Gate of God - ตอนที่ 559 -560
ตอนที่ 559 ความน่าสงสัย
มันใช้เวลาเกือบสิบวันที่จะเดินทางจากแดนเหนือมายังเมืองหลวงแต่ ซู ฉิง กลับมาที่เมืองหลวงในทันที
เจ้าหน้าที่ต่างตกใจ?
เพราะมันยังไม่ถึงสิบวันเลยตั้งแต่ฟาง เจิ้งจือ มายังเมืองหลวง หรือก็คือตั้งแต่ ฟาง เจิ้งจือ เหยียบเท้าเข้ามาในเมืองหลวง ซู ฉิง ก็ออกเดินทางมาทันที
เขามีจุดประสงค์อะไรกัน?
ยิ่งกว่านั้นในฐานะผู้ดูแลกองตรวจการทั้งห้าเขาต้องมีเหตุผลที่จะเข้ามายังเมืองหลวง
เหล่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าใจได้
”ฝ่าบาทตอนนี้ ซู ฉิง เข้าวันมาแล้ว พวกเรา…ควรเตรียมการอะไรไว้ไหม?” หนึ่งในเหล่าเจ้าหน้าที่ถามด้วยความลังเล
เนื่องจากตามสถานการณ์ในปัจจุบันพวกเขาจะปล่อยให้ ซู ฉิง มีชีวิตอยู่ได้ พวกเขาจะปล่อยให้ ซู ฉิง พบองค์จักรพรรดิไม่ได้
”ฝ่าบาทโปรดตัดสินใจอย่างรวดเร็ว!”
”ซูฉิง ไม่สมควรมีชีวิตอยู่!”
”การที่ซู ฉิง มาที่เเมืองหลวง นั่นหมายความว่าเขารู้ว่า คดีของ ฟาง เจิ้งจือ ต้องถูกรื้อขึ้นมาอีกครั้ง ท่านจะลังเลอีกไม่ได้แล้ว!”
เจ้าหน้าที่ต่างแนะนำสิ่งที่คิด
หลินเทียนหลง กำหมัดแน่น การแย่งชิงบัลลังก์ การพลาดเพียงก้าวเดียวอาจทำให้เขาสูญเสียทุกสิ่ง
เขาต้องคิดให้รอบคอบถึงเหตุผลของการมาที่เมืองหลวงของซู ฉิง
แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่มีเวลาเหลืออีกแล้ว
เพราะจดหมายนี้ถูกส่งมาจากกรมกฎหมายแสดงว่ากรมกฎหมายอาจจะเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน เขาจะลังเลไม่ได้แล้ว
อย่างน้อยเขาก็ต้องตอบเจ้าหน้าที่เหล่านี้ให้ได้
”ฝ่าบาทข้าคิดว่ามีบางอย่างน่าสงสัย… ” เขาพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
่
”เรื่องอะไรงั้นรึ?”หลิน เทียนหลง ถาม
”ในความคิดของข้าซู ฉิง คงไม่มาที่เมืองหลวงตอนนี้ ถ้าเขาทำแบบนั้นมีหรือที่เขาจะไม่แจ้งท่าน นอกจากนั้นระยะเวลาไม่ถึงสิบวัน…”
”เจ้าจะบอกว่ามันเป็นอุบาย?!”หลิน เทียนหลง ถามด้วยความตกใจ
แต่เขาก็สงบลงเขาเองก็คิดถึงจุดที่น่าสงสัยเช่นกัน
สิบวันที่ผ่านมาฟาง เจิ้งจือ ได้เข้ามาในเมืองหลวง
จากนั้นเขาก็ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในเมืองหลวง
ซูฉิง จะเดาเรื่องเหล่านี้ล่วงหน้าได้ยังไงกัน?
”ใช่ข้าคิดว่านี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการของฟาง เจิ้งจือ เพื่อล่อลวงให้เราเคลื่อนไหว เพื่อที่เขาจะได้มีหลักฐาน!” เจ้าหน้าที่ตอบกลับมา
”เจ้าหน้าที่หวังพูดถูกถ้าท่านไม่เตือนพวกเราคงหลงกลเจ้าสารเลวนี่แล้ว!” เจ้าหน้าที่อีกคนพูดขึ้นมา
”ใช่เกือบไปแล้ว!”
