตัวสั่นเล็กน้อย
”ตอนที่เกิดเพลิงไหม้ขึ้นทหารหลวงไป่ ฉี ได้เดินทางผ่านมาพอดี ดังนั้นเขาจึงสั่งให้เหล่าทหารไปช่วยดับไฟ จากนั้น…”
”เจ้าบอกว่าไป่ ฉี พาทหารมาดับไฟงั้นรึ? เขาเอาคนมาเท่าไรกัน?”
”ประมาณ500″
”500?!”ขาของ ว่าน ฉง สั่นจนหยุดไม่อยู่ เขาเข้าใจในที่สุดว่าทำไม ฟาง เจิ้งจือ ถึงบอกว่าการค้นบ้านของเขาใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
มันเป็นไปได้แน่นอนถ้าเกิดไฟไหม้ขึ้นที่บ้านเขา
แต่มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ!นี่เป็นฤดูใบไม้ผลิ ไม่ใช่ฤดูร้อนจะเกิดไฟไหม้ขึ้นได้ยังไง?
ที่สำคัญที่สุดคือที่บ้านของเขา
เต็มไปด้วยคนรับใช้และผู้ช่วยนับไม่ถ้วน
พวกเขาน่าจะสามารถควบคุมไฟไหม้ได้
เห็นได้ชักว่ามันเป็นแผนที่วางไว้
บ้านของเขาไม่มีทางถูกไฟไหม้โดยไม่มีเหตุผลต้องมีคนวางเพลิงแน่นอน แล้วทำไม ไป่ ฉี ถึงผ่านไปแถวนั้น…
นั่นก็น่าจะเป็นแผนเช่นกัน
ว่านฉง ตัวสั่นขณะกำภาพที่อยู่ในมือแน่น เขาไม่รู้ว่าทำไม ไป่ ฉี ถึงฟัง ฟาง เจิ้งจือ
ชาวเมืองรอบๆมองมาที่ว่าน ฉง ด้วยความสงสาร
”รัฐมนตรีว่านท่านไม่ต้องกังวล! ในเมื่อทหารหลวงอยู่ที่นั่น พวกเขาต้องดับไฟได้แน่ๆ!”
”ใช่ทหารหลวงทั้ง500คนจะช่วยดับไฟเอง!”
”ท่านสามารถซ่อมแซมบ้านหลังจากนี้ได้!ความปลอดภัยของท่านนั้นสำคัญที่สุด!”
ชาวเมืองรอบๆต่างพยายามปลอบโยน
”ซ่อมแซม?”ว่าน ฉง หัวเราะเบาๆขณะมองไปที่ชาวเมืองรอบๆ
เขาจำได้ว่าตอนที่เขาชนะการทดสอบเขายินดีมากแค่ไหนเขาจำได้ว่าเขาต้องใช้ความพยายามมากเท่าไรจึงมายืนอยู่ตำแหน่งนี้ได้ เขาหัวเราะอย่างขมขื่นให้ตัวเอง
ไม่มีใครเข้าใจความเจ็บปวดของเขาได้
หากบ้านของเขาถูกไฟไหม้ชีวิตของเขาย่อมจบสิ้นเช่นกัน
เขาสามารถจินตนาการได้ว่าทุกคนจะมองเขายังไงในไม่อีกกี่วันข้างหน้า
ตอนนั้น…
พวกเขายังจะมาพยายามปลอบประโลมเขาอยู่อยู่หรือไม่?
