Gate of God - ตอนที่ 551 -552
ตอนที่ 551 ทุกอย่างยุ่งเหยิง
ในฐานะผู้นำของอาณาจักรเขาสุญเสียการควบคุมตัวเองอย่างสิ้นเชิ้งเขาพ่นน้ำชาที่กินไปออกมา
เขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
”เขาช่าง…”องค์จักรพรรดิส่ายหัวก่อนจะหันไปมอง เยว่ เหอ
เขาไม่ใช่คนเดียวที่พูดไม่ออก
เจ้าหน้าที่คนอื่นๆก็พูดไม่ออกเช่นกันทุกคนต่างยืนนิ่ง
”นอกใจ?!”
”สนมและลูกชายของเขา?”
”ห้องที่สองในโรงเตี้ยมฉิงเทียน?”
เจ้าหน้าที่ต่างอุทานออกมา
”จะมีใครไร้ยางอายได้ขนาดนี้?”
”เขากล้ากล่าวหาสนมของท่านเยว่ เหอ รวมถึงลูกชายของเขาได้ยังไงกัน?”
เจ้าหน้าที่ทุกคนพูดไม่ออกพวกเขาไม่นึกว่า ฟาง เจิ้งจือ จะไร้ยางอายขนาดนี้
หลินเทียนหลง เองก็ตกตะลึง
เขาไม่คิดว่าฟาง เจิ้งจือ จะพูดอะไรแบบนี้ออกมาต่อหน้าคนมากมาย
ที่สำคัญที่สุดเขากล้ากล่าวหาคนอื่นอย่างไร้เหตุผลได้ยังไง?เขายังมีความเคารพต่อสภาอยู่ไหม?
ทุกคนเงียบไป
ปากของปิง หยาง เองก็อ้าค้างเช่นกัน ก่อนที่นางจะก้มหน้าและพึมพัมบางอย่างออกมา “ไร้ยางอาย..”
”ชายผู้นี้… ” ฉือ เฮา ส่ายหัวก่อนจะหันไปมอง ซิง หยวนกัว ท่าทีของเขาก็แปลกไปเช่นกัน
หากมีคนที่สงบสติอารมณ์ได้มากที่สุดคนคนนั้นคือ เหยียน ซิว
แต่แม้แต่ใบหน้าของเขายังคงขึ้นสีเล็กน้อย
ทันใดนั้น…
เยว่เหอ ก็ได้สติ
เขาพยายามมองไปรอบๆ
ดวงตาของเขาแดงก่ำ
”ฟางเจิ้งจือ ข้า ข้า.. ” เยว่ เหอ กำหมัดแน่นขณะมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ เขาอยากจะฉีก ฟาง เจิ้งจือ ออกเป็นชิ้นๆ
”มีอะไรงั้นหรือ?ท่านเป็นอะไรไหม? หรือท่านได้ยินที่ข้าพูดไม่ใช่?” ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ตกใจกับท่าทีของ เยว่ เหอ
”เจ้า…ข้าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น!” เยว่ เหอ รู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ กำลังพยายามทำอะไร
เขาโกรธมาก!เขาอยากจะฆ่า ฟาง เจิ้งจือ ทิ้งเสียตั้งแต่ตอนนี้
สำหรับคำพูดของฟาง เจิ้งจือ…
เขาได้ยินชัดเจนแต่เขาไม่อาจยอมรับ
”ท่านไม่ได้ยินจริงๆงั้นหรือ?”ฟางเจิ้งจือ ถามอีกครั้ง
”แน่นอน!”เยว่ เหอ ยืนยัน เขาต้องระงับความโกรธเอาไว้ให้ได้ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว
”ว้าวดูท่านสิ ช่างมีความอดทนอันสูงส่งจริงๆ” ฟาง เจิ้งจือ หัวเราะ
ทุกคนสามารถบอกได้ว่าเยว่ เหอ พยายามระงับความโกรธและความอับอาย
ทุกคนรู้ว่าเยว่ เหอ ได้ยินสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ พูด
แต่
เขาเลือกที่จะปฏิเสธมัน
