Gate of God - ตอนที่ 521-522
ตอนที่ 521 รอ…
หลังจากที่ได้ต่อสู้กับองค์รัชทายาทมาอย่างยาวนานราชาต้วนเข้าใจเรื่องต่างๆในสภาเป็นอย่างดี เขารู้ดีว่า ฉือ เฮา กำลังพูดถึงอะไร
องค์รัชทายาทมีความได้เปรียบในสภา
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะชิงตำแหน่งรัฐมนตรีกฎหมายจากองค์รัชทายาทในสภาได้วิธีการเดียวคือให้องค์จักพรรดิเป็นผู้แต่งตั้ง
ฉือเฮา ได้แนะนำวิธีนี้ขึ้นมา
ในเมืองหลวงแห่งนี้คนที่จักรพรรดิเชื่อใจมีไม่มากนัก มีเพียงสามคนกับอีกครึ่งหนึ่ง
คนแรกคือซิง หยวนกัว แห่งกองตรวจการความมั่นคง ในฐานะผู้นำของกองตรวจการทั้ง 13 และเป็นเสาหลักของอาณาจักร
อย่างไรก็ตามซิง หยวนกัว ไม่เคยเข้าไปยุ่งกับเรื่องเหล่านี้ เหตุผลสำคัญคือ ซิง หยวนกัว ไม่จำเป็นต้องยุ่ง
นอกจากนี้ซิง หยวนกัว เป็นคนที่ภักดีต่อราชบัลลังก์
นั่นหมายความว่ามันเป็นไปไม่ไดที่ซิง หยวนกัว จะสนับสนุนการชิงบัลลังก์
ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง..
ครึ่งที่ว่านั่นคือรัฐมนตรีฝ่ายซ้ายยู่ ยี่ปิง ในฐานะหัวหน้าของเหล่าเจ้าหน้าที่ เขารู้ว่าจักรพรรดิกำลังคิดอะไรอยู่ และองค์จักรพรรดิก็เชื่อคำแนะนำของเขาเช่นกัน
อย่างไรก็ตามด้วยประสบการณ์ของ ยู่ ยี่ปิง ในสภาแล้ว จักรพรรดิทรงเชื่อใจเขาเพียงแค่ครึ่งเดียว
สำหรับคนสุดท้าย…
”เจ้าคิดว่าจะทันหรือไม่ถ้าข้าเคลื่อนไหวตอนนี้?”ราชาต้วนถามขณะคิด
หลังจากต่อสู้กับองค์รัชทายาทมานานหลายปีราชาต้วนรู้จักพี่ชายของเขาเป็นอย่างดี พี่ชายของเขาอาจจะแนะนำใครสักคนให้รับตำแหน่งนั้นในวันพรุ่งนี้ คำแนะนำของเขาต้องได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ส่วนมากเป็นแน่
”ข้าไม่รู้แต่ถ้าทำอะไรสักอย่างก็ดีกว่าไม่ทำ” ฉือ เฮา ส่ายหัวแล้วจิบชา
”เข้าใจแล้วข้าจะเตรียมการทุกอย่างให้เรียบร้อย “ราชาต้วนมองไปที่นายฮั่วและผู้อาวุโสเหวิน เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
”เลือกได้ดี”ฉือ เฮา ยังคงจิบชาต่อ ราวกับไม่ได้สังเกตุการกระทำของราชต้วน
…
เช้าวันถัดมา
องค์รัชทายาทสวมชุดเจ้าหน้าที่เขาเดินทางมาถึงสภาแล้ว รัฐมนตรีฝ่ายซ้าย ยู่ ยี่ปิง และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆก็มาถึงอย่างรวดเร็ว
พวกเขาพูดคุยกันเล็กน้อย
ราชาต้วนและฉือ เฮา มาถึงหลังจากนั้นพวกเขาเห็นสิ่งนี้และเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทันที อย่างไรก็ตามท่าทีของพวกเขาไม่เปลี่ยนแปลง
เหล่าเจ้าหน้าที่หยุดการถกเถียงกันแล้วเข้าไปทักทายฉือ เฮา จากนั้น พวกเขาก็เชิญชวน ฉือ เฮา มากมาย
ทั้งเชิญมาทานอาหารเชิญมาล่าสัตว์ มาแข่งขั้น กระทั่งจิบน้ำชา
เวลาผ่านไป…
ที่ประชุมกำลังจะเริ่มแต่ทันใดนั้นขันทีเว่ยก็เดินเข้ามาในห้อง
”จักรพรรดิรู้สึกไม่ค่อยดีขอยกเลิกการประชุม!”ขันทีเว่ยประกาศแจ้งแก่เจ้าหน้าที่
”ขันทีเว่ยเมื่อวานนี้องค์จักรพรรดิยังดีๆอยู่เลย เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”หนึ่งในเจ้าหน้าที่เอ่ยถาม
ขันทีเว่ยจ้องไปทางรัฐมนตรียู่ ยี่ปิง และเหล่าเจ้าหน้าที่ที่เต็มไปด้วยความสับสน “ผู้คนสามารถป่วยได้ตลอดเวลา ถูกต้องไหม เจ้าหน้าที่หลี่?”เขาตอบ
”ใช่แล้วใช่แล้ว ขันทีเว่ยพูดถูดแล้ว อย่างไรก็ตามเรามีบางสิ่งที่สำคัญจะพูดคุยกับองค์จักรพรรดิ อาการของเขาเป็นอย่างไร?”