”ในมุมมองของข้าพวกเราควรส่งข้อความไปที่ดินแดนทางเหนือก่อน !” เจ้าหน้าที่หวัง พูดเพิ่มเติม
”มันจะไม่สายเกินไปงั้นหรือที่จะส่งข้อความไปตอนนี้?ถ้า ซู ฉิง เข้ามาที่วังจริงๆแล้ว…” เจ้าหน้าที่อีกคนสงสัย
การส่งข้อความไปยังแดนเหนือและกว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาใช้เวลากว่าสามวันแต่สถานการณ์ที่มีคนบอกว่า ซู ฉิง ได้เข้ามาในวังแล้วตอนนี้…
พวกเขาควรทำเช่นไร?
ไม่มีใครตอบได้
”วันนี้พวกเราได้แพ้ที่หน้าประตูวังถ้าพวกเราโจมตีทันที และ ฟาง เจิ้งจือ สามารถจับได้ พวกเราจะไม่มีอะไรให้พูดอีกต่อไป!” เจ้าหน้าที่หวัง พูดขึ้นมาอีกครั้ง
”ข้าคิดว่าพวกเราควรใจเย็นแม้สถานการณ์จะเร่งรีบแต่พวกเราควรรอีกสักสองถึงสามวัน!”
”ใช่แล้ว แม้กรมกฎหมายจะทำการสืบสวนใหม่ พวกเขาก็ต้องใช้เวลาเตรียมตัว และการสอบสวนหัวหน้าของกองตรวจการทั้งห้านั้น องค์จักรพรรดิต้องอนุญาติเสียก่อน กรมกฎหมายคงยังทำอะไรไม่ได้มาก!”
”ถูกต้อง!ข้าเห็นด้วยกับเจ้าหน้าที่หวัง ตอนนี้เรายังไม่ควรเคลื่อนไหว!”
เมื่อได้ยินเหตุผลของเจ้าหน้าที่หวังพวกเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย
หลินเทียนหลง อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดังที่เจ้าหน้าที่พูดคุยกัน ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่เข้าเมืองมาเป็น ซู ฉิง จริงๆหรือไม่
ถ้าพวกเขาทำอะไรอย่างไม่ระวังทุกอย่างอาจจะแย่ลง
สามวัน…
”ส่งจดหมายไปที่แดนเหนือตอนนี้เลยตรวจสอบว่า ซู ฉิง ได้เข้ามาที่เมืองหลวงจริงๆหรือไม่!” หลังจากลังเลสักครู่ในที่สุด หลิน เทียนหลง ก็ออกคำสั่ง
เหตุผลก็ง่ายๆเขาก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
ผู้ที่ส่งจดหมายมาเป็นคนของกรมกฎหมายหรือก็คือราชาต้วนต้องการให้เขารู้ว่า ซู ฉิง ได้เข้ามาในเมืองหลวง
หลินเทียนหลง จึงตัดสินใจที่จะรอก่อน
”รับทราบ!”เจ้าหน้าที่พูดอย่างเห็นด้วย
…
ณที่พักของราชาต้วน
วันนี้ที่พักของเขาดูสดใสกว่าวันอื่นๆพวกเขากำลังเฉลิมฉลองอยู่ เจ้าหน้าที่มากกว่าสิบคนกำลังดื่มของมึนเมาอยู่
”ยินดีด้วยฝ่าบาท! การที่ราชาต้วนกลายเป็นผู้ต้องสงสัยเช่นนี้ ทำให้หนทางไปสู่บัลลังก์ของท่านใกล้เป็นความจริงมากขึ้น!” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา
ราชาต้วนยิ้มเล็กน้อย
ในช่วงปีที่ผ่านมาแม้เจ้าหน้าที่กว่าครึ่งจะอยู่ฝั่งหลิน เทียนหลง แต่มีเจ้าหน้าที่จำนวนไม่น้อยก็ชื่นชมเขาอย่างลับๆ
ดังนั้นก่อนหน้าที่นี่ที่พักของเขาย่อมว่งเปล่ามาก แต่วันนี้มันกลับมาคึกคักอีกครั้ง
”เจ้าหน้าที่ท่านก็พูดเร็วไปคดีของดินแดนภูเขาทางใต้ยังคงไม่สรุป และตอนนี้พวกเขาคงคิดจะกล่าวหา ซู ฉิง!” ราชาต้วนตอบ
”ฝ่าบาทท่ามถ่อมตัวเกินไป แม้ความผbดจะถูกโยนไปให้ ซู ฉิง และองค์รัชทายาทไม่ถูกลงโทษ แต่ความเชื่อใจที่องค์จักรพรรดิมีต่อเขาย่อมลดลงแน่นอน!” “เจ้าหน้าที่หลี่พูดด้วยรอยยิ้มอีก ครั้ง
”อย่างนั้นรึ?”ดวงตาของราชาต้วนเปล่งประกายออกมา
เขาไม่ได้ตอบเจ้าหน้าที่ในทันทีเพราะว่าเขาคิดว่ามันยังเร็วเกินไปแต่เขาก็ยังมั่นใจว่าบ้านของเขาคงกลับมาคึกครื้นอีกครั้ง
และเวลานั้นก็อยู่ไม่ไกลนัก
”ฝ่าบาท!”