ฉานยู่ ขมวดคิ้ว ถึงนางจะรู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ไร้ยางอาย แต่นางไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้ออกมา คำพูดของเขาค่อนข้างทรงพลัง
อย่างไรก็ตามถ้า เยว่ เหอ ไม่ยอมรับ…
ฟางเจิ้งจือ จะทำอะไรได้
ทุกคนรู้สึกสงสัยอย่างเท่าเทียมกัน
”เจ้ากำลังพูดถึงอะไร?ข้าไม่เข้าใจ!” เยว่ เหอ รู้สึกเจ็บปวด แต่เขาต้องพยายามสงบอารมณ์ไว้
”ท่านไม่รู้จริงๆงั้นหรือ?ให้ข้าพูดให้ฟังใหม่ไหม?” ฟาง เจิ้งจือ ถาม
”เจ้า…”เยว่ เหอ อยากจะพูดวา ‘เจ้าไม่กล้าหรอก’ อย่างไรก็ตามเขาก็กลืนคำพูดนั้นกลับไป
เขาไม่รู้ว่าทำไมฟาง เจิ้งจือ ถึงเลือกเขา
หากเขาพูดในเรื่องนี้…
เขาไม่เคยเห็นด้วยกับมัน
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เป็นคนเลือกฟาง เจิ้งจือ ได้เลือกเขา เขาไม่มีทางเลือก
”เจ้าหน้าที่เยว่ถ้าท่านไม่ว่าอะไรงั้นข้าขอพูดอีกครั้งนะ” ฟาง เจิ้งจือ กล่าวเสริม
”เจ้า…เชิญตามสบาย!”เยว่ เหอ อดกลั้น
”ที่จริงแล้วข้ามีคำถามอื่นก่อนที่จะพูดซ้ำ”
”อะไรงั้นหรือ?!”
”เจ้าหน้าที่เยว่ท่านอยากรู้ว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นจริงหรือไม่?”ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มเยาะในขณะที่มอง เยว่ เหอ
”ฟางเจิ้งจือ!”เยว่ เหอ งงงันเขากัดฟันแน่น “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดอะไร และข้าไม่มีอะไรจะพูดกับเจ้าอีกแล้ว!”
”อย่างนั้นรึ?”ฟางเจิ้งจือ พยักหน้า และหันไปมององค์รัชทายาท “โรงเตี้ยมฉิงเทียนอยู่ห่างไปสิบห้านาที ท่านอยากดูห้องที่นั่นหรือไม่?”
”โว้ว!”
ผู้คนและเหล่าเจ้าหน้าที่ต่างมองฟาง เจิ้งจือ ด้วยความไม่เชื่อ พวกเขาไม่รู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ กำลังพยายามทำอะไร
หรือว่า…
เขาพูดความจริงเหรอ?!
เป็นไปไม่ได้!
สิ่งนี้ไม่น่าเกิดขึ้นได้!เป็นไปไม่ได้!
แต่ถ้ามันไม่เป็นความจริง…
ทำไมฟาง เจิ้งจือ ถึงรู้จักชื่อสนมของ เยว่ เหอ ทำไมเขาถึงกล่าวหาลูกชาย เยว่ เหอ อย่างโจ้งแจ้งเช่นนี้?
ถ้าเรื่องนี้จบลงด้วยการล้อเล่นฟาง เจิ้งจือ ต้องชดใช้อย่างสาสมแน่!
ทุกคนหันมามองเยว่ เหอ หน้าของเขาซีดขาว
สนมของเขากำลังเล่นชู้กับลูกชายของเขาเอง?!
เป็นไปได้ยังไง?
ที่นี่คือเมืองหลวงให้ความสำคัญกับความภักดีมาก พฤติกรรมเชิงชู้นั้น…
ยอมรับไม่ได้!
เยว่เหอ หน้าซีดขาวเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น เขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ พูด แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงล่ะ?