เขาทอดสายตาไปไกล
เขาสามารถเห็นทหารในชุดสีทองจำนวนหนึ่งกำลังตรงมาหาเขาได้แต่ละคนถือหอกอันคมกริบ
”ไป่ฉี เจ้ามาเร็วจริงๆ!” ว่าน ฉง โยนกุญแจมือทิ้งและมองไปยังร่างที่ใกล้เข้ามา
มันจบแล้ว
ว่านฉง รู้ว่าตัวเองแพ้แล้ว
ไป่ฉี อยู่ที่นี่แล้ว
”รัฐมนตรีว่าน ฉง ท่านเป็นผู้ต้องสัยในการทุจริตและสมรู้ร่วมคิด ท่านถือเป็นผู้ต้องหาแล้ว โปรดมากับพวกเราด้วย”
”แม่ทัพไป่ท่านควรจะป้องกันวังหลวง ตั้งแต่เมื่อไรที่ท่านทำหน้าที่เป็นผู้สืบสวนคนอื่น?” ว่าน ฉง ถามขึ้นมา
”ข้าแค่ผ่านทางไปเท่านั้น”ไป่ ฉี ตอบเรียบๆ
”ฮ่าฮ่า…เยี่ยมเหลือเกิน” ว่าน ฉง หัวเราะเยาะเย้ย
”ข้าคิดว่าเจ้าคงยังไม่มีเวลาเอาเอกสารที่ได้มาไปที่พระราชวังใช่หรือไม่?”
”มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นไม่ต้องกังวลไป”
”เช่นนั้นข้าก็ยังไม่ได้ถือว่าเป็นอาชญากร ให้ข้าได้กลับไปที่บ้านก่อนได้ไหม?” ว่าน ฉง พยักหน้า
”ไม่”ไป่ ฉี ปฏิเสธทันที
”ไป่ฉี ข้าเป็นรัฐมนตรีนะ และเป็นเจ้าหน้าที่ระดับ2! ข้ายังไม่ถูกตัดสินโทษ! เจ้ากล้าลากตัวข้าไปโดยการบังคับงั้นรึ?” ท่าทีของ ว่าน ฉง เปลี่ยนไปทันที
”ท่านก็ลองขัดขืนดูสิ”
”ไป่ฉี! เยี่ยม …เยี่ยมมาก! ข้ารู้ทางไปที่นั่น ข้าไปเองได้!”
”จับตัวรัฐมนตรีไว้!”ไป่ฉี ไม่สนใจคำพูดของ ว่าน ฉง และเอาห่วงโซ่ไปล็อคที่เท้าของเขาไว้
”ไป่ฉี เจ้ากล้าล่ามข้าได้ยังไง?!”
”มีอะไรผิดงั้นเหรอท่านรัฐมนตรี?”
”ข้าจะสู้กับเจ้า!”
”พาเขาไป!”
…
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเหล่าผู้คนต่างไม่สามารถตามเหตุการณ์ได้ทันเวลาผ่านไปไม่นาน ว่าน ฉง กลับถูกล่ามโซ่เอาไว้
พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐมนตรีกฎหมายจึงกลายเป็นอาชญากรได้ภายในพริบตาทำไมพวกเขาถึงถูกทหารหลวงเข้าจับกุม?
เป็นไปได้ยังไง?
เหล่าทหารคุ้มกันอยากก้าวออกไปเพื่อช่วยว่าน ฉงอย่างไรก็ตามพวกเขาหยุดนิ่งทันทีที่เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารของ ไป่ ฉี
ไม่ใช่ว่าพวกเขากลัวความตายอย่างไรก็ตาม พวกเขารู้ว่าไม่สามารถเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ได้
”รัฐมนตรีถูกจับตัวไป?”
”แล้ว…แล้ว ฟาง เจิ้งจือ ล่ะ?”
”รองแม่ทัพไป่ ฉี ที่นี่มีอาชญากรอยู่อีกคนหนึ่ง ท่านจะไม่จับกุมเขางั้นหรือ?”
เหล่าผู้คนมองไปที่พวกทหารหลวงในชุดเกราะเขามาจับตัว ว่าน ฉง ดังนั้นก็น่าจะจับตัวอีกคนไปด้วย
”ฟางเจิ้งจือ อยู่ที่ไหน?”ไป่ ฉี มองไปรอบๆด้วยความสับสน
”นั่นไงตรงนั้นไง?”ผู้คนชี้ไปทาง ฟาง เจิ้งจือ ที่นั่งอยู่บนหลังม้า
”ไร้สาระ!ชายหนุ่มคนนี้ชื่อ ฟาง เจิ้งเจิ้ง! เขามีทั้งสูตบัตรและมี ฉือ เฮา เป็นพยานยืนยัน! พวกเจ้าคิดว่าข้าโง่งั้นหรือ?”ไป่ ฉี ตอบกลับ
จากนั้นเขาก็ลากว่าน ฉง ออกไป ผู้คนต่างตะลึงกับสิ่งที่เห็น
”รองแม่ทัพไป่ ฉี รู้ได้ยังไงว่าเขาชื่อ ฟาง เจิ้งเจิ้ง?”
