Gate of God - ตอนที่ 529-530
ตอนที่ 529 ผู้ส่งสาร
ฟางเจิ้งจือ ไม่เสียใจกับการตัดสินใจของเขา แม้ว่าคนอื่นๆจะหัวเราะเยาะเขาก็ตาม
แต่
แต่เมื่อเขาคิดถึงเงินล้านกว่าเหรียญเงิน…
ริมฝีปากของเขาถึงกับกระตุกเขารู้สึกราวกับว่ากระเป๋าสตางค์ของเขาพึ่งถูกทำให้ว่างเปล่า
เงินทั้งหมดนั่น…วางกองกันได้เป็นภูเขาลูกเล็กๆเลย
”เจ้าสามารถทรยศทุกคนในโลกได้ยกเว้นคนหนึ่ง?”ปิง หยาง ตกตะลึงเมื่อได้ยิน นางไม่คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะพูดออกมาแบบนี้ นางหัวเราะออกมาพร้อมกับร่างกายที่สั่นสะท้าน “ข้าไม่คิดว่าคนไร้ยางอายอย่างเจ้าจะรู้สึกกับข้าเช่นนั้น”
”รู้สึกกับเจ้า?”ฟาง เจิ้งจือ งงงัน เมื่อเห็น ปิง หยาง หัวเราะด้วยความยินดี ท่าทีของเขาแข็งค้างไปทันที นาง…ต้องเข้าใจผิดแน่ๆ
ปิงหยาง?!
นางไปเอาความมั่นใจผิดๆแบบนี้มาจากไหน?!
ฟางเจิ้งจือ รู้สึกว่าเขาควรจะอธิบายตัวเอง แต่เขาไม่สามารถพูดออกไปได้ ถ้าเขาพูดออกไปว่าสิ่งที่ เหยียน ซิว ทำ มันทำให้เขาเชื่อมั่นในมิตรภาพมากขึ้น มันก็เหมือนเป็นการยืนยันความเกี่ยวข้องระหว่างเขากับหอเจ็ดดวงดาว
แต่ยังไงก็ตามเขาก็ค่อนข้างแปลกใจที่เห็น ปิง หยาง เชื่อใจเขาเช่นกัน
ดูเหมือนว่า…
ปิงหยาง จะฉลาดขึ้นในหนึ่งปีที่ผ่านมา บางทีนางอาจจะโตขึ้นแล้วจริงๆ
สำหรับเรื่องเงินเขาต้องให้ เหยียน ซิว แน่นอน แต่สำหรับ ปิง หยาง เขาต้องหาทางเอามันคืน!
เหวินเต๋าเปา นั่งอยู่บนพื้น เขาพูดไม่ออก ขณะที่มองไปที่ ปิง หยาง และ ฟาง เจิ้งจือ
เขาไม่เข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่ฟาง เจิ้งจือ และ ปิง หยาง พูด พวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน ความเชื่อใจ ความรู้สึก?
องค์ชายเก้าก็มองไปที่ฟาง เจิ้งจือ ก่อนจะหันไปมองที่ ปิง หยาง ด้วยความสับสน
เหยียนซิว ดูค่อนข้างสงบ แต่นิ้วของเขาสั่นเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ พูด
มันเป็นการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยที่ไม่มีใครสังเกตุเห็น
สำหรับคนอื่นพวกเขาก็สับสนเล็กน้อยเช่นกันพวกเขาไม่เขาใจสิ่งที่พวก ฟาง เจิ้งจือ พูดคุยเช่นกัน
”เขาพูดว่าอะไรนะ?ทรยศอะไรสักอย่างใช่ไหม?”
”ข้าไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน!”
”เขาคงมีความสุขจนเป็นบ้าเพราะพึ่งชนะพนันแน่ๆ”
”อาจเป็นไปได้… ข้าคิดว่าเขาคงไม่เคยเห็นเงินมากเท่านี้มาก่อนในชีวิต”
พวกเขาไม่เขาใจสิ่งที่ฟาง เจิ้งจือ พูด จึงตัดสินว่ามันไร้สาระในทันที
พวกเขายังหวาดกลัวกับโชคลาภที่ฟาง เจิ้งจือ มี
เขาสามารถเดาได้ว่าดาวทั้งเจ็ดดวงจะร่วมแสดงกันภายในวันนี้
มันไม่น่าเป็นไปได้แม้แต่น้อย!