”เป็นไปไม่ได้!มันเป็นไปไม่ได้! เขาโกหกอย่างแน่นอน หลิวหลัน กับ เทียนเซียวเขาไม่มีทาง…ไม่!”รัฐมนตรีการคลัง เยว่ เหอ พยายามคุมสติตัวเองเอาไว้
ท่าทีขององค์รัชทายาทเปลี่ยนไป
เขารู้ถึงความรู้สึกของเยว่ เหอ ได้เลย ใครก็ตามที่อยู้ในตำแหน่งเขาก็ต้องเป็นแบบนี้
ความจริงที่ยังคงสงบสติได้ถึงตอนนี้…
นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาเลย
”ท่านต้องใจเย็น!เขาแค่พยายามทำให้ท่านกลัว! เจ้าหน้าที่เยว่ อย่าหลงกลมัน!”หลิน เทียนหลง คิดในใจ
เขาไม่สามารถพูดออกมาดังๆได้
เพราะว่า
จักรพรรดิหลินมู่ไป่ กำลังจ้องมองเขา
เขารู้ว่าหมายความว่าอะไร
ในตอนนั้นเองท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของผู้คน พวกเขาอดความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้
ผู้คนจำนวนมากเริ่มวิ่งไปที่โรงเตี้ยม
เหวินเต๋าเปา เองก็เช่นกัน เขาจะไม่ยอมพลาดเรื่องนี้!
”มาเลย!ข้ารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน! มากับข้า! ตามจับหญิงโฉดชายชั่วพร้อมกันอย่าปล่อยให้พวกเขาหนีได้!”เหวิน เต๋าเปา ตะโกน
ผู้คนต่างตื่นเต้นกว่าเดิมเมื่อได้ยิน
ความคิดที่จะจับสนมของเยว่ เหอ และลูกชายของเขาพลุ่งพล่านอยู่ในหัว
”กลับ…มา”เยว่ เหอ อยากตะโกนใส่ผู้คนกลับมาอย่างไรก็ตามเขากลืนกลับเข้าไป
เขาจ้องมองฝูงชนรีบวิ่งไปที่โรงเตี้ยมตอนนี้เขาอยากจะฆ่าตัวตาย
ถ้าสิ่งที่ฟาง เจิ้งจือ พูดนั้นเป็นความจริง …
เขาต้องอับอายต่อหน้าผู้คนจำนวนมากแน่นอน!เขาจะกล้าสู้หน้าคนอื่นอีกได้ยังไง?
สายลมเบาๆพัดผ่าน
แต่มันทำให้ทั้งเยว่ เหิ และ หลิน เทียนหลง อยู่ในความสับสน นอกจากนี้ยังมีผู้คนจำนวนมากอยู่นอกวัง
มันค่อนข้างวุ่นวาย…
อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรสามารถเทียบได้กับความสับสนวุ่นวาย…
ในใจพวกเขา!
เวลาดูเหมือนจะช้าลงเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทุกคนรอผลอย่างใจจดใจจ่อ
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก
พูดตามตรงพวกเขาหวังว่าฟาง เจิ้งจือ สร้างเรื่องงทุกอย่างขึ้น แต่พวกเขาก็กังวลเช่นกันเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
มันไม่สามารถอธิบายได้
”เหยียน ซิว เจ้าคิดว่าเจ้าไร้ยางอายพูดความจริงงั้นหรือ?” ปิง หยาง มองไปที่ เหยียน ซิว
”อืมมันเป็นเรื่องจริง”เหยียน ซิว พยักหน้า
”เจ้าเชื่อใจเขามากขนาดนั้นเลยหรือ?”ปิง หยาง ไม่เข้าใจ เหตุการณ์ที่ ฟาง เจิ้งจือ พูดนั้นมีโอกาสเกิดได้น้อยมาก
”ใช่.”เหยียน ซิว พยักหน้าและไม่ได้ให้เหตุผลอะไรเพิ่มเติม
บทสนทนานี้ทั้งเยว่ เหอ และ หลิน เทียนหลง ต่างได้ยิน พวกเขารู้สึกหนาวเย็นไปจนถึงกระดูกสันหลัง
หลินเทียนหลง มองไปที่ เยว่ เหอ ที่ตอนนี้ดวงตาของเขาเต็มได้วยการอ้อนวอน
เขาขอให้หลิน เทียนหลง ช่วยให้เขาหลุดออกไปจากสถานการณ์ในตอนนี้ให้ได้ ถ้าสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ พูดเป็นจริง…
เรื่องนี้เกี่ยวข้องทั้งสนมและลูกชายของเขา…
ราชาต้วนมองไปที่เยว่ เหอ และราชาต้วน แม้เขาจะไม่เชื่อสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ พูด…
เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
เขาหันกลับมามองร่างที่อยู่ใกล้ๆร่างนั้นพยักหน้าและพุ่งตัวออกไปจากวังอย่างรวดเร็ว
ฉือเฮา ค่อนข้างสงบ
เขามองฟาง เจิ้งจือ ต่างออกไปจากก่อนหน้านี้
ถ้า…
ฟางเจิ้งจือ พูดความจริง…
ฟางเจิ้งจือ รู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน? เรื่องการเป็นชู้ของพวกเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะล่วงรู้
ที่สำคัญของต้องรู้มันก่อนที่จะมาเผชิญหน้ากับหลิน เทียนหลง
มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย!