”หมอบอกเขาต้องใช้เวลาพักอย่างน้อย2-3 วันเป็นอย่างน้อย 5-6 วันเป็นอย่างมาก”
”โอ้ดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น เราจะรู้ได้หรือไม่ว่าเขาพักที่ไหน? ถ้าอย่างน้อยท่านโปรดบอกพวกเรา … ”
”จักรพรรดิพักอยู่ในที่พักของพระสนมฮั่วเฟยถ้าเจ้าอยากเข้าพบ เจ้าสามารถคุกเข่ารออยู่ที่ทางเข้าได้”ขันทีเว่ยโบกมือไปทางเจ้าหน้าที่หลี่ให้หลีกทาง
”ฮึ่มเนื่องจากจักรพรรดิอยู่ที่นั่น พวกเราจะไม่รบกวนเขา พวกเราจะรอจนกว่าอาการของเขาจะดีขึ้นแล้ว”
”องค์จักรพรรดิรอให้ข้าไปดูแลอยู่ดังนั้น ข้าขอตัว!”
”พวกเราเข้าใจแล้ว!”
รัฐมนตรีฝ่ายซ้ายยู่ ยี่ปิง ขมวดคิ้วหลังจากที่มอง ขันทีเว่ยจากไป เขาเริ่มคิดบางอย่าง “ฮั่วเฟย …”
…
เนื่องจากการประชุมถูกยกเลิกดังนั้นตำแหน่งรัฐมนตรีกรมกฎหมายคงต้องรอกันต่อไปแม้เรื่องของ ว่าน ฉง เองก็ต้องเลื่อนออกไปเช่นกัน
ว่านฉง เป็นรัฐมนตรีกรมกฎหมาย แม้จะมีหลักฐานชัดเจน แต่เขาก็ไม่สามารถถูกตัดสินได้จนกว่าจะได้รับความเห็นจากองค์จักรพรรดิ
เมืองดูเงียบสงบอย่างผิดปกติ
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีของว่าน ฉง เริ่มวิตกกังวลมากขึ้นทุกวัน พวกเขาตกอยู่ในอันตรายจนกว่ารัฐมนตรีกรมกฎหมายจะอยู่ฝ่ายเขา
รถม้านับไม่ถ้วนผ่านไปตามถนนของเมืองหลวงเกิดเหตุการทะเลาวิวาทเล็กๆน้อยๆตลอดเวลา
”หลบไปซะ!เจ้ากล้าขวางทางรถม้าตระกูลหลี่ได้อย่างไร! เจ้าเตรียมใจได้เลย!”
”ตระกูลหลี่งั้นหรือ?พวกเขาเป็นใครกัน? ทำไมเจ้าไมแหกตาดูล่ะว่าบนรถม้านี้มีใครอยู่? ถ้าเจ้าไม่หลบไป ข้าจะชนรถเจ้าให้พังเลย!”
”ว้าวน่ากลัวเหลือเกิน ทำไมไม่ลองดูล่ะ?!”
