Gate of God - ตอนที่ 561-562
ตอนที่ 561 กำจัด หลิน เทียนหลง
”ขอรับฝ่าบาทข้าคือ ซู ฉิง !”ซู ฉิง พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงและพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาท โปรดช่วยข้าด้วย!”
”ช่วยเจ้า?”ดวงตาของราชาต้วนจ้องไปที่ซู ฉิง ในตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้าก็คือ ซู ฉิง
แต่ถ้าเป็นเขาจริง…
ทำไมเขาถึงปรากฏตัวขึ้นในเมืองเหยียน?
หรือเขาแค่บังเอิญมาที่เมืองเหยียนในเวลานี้?ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลย
ท่านฮั่วขมวดคิ้วเมื่อเห็นซู ฉิง คุกเข่าลงไป เขาจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของ ซู ฉิง เพื่อค้นหาความจริง
แต่ซู ฉิง ไม่มีท่าทีที่ผิดปกติเลยแม้แต่น้อย
ท่านฮั่วไม่สามารถเข้าใจได้แต่เขาก็รู้สึกว่าการที่ ซู ฉิง มาถึงเมืองเหยียนในเวลาแบบนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่
”ฝ่าบาทฉือ เฮา ต้องการพบท่านขอรับ!”ในตอนนั้นเอง เสียงก็ดังขึ้นมาจากด้านนอก
”ฉือเฮา?”ราชาต้วนแข็งค้าง เขาจ้องมองไปที่ ซู ฉิง และลังเลใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถามว่า “โอเคไหม?”
”ข้าไม่เป็นไรฉือ เฮา ก็เป็นคนของท่านเช่นกัน”ซู ฉิง พยักหน้า
”เอาล่ะให้เขาเข้ามา!”
”รับทราบ!”
…
ที่บ้านของปิง หยาง…
ฟางเจิ้งจือ ยกถ้วยน้ำชาของเขาขึ้นมาและจิบมันเล็กน้อย จากนั้นก็เผยรอยยิ้มขึ้น เขามองไปที่ ปิง หยาง ที่กำลังสับสนและส่ายหัวให้กับนางอย่างระเหี่ยใจ
บางสิ่งที่ดูซับซ้อนตั้งแต่แรกเห็นนั้นแต่เมื่อมองจากมุมอื่นแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น
”เจ้าอยากรู้ไหมว่าทำไมซู ฉิง ถึงมาที่เมืองหลวง?” ฟาง เจิ้งจือ ถาม
”อยากสิ…แต่เดี๋ยวก่อน เจ้าจะหลอกข้าอีกแล้วใช่ไหม?”ปิง หยาง พยักหน้า แต่นางมองไปที่รอยยิ้มของ ฟาง เจิ้งจือ
”แล้วเจ้าอยากฟังไหมล่ะ?”ฟาง เจิ้งจือ ถามลอยๆ
”อยาก!”ปิงหยาง กัดริมฝีปากแน่นก่อนตอบออกไป
”100,000เหรียญเงิน”
”ได้!”
