Gate of God - ตอนที่ 555-556
ตอนที่ 555 กระจกเงา
ในฐานะองค์จักรพรรดิเขาควรจะรักษาความสงบเอาไว้แต่เขาไม่สามารถทนได้กับองค์ชายที่ไร้ค่าคนนี้
”ฝ่าบาทโปรดใจเย็น!”
”ฝ่าบาทโปรดระวังพระวรกายด้วย!”
เมื่อเห็นภาพดังกล่าวเจ้าหน้าที่ก็คุกเข่าลงทันที
ผู้คนโดยรอบต่างตื่นตระหนกแม้พวกเขาจะอยู่ในเมืองหลวงมาตลอดแต่พวกเขาไม่เคยเห็นองค์จักรพรรดิโกรธมาก่อน
”ท่านพ่อ!”เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ร่างในชุดสีแดงถลามาข้างหน้าองค์จักรพรรดิ
การปรากฎตัวของนางดูเหมือนจะทำให้องค์จักรพรรดิใจเย็นลงเขากลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
”ปิงหยาง เจ้ามีอะไรงั้นหรือ?” องค์จักรพรรดิลูบหัวของนางด้วยความรักใคร่
”ข้าจะต่อว่าท่านพ่อ!”ปิง หยาง พูดขึ้น
”โอ้?่องค์หญิงตัวน้อยของข้า มีอะไรจะต่อว่าข้างั้นหรือ?” องค์จักรพรรดิยิ้ม เขาดีใจที่เห็น ปิง หยาง เป็นเช่นนี้
”ท่านพ่อไม่ใช่จักรพรรดิที่ชาญฉลาดเลย!”ปิง หยาง พูดอย่างตรงไปตรงมา
”ไร้สาระ!ข้าจะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน?!” ท่าทีขององค์จักรพรรดิกลายเป็นว่าเปล่าทันที
เจ้าหน้าที่และฝูงชนต่างเหงื่อตกการพูดว่าองค์จักรพรรดิไม่ชาญฉลาดต่อหน้าฝูงคน? คงมี ปิง หยาง เพียงคนเดียวที่พูดได้
”อืมข้าคิดว่าท่านเป็นแบบนั้น!ในฐานะองค์จักรพรรดิมีแค่อำนาจ ความสามารถและกลยุทธ์ที่ดีนั้นไม่เพียงพอ” ปิง หยาง ยังคงพูดต่อไป
”ข้าต้องมีอะไรอีก?”องค์จักรพรรดิยังคงยิ้มออกมา อย่าน้อย ปิง หยาง ก็ยังชื่นชมในความสามารของเขา
”กระจก!”ปิงหยาง กล่าว
”กระจก?”องค์จักรพรรดิสงสัย
”ถูกต้อง!มีบันทึกไว้ว่าในสมัยจักรพรรดิไท่จง ถ้าไม่ใช่เพราะความฉลาดและเมตตาของเขา เว่ย เจิง คงไม่ภักดีและเชื่อใจเขา?” ปิง หยาง พูดออกมาด้วยความมั่นใจ
(เป็นเรื่องของจักรพรรดิจีนคนหนึ่งในสมัยราชวงศ์ถัง)
”พูดต่อไป”
”ตลอดชีวิตของเขาเว่ย เจิง ได้ติติงสิ่งต่างๆมากกมายทั้งเรื่องการเมืองการปกครองละวัฒนธรรม รวมถึงแม้แต่องค์จักรพรรดิไทจงเองก็ตา เรื่องที่ เว่ย เจิง ติติงนั้นบางครั้งก็ทำให้องค์จักรพรรดิละอายใจ!”
ปิงหยาง หยุดพูดชั่วคราว
”แต่เขาได้ช่วยองค์จักรพรรดิสร้างสิ่งต่างๆมากมายเปลี่ยนจากการให้ความสำคัญในเรื่องการทหารไปเป็นเรื่องการศึกษา เขาช่วยให้องค์จักรพรรดิสามารถเข้าใจถึงจิตใจของประชาชนและฟังความจากหลายๆครั้งอย่างชาญลาด ตอนนี้ท่านมีความสามารถและอำนาจเหมือนจักรพรรดิไท่จง แต่ตอนนี้ท่านขาดกระจกที่เป็นเหมือน เว่ย เจิง!”