”ย่อมได้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ถึงพลังของตระกูลจาง!เจ้ารออะไรอยู่ล่ะ ปลดล้อของรถม้าเขาซะ!”
”เจ้ามันก็เป็นแค่คนโอหังจากตระกูลชั้นต่ำ!”
”…”
รถม้านับไม่ถ้วนแล่นไปตามถนนอย่างไรก็ตามมีประตูหนึ่งที่มีขนาดใหญ่มาก แต่ไม่มีรถม้าคันไหนมาหยุดที่หน้าประตูนี้เลย
บ้านพักของปิง หยาง!
มันตั้งอยู่ใจกลางเมืองและอยู่ติดกับวังเหล่าเจ้าหน้าที่่ต่างไม่มีใครอยากย่างกายเข้ามาใกล้ที่นี่
ทันใดนั้นรถม้าคันหนึ่งได้มาหยุดอยู่ด้านหน้าที่พักของปิง หยาง
จากนั้นเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็กระโดดลงมาจากรถม้าพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
”ไงพี่ชายช่วยประกาศถึงการมาถึงของข้าหน่อยได้ไหม? ข้ามาหาเจ้าหน้าที่ฟาง!” เขาเดินไปที่ประตูและถามทหารยามคนหนึ่ง
จากนั้นเขาก็หยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมา
”เจ้าหน้าที่ฟาง…ฟางไหนงั้นรึ?” ทหารยามเมินเงินในมือของเด็กหนุ่ม
”แน่นอนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฟาง!”เด็กหนุ่มตอบ
”ข้าเข้าใจแล้ว”ทหารยามพยักหน้า ก่อนจะส่งสายตาให้ทหารที่อยู่ด้านใน
ทันใดนั้นทหารทั้งยี่สิบคนได้พุ่งออกมาจับเด็กหนุ่มคนนั้นกดไว้กับพื้น
เด็กหนุ่มตกตะลึง
”ข้าพูดผิดข้ามาที่นี่เพื่อหา ฟาง เจิ้งเจิ้ง! ข้าคือ เหวิน เต๋าเปา!”
”โอ้เจ้ามาหานายน้อยฟาง? ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้?!” ทหารหยุดทันทีเมื่อได้ยิน
เหวินเต็าเปา เต็มไปด้วยความขมขื่นแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เขาปาดน้ำตาและลุกขึ้น
”ช่วยไปบอกหน่อยได้ไหมว่าข้ามาถึงแล้ว?”
”แน่นอนรอสักครู่” ทหารพยักหน้า พร้อมกับหยิบเงินที่ตกอยู่บนพื้นเข้ากระเป๋า
”…” สีหน้าของ เหวิน เต๋า เปา เต็มไปด้วยความขมขื่นขึ้นกว่าเดิม
…
ในสวนภายในบ้านพักของ ปิง หยาง…
ฟางเจิ้งจือ แต่งตัวในชุดสีน้ำเงินเช่นเคย เขานอนอยู่บนเก้าอีตัวหนึ่ง
ปิงหยาง นั่งอยู่ข้างๆ ฟาง เจิ้งจือ นางสวมชุดสีแดงเช่นเคย ขณะมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ เงียบๆ
สำหรับเหยียน ซิว เขานั่งอยู่ใกล้ๆเช่นกัน เขาถือปากกาอยู่ในมือ ขณะที่เขียนบางอย่างบนกระดาษ
มันเป็นช่วงเวลาที่สงบมาก
ทันใดนั้นทหารในชุดเกราะปรากฎขึ้นที่ทางเข้าสวน
”ฝ่าบาทนายน้อยฟาง นายน้อยเหยียน เหวิน เต๋าเปา อยู่ที่นี่แล้ว”
”…”
เงียบ
ปิงหยาง, ฟาง เจิ้งจือ, เหยียน ซิว เงียบ ราวกับว่าไม่ได้ยินที่ทหารพูด
พวกเขายังคงทำในสิ่งที่พวกเขาทำอยู่ต่อไป
ทหารรออย่างอดทนเป็นเวลา15 นาที …
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังไม่สนใจ