ทุกคนต่างมองไปที่ฟาง เจิ้งจือ, เหยียน ซิว, ปิง หยาง ด้วยความอิจฉา อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถทำอะไรกับมันได้
ดาวทั้งเจ็ดเริ่มแสดงอีกครั้งและบรรยากาศภายในหอเจ็ดดวงดาวก็ค่อยๆมีชีวิตชีวาขึ้นมานอกจากนี้ยังปรากฎหญิงสาวจำนวนมากค่อยๆเต้นรำออกมาจากด้านหลังเวที
ผู้เคนเริ่มถูกหันเหความสนใจไปจากฟาง เจิ้งจือ พวกเขาตัดสินใจที่จะหาความสุขให้ตัวเองดีกว่า
เพราะนั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขามาที่นี่
ตลอดทั้งคืนเหล่าสาวใช้คอยรินเหล้า เครื่องดื่มต่างๆให้พวกเขาตลอดเวลา
ทุกคนต่างเพลิดเพลินไปกับตัวเอง
แต่ทันใดนั้นเองมีเสียงดังวุ่นวายดังมาจากด้านนอก ก่อนที่ชายร่างใหญ่จำนวนหนึ่งจะเดินเข้ามา
พวกเขาแต่ละคนล้วนสวมชุดเกราะหวายอย่างดีพร้อมกับการตกแต่งอย่างหรูหร
”ผู้คนจากแดนใต้!”
”พวกเขามาทำอะไรที่นี่?หรือราชินีของดินแดนภูเขาทางใต้ได้เดินทางมาถึงที่นี่แล้ว?”
”องค์จักรพรรดิไม่มีทางปล่อยให้องค์ราชินีของดินแดนภูเขาทางใต้มาถึงที่นี่โดยที่เขาไม่อยู่ต้อนรับเด็ดขาดพวกนี้น่าจะเป็นผู้ส่งสาร”
”อืมน่าจะเป็นอย่างที่นายน้อยหลี่ว่า!”
ฝูงชนต่างคาดเดาว่าคนพวกนี้เป็นใครการที่ข่าวผู้ส่งสารมาถึงที่นี่แสดงว่าองค์ราชินีต้องอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลแล้ว
ผู้คนไม่ได้สนใจผู้ส่งสารมากนัก
เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะมาที่หอเจ็ดดวงดาวเพื่อชื่นชมวัฒนธรรมของอาณาจักรเซี่ย
แต่
หากคนเหล่านี้เป็นผู้ส่งสารจากแดนใต้จริงๆฟาง เจิ้งจือ ก็น่าจะมีปัญหา
ขณะเดียวกับที่พวกเขาคิดนั่นเองเหล่าผู้ส่งสารก็หยุดยืนนิ่ง สายตาของพวกเขาหยุดอยู่ที่ ฟาง เจิ้งจือ
”ฟางเจิ้งจือ?!”
”เขาอยู่ที่นี่งั้นหรือ?”
ผู้ส่งสารตกใจมากเมื่อได้เห็นฟาง เจิ้งจือ
ผู้คนต่างเห็นสีหน้าของผู้ส่งสาร
ผู้คนต่างสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมพวกเขาถึงตกใจเพราะชื่อแสงอันฉาวโฉ่ของ ฟาง เจิ้งจือ นั้นทุกคนรู้กันดี เขาได้ฆ่า ฉาน หลิง และล่วงเกินองค์ราชินี…
ตอนนี้…
ชายคนนั้นปรากฏตัวในตอนกลางวันแสกๆเขากำลังสนุกสนานอยู่ในหอเจ็ดดวงดาว ไม่ใช่แค่ผู้ส่งสารเท่านั้นที่ทำใจเชื่อไม่ได้
ไม่กี่วันก่อนผู้คนในเมืองหลวงก็ไม่อยากเชื่อเช่นกัน
”เจ้าเข้าใจผิดแล้วเขาไม่ใช่ ฟาง เจิ้งจือ เขาคือ ฟาง เจิ้งเจิ้ง ฉือ เฮา เป็นคนยืนยันด้วยตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น…” เหวิน เต๋าเปา พยายามแก้สถานการณ์ในตอนนี้
”สวะ!เจ้าคิดว่าพวกเราตาบอดงั้นหรือ? พวกเราจำ ฟาง เจิ้งจือ ได้ ต่อให้มันจะกลายเป็นแค่เถ้าถ่าน! มันต้องตาย!” ผู้ส่งสารขัดจังหวะ เหวิน เต๋าเปา
พวกเขาดึงดาบออกมาไม่มีใครเชื่อสิ่งที่ เหวิน เต๋าเปา พูด
”เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?”