ในตอนนั้นเองทหารที่สวมเกราะทองคำก็วิ่งมาที่นี่ และคุกเข่าลงต่อหน้าราชาต้วน
”มีอะไรงั้นรึ?”ราชต้วนรู้สึกสงสัย
”เจ้าหน้าที่กฎหมายเหวิน ฉวน ส่งจดหมายมาขอรับ”ทหารคนนั้นตอบกลับในขณะที่กำลังหยิบจดหมายออกมาจากเสื้อ
”เหวินฉวน?”ราชาต้วนสงสัย ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา”ส่งมาให้ข้า”ไอรีนโนเวล
”ขอรับ!”ทหารส่งจดหมายให้เขา
เมื่อเห็นสิ่งนั้นเจ้าหน้าที่ต่างมองหน้ากันและเผยรอยยิ้มออกมา จดหมายของ เหวิน ฉวน มีความหมายอย่างเดียว
ในวันนี้ที่ทางเข้าพระราชวังเหวิน ฉวน ประกาศเรื่องคดีในแดนใต้ต่อหน้าสาธารณะชน
ตอนนี้เขาได้ส่งจดหมายมาหาราชาต้วน
มันไม่ใช่เรื่องแปลก
ด้วยความคิดเช่นนี้ทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่เริ่มสงบใจลงความจริงแล้ว พวกเขาเสี่ยงทั้งๆที่คดีของแดนใต้ยังไม่ได้ข้อสรุป
แต่ดูเหมือนว่า…
ความเสี่ยงนี้จะคุ้มค่ามากเพราะเมื่อราชาต้วนได้การสนับสนุนจาก เหวิน ฉวน มันทำให้ได้เปรียบอย่างมาก
ราชาต้วนเองก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน
ถ้าได้รับการสนับสนุนจริงๆเขาจะได้เปรียบองค์รัชทายาทมากแน่ และในตอนนี้ทั้งเรื่องของรัฐมนตรีฝ่ายซ้าย ยู่ ยี่ปิง ,เจ้าหน้าที่กรมกฎหมายทั้งสอง และคดีของเจ้าหน้าที่กฎหมาย ว่าน ฉง มันทำให้วันนี้มีแต่ความสดใส
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีของเจ้าหน้าที่กรมกฎหมายว่าน ฉง คนกว่าครึ่งในสภาล้วนมีความเกี่ยวข้อง ถ้าได้รับการตรวจสอบล่ะก็ แต่ละคดีจะเป็นไปอย่างเหมาะสม
เมื่อเจ้าหน้าที่ขององค์รัชทายาทได้รับการลงโทษทั้งหมดจะยังมีใครอยู่ข้างเขาอีก?
ด้วยความคิดเช่นนี้มันทำให้ราชาต้วนเผยรอยยิ้มอย่างสดใสแต่ในขณะที่เขาเปิดซองจดหมาย รอยยิ้มนั้นก็แข็งค้าง
เพราะว่า…
จดหมายไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้เลยมันกลับเป็นคำพูดเพียงประโยคเดียวประโยคที่ไม่ใช่ลายมือของ เหวิน ฉวน เป็นประโยคที่กระชับและชัดเจน
”ซูฉิง เข้าสู่เมืองหลวงแล้ว!”