”อะแฮ่มเหวิน เต๋าเปา มาอยู่ที่นี่แล้ว” เสียงของทหารดังขึ้นอีกครั้ง
”…”
เงียบ
ทหารมองเข้าไปที่ทั้งสามคนที่อยู่ในสวนเขาพบว่าทั้งสามคนยังมีท่าทีเช่นเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
ทหารเริ่มแสดงร่องรอยแห่งความสับสน
เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
ทหารยืนรอนิ่งๆอยู่ที่ทางเข้าราวกับเป็นรูปปั้น
หลังจากผ่านไป15 นาที ทหารอีกคนได้ปรากฎตัวขึ้น เขาพูดในสิ่งเดียวกันกับที่ทหารคนก่อนหน้านี้พูด
แต่ทั้งสามคนก็ยังไม่สนใจเช่นเคย
ทหารทั้งสองคนยืนนิ่งราวกับรูปปั้น
เวลาผ่านไป
จากชั่วโมงเดียวเป็นสองชั่วโมง…
จำนวนของ’รูปปั้น’ ที่ทางเข้าสวนมีมากขึ้นเรื่อย มีทั้งทหารในชุดเกราะ คนรับใช้ ทาสสุดท้าย…แม้แต่หัวหน้าผู้ดูแลบ้านก็กลายเป็นรูปปั้นเช่นกัน
ดวงอาทิตย์เกือบจะขึ้นถึงจุดสูงสุดความร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งสามคนไม่เคลื่อนไหวเช่นนั้นรูปปั้นทั้งหลายจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวเช่นกัน พวกเขายังคงรอต่อไป
ในที่สุดปิง หยาง ก็หันมาและมองไปที่คนใช้คนหนึ่ง
นางไม่ได้พูดแต่กระพริบตา จากนั้นนางก็หันขึ้นไปมองดวงอาทิตย์
คนใช้มองเห็นและเข้าใจในทันทีไม่นานคนใช้ก็กลับมาพร้อมน้ำชา
ดวงตาของปิง หยาง สดใสขึ้นเมื่อเห็นมัน นางคว้าถ้วยชาจากมือของคนใช้มา
”เจ้าแพ้”ฟาง เจิ้งจือ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ และมองไปที่ ปิง หยาง
”ข้าแพ้รึ?ทำไมข้าถึงแพ้? ข้ายังไม่ทันพูดอะไรสักคำ!” ปิง หยาง หงุดหงิด
”เจ้าเปล่า?”
”ไม่อย่างแน่นอนเจ้าได้ยินข้าพูดอะไรออกมาหรือไง?”
”ข้าบอกว่าคนแรกที่เปิดปากจะแพ้ไม่ใช่คนแรกที่พูด เจ้าจะดื่มน้ำได้อย่างไรถ้าไม่เปิดปาก “ฟาง เจิ้งจือ ตอบอย่างเหยียดหยาม
”นั่นนับด้วยรึ?”ปิงหยาง ไม่อยากเชื่อหูของนาง
”เจ้าคิดว่ายังไง?”ฟางเจิ้งจือ ตอบกลับ
”เอาล่ะในครั้งนี้เจ้าชนะได้เพราะโกง เจ้าอยากถามอะไรก็ถามมา “ปิง หยาง ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่เต็มใจ
”คำถามของข้าไว้ก่อนก็ได้เหวิน เต๋าเปา รออยู่ข้างนอกนานกว่า 4 ชั่วโมงแล้ว”ฟาง เจิ้งจือ โบกมือให้นาง
”ใช่แล้วเหวิน เต๋าเปา อยู่ด้านนอกเกือบ 4 ชั่วโมงแล้ว” ทหารเกราะทองคำตอบด้วยความเคารพ
แต่
พวกเขากลับเต็มไปด้วยความขมขื่น
พวกเขารู้ว่าองค์หญิงปิง หยาง เป็นคนที่ดื้อรั้น พวกเขาชินกับเรื่องนี้ดี อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่คิดเลยว่าจะต้องรับใช้คนหัวดื้อพร้อมกันถึง 2 คน
ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ลูกชายตระกูลเหยียนเหยียน ซิว เขาเองก็ร่วมเล่นด้วย!