เพจหลัก: Gate of god TH
ตอนที่ 552 เฉิน เฟยฮัว
“ทำไมเขาถึงรู้เรื่องเหล่านี้ได้?”เยว่ เหอ สับสนเมื่อเขานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ ฟาง เจิ้งจือ เข้าเมืองมา…มันเหมือนกับ ฟาง เจิ้งจือ สามารถคุมทั้งเมืองเอาไว้ได้
ฟางเจิ้งจือ ไม่เคยทำสิ่งต่างๆแบบที่คนปกติทำ เขาไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดทั้งนั้น
ขณะที่เขากำลังคิดถึงเรื่องนั้นนั่นเอง
เขาก็ได้ยินเสียงดังมาไกลท่ามกลางฝูงชนพวกเขากำลังวิ่งกลับมาที่วัง
ดวงตาของฉือ เฮา เบิกกว้าง เขาไม่อยากจะเชื่อ
ทุกคนต่างตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
พวกเขาเห็นร่างสองร่างยืนอยู่ท่ามกลางความยุ่งเหยิง
ผู้ชายหนึ่งคนและผู้หญิงหนึ่งคน
พวกเขาทั้งสองคนอายุประมาณ20ปี
พวกเขากำลังดิ้้นรนและส่งเสียงออกมาด้วยความขมขื่นพวกเขาดูหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
”มันเป็นความจริง?!”
“ฟางเจิ้งจือ…ไม่ได้โกหกเหรอ?!”
”มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน?!เขารู้ได้ยังไงว่าพวกนั้นอยู่ที่โรงเตี้ยมฉิงเทียน?”
เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเชื่อสายตาตัวเองได้พวกเขาจ้องมองไปยังทั้งสองคนที่กำลังถูกฝูงชนลากเข้ามา
หลินเทียนหลง เองก็ตกตะลึง เขาจำร่างทั้งสองได้ทันทีและไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน
เขาหันไปมองเยว่ เหอ เกือบจะทันที
”ไม่ดีแล้ว!”เมื่อเขาเห็นท่าทีของ เยว่ เหอ เขาสามารถบอกได้ในทันทีว่าทุกอย่างต้องแย่ลงอย่างแน่นอน
เยว่เหอ หย้าซีดมาก ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน
“อั้ก!”” จากนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมา
ใบหน้าของเขาเดี๋ยวกลายเป็นสีม่วงสีเขียว เส้นเลือดปูดโปน เขาเหมือนพร้อมจะระเบิดอยู่ตลอดเวลา
”ไม่มีทาง?!เซียวเทียนไม่มีทางทำแบบนี้กับข้า!”
”มันเป็นไปไม่ได้…”
”หลิวหลัน! ข้าดูแลเจ้าเป็นอย่างดี! ทำไมเจ้าต้องล่อลวงลูกชายข้า?!”
”ไม่…ทำไมกัน?!”
รัฐมนตรีกรมการคลังเยว่ เหอ ตะโกนด้วยความบ้าคลั่ง กระดูกในร่างกายของเขาเริ่มแตกออก ผมของเขายุ่งเหยิง
เจ้าหน้าที่รู้ว่าทุกอย่างกำลังตกอยู่ในความวุ่นวายเยว่ เหอ ใกล้มาถึงจุดแตกหักแล้ว
“ฟางเจิ้งจือ ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!”