”ใช่ตอนนั้นเขาไม่ได้อยู่ที่นี่… ”
”เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ตอน …ตอนที่ ฉะ.. ฉือ เฮา เป็นพยาน เขารู้… เขารู้สิ่งที่เกิดขึ้นได้ยังไง?!”
ฝูงชนสับสนแต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้เลย ไป่ ฉี จากไปแล้ว
ฟางเจิ้งจือ มองไปที่ ไป่ ฉี ด้วยความรังเกียจ
ทักษะการแสดงเป็นเรื่องสำคัญมากๆในใช้ชีวิต
แต่ทักษะการตบตาของชายคนนี้นั้นย่ำแย่มาก!เขาเป็นถึงรองแม้ทัพได้ยังไง?!ฝีมือเขาแย่มาก!
ฉือเฮา ไม่เข้าใจว่า ฟาง เจิ้งจือ กำลังคิดอะไรอยู่ เขาไม่รู้ว่าเนื้อหาของจดหมายนั้นคืออะไร อย่างไรก็ตาม เขาคิดบางอย่างในหัว
ว่านฉง ถูกจับ?
โดยทหารหลวง?
ว่านฉง ไม่ได้แม้แต่จะเรียกร้องความเป็นธรรม?
นั่นก็เพียงพอที่จะพิสูจน์หลายสิ่งหลายอย่างเขาไม่ได้รู้จักพวกนั้น…
ราชาต้วนเองก็เช่นกันนั่นหมายความว่า…
ราชาต้วนไม่ได้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
”ข้าเข้าใจแล้ว!ข้าประเมินนิกายเงาต่ำเกินไป ข้าไม่เคยคิดเลยว่าพวกนิกายเงาจะแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง!”แววตาของ ฉือ เฮา เปล่งประกายเมืองเขามองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
”ท่านฉือ เฮา นี่มันตลกมาก ไป่ ฉี ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนิกายเงา” ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัว
”ไม่เกี่ยวข้อง?เอาล่ะ ข้าขอถามเจ้าหน่อย ในเมื่อเจ้ามีแผนรับมือ ว่าน ฉง ทำไมต้องใช้ข้าเป็นพยานในชื่อของเจ้าด้วย!”ฉือ เฮา หัวเราะเบาๆ เขาไม่เชื่อคำพูดนั้น
”ท่านพยายามดึงข้าลงมาเมื่อสามวันก่อนหลังจากที่คิดดีๆแล้ว ข้าจึงอยากดึงท่านลงมาบ้าง” ฟาง เจิ้งจือ ตอบกลับ
”เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะไม่ช่วยเจ้างั้นรึ?”
”แต่ความจริงก็คือท่านกระโดดเข้ามาช่วยข้านี่”
”ใช่แต่ข้าก็สามารถฆ่าเจ้าและกระโดดออกไปได้!”