”ราชินีเกือบจะมาถึงแล้วถ้าผู้ส่งสารของนางได้รับบาดเจ็บ มันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่!”
”ช่างโอหังนักเขารู้ดีว่าราชินีกำลังมา แต่กลับเลือกที่จะเข้าเมืองมาทำเรื่องแบบนี้ ดินแดนภูเขาทางใต้ไม่สนว่าใครจะเป็นพยานให้เขา”
ผู้คนถอนหายใจเล็กน้อยแต่ไม่มีใครก้าวออกไปเพื่อช่วยเขาเลยสักคน
พวกเขาพร้อมที่จะ’ปิดหูปิดตา’ นอกจากนี้ มันเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับดินแดนภูเขาทางใต้ และไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่ง
”นี่คือเมืองหลวง!มีกฎหมายและระเบียบ! เจ้าอยากฆ่าเขาจริงๆหรือ? ไม่กลัวราชินีไม่พอใจงั้นหรือ?”เหวิน เต๋าเปา ยืนขึ้น
พวกเขาเป็นแค่ผู้ส่งสาร?
มีอะไรที่ต้องกลัว!
”ตอนนี้ล่ะ?เจ้าอยากให้ข้า ฆ่าพวกเขาให้เจ้าไหม?”ปิง หยาง มองไปที่ผู้ส่งสารที่กำลังโกรธจัด
”เอาสิ”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
”ฮ่าฮ่าฮ่า…เจ้าไม่ต้องกังวลตราบที่ข้ายังอยู่ตรงนี้ เหวิน เต๋าเปา ถอยไป!”ปิง หยาง หัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางโบกแขนพร้อมกับหอกฉีหลินที่ปรากฎขึ้นในมือ
ชุดกระโปรงสีแดงของนางกำลังพริ้วไหว
นางมีกลิ่นอายที่ทรงพลังอย่างมาก
”รับทราบฝ่าบาท!”เหวิน เต๋าเปา เดินไปด้านหลังนางเมื่อได้ยินเช่นนั้น
”น้องหญิงพวกเขาเป็นฑูตของดินแดนภูเขาทางใต้ พวกเราต้อง…”ท่าทีขององค์ชายเก้า หลิน หยุน เปลี่ยนไป เขาพยายามห้าม ปิง หยาง แต่มันก็สายเกินไป
เพราะว่า
ปิงหยาง ขว้างหอกออกด้านหน้า
อย่างไม่ลังเล…
เปลวไฟเผาไหม้ไปทั่วราวกับคลื่นยักษ์มันทรงพลังยิ่งกว่าเมื่อปีก่อนมาก
ผู้ส่งสารของดินแดนภูเขาทางใต้มองดูด้วยความหวาดกลัว
พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะถูกโจมตีก่อนอย่างไรก็ตามพวกเขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว
แสงสีฟ้าตัดผ่านกำแพงเพลิงมันหนาวเหน็บและเย็นเยือก สิ่งนั้นตัดผ่านเปลวเพลิงออกเป็นสองส่วน เปลวเพลิงเริ่มหดหายจนกลายเป็นหมอกควัน
ทุกคนตกใจเมื่อเห็นสิ่งนี้
ผู้ส่งสารสามารถรับการโจมตีของปิง หยาง ไว้ได้?! ปิง หยาง ไม่ได้อ่อนแอ
ปิงหยาง เองก็ตกใจเช่นกัน
นางฝึกฝนอย่างหนักในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาและพัฒนาขึ้นอย่างมากนางอยากใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงฝีมือ
นางไม่คิดเลยว่าการโจมตีของตัวเองจะถูกรับได้โดยฝีมือของผู้ส่งสาร!