ปิงหยาง มององค์จักรพรรดิด้วยความคาดหวัง
กระจก?
องค์จักรพรรดิหยุดคิดอารมณ์ที่แสดงบนใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปชัดเจน เขามองไปยัง ปิง หยาง ด้วยความรัก
”เยี่ยมมากปิง หยาง ของข้าโตขึ้นแล้วจริงๆ!” บรรยากาศกลายเป็นดีขึ้นอย่างมาก
เจ้าหน้าที่ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอกพวกเขาไม่คิดว่า ปิง หยาง จะสามารถพูดเรื่องเช่นนี้ออกมาได้
”องค์หญิงเข้าใจเรื่องการปกครองด้วยงั้นหรือ?”
”แน่นอน!ในฐานะส่วนหนึ่งของราชวงศ์ นางจะไม่สนใจอาณาจักรตัวเองได้ยังไง?”
”ก็ใช่…แต่นางเป็นปิง หยาง นะ!”
เจ้าหน้าที่ต่างพูดคุยกันเบาๆ
ฉือเฮา มองไปที่ ปิง หยาง ด้วยความประหลาดใจ เขารู้ว่าถ้ามีการสนับสนุนของ ปิง หยาง เรื่องนี้ต้องออกมาดีแน่นอน
”ฝ่าบาทองค์หญิงได้เติบโตขึ้นเป็นอย่างมากแล้ว!” ฉือ เฮา ถอนหายใจกับตัวเอง เขาเหลือบมอง ซิง หยวนกัว ด้วยความเข้าใจว่าทำไมก่อนหน้านี้ถึงหยุดเขา
ทันใดนั้นเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งก็ปรากฎตัวขึ้นดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความแหลมคมของตัวเอง
”ท่านพ่อองค์ราชินีแห่งแดนใต้พูดถูกข้าว่าคดีนี้มีอะไรมากกว่าที่ตาเราเห็น แม้ว่าวันนี้จะไม่ใช่วันที่เหมาะสมที่จะพูดถึงเรื่องนั้น แต่มันก็จะแสดงให้เห็นถึงเกียรติของท่านที่จะได้แสดงให้เห็นถึงความฉลาดหลักแหลมขององค์จักรพรรดิและมอบความยุติธรรมให้กับดินแดนภูเขาทางใต้”องค์ชาย หลิน ซินจู คุกเข่าลงพร้อมพูดออกมา
เรื่องนี้ไปไกลกว่าที่เขาคิดมาก
ไม่ว่าในกรณีใดๆ ทุกคนมั่นใจในความคิดขององค์จักรพรรดิ
ว่ากันว่าหากจักรพรรดิทำผิดเขาควรถูกลงโทษเหมือนสามัญชนแต่เมื่อใดที่องค์จักรพรรดิถูกซักถาม?
…
ทำนองเดียวกันแม้องค์รัชทายาทจะทำผิดพลาด เขาจะไม่ถูกลงโทษ และถูกพิจรณาความผิดจากคนอื่นๆได้ยังไงกัน?
เหล่าเจ้าหน้าที่รวมถึงตัวหลิน ซิงจู อาจจะไม่ถือสา
แต่ตอนนี้ทุกอย่างต่างออกไป
ถูกกดดันจากฟาง เจิ้งจือ, เหยียน ซิว, ฉาน ยู่, ปิง หยาง
หลินซิงจู คว้าโอกาสนี้เพื่อแสดงความคิดเห็นของเขา
”ข้าเองก็รู้สึกว่ามีบางอย่างน่าสงสัยในคดีนี้ได้โปรดฝ่าบาทช่วยตรวจสอบเพิ่มเติม!” ฉือ เฮา พูดเสริม
เขาไม่คิดจะทิ้งโอกาสนี้ไปเช่นกัน
เหวินเต๋าเปา มองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยดวงตาอันเป็นประกาย
”ช่างเป็นโอกาสที่ดีจริงๆ!”เหวิน เต๋าเปา ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
แต่หลิน เทียนหลง กลับมองเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความขมขื่น
เจ้าหน้าที่เห็นสีหน้าของหลิน เทียนหลง ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจต้องพูดอะไรสักอย่างด้วยความลังเล
”ฝ่าบาทนั่นเป็นความแค่ข้างเดียวเท่านั้น หากกรณีนี้ถูกพลิกกลับอย่างง่าย ๆ เราจะทำให้ตัวเองเป็นคนโง่ ถ้าคดีนี้ถูกรื้อขึ้นมาง่ายๆ การตัดสินของพวกเราจะไม่ได้โง่งมไปหรอกหรือ?”