”ฮ่าฮ่า… ถ้าท่านอยากฆ่าข้า ท่านคงทำตั้งแต่ที่หมู๋บ้านภูเขาทางเหนือแล้ว ทำไมต้องรอถึงตอนนี้? นอกจากนี้ข้ารู้ว่าท่านไม่สามารถฆ่าข้าได้”
”ไม่สามารถฆ่าเจ้าได้?!””ฉือ เฮา ตกตะลึง เขาหันไปมองผู้ที่สวมชุดดำและปิดหน้าที่ยืนอยู่รอบๆ ฟาง เจิ้งจือ “เ้จาคิดว่าพวกเขาจะหยุดข้าได้งั้นหรือ”
”ฮ่าฮ่า… ” ฟาง เจิ้งจือ หัวเราะเบาๆแต่ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาหันไปมองรถม้าคันหนึ่งที่หยุดลงใกล้ๆ
มีคนไม่มากในเมืองหลวงที่มีรถม้าแบบนี้ในความเป็นจริง ฟาง เจิ้งจือ เคยเห็นมันมาก่อน
มันถูกแกะสลักอย่างงดงามเป็นลวดลายของเปลวไฟ
ทั้งฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว ต่างเคยเห็นมัน
”ข้าเข้าใจแล้ว”เหยียน ซิว พยักหน้าเมื่อเห็นรถม้า เขาเข้าใจในสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้น
ฝูงชนตกตะลึงจากนั้นพวกเขาก็แหวกออกไปทั้งสองด้าน
ถนนที่แออัดตรงกลางกลับถูกเปิดโล่ง
ฟางเจิ้งจือ ไม่ขยับ
เขานั่งเงียบๆ บนหลังม้าและรอรถม้าเข้ามาใกล้
จากนั้นรถม้าก็หยุดลง
ทหารที่สวมเกราะสีทองที่ยืนอยู่ข้างรถม้าก็กระโดดขึ้นมาเคาะประตู
”ถึงแล้ว?”เป็นเสียงที่คมชัดดังจากด้านใน
”ขอรับ!””ทหารตอบทันที
”แกรก!”ประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสีแดงเพลิงที่ก้าวออกมา
นางสวมชุดสีแดงราวกับเปลงเพลิงเอวของนางผมเพรียวราวกับนาฬิกาทราย
ชุดสีแดงของนางประดับไปด้วยอัญมณีสีแดง
ดวงตาของนางสดใสปากของนางเผยออกด้วยความหยิ่งยโส
ฟางเจิ้งจือ ยิ้มเยาะ
นางดูแตกต่างจากหนึ่งปีที่แล้วเป็นอย่างมากนางเติบโตขึ้นมาอย่างงดงาม
”เจ้าคิดว่ายังไง?ข้าเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากใช่ไหมล่ะ?” เสียงของนางดังขึ้น นางหันไปมอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความคาดหวัง
”เป็นผู้ใหญ่ขึ้น?”ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่บริวเณลำคอของนาง ก่อนจะมองลงไปด้านล่าง จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา “อืม ใหญ่ขึ้นมาก!”
เพจหลัก: Gate of god TH
ตอนที่ 520 ปิง หยาง มาแล้ว
”ใหญ่ขึ้น?”นางไม่สามารถตอบสนองได้ทัน แต่สายตาของนางได้เลื่อนไปตาม ฟาง เจิ้งจือ ก่อนที่จะตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “เจ้าสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า!”
”อืมเจ้าควรจะเป็นอย่างนี้สิ ทำไมต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ด้วย?” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
นางคือปิง หยาง
องค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้ผู้คนพูดไม่ออกได้ นิสัยชอบกลั่นแกล้งของนางไม่มีใครจะไม่รู้
”ยินดีที่ได้พบฝ่าบาท!”ฉือ เฮา เดินไปข้างหน้าและโค้งคำนับให้ ปิง หยาง
”ท่านอย่ามากพิธีการไปเลย” ” ปิง หยาง พยายามแสดงท่าทีเป็นผู้ใหญ่อีกครั้ง
”ยินดีที่ได้พบองค์หญิง!”ฝูงชนเองก็คุกเข่าลงเช่นกัน
”ลุกขึ้นเถอะ!”ปิง หยาง โบกมือ ก่อนจะเดินไปหา เหยียน ซิว และ ฟาง เจิ้งจือ”ข้าจัดการได้ยอดเยี่ยมใช่ไหมล่ะ? เจ้าไม่ควรจะขอบคุณข้างั้นรึ?”
”เจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อขอบคุณข้าหรอกหรือ?”ฟาง เจิ้งจือ ถามด้วยความสับสน
”ข้า?ขอบคุณเจ้า? จะเป็นไปได้ยังไง? ข้าเป็นคนวางเพลิงบ้านพักนั่น! และเป็นคนที่บอกให้ ไป่ ฉี ไปที่นั่นด้วย เจ้าจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้ยังไงถ้าไม่ใช่เพราะข้า?”
”แล้วคิดว่าเจ้าจะวางเพลิงได้หรือไงกันถ้าไม่มีข้า?”
”หมายความว่ายังไง?”
”เรื่องนี้ที่นั่นเป็นบ้านของรัฐมนตรีกรมกฎหมาย เจ้าไม่สามารถลอบวางเพลิงได้ด้วยตัวเองแน่ นอกจากนี้เจ้ายังได้รับความดีความชอบมากมายจากการจับตัว ว่าน ฉง ได้ เจ้าไม่ควรจะขอบคุณข้าอีกงั้นรึ?” ฟาง เจิ้งจือ ถาม
”ถ้าเจ้าพูดแบบนั้น…ข้าก็คงจะต้องเห็นด้วย!”ปิง หยาง พยักหน้าด้วยความลังเล จากนั้นดวงตาของนางก็เป็นประกาย “ช่างมันเถอะ เจ้ามีของขวัญให้ข้าไหม ของขวัญฉลองที่ได้พบกันอีกครั้ง!”
”ให้ข้าทำหม้อไฟให้เจ้าทานดีหรือไม่?”ฟาง เจิ้งจือ ถามด้วยความหงุดหงิด
”ตกลง!”ปิง หยาง พยักหน้าทันที น้ำลายแทบจะไหลออกมาจากปากของนาง
ท่าทีของฉือ เฮา นั้นดูค่อนข้างขัดแย้งกัน
ปิงหยาง และ ฟาง เจิ้งจือ น่าจะเป็นเพียงสองคนบนโลกนี้เท่านั้นที่พูดคุยกันเรื่องลอบวางเพลิงบ้านคนอื่นต่อหน้าฝูงชน
อย่างไรก็ตาม…
หมายความว่าไป่ ฉี ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนิกายเงา เขาคงคิดมากเกินไป? หรือเขาพลาดอะไรไป?
ฟางเจิ้งจือ ฝากทุกอย่างไว้กับ ปิง หยาง?
หากเป็นเมื่อสิบห้านาที่ก่อนเขาคงไม่เชื่อว่าฟาง เจิ้งจือ จะวางแผนแบบนี้ไว้ อย่างไรก็ตามเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาต้องนึกถึงเรื่องอื่นด้วยทันที
อะไรคือเป้าหมายของฟาง เจิ้งจือ ในการมาที่เมืองหลวง?
ปิงหยาง ไม่ได้สังเกตุท่าที่ของ ฉือ เฮา หลังจากที่นางได้รับของขวัญจาก ฟาง เจิ้งจือ นางก็หันไปหา เหยียน ซิว
”เหยียนซิว เจ้าได้นำอะไรมาให้ข้าบ้างไหม?”
”้ข้านำมา”เหยียน ซิว พยักหน้า
”มันคืออะไร?”
”ม้า”
”ม้า?มันเป็นม้าของกองทัพเมฆางั้นหรือ?”
”ใช่แล้วมันเป็นม้าเมฆาแดง”
”ม้าเมฆาแดง?!มันเป็นม้าที่หาได้ยากยิ่งเลยไม่ใช่หรอกหรือ?” ดวงตาของ ปิง หยาง เต็มไปด้วยความคาดหวัง
”แน่นอน”
”ตัวผู้หรือเมีย?”
”ตัวผู้”
”ฮ่าฮ่าฮ่าเยี่ยมมาก! ม้าหยกหิมะของข้าจะได้มีคู่สักที! เหยียน ซิว เจ้าช่างใจกว้างกว่าใครบางคนยิ่งนัก ใครก็ไม่รู้แค่จะทำหม้อไฟให้ข้ากิน ” ปิง หยาง มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความดูถูก
”ไม่ใช่ว่าม้าหยกหิมะของเจ้าคู่กับม้าอัศนีย์ม่วงขององค์ชายเก้าแล้วหรอกรึ?” ฟาง เจิ้งจือ ถาม
”มันสามารถเปลี่ยนแปลงกันได้!”