”เกิดอะไรขึ้น?ผู้ส่งสารจะมีพลังเท่าข้าได้ยังไง? นี่มันเรื่องไร้สาระชัดๆ!”ปิง หยาง พร้อมที่จะโจมตีอีกครั้ง
ขณะนั้นเองก็มีเสียงอื่นดังขึ้น
”อย่าสนใจสิ่งอื่น จับตัว ฟาง เจิ้งจือ มา!”
ร่างสองร่างวิ่งผ่านปิง หยาง ไปและพุ่งเข้าหา ฟาง เจิ้งจือ ในทันที พวกเขาไปถึงด้านหน้า ฟาง เจิ้งจือ ในชั่วพริบตา
”เป็นไปไม่ได้!”
”ผู้ส่งสารมีพลังระดับนี้เลยหรือ?”
”พวกเขาเป็นแค่ผู้ส่งสารจริงๆเหรอ?”
ผู้คนต่างตกใจเมื่อเห็นร่างสองร่างวิ่งผ่านปิง หยาง ไป พวกเขายอมรับผู้ส่งสารมีทักษะที่พิเศษ
อย่างไรก็ตาม
มันไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีพลังขนาดนั้นได้
นั่นคือสิ่งที่พวกเขาคิดอย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้เข้ามาช่วยเหตุผลหนึ่งก็คือไม่มีพลังมากพอ
เหล่าผู้ส่งสารที่อยู่ตรงหน้าเขาต่างมีพลังมากกว่าที่คิดอย่างน้อยๆก็อยู่ในระดับอภินิหาร
ฟางเจิ้งจือ เผยยิ้มเมื่อเห็นร่างทั้งสองตรงหน้า
ผู้ส่งสารของดินแดนภูเขาทางใต้?
เป็นตัวเลือกที่ดีนอกจากนี้ พวกเขายังพยายามปลอมตัวได้ดี
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถปิดบังความสามารถไว้ได้
ฟางเจิ้งจือ เคาะนิ้วของเขาบนโต๊ะเขาไม่จำเป็นต้องเคลือนไหว เพราะคนที่นั่งอยู่ข้างๆเขาพุ่งตัวออกไปแล้ว
แสงสีแดงปรากฏขึ้นบนพื้นมันเป็นเหมือนสีของเลือดและเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่เยือกเย็น
เสียงร้องดังก้องไปในอากาศ
เสียงเพลงในหอเจ็ดดวงดาวหยุดบรรเลงลง
มันเกิดขึ้นเร็วมากพวกเขายังไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว
พวกเขาสองคนมองลงไปที่เท้าของพวกเขาและต่างตกใจกลัว
ทั้งคู่กำลังเหยียบอยู่ในวังวนมันเป็นวังวนสีแดง ราวกับถูกดึงลงมาในนรก
”ข้าเข้าใจแล้ว!”ผู้ส่งสารทั้งสองต่างมองหน้ากันแล้วหันไปมองเหยียน ซิว
”เต๋าแห่งอาชูร่า!”
”หนึ่งปีที่ผ่านมาพลังของ เหยียน ซิว เพิ่มขึ้นขนาดนี้เชียวหรือ? เขาดูไม่มีอาการเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย!”่
”แข็งกร่งมาก!เหยียนซิว อยู่ในระดับอภินิหารแล้วแน่นอน!”
”ต้องใช่แน่นอน!”