เพจหลัก: Gate of god TH
ตอนที่ 522 ตกลง
”อืมให้เขาเข้ามา”ฟาง เจิ้งจือ ลูบท้องและพยักหน้า
”รับทราบ”ทหารในชุดเกราะสีทองตอบ
จากนั้นผู้ดูแลบ้านและเหล่าคนรับใช้ก็เข้ามาแจ้งข่าวพวกเขา มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แค่ข่าวคราวทั่วๆไปในเมืองหลวง
หลัจากปิง หยาง ได้ยินการรายงาน ก็สั่งให้พวกเขาออกไป
”อา?!ข้าทนไม่ไหวแล้ว!เจ้าบอกข้าหน่อย ว่าเจ้าไปอยู่ที่ไหนในปีที่ผ่านมา?”ปิง หยาง ไม่สามารถทนได้
”เจ้าอยากรู้จริงๆเหรอ?ก็ได้ แต่เจ้าต้องเอาชนะข้าให้ได้ก่อนผู้ชนะเท่านั้นที่มีสิทธิ์ถาม ผู้แพ้จะเป็นคนตอบ”ฟาง เจิ้งจือ พูดหยาบๆ
”ฮึ่ม!ข้าเอาชนะเจ้าได้อย่างแน่นอน!”ปิง หยาง เยาะเย้ย
”ตอนนี้เจ้าต้องตอบคำถามของข้า!ราชาหลี่ฉิน ชอบใครมากที่สุด?”ฟาง เจิ้งจือ ถาม
”เจ้าถามถึงราชาหลี่ฉิน?เขาชอบข้ามากที่สุดและพี่เหยียนเป็นที่สอง เขาเองก็มีคามสัมพันธ์ที่ดีกับ ซิง หยวนกัว และพ่อของเขา” ปิง หยาง ตอบ
”ฉือกูเหยียน?” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
เขาไม่มีทางเชื่อทุกอย่างที่ออกมาจากปากของปิง หยาง ที่นางบอกว่าตัวนางเป็นคนที่เขาชอบนั้นเปนเพราะหลงตัวเองล้วนๆราชาหลี่ฉินชอบ ฉือ กูเหยียน มากที่สุด
เรื่องนั้น…
เห็นได้ชัดจากเหตุการณ์เมื่อหนึ่งปีก่อนในหอบัลลังก์
ในตอนนั้นเขาพึ่งออกจากโลกแห่งเซียน เขาครอบครองดาบไร้ร่องรอย องค์รัชทายาทและราชาต้วนต่อสู้กัน สุดท้ายแล้ว ฉือ กูเหยียน ได้พาราชาหลี่ฉินมาเพื่อแก้ปัญหานั้น
อย่างไรก็ตามฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับราชาหลี่ฉินมากนัก เขาไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับชายคนนี้มาก่อน
”เจ้าคิดจะให้พี่เหยียนเรียกราชาหลี่ฉินมาช่วยคุยเรื่องของเจ้ากับจักรพรรดิหรือ?ลืมได้เลย ราชาหลี่ฉินไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางการเมือง! นอกจากนี้พี่เหยียนอยู่ที่ศาลาเต๋าสวรรค์”ปิง หยาง พูดอย่างมั่นใจ
”เจ้ารู้ได้ยังไงว่านางอยู่ที่นั่น?”ฟางเจิ้งจือ ถาม
”แน่นอนว่าข้าต้องรู้ถ้าพี่เหยียนไม่ได้แยกตัวไปอยู่ที่นั่น ทำไมนางไม่ตอบจดหมายข้า?”ปิง หยาง ตอบกลับอย่างมั่นใจ
”ตอบกลับ?อา…เจ้าติดต่อกับนางครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?”
”สามเดือนก่อน”
”โอ้เจ้าเขียนไปว่าอย่างไรบ้าง?”
”นั่นไม่ใช่เรื่องของเจ้า!ข้าจะไม่บอกอะไรเจ้าทั้งนั้น! อย่างไรก็ตาม การที่พี่เหยียนไม่ตอบจดหมายแสดงว่าต้องกำลังฝึกฝนอย่างหนักแน่นอน เพราะเวลาตามข้อตกลงได้ใกล้าเข้ามาแล้วนางบอกว่าจะไม่พลาดอีกเป็นครั้งที่สอง ข้าจึงถามนางเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่นางก็ไม่ตอบกลับ!”