อืม…
…
ข่าวการจับกุมตัวว่าน ฉง กระจายไปทั่วเมืองราวกับไฟป่า ทุกคนต่างกำลังพูดถึงเรื่องนั้น
แน่นอนว่าอีกเรื่องที่จะลืมไปไม่ได้คือการกลับมาของ ฟาง เจิ้งจือ
”ฟางเจิ้งเจิ้ง?”
รวมถึงชื่อใหม่ของฟาง เจิ้งจือ
ภายในบ้านพักขององค์รัชทายาท
เจ้าหน้าที่จำนวนมากกำลังนั่งอยู่ตอนนี้พวกเขากังวลอย่างเห็นได้ชัดเจน
การที่ว่าน ฉง ถูกจับกุมนั้นทำให้พวกเขาตกตะลึงทั้งหมด
ที่สำคัญหลักฐานที่ทำให้เขาถูกจับตัวนั้นเป็นเอกสารที่มีอยู่กองเป็นภูเขาพวกเขาล้วนกังวลในสิ่งเดียวกัน…
ในเอกสารเหล่านั้น…
มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาบ้างไหม?
รัฐมนตรีฝ่ายซ้ายยู่ ยี่ปิง กำมือแน่น ในห้องนั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง
องค์รัชทายาทหลิน เทียนหลง มองไปยังเหล่าเจ้าหน้าที่ที่เต็มไปด้วยความกังวล
”พวกเจ้ากำลังกลัวอะไรงั้นรึ? พวกเจ้าคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะสามารถพังสภาทิ้งได้หรือไงกัน?” ดวงตาขององค์รัชทายาทเต็มไปด้วยความเย็นชา
”ฝ่าบาทพวกเรา…”เจ้าหน้าที่มองหน้ากันด้วยความกลัว กว่าพวกเขาจะมาถึงจุดนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
การที่พวกเขาจงรักภักดีกับองค์รัชทายาท…
มันเป็นการตัดสินใจเพื่อรักษาชีวิตและตำแหน่งของพวกเขาพวกเขาต้องการสร้างอนาคตไว้ให้ลูกหลานเช่นกัน อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นกับ ว่าน ฉง ทำให้พวกเขากังวล
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไปพวกเขาไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา
หนึ่งในหกรัฐมนตรีถูกกำจัดทิ้งในชั่วพริบตาอย่างไรก็ตามองค์รัชทายาทไม่ได้มีท่าทีอะไรมากนัก
”ตอนนี้ฟาง เจิ้งจือ อยู่ที่ไหนแล้ว?”
”ฝ่าบาทตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว อยู่ที่บ้านของ ปิง หยาง ข้าได้ยินว่าพวกเขากำลังทำหม้อไฟกินกัน?” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตอบขึ้นมา
”หม้อไฟ?!”องค์รัชทายาทขมวดคิ้ว
”เอกสารของว่าน ฉง ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะหรือไม่?” ยู่ ยี่ปิง ถามขึ้นมา
”ตอนนี้ยังไม่แต่ ไป่ ฉี น่าจะส่งมันให้ผู้สืบสวนแล้ว ที่นั่นมีพยานมากเกินไป คงเป็นเรื่องยากที่จะ…” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความกังวล
”อืมข้ารู้ แม้ว่าเอกสารเหล่านั้นจะอยู่ในมือของฝ่ายปกครองแล้ว แต่พวกเรายังดำเนินแผนการที่จะใช้รัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายต่อไปได้”
”หมายความว่ายังไง?”
”สิ่งที่เราต้องทำคือหาคนมาแทนที่ ว่าน ฉง ” ยู่ ยี่ปิง พูดเพิ่มเติม
”ใช่ใช่ ตราบใดที่พวกเรายังควบคุมรัฐมนตรีกรมกฎหมายไว้ได้ พวกเราก็ยังทำตามแผนการเดิมได้”
”ท่านรัฐมนตรีคิดจะให้ใครรับตำแหน่งนี้แทนงั้นหรือ?”