เมื่อเห็นสิ่งนั้นผู้คนต่างก้าวถอยตามสัญชาตญาณ พวกเขาแต่ละคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เหยียนซิว ไม่ได้เข้ามาในเมืองหลวงเลยตั้งแต่ที่เขากลับไปยังดินแดนเหลียงตะวันตกเมื่อหนึ่งปีก่อน
และตอนนี้…
เขาทรงพลังมาก
ผู้คนต่างตกตะลึงหนึ่งปีนับเป็นเวลาที่สั้นมาก แต่กลับพัฒนาขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
ขณะที่พวกเขากำลังคิดวังวนสีแดงที่อยู่ใต้เท้าของผู้ส่งหารก็ค่อยๆหายไป
อย่างไร้ร่องรอย…
ท่าทีของเหยียน ซิว เปลี่ยนไป
ใบหน้าเริ่มซีดขาวและมีเลือดกำเดาไหลออกมาเล็กน้อย
เพจหลัก: Gate of god TH
ตอนที่ 530 แปรผัน
มันไม่ใช่ความตกใจหรือหวาดกลัวมันเป็นบางอย่างที่มาจากส่วนลึกในร่างกายของ เหยียน ซิว
จากนั้นร่างกายของเหยียน ซิว ก็สั่นสะท้าน หมอกสีแดงค่อยๆวนรอบร่างกายเขา มันเหมือนร่างกายของเขาค่อยๆหมดแรงลง
”เจ้า…” ดวงตาของ เหยียน ซิว แข็งกร้าว ขณะที่เขากัดฟันพูดออกมา
”เกิดอะไรขึ้น?”
ผู้คนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหยียน ซิว แต่พวกเขาก็เข้าใจได้ไม่นานหลังจากนั้น
เพราะ…
ท่าทีของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
พวกเขารู้สึกหนาวเย็นตั้งแต่เท้าจรดปลายหัวราวกับพวกเขาถูกแช่แข็งอยู่ในก้อนน้ำแข็ง
พวกเขารู้สึกหนาวมาก
หนาวจนตัวพวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในความเป็นจริงมันเหมือนกับร่างกายของพวกเขาทั้งหมดถูกทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้
”เกิดอะไรขึ้น?”
เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนตกใจดวงตาของพวกเขาแทบถลนออกมาจากเบ้าขณะมองไปที่ผู้ส่งสารที่กำลังหัวเราะอยู่
พวกเขาเข้าใจในทันทีว่าทำไมพลังของเหยียน ซิว ถึงหายไปในทันที เช่นเดียวกับ เหยียน ซิว พลังของพวกเขาก็หายไปเช่นกัน
”พวกเราถูกวางยาพิษ!”
”พวกเขากล้าดียังไง?”
”พวกเขาวางยาไปตอนไหนกัน…”
ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาวางยาพิษตอนไหนอย่างไร แต่ตอนนี้พวกเขามั่นใจว่าตัวเองถูกพิษเล่นงานแน่นอน
สีหน้าของปิง หยาง เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “พวกเจ้ากล้าวางยาพิษข้าในเมืองหลวงได้ยังไงกัน?!”
”ฝ่าบาทท่านคงเข้าใจผิดบางอย่าง พวกเราไม่กล้าวางยาพิษท่านหรอก!” หนึ่งในผู้ส่งสารยิ้มและส่ายหัวเมื่อได้ยิน ปิง หยาง พูด
”เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อหรือไง?”ปิงหยาง ไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว
”นั่นขึ้นอยู่กับท่านเราไม่จำเป็นต้องอธิบายท่าน” ผู้ส่งสารยิ้มและหันไปมอง ฟาง เจิ้งจือ แทน”ฟาง เจิ้งจือ ไปอยู่กับบรรพบุรุษเจ้าซะเถอะ!”
”อย่างนั้นงั้นรึ?เหมือนเจ้าเคยพูดอะไรแบบนี้ออกมาแล้วนะ” ฟาง เจิ้งจือ พูดด้วยความดูถูก
ผู้สงสารจับดาบแน่นเมื่อเห็นฟาง เจิ้งจือ ลุกขึ้นยืน
ทุกคนอยากรู้ว่าพลังของฟาง เจิ้งจือ นั้นถูกทำลายหรือไม่ แม้ว่ามันจะมีความเป็นไปได้สูงแต่ก็ไม่มีใครสามารถยืนยันได้…
ถ้าพลังของเขาไม่ได้ถูกทำลายตอนนี้เขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนแล้ว?
”ใครก็ได้ช่วยข้าด้วยได้โปรด!” เสียงของ ฟาง เจิ้งจือ ตะโกนดังลั่น
”ตึง!”
”ตุ้บ!”บางคนที่รอคอยอยู่นั้นถึงกับล้มลงกับพื้น
”…”
ผู้ส่งสารได้แต่มองด้วยความประหลาดใจและขบขัน
”เขาไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย!”
”เขาไม่คิดจะรักษาศักดิ์ศรีตัวเองแม้แต่น้อย!”