”ใช้แล้วฝ่าบาทเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างดินแดนโปรดพิจรณาอย่างรอบคอบ!”
”ฝ่าบาทเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ดินแดนภูเขาทางใต้ในปีที่แล้วตอนนั้นอาจจะรวบรวมหลักฐานไม่เพียงพอ ข้าเสนอให้ส่งคนไปรวบรวมหลักฐานเสียก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ!”
เจ้าหน้าที่ต่างคุกเข่าและพูดขึ้นมา
เรื่องนี้ต้องถูกพิจรณาอย่างรวดเร็วแต่พวกเจ้าพยายามจะขัดขวางความคืบหน้าของมัน !” ฉือ เฮา มองเจ้าหน้าที่เหล่านั้นด้วยความเยือกเย็น
ในสถานการณ์นี้…
หลังจากรัฐมนตรีกรมการคลังถูกพาตัวไปเหลือเพียงรัฐมนตรีกรมพิธีการ รัฐมนตรีกรมแรงงาน…เจ้าหน้าที่ระดับสามระดับสี่เหล่านี้จะมาต่อต้านอำนาจของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไงกัน
เจ้าหน้าที่เหล่านั้นต่างตัวสั่นและก้มหัวแนบพื้น
เจ้าหน้าที่ระดับหนึ่งและสองส่วนมากตอนนี้ก็นอนไม่ได้สติอยู่ที่พื้น
พวกเขาจะเปรียบเทียบกับฉือ เฮา ได้ยังไงกัน?
แน่นอนว่าพวกเขาต่างเงียบสนิท
ท่าทีของหลิน เทียนหลง กลายเป็นน่าเกลียดทันที
แม้ว่าเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของคดีแต่เขาก็ไม่สามารถ พูดความคิดของเขาได้นอกจากนี้อาการบาดเจ็บของเขาทำให้ไม่สามารถพูดอะไรไม่สะดวก
แต่ว่า…
เขาไม่สามารถยอมรับสิ่งนี้ได้
เขาทำไม่ได้เขาไม่ได้คาดหวังหรือเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างฉับพลันเกินไป
เจ้าหน้าที่กว่าแปดสิบเปอร์เซนต์อยู่ข้างเขา
พวกเขาจะแพ้ได้ยังไง?
ถ้าเขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ในวันนี้เขาคงไม่เชื่อว่าความได้เปรียบของเขาจะกลับตาลปัตรขนาดนี้
โดยปกติไม่ว่าจะเกิดเรื่องรุนแรงขึ้นแค่ไหนองค์จักรพรรดิก็จะปล่อยเขาไป
แต่วันนี้เกิดอะไรขึ้น?
มันกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
หลินเทียนหลง อยากจะพูดออกไปมากแต่เขาทำไม่ได้ เพราะเขาเป็นองค์รัชทายาท เขาไม่สามารถพูดอะไรเพื่อตัวเองได้
ดังนั้นเขาทำได้เพียงแค่กัดฟันและทน
ทันใดนั้นองค์จักรพรรดิหันไปมองหลิน เทียนหลง จากนั้นก็หันไปมองคนรอบๆ
ก่อนจะมองไปที่เจ้าหน้าที่ทุกคน
”เหวินฉวน” ในที่สุดองค์จักรพรรดิก็พูดขึ้นมา
”ขอรับฝ่าบาท!” ร่างหนึ่งวิ่งออกมาจากฝู.ชนและหยุดคุกเข่าลงต่อหน้าองค์จักรพรรดิ ในฐานะเจ้าหน้าที่กรมกฎหมาย เขาเป็นที่สนใจอย่างมากในตอนนี้ เขาเป็นพ่อของ เหวิน เต๋าเปา
องค์จักรพรรดิมองไปที่เหวิน ฉวน และ หลิน เทียนหลง
”เจ้าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายเจ้าคิดว่ามีอะไรน่าสงสัยในคดีนี้?” องค์จักรพรรดิถามขึ้นมา
เพจหลัก: Gate of god TH
ตอนที่ 556 ผลลัพธ์ที่ไม่น่าเชื่อ
เมื่อได้ยินคำถามขององค์จักรพรรดิเหล่าเจ้าหน้าที่ต่างรอคำตอบจาก เหวิน ฉวน
เหวินฉวน เป็นเจ้าหน้าที่กรมกฎหมายเพียงคนเดียวที่มีระดับมากที่สุดในตอนนี้
แต่ว่า…
เหวินฉวน จะตอบออกไปอย่างไร
ตอนนี้เหวิน ฉวน อยู่ข้างใครนั้นยังคงเป็นปริศนา
เมื่อได้ยินคำถามขององค์จักรพรรดิเหวิน ฉวน ก็ยืนนิ่งไปชั่วครู่ เขาก้มหัวลงด้วยความกังวลราวกับไม่ได้ยินคำถามขององค์จักรพรรดิ
จากนั้นเขาก็พูด
”ฝ่าบาทในความคิดของข้าเรื่องนี้มีจุดที่น่าสงสัยอยู่มาก และ ฟาง เจิ้งจือ ได้อ้างว่ามีหลักฐาน ดังนั้นข้าคิดว่า…มันควรได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติม!” เหวิน ฉวน ยังคงคุกเข่าอยู่
เจ้าหน้าที่คนอื่นๆรู้สึกงงงันกบคำตอบของเหวิน ฉวน
ทุกคนสามารถเข้าใจความหมายของการที่องค์จักรพรรดิมองไปที่หลิน เทียนหลง ได้ แต่ เหวิน ฉวน กลับพลาดเรื่องนี้?
เขาโง่หรือเปล่า?
แน่นอนว่าไม่มีทางเป็นไปได้!
ต่อให้เขาจะไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่กรมกฎหมายแต่เขาก็ทำงานในสภามานับสิบปี เขาไม่ได้เรียนรู้จากการแสดงท่าทีขององค์จักรพรรดิเลยงั้นหรือ? เขาล้มเหลวในการตีความจากท่าทีขององค์จักรพรรดิ?
ท้ายที่สุดเหวิน ฉวน เพิกเฉยต่อคำใบ้ขององค์จักรพรรดิและพูดออกมาอย่างชัดเจน
มันเป็นคำพูดที่ชัดเจน
”มันควรจะถูกตรวจสอบเพิ่มเติม!”
มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นทุกคนล้วนรักความปลอดภัยของตัวเอง ทุกคนล้วนทำตามการแสดงออกขององค์จักรพรรดิ
แม้เขาจะไม่สามารถคาดเดาความต้องการขององค์จักรพรรดิได้ในทันทีแต่อย่างน้อย เหวิน ฉวน ก็ควรพูดอะไรที่ไม่เป็นผลเสียต่อตัวเองออกไป เขากล้าตอบอย่างตรงไปตรงมาว่าให้สอบสวนเพิ่มเติมได้ยังไงกัน?
เจ้าหน้าที่ทุกคนมองไปที่เหวิน ฉวน ด้วยความไม่เชื่อ
แม้แต่หลิน เทียนหลง และองค์จักรพรรดิก็ไม่เชื่อเรื่องนี้
ในความเป็นจริงเมื่อเห็นองค์จักรพรรดิมองมาที่เขาหลิน เทียนหลง ก็โล่งใจขึ้นเล็กน้อย ท่าทีขององค์จักรพรรดินั้นชัดดเจน
แม้เหวิน ฉวน จะไม่เลือกอยู่ข้าง หลิน เทียนหลง แต่ก็ไม่ควรพูดอะไรที่เป็นการขัดองค์จักรพรรดิต่อหน้าสาธารณะชนเช่นนั้น
เขาไม่ทำตามคำใบ้ที่ได้รับราวกับเขาเมินสิ่งที่องค์จักรพรรดิต้องการ
องค์จักรพรรดิไม่สามารถยอมรับผลลัพธ์นี้ได้!