ราชาต้วนขมวดคิ้วในทันทีจดหมายฉบับนี้ทำให้รอยยิ้มของราชาต้วนหายไปทันที
เจ้าหน้าที่ต่างสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
”ฝ่าบาทในจดหมายเขียนถึงสิ่งใดหรือ?”เจ้าหน้าที่เอ่ยถามขึ้น
”ซูฉิงเข้าสู่เมืองหลวงแล้ว!””ราชาต้วนเหลือบมองเจ้าหน้าที่คนนั้น เขาพยายามตอบคำถามนั้นอย่างใจเย็น
”อะไรนะ?!”
”ซูฉิง เข้าสู่เมืองหลวงแล้ว!”
”ได้ยังไง?!เขาน่าจะอยู่ที่แดนเหนือไม่ใช่หรือ?”
เจ้าหน้าที่ตกใจเมื่อได้ยิน
ท่านฮั่วที่นั่งอยู่ข้างๆและนักปราชญ์ต่างสับสนงุนงง
”ฝ่าบาทนี่ต้องเป็นกับดักแน่!” ท่านฮั่วพูดขึ้นมาหลังจากครุ่นคิด
”ท่านรู้ได้ยังไง?”เมื่อได้ยินเช่นนั้นราชาต้วนก็พยักหน้าและหันไปถามเขาโดยพลัน
”ถ้าข้าเดาถูกล่ะก็นี่ต้องเป็นส่วนหนึ่งของแผนการจาก ฟาง เจิ้งจือ แน่เขาตั้งใจจะหลอกองค์รัชทายาท เขาจึงส่งจดหมายนั้นมาเพื่อที่จะให้พวกเราหยุดองค์รัชทายาท!”
”หยุดองค์รัชทายาทงั้นหรือ?”
”ใช่แล้วตอนนี้มีความเป็นไปได้อยู่สองทาง ทางแรกคือ ฟาง เจิ้งจือ ต้องการใช้กำลังของพวกเราเพื่อจับตัวงค์รัชทายาทและทางที่สอง …” ตอนนี้เองท่านฮั่วลังเลใจเล็กน้อย เขาไม่มั่นใจที่จะพูดต่อ
”ความเป็นไปได้อย่างที่สองคืออะไร?”ราชาต้วนถาม
”ถ้าเป็นคนอื่นเรื่องนี้คงไม่น่าเป็นไปได้แต่ถ้าเป็น ฟาง เจิ้งจือ ล่ะก็มีความเป็นไปได้สูงมาก และมันอาจจะเป็นจริงก็ได้!”
”อาจจะเป็นจริงรึ?ท่านฮั่ว ท่านกำลังหมายถึงอะไร?”
”ฟางเจิ้งจือ ต้องการจะทำให้องค์รัชทายาทอยู่ไม่สุข จากนั้น เมื่ออารมณ์ขององค์รัชทายาทพลุ่งพล่านขึ้นมา เขาก็จะสร้างความผิดพลาดได้ง่ายมากยิ่งขึ้น!”
”หา!”
เจ้าหน้าที่ทุกคนอ้าปากค้างหลังจากได้ยินคำพูดของท่านฮั่ว
ส่งบางคนแสร้งเป็นซู ฉิง เพื่อล่อองค์รัชทายาทให้มาติดกับ
เรื่องแบบนั้น…
ไม่มีใครสามารถคาดคิดได้!
เพราะเรื่องนี่เท่ากับการโกหกสภาหลวงเป็นอาชญากรรมที่หลอกลวงองค์จักรพรรดิแต่ ถ้านี้เป็นแผนการของ ฟาง เจิ้งจือ จริงๆล่ะก็ มันอาจจะเป็นไปได้
”แต่ถ้าจักรพรรดิส่งข้อความไปที่แดนเหนือแผนการของ ฟาง เจิ้งจือ จะสำเร็จงั้นหรือ?”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นมา
”ก่อนวันนี้พวกเรามีใครคิดบ้างว่า ฟาง เจิ้งจือ จะสามารถพลิกคดีของตัวเองได้?”ท่านฮั่วถามขณะมองไปที่เจ้าหน้าที่ แววตาของเขาเปล่งประกาย และพูดต่อไปว่า “พวกเราไม่สามารถเข้าใจ ฟาง เจิ้งจือ ได้หรอก เขาไม่ใช่คนที่คิดอะไรเป็นปกติ!”
”ท่านฮั่วพูดถูก!”