”จากท่าทางหยิ่งยโสของเขากลายเป็นกรีดร้องขอความชาวยเหลือได้ในไม่ถึงนาที?!”
ทุกคนต่างพูดไม่ออกมันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เหลือเชื่อเกินไป!
”ผู้ส่งสารจากแดนใต้วางยาพิษใส่คนที่อยู่ในนี้!พวกเขาวางแผนจะฆ่าคนที่อยู่ด้านใน!”
”ทหาร!”
”ช่วยด้วย!”
”…”
”พวกเขาไปไหนกันหมด?ที่นี่เป็นเมืองหลวงต้องมีทหารคอยตรวจการตลอดสิ!”
ฟางเจิ้งจือ ไม่สนใจสายตาดูถูกของผู้คน เขายังคงตะโกนร้องต่อไป
”เมืองหลวง…แล้วยังไง? ฮ่าฮ่า…” หนึ่งในผู้ส่งสารไม้สามารถกลั้นขำไว้ได้
”เจ้ากลัวแล้วใช่ไหมล่ะ?”ฟางเจิ้งจือ ยังคงพูดต่อ
”กลัว?ฮ่าฮ่าฮ่า … พวกเรากลัวมาก!” ผู้ส่งสารยังหัวเราะเยาะต่อไป จากนั้นเขาก็หันไปสั่งคนที่อยู่ด้านหลังเขา “ปิดประตู!”
”รับทราบ!”ผู้ส่งสารอีกคนวิ่งไปปิดประตูทันที
”เจ้าทำอะไร?!ที่นี่คือหอเจ็ดดวงดาว! เจ้าไม่สามารถฆ่าใครที่นี่ได้!” หนึ่งในสาวใช้พยายามหยุดผู้ที่วิ่งไปปิดประตู
”สวะ!”ผู้ส่งสารถีบสาวใช้กระเด็นไปไกล
สาวใช้คนอื่นๆถึงกับตัวสั่นเทาด้วยความกลัวเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
มันทำให้เหล่าฝูงชนขมวดคิ้ว
นอกจากนี้…
พวกเขารู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับการกระทำของผู้ส่งสาร
ท้ายที่สุดแม้ว่าการกระทำของฟาง เจิ้งจือ จะขี้ขลาดเล็กน้อย แต่มันก็อาจเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว
บริเวณนี้มีชื่อเสียงด้านความบันเทิงและความสนุกสนาน
แน่นอนว่าย่อมมีการตรวจการของเหล่าทหารแน่นหนาที่สุดเพราะที่สามารถเกิดการทะเลาะวิวาทได้ตลอดเวลา ทั้งเรื่องเงิน เรื่องผู้หญิง…”
เช่นนั้น…
มันจึงเป็นเรื่องแปลกมากที่วันนี้ไร้วี่แววทหาร
ไม่ว่าฟาง เจิ้งจือ จะตะโกนร้องแค่ไหนก็ไม่มีทหารโผล่มา
มันเป็นเรื่องน่าสงสัยอย่างมาก!
ที่สำคัญผู้ส่งสารได้สั่งให้ปิดประตูหอเจ็ดดวงดาวแน่นอนว่าปกติพวกเขาไม่มีทางยินยอม
มันคงไม่แปลกถ้าผู้ส่งสารจะเข้ามาฆ่าฟาง เจิ้งจือ เลย แต่การที่ปิดประตูและฆ่า ฟาง เจิ้งจือ หลังจากที่เขาตะโกนร้องขอความช่วยเหลือเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมาก
ฟางเจิ้งจือ พูดถูกที่นี่คือเมืองหลวง!
พวกเขาหาญกล้าและเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน?