ดวงตาที่กังวลของเหล่าเจ้าหน้าที่หายไปในทันทีพวกเขาเห็นประกายแห่งความหวัง
”ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าข้าและองค์รัชทายาทจัดการย่อมไม่มีปัญหาแน่นอน “รัฐมนตรี ยู่ ยี่ปิง กล่าว
”ใช่แล้ว!พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้!”
”ทุกอย่างยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์รัชทายาท”
”นี่ยอดเยี่ยมมาก!”
เจ้าหน้าที่รู้สึกมั่นใจมากขึ้น
”นี่ก็สายมากแล้วพวกเจ้าไปพักผ่อนกันเถอะ” ยู่ ยี่ปิง โบกมือให้เหล่าเจ้าหน้าที่ไปพักผ่อน
”งั้นพวกเราขอตัวลา!”
เจ้าหน้าที่ต่างยืนขึ้นและโค้งคำนับให้องค์รัชทายาทและยู่ ยี่ปิงจากนั้นพวกเขาก็ออกไป
ห้องเงียบลงอีกครั้ง
”ปัง!”เสียงตบโต๊ะอย่างรุนแรงดังขึ้น
”เชี่ยเอ้ยปิง หยาง!”
”ฝ่าบาทองค์หญิงต้องถูโน้มน้าวโดย ฟาง เจิ้งจือ นางอาจจะซุกซน แต่นางไม่มีทางวางเพลิงแน่”
”ท่านคิดว่าเราควรจะทำยังไงต่อดี”
”อย่างแรกคือยืนยันจำนวนเจ้าหน้าที่ที่อยู่ฝั่งเรามันเป็นความผิดพลาดของข้าที่ต้องการแลกรัฐนตรีกรมกฎหมายกับชีวิตของ ฟาง เจิ้งจือ แต่ตอนนี้พวกเราได้เสียเขาไปโดยที่ไม่ได้อะไรเลย” ยู่ ยี่ปิง ตอบ
”มีอะไรที่ซับซ้อนเกี่ยวกับรัฐมนตรีกรมกฎหมายงั้นหรือ?”หลิน เทียนหลง กล่าวขึ้นมา
”ปกติแล้วนี่จะเป็นปัญหาเล็กน้อย แต่ท่านจะลืมไม่ได้ว่าคดีของ ฟาง เจิ้งจือ นั้นกรมกฎหมายเป็นผู้รับผิดชอบ” ยู่ ยี่ปิง เตือน
”หมายความว่ายังไง?”
”ถ้าฟาง เจิ้งจือ ตาย มันก็ไม่เป็นไร อย่างไรก็ตามถ้าเขายังมีชีวิตและตำแหน่งที่ว่างอยู่ตกไปอยู่ในฝ่ายของราชาต้วน…”
”ท่านกำลังบอกว่าเขาจะสั่งให้ยกเลิกคดีงั้นหรือ?”
”อืม…”
”เขากล้าดียังไง!”
”การต่อสู้เพื่อครองบัลลังก์นั้นโหดร้ายเสมอ ตั้งแต่ที่ราชาต้วนเข้าร่วมสงครามครั้งนี้เขาได้เลือกที่จะไม่สนใจความเป็นพี่เป็นน้องกับท่านแล้วฝ่าบาทลองคิดดู ถ้าท่านเป็นราชาต้วนจะไม่ทำแบบนี้หรือ?”
”ข้าเข้าใจข้าไม่มีทางปล่อยให้ ฟาง เจิ้งจือ เดินพล่านไปทั่วแล้วบอกคนอื่นว่าตัวเองคือ ฟาง เจิ้งเจิ้ง หรอก!” หลิน เทียนหลง เต็มไปด้วยความหงุดหงิด
”เราจำเป็นต้องรอโอกาสที่เหมาะสม” ยู่ ยี่ปิง ส่ายหัว
”โอกาสอะไร?”