”ตอนนี้เราควรทำยังไงดี?”
”เราควรช่วยเขาไหม?”
เจ้าหน้าที่มองหน้ากันแล้วพยักหน้า
”ช่วยเขาแน่นอนว่าพวกเราจะช่วยเขา!”ราชาต้วนยิ้มขึ้นมา “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา ทำไมเราจะไม่ช่วย?”
”ความคิดของท่านช่างฉลาดนัก!”
”ใช่แล้วถ้าแผนนี้สำเร็จ มันจะเป็นผลดีกับเรา ถ้าไม่เช่นนั้นความผิดทั้งหมดจะถูกโยนไปให้ ฟาง เจิ้งจือ เรื่องนี้จะเอื้อประโยชน์ให้แก่เราทั้งสิ้น และพวกเราไม่มีอะไรต้องเสีย!”
”ถูกต้อง!”
เจ้าหน้าที่พยักหน้าเห็นด้วยอีกครั้ง
แต่ในตอนนั้นเองทหารอีกคนก็รีบวิ่งมาที่นี่ ท่าทีของราชาต้วนเปลี่ยนไป
”ฝ่าของคุณฝ่าของคุณ… ”
”มีอะไรงั้นรึ?”ราชาต้วนเก็บจดหมาย ดวงตาของเขาเยือกเย็นเป็นอย่างมาก เขาได้สั่งว่าวันนี้จะมีงานเลี้ยง ถ้าไม่มีอะไรสำคัญก็ห้ามรบกวน
”ฝ่าบาทหัวหน้าของกองตรวจการทั้งห้าต้องการพบท่าน!”
”หัวหน้าของกองตรวจการทั้งห้า?”
”ใช่แล้วซู ฉิง ตอนนี้อยู่ที่ด้านนอกและต้องการที่จะพบท่าน”
”ซูฉิง? ที่บ้านพักของข้า?”
เพจหลัก: Gate of god TH
ตอนที่ 560 ความจริงเกี่ยวกับการมาถึงของ ซู ฉิง
ราชาต้วนไม่เชื่อว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นเพราะทุกคนกำลังคาดการณ์ว่ามันเป็นแผนของ ฟาง เจิ้งจือ
แล้วทำไมเขาต้องส่งซู ฉิง ตัวปลอมมาที่บ้านเขา?
เป็นไปได้ไหมว่า…
เขาเดินไปรอบๆเมืองเพื่อล่อให้หลิน เทียนหลง โจมตี
ทำไมเขาถึงมาที่นี่กัน?
ไม่เพียงแต่ราชาต้วนที่งงเจ้าหน้าที่คนอื่นๆก็เช่นกัน
”ฟาง เจิ้งจือ ทำอะไรกันแน่?” ราชาต้วนเต็มไปด้วยความสับสนและอึดอัดที่ไม่สามารถอ่านแผนของ ฟาง เจิ้งจือ ได้ออก
”ฝ่าบาททำไมท่านไม่ลองไปคุยกับ ซู ฉิง ดูล่ะ?” ท่านฮั่วแนะนำทันที
”หืมท่านพูดถูก สั่งให้เขารออยู่ที่ห้องหนังสือของข้า” ราชาต้วนพยักหน้า
”รับทราบ!”ทหารคนนั้นรับคำสั่ง
เจ้าหน้าที่ต่างเงียบพวกเขาไม่มั่นใจว่าควรอยู่ที่นี่ต่อหรือไม่
”ทุกท่านโปรดพักอยู่ที่นี่สักครู่ ข้าจะไปกับท่านฮั่วสักครู่ ” ราชาต้วนพูดขึ้นมา
”รับทราบฝ่าบาท!”