”ข้อตกลง?”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
การคัดเลือกของศาลาเต๋าสวรรค์ใกล้เข้ามาแล้วในการคัดเลือกครั้งล่าสุดหนานกง เฮา ได้รับเลือก
ฟางเจิ้งจือ เริ่มคำนวนอย่างรวดเร็ว การทดสอบระดับจักรพรรดิกำลังจะเริ่มขึ้น หลังจากนั้นก็การทดสอบระดับสภา จากนั้นก็จะเป็นการคัดเลือกของศาลาเต๋าสวรรค์
ศาลาเต๋าสวรรค์!
เมื่อฟาง เจิ้งจือ ได้ยินชื่อนี้เมื่อปีก่อน มันไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าชื่อเรียกทั่วไปสำหรับเขา อย่างไรก็ตามตอนนี้มันมีความหมายมากกว่านั้น
1ศาลา4เซียน 13กองตรวจการ
นี่เป็นคำพูดทั่วไปในอาณาจักรเซี่ยศาลาอยู่เหนือกว่าเซียนทั้ง 4
”สามเดือนก็น่าจะพอ!”
…
ในขณะที่ฟาง เจิ้งจือ และ ปิง หยาง กำลังคุยเรื่องศาลาเต๋าสวรรค์ เหวิน เต๋าเปา ก็เลือดขึ้นหน้า
เขายืนอยู่ข้างนอกโดยไม่มีอาหารและน้ำนานถึงสี่ชั่วโมงนั่นเป็นเหมือนฝันร้าย
โชคยังดีที่ฝันร้ายของเขาดูเหมือนจะจบลงแล้ว
ทหารยามกลังเดินมาที่ประตูจากนั้นทหารยามก็มายืนข้างๆเขา
อย่างไรก็ตาม…
ทหารยามยั่งคงนิ่งเงียบกว่าสิบห้านาที
เช่นเดียวกับเหวิน เต็าเปา ที่อยากจะถามอีกครั้งว่าจะเข้าไปได้หรือไม่ เขาหันไปมองที่นาฬิกา และมองเข้าไปที่ด้านในบ้านพักของ ปิง หยาง
”ท่านสามารถเข้าไปได้แล้ว”
”ข้าสามารถเข้าไปได้แล้ว?”เหวิน เต๋าเปา แทบจะตะโกนออกมาด้วยความยินดี เขาไม่คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะยุ่งแบบนี้
แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนักอย่างน้อยเขาก็โชคดีที่ได้พบกับ ฟาง เจิ้งจือ อย่างไรก็ตามถ้าเขารู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ทำอะไรในสี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้…
ปฏิกิริยาของเขาอาจแตกต่างออกไป
เหวินเต๋าเปา ถูกพาตัวไปที่สวนโดยทหารยาม
”เชิญนายน้อยเหวิน”
”ขอบคุณมาก!”เหวิน เต๋าเปา พยักหน้าให้ทหาร เขาเลียริมฝีปากที่แห้งกรอบจากการยืนตากแดด ก่อนจะเดินเข้าไป
เมื่อเขาเข้ามาเขาได้รับการต้อนรับด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ มันทำให้หัวของ เหวิน เต๋าเปา มึนงงเล็กน้อย ล้านของเขาเป็นบ้านที่หรูหราที่สุดในเมือง
อย่างไรก็ตามมันยังคงห่างชั้นจากบ้านของปิง หยาง มาก
”ฝ่าบาทนายน้อย… ฟาง นายน้อย เหยียน!” เหวิน เต๋าเปาเรียกทันที แต่เขาไม่ได้ลืมบทเรียนที่ได้รับมา เขาตัดสินใจไม่เรียก ฟาง เจิ้งจือ ด้วยชื่อ
”พ่อของเจ้าให้เจ้ามางั้นหรือ?”ฟาง เจิ้งจือ ถามทันที