หลังจากที่เขาพึมพัมกับตัวเองท่าทีของ เยว่ เหอ พลันกลายเป็นดำทมึน ก่อนที่เขาจะมอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยสายตาอันอาฆาตแสงสีเขียวพุ่งออกมาจากร่างของเขา
”ไม่!”หลิน เทียนหลง อยากจะหยุดมัน แต่ เยว่ เหอ ได้โจมตีไปแล้ว
”ท่านจะโจมตีข้าเพราะเพียงข้าบอกความจริงกับท่านงั้นหรือ?” ฟาง เจิ้งจือ รู้ว่า เยว่ เหอ ไม่พอใจแค่ไหน
ฟางเจิ้งจือ ไม่เคลื่อนไหว เขายิ้มสบายๆมองลำแสงที่พุ่งมาทางเขา
ในตอนนั้นเอง…
แสงสีแดงสว่างขึ้นด้านหลังฟาง เจิ้งจือ มันเหมือนกับมีผลึกแก้วมากมายพวยพุ่งออกมาจากพื้นดิน ก่อนที่พวกมันจะลอยมาบังด้านหน้าของ ฟาง เจิ้งจือ
เป็นเหยียน ซิว
ที่เคลื่อนไหวทันทีที่เยว่ เหอ โจมตีออกมา
“ตูม!”
ลำแสงสีเขียวพุ่งชนกับผลึกแก้วสีแดงจากนั้นคลื่นพลังงานขนาดใหญ่ก็กระจายไปในอากาศ
หลินเทียนหลง เองก็ตกตะลึง
เจ้าหน้าที่และองครักษ์ทุกคนก็ตกใจเช่นกัน
แม้แต่คู่รักที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นก็ตกใจเช่นกัน
พวกเขาไม่คิดว่าทุกอย่างจะกลายเป็นแบบนี้เยว่ เหอ โจมตี ฟาง เจิ้งจือ ต่อหน้าองค์จักรพรรดิ
ผลลัพธ์ทุกคนล้วนรู้ดี…
โทษถึงตาย!
ทุกคนดูการปะทะกันของพลังทั้งสองพวกเขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“เยว่เหอ อยู่ในระดับจุติขั้นต้น!”
“เหยียนซิว…ป้องกันมันได้จริงๆงั้นหรือ?”
“เป็นไปได้ยังไงกัน?”
”หรือว่า…เหยียนซิว จะ…”
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดไม่อยากจะเชื่อเหยียน ซิว อายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น ถ้าเขาสามารถเผชิญหน้ากับผู้ที่อยู่ในระดับจุติได้…
”ไม่!”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งร้องอุทานด้วยความตกใจพร้อมกับดวงตาเบิกกว้าง
ไม่นานหลังจากการปะทะกันสิ้นสุดมีแสงสีเขียวพุ่งผ่านผลึกสีแดงออกไป
อย่างไรก็ตาม…
มันเลื่อนออกไปจากเป้าหมายเดิมเล็กน้อย
มันไม่ได้พุ่งไปที่ฟาง เจิ้งจือ มันพุ่งผ่านข้างคอของ ฟาง เจิ้งจือ ไปยังคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
”ไม่!องค์รัชทายาทระวัง!”
”ปกป้ององค์รัชทายาท!”
”ป้องกันเร็วเข้า!”