”พวกเราจะรออยู่ที่นี่”
ราชาต้วนไม่ลังเลอีกต่อไปเขาเดินออกไปจากห้องด้วยความสงสัย
…
ณที่พักของ ปิง หยาง
ฉือเฮา กำลังพยายามมองให้เห็นความจริงเบื้องหลังความคิดของ ฟาง เจิ้งจือ แต่สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้
เพราะว่า…
ท่าทีของฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เขาทำราวกับตัวเองเป็นผู้สังเหตุการณ์เท่านั้น
แต่ฉือ เฮา เห็นว่า ฟาง เจิ้งจือ เป็นศูนย์กลางของเรื่องนี้
”ข้าจะถามเจ้าอีกครั้งเจ้าให้คนปลอมตัวเป็น ซู ฉิง ใช่หรือไม่?” ฉือ เฮา ถามด้วยความสงสัย
สำหรับปิง หยาง นางเองก็อยากรู้เช่นกัน
”ท่านไม่อยากดื่มชางั้นหรือดีกว่ามานั่งคุยเรื่องอาชญกรกัน?” ฟาง เจิ้งจือ ยกถ้วยชาขึ้นดื่ม ก่อนที่เขาจะยกถ้วยชาและเทให้ เหยียน ซิว
”ฟางเจิ้งจือ ข้าไม่มีเวลามาเล่นเกมกับเจ้า เพีบงบอกมาว่าเจ้าส่งคนไปแอบอ้างเป็น ซู ฉิง หรือไม่?” ฉือ เฮา ร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด
การที่ซู ฉิง มาที่เมืองหลวงนั้นเป็นปัญหาใหญ่
และในฐานะหัวหน้ากองตรวจการศักดิ์สิทธิ์เขารู้ข่าวนี้ช้ากว่าฟาง เจิ้งจือ เขาจะไม่ตกใจได้ยังไง?
เว้นแต่…
เขาได้วางแผนบางอย่างตั้งแต่ก่อนจากมา
กล่าวอีกนัยคือถ้ามีการเคลื่อนไหวของซู ฉิง ในแดนเหนือผู้คนที่นั่นจะแจ้งเขาทันที แต่ความจริงคือ ซู ฉิง ได้เข้าเมืองหลวงแล้ว
”ท่านคิดว่ายังไงละ?”ฟาง เจิ้งจือ ยังคงยิ้ม
”ถ้าเจ้าทำแบบนั้นข้าแนะนำให้เจ้าหยุดทันที แม้ หลิน เทียนหลง จะแพ้วันนี้ แต่เขาไม่ได้โง่ คนที่อยู่กับเขาก็ไม่โง่เช่นกัน!”
”งั้นเหรอ?”
”ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังพยายามทำอะไรแม้เจ้าจะไม่กลัวองค์จักรพรรดิ แล้ว เหวิน ฉวน ล่ะ? สถานการณ์ในตอนนี้เจ้าต้องรักษาความได้เปรียบไปตลอด อย่าทำอะไรที่เป็นเรื่องเสี่ยงๆ…”
”จริงๆแล้วข้าเองก็ไม่ได้สนเรื่องการเมืองเท่าไร”ฟาง เจิ้งจือ โบกมือใส่ ฉือ เฮา
”เจ้าไม่สนใจ?เป็นเจ้าที่เอารัฐมนตรีมากมายออกจากตำแหน่งแล้วไปอยู่ในคุกหรอกหรือ? แต่เจ้ากลับบอกข้าว่าไม่สนเรื่องการเมือง?” ฉือ เฮา ถามด้วยความโกรธ
มันเหมือนคนกำลังกินข้าวอย่างตะกละตะกรามแต่บอกว่าตัวเองไม่หิวใครจะเชื่อ?
”ใช่เป็นข้าเองที่ทำทั้งหมด แต่ข้าไม่สนใจเรื่องการเมืองจริงๆ” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
”…”ฉือ เฮา กำลังจะขยับปาก แต่ก็นึกได้ว่าไม่มีประโชย์ที่จะถามอะไรอีกต่อไป เจ้าบอกว่าเจ้ามีหลักฐานที่ ซู ฉิง ฆ่า ฉาน หลิง ไหนล่ะหลักฐาน? เจ้าบอกข้าได้ไหม?”
”ไม่”ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัว
”งั้นเจ้าบอกอะไรข้าได้บ้าง?”ฉือ เฮา ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
”ข้าไม่ได้บอกสิ่งที่ข้าสามารถบอกได้ไปหมดแล้วหรอกหรือ”ฟาง เจิ้งจือ หยิบชาขึ้นมาจิบอีกครั้ง
”เจ้าบอกอะไรข้า?”ฉือ เฮา สงสัย
”ซูฉิงเข้าสู่เมืองหลวงแล้ว!”ฟาง เจิ้งจือ ถอนหายใจ
”แค่นี้?”