”อืม… ” เหวิน เต๋าเปางงงวย ดวงตาของเขาส่องประกายก่อนจะยิ้มให้ ฟาง เจิ้งจือ เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย
เมื่อปีที่แล้วปิง หยาง, ฟาง เจิ้งจือ, เหยียน ซิว ให้เขาเลี้ยงข้าวให้หลายมื้อ อย่างไรก็ตาม วันนี้…
เขารู้สึกว่าฟาง เจิ้งจือ เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก
ถ้าเป็นเมื่อปีก่อน…
ฟางเจิ้งจือ จะไม่ถามคำถามแบบนี้ แต่ตอนนี้มันเป็นสิ่งแรกที่เขาถามออกไป
”ใช่!”เหวิน เต๋าเปา พยักหน้าหลังจากลังเล
”อืมแล้วตัวเจ้าล่ะ?”ฟางเจิ้งจือ พยักหน้า
”ข้าต้องการมาที่นี่เช่นกันตอนที่ข้าได้ยินว่าฟาง…นายน้อยฟางมาที่เมืองหลวง ข้าต้องการมาพบทันที…แต่ตอนนั้น..” เหวิน เต๋าเปา ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
เขามีหลายเหตุผลก่อนหน้านี้แต่เมื่อมาเจอ ฟาง เจิ้งจือ จริงๆเขากลับไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย
”อืม”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า ไม่ได้มีปฏิกริยาอะไรเป็นพิเศษ เขาชี้ไปที่เก้าอี้ใกล้ๆ
เหวินเต๋าเปา เดินไปนั่งตรงนั้นทันที
”ข้าไม่รู้ว่าท่านพ่อจะคิดยังไงข้าคิดว่าเขาคงอยากให้ข้ามาเยี่ยมองค์หญิง นายน้อยเหยียนแล้วก็นายน้อยฟาง” เหวิน เต๋าเปา พูดออกมา
”แล้วยังไงต่อ?””ฟาง เจิ้งจือ ถาม
”เขาไม่ได้พูดอะไรอีกทั้งหมดที่พูดคือให้มาพูดคุย เที่ยวเล่นกับท่าน ” เหวิน เต๋าเปา ตอบ
”เจ้าแน่ใจหรือว่าเขาไม่ได้บอกให้มาหาองค์หญิงและเหยียน ซิว พียงอย่างเดียว?” ฟาง เจิ้งจือ ถาม
”ไม่เขาระบุว่าเป็นท่าน” เหวิน เต๋าเปา ยืนยัน
”เข้าใจแล้วเจ้ากลับไปได้แล้ว”
”อะไรกัน?!”
”หรือเจ้าอยากจะอยู่กินข้าวกลางวันล่ะ?”ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มเยาะ
”เอ่อ… ไม่ไม่!” เหวิน เต๋าเปา ลนลาน
”ที่จริงเจ้าสามารถพักทานอาหารกลางวันกับพวกเราได้เจ้านำเงินมาด้วยไหม?” ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่กระเป๋าเงินบริเวณเอวของ เหวิน เต๋าเปา
”ไม่ไม่…เอ่อ จริงๆแล้วข้าเอามานิดหน่อย แค่หมื่นเหรียญเงิน ไม่สิสองหมื่น!” เหวิน เต๋าเปา เหมือนพยายามจะซ่อนบางอย่าง
เขารู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะซ่อนเงินเมื่ออยู่ต่อหน้าฟาง เจิ้งจือ
”อืมแค่นั้นก็เพียงพอต่อหนึ่งมื้อแล้ว”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
”อะไรนะ?!สองหมื่นต่อหนึ่งมื้อ?”
”น้อยไปงั้นรึ?”
”ฮ่าฮ่า… เอ่อ นายน้อยฟาง ข้าจะกลายเป็นคนของราชาต้วนไหม หลังจากที่ข้าไปกินข้าวกับท่านมื้อนี้?” เหวิน เต๋าเปา ถามด้วยความตื่นเต้น
”พ่อเจ้าถามงั้นรึ?”