”งานเลี้ยงจะเริ่มขึ้นเร็วๆนี้ องค์จักรพรรดิจะไปอยู่ที่ทะเลสาบสิบลี้ ถ้าเราจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยในช่วงนั้น ทุกอย่างก็จะไร้ปัญหา”
”ท่านแนะนำให้เราลอบสังหารเขาที่บ้านของปิง หยาง?”
”ไม่บ้านของนางได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี ทหารอาจจะมากกว่าที่วังด้วยซ้ำ”
”แล้วเราควรทำยังไงดี?”
”ฝ่าบาทโปรดวางใจ ฟาง เจิ้งจือ คงอยู่ที่นั่นไม่นานเท่าไรนัก ข้ามีวิธีที่จะล่อเขาออกมา” ดวงตาของ ยู่ ยี่ปิง เต็มไปด้วยความเย็นชา
…
ภายในห้องทรงหนังสือของราชาต้วน…
ฉือเฮา วางถ้วยชาและยิ้มให้ ท่านฮั่ว และผู้อาวุโสเหวิน
”ข้าไม่คิดว่าท่านจะสามารถจัดการว่าน ฉง ได้ทันทีที่เข้าเมือง! มันเยี่ยมมาก!” ท่านฮั่วกล่าวชม
”จริงๆแล้วไม่ใช่ข้าหรอก”ฉือ เฮา โบกมือ
”ข้าไม่คิดเลยว่าหลิน เทียนหลง จะดักรอท่านที่ประตู! สิ่งที่ไม่คาดคิดยิ่งกว่าคือเขาสามารถจัดการ ว่าน ฉง ได้ทันทีที่เขาเข้าประตู” เสียงของผู้อาวุโสเหวินดังขึ้น
”ท่านอยู่ที่นั่นด้วยท่านรู้ไหมว่า ว่าน ฉง ถูกข้อหาในเรื่องใด? ” ราชาต้วนถามขึ้นมา
ฉือเฮา ลุกขึ้นด้วยความสงบ
”ฝ่าบาทท่านคงคิดจะจัดการคนขององค์รัชทายาทในตอนนี้ แต่มันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม”
”หมายความว่ายังไง?” ราชาต้วนถามด้วยความเคารพ
”เพื่อให้ได้หลักฐานมาอยู่ในมือเราพวกเราต้องมีรัฐมนตรีกรมกฎหมายเป็นพวกของเรา มันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้พวกเราเร่งคดีนี้ได้ ” ฉือ เฮา ตอบ
”เจ้าพูดถูก ถ้าพวกเราไม่มีพวกเป็นรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย พวกเราจะไม่สามารถเอาเอกสารเพื่อเอาผิดเจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างองค์รัชทายาทได้” ราชาต้วนพยักหน้า
”ฝ่าบาท ท่านมั่นใจไหมว่าจะชิงตำแหน่งนั้นมาให้คนของท่านได้?”
”เอ่อ…” ราชาต้วนลังเลก่อนจะส่ายหัว” ในตอนนี้เจ้าหน้าที่มากกว่า 80% ภักดีต่อพี่ข้า การที่จะชิงตำแหน่งนั้นมานั้น…”
”ฝ่าบาท ท่านลองคิดเรื่องชิงตำแหน่งนี้ระหว่างการประชุมของสภาารอบหน้าแล้วหรือยัง?”
”โปรดแนะนำข้าที!”
”ข้าคิดว่าถึงเวลาที่ท่านจะลุกขึ้นและเดินเล่นไปรอบๆแล้ว”ฉือ เฮา ตอบกลับสั้นๆ
”ท่านอยากเดินไปไหน?”
”ในเมืองหลวงมีคนไม่เกินสามคนที่มีอิทธิพลต่อจักรพรรดิ ฝ่าบาท ท่านคงรู้เรื่องนี้ดี” ฉือ เฮา ตอบ
ราชาต้วนขมวดคิ้วก่อนที่ดวงตาของราชาต้วนจะเป็นประกายขึ้นมา