”เจ้าพูดอะไรไร้สาระออกมาในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่กรมกฏหมายเจ้าจะตัดสินใจอย่างทันทีได้อย่างไรโดยไม่มีหลักฐาน!” หลิน เทียนหลง ถามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
เขาโกรธแค้นเป็นอย่างมาก
เขาอยู่ใต้แรงกดดันอันหนักหน่วงไม่มีทางออกสำหรับเขา
บทสรุปของคดีนี้เป็นเรื่องของชีวิตและความตายของหลิน เทียนหลง แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาควรจะนิ่งเงียบ แต่เขาก็ยังพูดออกมา
”ฝ่าบาทเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความจริง ฟาง เจิ้งจือ ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่มีความสามารถที่จะฆ่า นอกจากนั้นเขายังมีหลักฐาน ตามกฎหมายแล้วกรณีนี้ควรได้รับการสอบสวน!. เหวิน ฉวน พูดออกมาพร้อมคุกเข่า เขาก้มหน้านิ่ง
เขาตัวสั่นด้วยความกลัว
เจ้าหน้าที่พูดไม่ออกไม่มีใครคิดว่า เหวิน ฉวน จะกล้าขัด หลิน เทียนหลง อย่างเปิดเผย
”เจ้า…”หลิน เทียนหลง ไม่รู้จะหาคำไหนออกมาพูด เจ้าหน้าที่ระดับสองกล้าพูดเรื่องกฎหมายกับเขาได้ยังไงกัน?
เขากำหมัดแน่นเขารู้สึกหายใจเริ่มติดขัด
”อัก!”หลิน เทียนหลง ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขากระอักเลือดออกมา
เจ้าหน้าที่และผู้คนนับไม่ถ้วนต่างตกตะลึงเหวิน ฉวน กล้าเถียงกับองค์รัชทายาท?
เป็นแบบนี้ได้ยงไง?
ไม่มีใครเข้าใจแต่ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้แล้ว แม้แต่องค์จักรพรรดิก็ช่วยเหลือเขาไม่ได้
ภายใต้สายตาของคนมากมายที่กำลังมองอยู่แลไม่นานคดีนี้ต้องได้ข้อสรุปแน่นอน
แต่ว่า…
ไม่มีใครเข้าใจว่าคดีที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ในตอนแรกคืบหน้ามาถึงจุดนี้ได้ยังไง?
ฟางเจิ้งจือ โผล่มาขัดการพบกันระหว่างองค์ราชินีแห่งดนใต้และองค์จักรพรรดิ
นี่เป็นโทษถึงตาย!
แต่ฟาง เจิ้งจือ ไม่ตายแถวยังพิสูจน์ตัวเองได้อีกด้วย หลังจากนั้นความผิดก็ถูกโยนไปให้ หลิน เทียนหลง
และด้วยความโกรธเกรี้ยวหลิน เทียนหลง ได้โต้เถียงกับ ฟาง เจิ้งจือ
จากนั้น…
เรื่องนี้ก็มาถึงจุกที่ไม่สามารถถอยกลับไปได้แล้ว
เพราะเหวิน ฉวน ที่พูดว่าควรมีการสอบสวนเพิ่มเติม!
มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง?ฝูงชนและเหล่าเจ้าหน้าที่ดูเหมือนยังไม่ได้สติ
องค์จักรพรรดิเหมือนกำลังอยู่ในภวังค์
เขากำลังจะพูดเมื่อเห็นปิง หยาง ยืนอยู่ข้างๆเขา
คำพูดหนึ่งได้โผล่ขึ้นมาในใจเขา
กระจก!
จากนั้นเขาก็เข้าไปสู่ห้วงความคิดอีกครั้งข้าไม่ใช่จักรพรรดิที่ฉลาดงั้นหรือ?
เวลาดูเหมือนถูกหยุดลง
ไม่มีเสียงรบกวนใดๆมีแต่เสียงของสายลมที่พัดผ่านเป็นครั้งคราว
ทุกคนต่างให้ความสนใจกับองค์จักรพรรดิเพื่อรอให้เขาตัดสินใจเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้าย
หลังจากผ่านไปสักพักดวงตาขององค์จักพรรดิก็กระจ่างขึ้น
”เนื่องจากเจ้าหน้าที่เหวินเชื่อว่าเรื่องนี้มีจุดที่น่าสงสัย พวกเราควรจะตรวจสอบเพิ่มเติม!” องค์จักรพรรดิกล่าวออกมาขณะจ้องเขม็งไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
เจ้าหน้าที่ต่างสับสนแต่ไม่มีใครกล้าคัดค้าน นี่เป็นผลลัพธ์ที่ไม่มีทางหวนกลับแล้ว
”คดีนี้จะถูกรื้อขึ้นมาอีกครั้งงั้นหรือ?”