”ไม่มีใครอยู๋ที่นี่…ข้าคิดว่าคงไม่มีความหวังเสียแล้ว…”ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจมองไปยังประตูที่ถูกปิดอยู่
”เจ้าควรจะยอมแพ้ได้แล้วยังไงเจ้าก็ตายแน่นอนวันนี้!” ผู้ส่งสารตอบด้วยความเยือกเย็น
”เป็นไปไม่ได้!ความปลอดภัยของเมืองนั้นสูงมาก! ทำไมไม่มีใครมาช่วยข้าเลย?” ฟาง เจิ้งจือ พูดออกมาด้วยความขมขื่น
”เจ้าพูดถูกแต่ที่นี่เป็นหอดวงดาวนี่!”ผู้ส่งสารยิ้มเยาะ
”โอ้เจ้ารู้ด้วยงั้นหรือว่าที่นี่คือหอเจ็ดดวงดาว?” ความหวาดหลัวหายไปจากหน้าของ ฟาง เจิ้งจือ แทนที่ด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย
”หมายความว่าอะไร?”ผู้ส่งสารงงันเมื่อเห็นสีหน้าของ ฟาง เจิ้งจือ เขาสัมผัสได้ถึงเรื่องแย่ๆบางอย่าง
ความกลัวที่อยู่บนใบหน้าของฟาง เจิ้งจือ นั้นหายไปอย่างสมบูรณ์
กลับกันแล้ว…
เขาดูเหมือนมั่นใจมาก
มั่นใจ?
ทำไมเขาถึงมั่นใจ?
ประตูถูกปิดและไม่มีทหารอยู่ด้านนอก!เหยียน ซิว ก็ขยับไม่ได้! เขาควรจะสิ้นหวังสิ!
มันต้องเป็นการแสดงแน่นอนเขาจะมั่นใจได้ยังไง?
ขณะที่พวกเขากำลังคิดนั้นเองพวกเขาก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วหลัง พวกเขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันรุนแรงมาก
”ไม่จริง!”ผู้ส่งสารตกอยู่ในความหวาดกลัว เขาต้องการหลบ แต่พบว่าร่างกายของเขาถูกตรึงเอาไว้
เขามองลงไป
ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปทันที
มีอ่างน้ำวนสีแดงอยู่ใต้ฝ่าเท้าซึ่งทำให้เขาขยับไปไหนไม่ได้
”เต๋าแห่งอาชูร่า!”
ผู้ส่งสารรู้ว่ามันเป็นตัวแทนของอะไรแต่เขาไม่เขาใจว่าทำไมเขาถึงถูกตรึงอยู่บนเต๋าแห่งอาชูรา
เหยียนซิว ถูกพิษอยู่ไม่ใช่หรือ?
ถ้าเขาไม่ได้…
ผู้ส่งสารต้องการหาว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำเรื่องนั้น มีลำแสงสีแดงพุ่งมาทางเขา
มันเร็วมากจนเขาไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา
”อั้ก!”
ดาบในมือเขาหล่นลงกับพื้น…
แขนของเขาร่วงลงมากับพื้นด้วยเช่นกันพร้อมกับบาดแผลที่เปิดออก เลือดไหลทะลักออกมา
มันไม่จบ
มีดาบแทงเข้าที่หน้าอกของเขาจนปลายดาบทะลุออกมา
”เกิดอะไรขึ้น?”ผู้ส่งสารมองไปยัง เหยียน ซิว ที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาด้วยใบหน้าซีดขาว
เขาไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น
ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา!จะเป็นไปได้ยังไง? ทำไม เหยียน ซิว ถึงไม่ได้รับผลกระทบ?
ผู้ส่งสารคนอื่นๆตายไปแล้วงั้นหรือ?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ผู้ส่งสารหันไปมองด้านหลังอีกครั้งดวงตาของเขาเบิกกว้าง มีหญิงสาวนางหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังเขา
นางเป็นผู้หญิงที่ดูธรรมดามาก
ที่สำคัญที่สุดเขาจำนางได้นางคือสาวใช้ที่เขาเตะกระเด็นไปก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้นางยืนอยู่ด้านหลังเขา
นางมีดาบอยู่ในมือดาบที่พึ่งแทงเขาจากด้านหลัง
”อ่อนแอ”หญิงสาวนางนั้นพูกขึ้นมาด้วยความดูถูก นางดูใจเย็นและจริงจังมาก ต่างจากหญิงสาวที่พึ่งร้องไห้ก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก
ท่าทีของผู้ส่งสารเปลี่ยนไปทันที
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยหรือร่ำรวยแต่เขาก็ยังได้รับการเคารพในฐานะผู้ฝึกตนระดับจุติ
เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองอ่อนแอ?