”ใช”
”อะไรคือความแตกต่างระหว่างบอกหรือไม่บอกเรื่องนี้กับข้า?”ฉือ เฮา ถามด้วยความอับอายเล็กน้อย
”เอาล่ะงั้นให้ข้าบอกอะไรบางอย่าง ถ้าข้าเอาไม่ผิด ซู ฉิง น่าจะไปเจอราชาต้วนแล้ว ถ้าท่านอยากรู้ว่าข้าเป็นคนส่ง ซู ฉิง ไปไหม ทำไมไม่ไปที่บ้านของราชาต้วนล่ะ?” ฟาง เจิ้งจือ พูดขึ้นมาด้วยความรำคาญเล็กน้อย
”อยู่ที่บ้านราชาต้วน…เป็นไปไม่ได้?” ท่าทีของ ฉือ เฮา เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก
”ถ้าท่านไม่เชื่อข้าก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว” ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัวอีกครั้ง
”ได้ๆข้าเชื่อเจ้าแล้ว ข้าจะไปที่บ้านราชาต้วนเดี๋ยวนี้!” ฉือ เฮา มอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความจริงจัง ก่อนจะลุกขึ้นทันที ก่อนที่ร่างของเขาจะกลายเป็นแสงแลพุ่งหายไปทันที
”ตอนนี้ฉือ เฮา ไปแล้ว เจ้าบอกข้าสิว่าเจ้าส่งคนไปปลอมเป็น ซู ฉิง ไหม?” ปิง หยาง กระพริบตาก่อนจะถาม ฟาง เจิ้งจือ
”เจ้าคิดแบบนั้นหรือไง?”ฟาง เจิ้งจือ มองไปยัง ปิง หยาง ด้วยความแปลกใจ
”เจ้ายังพูดแบบนั้นอีกหรือ?แม้แต่ ฉือ เฮา ยังไม่รู้ว่า ซู ฉิง มาที่นี่ และทำไมเข้าต้องเข้ามมาที่นี่ด้วย? เขาไม่ได้โง่!” ปิง หยาง พูตามหลักความเป็นจริง
”ใช่เขาไม่ใช่คนโง่ในความเป็นจริงเขาฉลาดมาก!” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าเห็นด้วย
”ใช่เขาจะเข้ามาในเมืองทำไมกัน? เหยียน ซิว ข้าพูดถูกไหม?” ปิง หยาง พูดอย่างมั่นใจ จากนั้นก็หันไปถาม เหยียน ซิว
เหยียนซิว ได้ยินคำถามของ ปิง หยาง เขาคิดสักพักก่อนจะกลับไปนิ่งเฉยแบบเดิม
”ในเมื่อฟาง เจิ้งจือ บอกเขามาที่เมืองหลวง เขาก็น่าจะอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว!” เหยียน ซิว พูดขณะยกชาขึ้นจิบ
”เจ้าเชื่อเรื่องนั้นงั้นหรือ?”ปิง หยาง ไม่อยากจะเชื่อ
”ใช่!”
”ทำไม?”
”เพราะฟาง เจิ้งจือ ไม่เคยโกหก”
”คนที่ไร้ยางอายแบบนี้เนี่ยนะ?…”ปิง หยาง ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี คำพูดของ เหยียน ซิว น่ากลัวไปสำหรับนาง
แต่ทันใดนั้นนางก็นึกได้
ฟางเจิ้งจือ ไม่เคยโกหก…
ทันใดนั้นเองปิง หยาง ก็จ้องเขม็งไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
”แม้เจ้าจะเป็นคนไร้ยางอายแต่เจ้าก็ไม่เคยโกหก?”
”ใช่”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
”งั้น… ซู ฉิง มาที่เมืองหลวงจริงๆ? เป็นไปได้ยังไงกัน?! ทำไม…เขาถึงมาที่เมืองหลวง และมาด้วยความรวดเร็วขนาเนี้?”