”มันจะไม่กระทบอะไรกับตำแหน่งขององค์รัชทายาทงั้นหรือ?”
”องค์จักรพรรดิบอกให้สอบสวนเพิ่มเติม?”
เหล่าเจ้าหน้าที่พอคาดการได้ว่ามันจะจบลงเช่นนี้แต่มันก็ต่างออกไปเมื่อได้ยินจากปากขององค์จักรพรรดิ
เรื่องนี้มันคืบหน้าอย่างไม่น่าเชื่อมากเกินไป
เมื่อองค์จักรพรรดิประกาศออกมาเจ้าหน้าที่ทุกคนต่างมีความคิดเดียว ฟาง เจิ้งจือ ทำสำเร็จจริงๆ
เขาทำสำเร็จในสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้
นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือเป็นการจงใจ?จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันเป็นการจงใจ? เขาใช้สติปัญญามากขนาดไหนในการวางแผนมากมายขนาดนี้?
มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก
ความคิดอื่นเกิดขึ้นในหมู่เจ้าหน้าที่ถ้า ฟาง เจิ้งจือ ยังมีพลังอยู่ในระดับเดียวกับตอนอยู่ที่แดนใต้..
ฉือกูเหยียน ยังคงจะเป็นผู้ที่สวรรค์เลือกอีกหรือไม่?
ฟางเจิ้งจือ นั้นมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการสอบระดับเมืองหลวงและจักรพรรดิที่เขาได้เป็นอันดับหนึ่งร่วม และตอนนี้การสอบระดับสถา…
เขาทำได้เยี่ยมยอดอย่างสม่ำเสมอบางทีอาจจะเยี่ยมเกินไป
แต่มีบางคนยังเยี่ยมกว่า
ฉือกูเหยียน!
โดยไม่คำนึงถึงพรสวรรค์และต้นกำเนิดฟาง เจิ้งจือ จะสามารถเทียบ ฉือ กูเหยียน ได้ไหม? น่าแปลกที่ทุกคนไตร่ตรองเรื่องนี้ในตอนนี้
แต่ตอนนี้ฟาง เจิ้งจือ นั้นไร้พลังไปแล้ว พวกเขาไม่กล้าคิดอะไรไปมากกว่านี้…
ฝูงคนรอบๆเริ่มได้สติ
รวมถึงทหารของดินแนภูเขาทางใต้ทั้งหมดพวกเขาเต็มไปด้วยความดีใจ
”เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีในที่สุดคดีนี้ก็ถูกรื้อขึ้นมาใหม่!”
”ในที่สุดพวกเราก็จะได้รับความยุติธรรม!”
ทหารแดนใต้ยังคงยืนอยู่จุดเดิมแต่ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
”ขอบคุณฝ่าบาท!” ฉาน ยู่ กล่าวขอบคุณองค์จักรพรรดิด้วยความยินดี ถึงแม้ยังไม่ได้มีการสรุปคดีก็ตาม
แต่ว่า…
สำหรับนางแล้วนี้เป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นได้ยากยิ่ง
”ฝ่าบาทข้ามีเรื่องขอร้องอีกเรื่องหนึ่ง” เหยียน ซิว กล่าวขึ้นมา
เจ้าหน้าที่ละผู้คนต่างประหลาดใจ
ความสงสัยและความสับสนอยู่ในใจพวกเขาอีกครั้ง
เนื่องจากองค์จักรพรรดิได้มีการประกาศให้รื้อคดีนี้ขึ้นมาใหม่แล้วเหยียน ซิว ต้องการอะไรอีก?
”สิ่งที่เจ้าร้องขอคืออะไรเหยียน ซิว?” องค์จักรพรรดิมองไปที่ เหยียน ซิว ด้วยความสงสัย
เพจหลัก: Gate of god TH