”เอาล่ะก่อนอื่นเลยลองนึกภาพว่าเจ้าคือ ซู ฉิง ถ้าเจ้าได้ยินว่า ข้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าจะคิดยังไง?”ฟาง เจิ้งจือ ถามหลังจากที่ได้ยิน ปิง หยาง ตอบตกลง
”ก็ต้องคิดเกี่ยวกับการฆ่าเจ้าอย่างแน่นอน!”ปิงหยาง ตอบอย่างไม่ลังเล
”เจ้าจะฆ่าข้าได้ยังไง?”ฟางเจิ้งจือ ถามอีกครั้ง
”ก็คงจะดีถ้าได้ลงโทษอาชญากรแบบเจ้าและฆ่าเจ้าต่อหน้าผู้คนแต่ถ้าทำไม่ได้ ข้าก็อาจจะไปลอบสังหารเจ้าแทน”ปิง หยาง ตอบหลังจากคิดบางอย่าง
”ถูกต้อง!ตอนนี้ เจ้าคิดว่า ซู ฉิง จะยังอยู่ที่แดนเหนือหรือไม่ ถ้าเขาต้องการจะฆ่าข้า?”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าและถามนางออกไป
”นี่เจ้า…กำลังจะบอกว่า ซู ฉิง เดินทางออกจากแดนเหนือตั้งนานแล้วงั้นเหรอ?!”แววตาของ ปิง หยาง สว่างขึ้นทันที
”ใช่แล้วซู ฉิง ค่อนข้างฉลาด ในเมื่อเขาต้องการจะฆ่าข้า โดยปกติแล้วเขาไม่สามารถรออยู่เฉยๆที่แดนเหนือได้ เพราะว่าการที่จะควบคุมสิ่งต่างๆได้ระหว่างอยู่ที่นี่กับอยู่ที่แดนเหนือนั้นมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง” ฟาง เจิ้งจือ พูดอย่างตรงไปตรงมา
”ถ้างั้นซู ฉิง อยู่ที่เมืองเหยียนตั้งแต่แรกงั้นเหรอ?”
”ก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่แน่ใจแต่ตอนนี้ข้ามั่นใจว่าเขามาถึงที่เมืองเหยียนพร้อมๆกับข้า” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
”แต่เขาไม่กลัวการลงโทษที่ทิ้งหน้าที่งั้นเหรอ?”
”เจ้าคิดว่าในหนึ่งปีที่ผ่านมา ซู ฉิง จะไม่ทำอะไรไว้ในดินแดนทางเหนือเลยงั้นหรือ?การที่ ฉือ เฮา เดินทางออกจากดินแดนทางเหนือ มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ ซู ฉิง จะทำบางอย่าง”
”อืมนั่นก็จริง แต่ …ทำไมเขาเลือกที่จะเปิดเผยตัวออกมาในตอนนี้ล่ะ?”ปิง หยาง พยักหน้าแล้วถามอีกครั้ง
”เพราะเขารู้ว่าองค์รัชทายาทต้องการที่จะฆ่าเขา”ฟาง เจิ้งจือ ตอบกลับ
”พี่สามต้องการฆ่าซู ฉิง? จริงเหรอ แต่มันเกี่ยวอะไรกันกับการที่เขาเปิดเผยตัวขึ้นมาตอนนี้ล่ะ?”ไอรีนโนเวล
”ถ้าซู ฉิง ไม่เปิดเผยตัวเองออกมา สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็มีอยู่สองทางอย่างแรกคือองค์รัชทายาทส่งคนไปฆ่าเขาที่ดินแดนทางเหนือ ประการที่สองคือองค์รัชทายาทให้เขาเข้ามาในเมืองและลอบโจมตี! ดังนั้น ซู ฉิง จึงไม่มีทางเลือก” ฟาง เจิ้งจือ เผยยิ้มเล็กน้อย
ไม่เคยมีการถอนสิทธิ์ในการชิงบัลลังก์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยตำแหน่งองค์รัชทายาทของ หลิน เทียนหลง ทำไมเขาต้องเสี่ยงกับเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียวด้วย?
สำหรับองค์รัชทายาทเจ้าหน้าที่ทุกคนเป็นเพียงเครื่องมือของเขาไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับไหน ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนสามารถขัดคำสั่งของเขาได้
”เจ้าหมายความว่าซู ฉิง ต้องการจู่โจมก่อน เพื่อที่เขาจะได้ได้เปรียบ? แต่เจ้ารู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่ที่บ้านของพี่หกแล้ว?” ปิง หยาง ดูเหมือนจะเข้าใจพร้อมกับสับสนเช่นกัน
”เพราะในใจของเขาผู้ที่สามารถปกป้องเขาได้ตอนนี้มีแต่ราชาต้วน!”
”เขาต้องไปหาพี่หกแน่นอนใช่ไหม?”