เจ้าหน้าที่ทุกคนตื่นตระหนก
อย่างไรก็ตามลำแสงสีเขียวนั้นเร็วเกินไปมันมาอยู่หน้าของ หลิน เทียนหลง ภายในเสี้ยววินาที
หลินเทียนหลง เองก็ตกตะลึง
เขาไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเยว่ เหอ จะโจมตีเขาทำไม? เขาไม่ได้เตรียมรับเรื่องนี้เอาไว้
เขาไม่สามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้
แม้ว่าเขาจะมีพลังในฐานะองค์ชายแต่ระดับพลังของเขานั้นไม่ได้สูงมาก เขาอยู่ในระดับอภินิหารเท่านั้น เขาไม่สามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้
เขาทั้งหวดกลัวและตกใจ
เขาไม่อยากตาย
”ช่วยข้าด้วย!”หลิน เทียนหลง ตะโกนอย่างสิ้นหวัง
ทันใดนั้นเองมีแสงพุ่งออกมาจากำแพงวังมันเป็นร่างที่ห่อหุ้มด้วยแสงสีทอง
มันเร็วมาก
เร็วจนทิ้งภาพติดตาไว้ด้านหลังของนาง
พร้อมกับรอยแตกที่พื้นเหมือนตอนที่ ฟาง เจิ้งจือ ใช้ธนูแสงอาทิตย์ยิงล้านคมดาบออกไป
นั่นหมายความว่านางเร็วพอๆกับลูกธนู!
ทุกคนต่างเงียบ
ที่เหลืออยู่มีเพียงร่างสีทองและแสงสีเขียวเท่านั้น
มันเร็วมาก!
ทุกคนกลั้นหายใจและจ้องมอง
สุดท้าย…
ร่างสีทองก็มาถึงหลิน เทียนหลง ตอนที่ลำแสงสีเขียวใกล้ถึงลำคอของ หลิน เทียนหลง แล้ว มันยังสายเกินไป
”ไม่นะ!”
ความคิดเดียวกันเกิดขึ้นในใจทุกคน
จากนั้นสิ่งที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้นร่างสีทองปล่อยคลื่นพลังออกมาท่วมตัวก่อนจะต่อยออกไป
มันเป็นหมัดที่สวมใส่ด้วยชุดเกราะทองคำอย่างไรก็ตามมันไม่ได้เป็นกำปั้นที่ใหญ่มากนัก ออกจะดูบอบบางด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามเมื่อนางต่อยออกไปราวกับพื้นที่ทั้งหมดถูกสั่นสะเทือย
“ตูม!”เสียงดังขึ้นมา
ร่างกายของหลิน เทียนหลง บินไปในอากาศก่อนจะตกลงบนพื้น
ทุกคนเงียบ
ทุกคนมองดูที่หลิน เทียนหลง ด้วยความใจจดใจจ่อ
“อั้ก!”เขากระอักเลือดออกมา
“ฝ่าบาท!”
“ฝ่าบาท!”
“…”
เจ้าหน้าที่ทุกคนรีบพุ่งออกไป
ร่างสีทองค่อยเดินเข้ามาเช่นกันนางเป็นหญิงสาวในชุดเกราะสีทอง
มีอุปกรณ์เสริมมากมายอยู่บนร่างกายนาง
ผมของนางถูกเกล้าขึ้นผิวของนางนั้นขาวราวกับหิมะ
นางเป็นหัวหน้าทหารองครักษ์
อันดับที่17 บนทำเนียบศักดิ์สิทธิ์
ทำเนียบมังกรซ่อนนั้นสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า18 ทำเนียบมังกรดาวรุ่งสำหรับผู้ที่มีอายุต่อกว่า 28 ปี นอกจากนั้นยังมีอีกทำเนียบ
นั่นคือทำเนียบศักสิทธิ์มันคลอบคลุมทั้งหมดไม่มีข้อจำกัดอะไรทั้งสิ้น!ไม่มีการ จำกัด อายุ!
แน่นอน…
มีเหตุผลว่าทำไมมันถึงถูกเรียกว่าทำเนียบศักดิ์สิทธิ์!
เซียนก็ถูกจัดอยู่ในทำเนียบนี้เช่นกัน
การที่นางอยู่ในอันดับที่17 ก็ได้พิสูจน์ความสามารถของนางแล้ว นางนั้นทรงพลังเป็นอันดับที่ 17 ของอาณาจักร
นางชื่อเฉิน เฟยฮั่ว
นางมีความสามารถอย่างอื่นที่ทำให้ผู้อื่นเคารพแม้แต่องค์ชายและองค์หญิงยังคุกเข่าให้นาง
มเหสีเฟย!