”ไม่พ่อของข้าไม่ได้ถามอะไร เขาแค่บอกให้ข้ามาพูดคุยเล่นกับท่านเท่านั้น”
”เจ้าสามารถกลับได้หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จถ้าเจ้าอยากมากินข้าวพรุ่งนี้อีก เอาติดตัวมาด้วยสักสองหมื่น” ฟาง เจิ้งจือ ไม่คิดจะคุบกับ เหวิน เต๋าเปา อีกต่อไป
”งั้นวันนี้พวกเราไปที่ถนนเจ็ดดวงดาวไหม? หลังจากที่หอแห่งปัญญาถูกไฟไหม้ไป ตอนนี้ถนนเจ็ดดวงดาวกลายเป็นย่านยอดนิยมแทน” เหวิน เต๋าเปา ยิ้มเมื่อเห็นท่าทีของ ฟาง เจิ้งจือ
”เจ้ายังมีเงินอีกงั้นหรือ?”ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มและมองไปที่ เหวิน เต๋าเปา
”แน่นอน!ข้ายังมีเหรียญทองอยู่บ้าง!” เหวิน เต๋าเปา ทุบหน้าอกของตัวเอง
”เหยียนซิว เจ้าจะไปด้วยไหม?” ฟาง เจิ้งจือ หันไปถาม เหยียน ซิว โดยที่ยังไม่ได้ตอบคำถามของ เหวิน เต่าเปา
”ข้าไปได้”เหยียน ซิว ลังเล ก่อนจะตอบกลับ
”งั้นเราจะไปที่นั่นกันคืนนี้”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าหลังจากได้ยินคำตอบของ เหยียน ซิว
”ทำไมเจ้าถึงไม่ถามว่าข้าอยากจะไปไหม?”ปิง หยาง หงุดหงิดเล็กน้อยที่ ฟาง เจิ้งจือ ไม่ชวนนาง พวกเขาอยู่ในบ้านของนางนะตอนนี้!
เขากล้าเมินนางได้ยังไง?
”ไม่จำเป็นข้ารู้ว่ายังไงเจ้าก็ไปอยู่แล้ว” ฟาง เจิ้งจือ โบกมือยอ่างไม่ใส่ใจ
”ถ้าข้าไม่ไปล่ะ?”
”นั่นก็เยี่ยมไปเลย”
”เจ้าต้องล้อข้าเล่นแน่!ยังไงข้าก็ไปอยู่แล้ว!”่
…
บ่ายวันต่อมาเหวิน เต๋าเปา มาถึงบ้านของ ปิง หยาง แต่สภาพของเขาดูไม่ได้เท่าไรนัก
หน้าของเขาเป็นจ้ำๆบนตัวมีรอยเหมือนโดนชกมาหลายที่ เขาไม่สามารถยืนขึ้นตรงๆได้ด้วยซ้ำ
”พี่ชายข้ามาหานายน้อยฟาง ช่วยบอกเขาให้หน่อย” เหวิน เต๋าเปา บอกกับยามหน้าประตู
”เกิดอะไรขึ้นกับท่านนายน้อยเหวิน?” ทหารยามถามด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพของ เหวิน เต๋าเปา
เขารู้ว่าเหวิน เต๋าเปา ได้ไปที่ถนนเจ็ดดวงดาวกับ เหยียน ซิว และ ปิง หยาง เมื่อคืนนี้
อันที่จริงไม่มีใครไม่รู้เรื่องนี้
เพราะฟาง เจิ้งจือ ทำตัวโดดเด่นทุกที่ที่เขาไป
มันเป็นเหมือนกับการ…
เรียกความตายให้เขามาหาตัวเองแท้ๆ!
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่ถนนเจ็ดดวงดาวเมื่อคืน
ในเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วทำไม เหวิน เต๋าเปา ถึงอยู่ในสภาพนี้?
หรือจะมีอะไรเกิดขึ้นที่ถนนเจ็ดดวงดาว?
ทหารยามมองดูที่เหวิน เต๋าเปา ด้วยความสงสัย
เมื่อเหวิน เต๋าเปา ได้ยิน ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาตัวสั่นสะท้านราวกับนึกถึงบางอย่างที่น่ากลัวได้
มันช่างน่าอับอายและน่าอัปยศ
ริมฝีปากของเหวิน เต๋าเปา สั่นสะท้าน น้ำตาเริ่มเอ่อออกมา เขาเงยหน้ามองทหารยาม
”นายน้อยเหวินหรือท่านถูกทำร้ายมา?” ทหารยามถามขึ้นมา
”อืม”เหวิน เต๋าเปา พยักหน้า ขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้ม
ทหารในชุดเกราะสีทองตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้หรือว่าเมื่อวานจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆ?
เพจหลัก: Gate of god TH