ฟางเจิ้งจือ เพียงตอบกลับไป
…
ที่ทางเข้าบ้านของราชาต้วน
ร่างในชุดสีดำสิบร่างยืนอยู่เงียบๆพวกเขาไม่เคลื่อนไหวราวกับเป็นรูปปั้น
”ฝ่าบาทเชิญท่านเข้าไปแล้ว” ทหารพยักหน้าให้
”อืมขอบใจมาก ร่างนั้นพยักหน้า จากนั้นเขาก็เหลือบมองทั้งเก้าร่างด้านหลังเขา
เมื่อพวกเขาเห็นพวกเขาทั้งเก้าคนก็ถอยหลังไปทันที ก่อนจะหายไปกับความมืด ราวกับพวกเขาไม่เคยปรากฎตัวมาก่อน
ทหารตกใจเมื่อเห็นสิ่งนี้
”ข้าจะเข้าไปเอง”
”อา…ได้”ทหารยามพยักหน้าด้วยความลังเล
ร่างสีดำเดินผ่านประตูเข้าไปในห้องหนังสืออย่างช้าๆ
เขาเดินเข้าไปในห้องหนังสือช้าๆ
ใบหน้าของเขถูกปกคุลมด้วยผ้าคลุมสีดำแต่ร้องเท้าที่ทำมาอย่างดีบ่งบอกถึงสถานะของเขาได้เป็นอย่างดี
”ซูฉิง ขอทักทายฝ่าบาทและท่านฮั่ว” ร่างนั้นทักทายทั้งคู่ในทันที
”โอ้?่ในฐานะของหัวหน้ากองตรวจการทั้งห้า ท่านไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นกับข้าหรอก!” ท่านฮั่วพูดตอบกลับ
”สำหรับท่านข้าก็เป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่ระดับสี่เหมือนเดิมท่านเป็นผู้อาวุโสที่ข้าเคารพ!”
”ข้าไม่สมควรได้รับคำชมหรอกนอกจากนี้ เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นใช่ไหม?” ท่านฮั่วเผยรอยยิ้มอันบิดเบี้ยว
”ดูเหมือนว่าท่านจะไม่เชื่อว่านี่เป็นตัวตนที่แท้จริงของข้า?”ดวงตาของ ซู ฉิง เป็นประกายภายใต้ผ้าคลุมสีดำ
”ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าพยายามจะพูด”ท่านฮั่ว ตอบ ก่อนที่จะมองดู ซู ฉิง อย่างเย็นชา
ราชาต้วนเองก็เหลือบมองซู ฉิง ด้วยเช่นกัน ตั้งแต่ ซู ฉิง เข้ามาในห้อง เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย
ซูฉิง ไม่ตอบ เขาแค่ถอดผ้าคุลมออก
ใบหน้าอันอ่อนเยาว์ถูกเปิดเผยออกมาเป็น ซู ฉิง จริงๆ
ท่านฮั่วมองไปที่ซู ฉิง ด้วยความกังวล
”ฝ่าบาท ถึงแม้ข้าจะติดตามองค์รัชทายาทมาหลายปี แต่จุดประสงค์ของข้ายังคงเป็นทำงานเพื่อฝ่าบาทเท่านั้น แต่ข้าเกรงว่าองค์รัชทายาทอาจจะสงสัย ข้าเลยไม่ได้มาเยี่ยมหรือส่งจดหมายให้ท่าน ฝ่าบาทคิดว่าข้าเป็นคนที่ร้ายกาจจริงๆงั้นหรือ?” ซู ฉิง พูดออกมาดวยความเศร้า
”ข้าไม่เข้าใจเรื่องที่เจ้าพูด!”ท่าทีของราชาต้วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนเขาจะส่ายหัว
”ฝ่าบาท!คุณจำแหวนหยกนี้ได้หรือไม่? ท่านมอบให้ข้าครั้งแรกที่เราพบกัน สามปีที่แล้ว ท่านให้ข้าเข้ามาในสภานี้ ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ข้าจะมีความสำเร็จวันนี้ได้เยี่ยงไรกัน?” ซู ฉิง พูดก่อนจะเอาแหวนหยกที่เก็บไว้ออกมา
”เจ้า…ซูฉิง จริงๆงั้นหรือ?” ราชาต้วนจ้องมองที่แหวนหยก ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปทันที
แน่นอนว่าเขาจำได้ว่าเขาได้มอบของขวัญให้ซู ฉิง และะที่สำคัญ ซู ฉิง ได้กล่าวถึงเรื่องเมื่อสามปีที่แล้ว…
ในเวลานั้น…
ฟางเจิ้งจือ ยังไม่ได้เข้ารวมการทดสอบกฎแห่งเต๋าด้วยซ้ำ!
เพจหลัก: Gate of god TH