แต่ตอนนี้สาวใช้กลับบอกว่าเขาอ่อนแอ
ผู้ส่งสารนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่นมีสาวใช้อีกหลายคนยืนอยู่ด้านหลังผู้ส่งสาร ไม่กี่นาที่ก่อนพวกนางยังวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัวอยู่เลย
หอเจ็ดดวงดาว!
พวกเขาไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้น
”ฮ่าฮ่าฮ่า… เจ้าคิดยังไงกับทักษะการแสดงของข้า?ไม่เลวเลยใช่ไหม?” เสียงของ ปิง หยาง ดังไปทั่วห้อง
”เจ้า?ข้ามไปได้เลย ข้าคิดว่า เหยียน ซิว ยังดีกว่า”ฟาง เจิ้งจือ กระตุกปาก
”ไม่เอาน่ามันเห็นชัดๆกันอยู่แล้ว” ปิง หยาง เยาะเย้ย
”ข้าคิดว่าข้าดีกว่า” เหยียน ซิว พูดขึ้นน้ำเสียงของเขายังคงสงบเหมือนสายน้ำ
”…” ปิง หยาง ตกตะลึง จากนั้นใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความโกรธ “เหยียน ซิว เจ้ากลายเป็นคนไร้ยางอายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!”
”เหยียนซิว ก็แค่พูดความจริงเจ้าไม่คิดเหรอว่าหน้าที่ซีดขาวของเขาเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดี? “ฟาง เจิ้งจือ ตอบกลับ
”นั่นเป็นเพราะพวกเขาโง่!”ปิงหยาง ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
”เจ้า…?”องค์ชายเก้าหลินหยุน อยากจะยืนขึ้น แต่เขาไม่มีแรงพอจะขยับ
วางยาพิษ?
ไม่ได้วางยาพิษ?
เป็นไปได้ยังไง?เขาดื่มเหล้าและกินอาหารชนิดเดียวกับ เหยียน ซิว และ ฟาง เจิ้งจือ พวกเขานั่งโต๊ะเดียวกัน!
ทำไมเขาถึงเป็นอยู่คนเดียว?
…
ฟางเจิ้งจือ และ ปิง หยาง ไม่สนใจรอบข้างและยังคงเถียงกัน พวกเขาไม่ได้สนใจผู้ส่งสารของดินแดนภูเขาทางใต้แม้แต่น้อย
ปากของเหวิน เต๋าเปา อ้าแข็งค้าง
ทุกคนต่างตกใจกับเรื่องที่เกดขึ้น
ไม่มีใครเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเรื่องต่างๆเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ได้ถูกวางยา?
เป็นไปได้ยังไง?
พวกเขามองหน้ากันด้วยความสับสนพวกเขาต่างยืนตัวแข็งค้างและมีเหงื่อไหล ทำไม เหยียน ซิว ถึงไม่เป็นอะไรเลย?
นอกจากนี้…
หมายความว่าไงที่ว่าการแสดง?พวกเขารู้ก่อนแล้วหรือว่าคนเหล่านี้จะมาในคืนนี้และวางยาในอาหารของพวกเขา?
เป็นไปได้ยังไง? พวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน…
นอกจากนี้ทำไมพวกเขายังเอาแต่พูดเรื่องฝีมือการแสดงในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ได้?
และที่สำคัญทำไมต้องถนนเจ็ดดวงดาว?เหยียนซิว และ ปิง หยาง มารอซุ่มโจมตีงั้นหรือ? หรือว่า…
คำถามนับไม่ถ้วนลอยอยู่เต็มหัวของเหล่าฝูงคน
อย่างไรก็ตามไม่มีใครตอบได้
เสียงที่ยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในหอเจ็ดดวงดาวมีเพียงแค่เสียงของปิง หยาง และ ฟาง เจิ้งจือ เท่านั้นการเถียงกันเรื่องของฝีมือการแสดง ท่าทีของผู้คนของดินแดนภูเขาทางใต้ต่างมืดมนลงทุกวินาที
”พวกเจ้าคุยกันจบหรือยัง!”ผู้ส่งสารจากดินแดนภูเขาทางใต้ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปพวกเขาถูกมองข้ามมานานถึงสิบนาที!ไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมรับเรื่องนี้ได้
เพจหลัก: Gate of god TH