ก่อนที่จะมีฉือ กูเหยียน ทุกคนคิดว่า เฉิน เฟยฮัว นั้นคือหญิงสาวที่เก่งกาจที่สุดแล้ว
ความภาคภูมิใจของสิบสามกองตรวจการศักิ์สิทธิ์…
มันเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้นว่าเฉิน เฟยฮัว จะถูกดึงเข้ามาในสภาเมื่อไร
พูดตรงๆคือไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับนางก่อนที่นางจะเข้าร่วมสภา องค์จักรพรรดิแทบไม่เคยเข้าร่วมการประชุมของสภาเลย
มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับอาณาจักร
พวกป่าเถื่อนในดินแดนตอนเหนือพยายามบุกเข้ามาเหล่าปีศาจก็เช่นกัน ทั้งกองตรวจการศักกิ์สิทธิ์และกองตรวจการความมั่นคงไม่เคยได้หยุดพัก
ตอนนั้นเองที่เฉิน เฟยฮัว ได้เข้ามาในวัง ร่างกายของนางเต็มไปด้วยเลือดตั้งแต่หัวจรดเท้า เกราะของนางฉีกขาด ดาบของนางหักเป็นสองเสี่ยง ในแขนของนางอุ้มทารกอายุสามเดือนเอาไว้
เมื่อเห็นองค์จักรพรรดิวิ่งเข้ามาหาเฉิน เฟยฮัว คุกเข่าลงด้วยความเคารพทันที
“ฝ่าบาท ข้าพานางกลับมาแล้ว!”
นั่นคือวันที่เฉิน เฟยฮัว กลายเป็นมเหสีเฟย
นั่นเป็นวันที่องค์จักรพรรดิกลับมายังสภาและออกคำสั่ง เขากำลังอุ้มเด็กคนนั้นอยู่
ชื่อคือนั้น…
ปิงหยาง!
ชื่อของปิง หยาง นั้นหมายถคงความสงบสุขและแสงสว่างที่ปลายทาง!
สามเดือนต่อมาเฉิน เฟยฮัว กลายเป็นหัวหน้าทหารองครักษ์
เจ้าหน้าที่สับสนกับหน้าที่ของนางอย่างไรก็ตามในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจ แม้ เฉิน เฟยฮัว จะเป็นมเหสีอันดับหนึ่ง นางก็ไม่ได้ยุ่งเรื่องของคนอื่น
แม้ว่าจะไม่มีองค์ราชินีนางก็ไม่คิดจะแย่งชิงตำแหน่งนั้น
“ท่านฮัว!”เสียงของ ปิง หยาง ดังขึ้นมาก่อนที่นางจะวิ่งไปกอด เฉิน เฟยฮัว
เฉินเฟยฮัว ไม่ได้หยุดนาง นางยิ้มเมื่อเห็นสิ่งที่ ปิง หยาง นางยิ้มอย่างสดใส ก่อนที่จะเอามือลูบหัว ปิง หยาง ราวกับ ปิง หยาง เป็นลูกสาวของนาง
ปิงหยาง ไม่ได้เป็นเพียงองค์หญิงที่องค์จักรพรรดิรักใคร่
แม้แต่มเหสีอันดับหนึ่งเฉิน เฟยฮัว เองก็ตาม
นางมีทั้งองค์จักรพรรดิและทหารใต้บัญชาการอีกห้าหมื่นนาย ใครจะกล้าเป็นศัตรูกับนาง!
“มเหสีเฟย!”เจ้าหน้าที่ทักทาย
หลินเทียนหลง นั่งคุกเข่าอยู่ หน้าของเขาซีดขาวมีเลือดออกมุมปาก
ถึงกระนั้นเขาก็ยังแสดงความเคารพเฉิน เฟยฮัว
“ขอบคุณท่านมากที่ช่วยชีวิตข้า!”
“ฝ่าบาท ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า” เฉิน เฟยฮัว ช่วยให้ หลิน เทียนหลง ลุกขึ้น
จากนั้นนางก็หันหน้ากลับไปโค้งตัวให้องค์จักรพรรดิก่อนจะหันไปมองเหล่าเจ้าหน้าที่
นางกวาดสายตาไปทั่วก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ เหยียน ซิว และ ฟาง เจิ้งจือ
นางขมวดคิ้ว…
เพจหลัก: Gate of god TH