”ใช่”
”ข้าเข้าใจแล้วแต่มีเรื่องที่ข้าสงสัยอยู่ดี แม้เจ้าจะรู้ว่า ซู ฉิง อยู่ในเมืองหลวง เจ้าจะรู้ได้ยังไงว่าเขาจะเผยตัววันนี้?” ปิง หยาง ยังคงมีข้อสงสัยในใจ
”แสนเหรียญเงิน!”
”อีกแล้ว?!”ปิง หยาง ถามออกมาอย่างหงุดหงิด
”เจ้าจะให้ข้าไหมล่ะ?”ฟาง เจิ้งจือ ถามกลับ
”ข้าให้แน่นอนข้าจะบดขยี้เจ้าให้เละด้วยเงินเสียเลย!” ปิง หยาง บ่น
”ฮ่าฮ่าตามใจเจ้า มันง่ายมาก ซู ฉิง เป็นคนพูดเอง!” ฟาง เจิ้งจือ หัวเราะ
”เขาพูดอย่างนั้นเหรอ!”
”ใช่ซู ฉิง ส่งบางคนไปแจ้ง เหวิน ฉวน จากนั้นก็ใช้ชื่อ เหวิน ฉวน ส่งจดหมายไปให้ราชาต้วนและ หลิน เทียนหลง
”ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น?”
”มันเป็นวิธีเดียวที่เขาจะรอดเขาต้องหลอกให้ หลิน เทียนหลง คิดว่ามันเป็นของปลอม วิธีที่ดีที่สุดคือส่งจดหมายไปหาเขา แน่นอนว่า หลิน เทียนหลง จะต้องสงสัยและส่งคนไปสืบที่แดนเหนือแน่นอน มันจะทำให้ ซู ฉิง มีเวลาพอที่จะเคลื่อนไหวได้”
”ซูฉิง ฉลาดจริงๆ! แล้วถ้าอย่างงั้น…เจ้าจะทำยังไงต่อ?” ปิง หยาง ยังคงสงสัย
”ข้าก็จะตามน้ำไปก่อน!”ฟาง เจิ้งจือ พูดออกมาตรงๆ
…
ในห้องหนังสือของราชาต้วน
ซูฉิง ลุกขึ้น แต่เขาไม่ได้นั่งบนเก้าอี้ เขายืนอย่างเคารพขณะที่เผชิญหน้ากับ ท่าน ฮั่ว, ฉือ เฮา และราชาต้วน
ราชาต้วนและท่านฮั่วยังคงเงียบ
ฉือเฮา นั่งอยู่บนเก้าอี้ นิ้วของเขาเคาะไปที่เก้าอี้เบ้าๆ คิ้วของเขาขมวดเป็นปม
”ท่านฉือ เฮา มีคำถามอะไรอีกหรือไม่?” หลังจากลังเลสักพัก ในที่สุด ซู ฉิง ก็ถามขึ้นมา
”ไม่”ฉือ เฮา ส่ายหัวของเขา
ในความเป็นจริงตั้งแต่เขาเข้ามาในห้อง เขาก็สามารถยืนยันตัวตนของ ซู ฉิง ได้
”มันเป็นเกียรติของข้ายิ่งนักที่ได้ทำงานกับท่าน!”
”เก็บเรื่องไร้สาระไว้เถอะข้ารู้ดีที่สุดว่าเจ้าได้ทำอะไรที่แดนเหนือในหนึ่งปีที่ผ่านมา แต่จากที่เจ้าพูด เจ้าจะทำให้องค์รัชทายาทกลายเป็นผู้ต้องหาที่แท้จริงของคดีดินแดนภูเขาทางใต้ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?” ฉือ เฮา ถามอย่างตรงไปตรงมา
”ถ้าข้าบอกว่าสามารถทำได้ท่านจะเชื่อข้าไหม?” ซู ฉิง ยิ้ม
”แน่นอนว่าไม่แม้สถานการณ์ตอนนี้พวกเรายังได้เปรียบอยู่ แต่ตราบใดที่องค์จักรพรรดิยังคงโปรดปรานเขา บัลลังก์ก็คงต้องเป็นของเขาในอนาคต!” ฉือ เฮา พูดอย่างมั่นใจ
”ท่านพูดถูกแต่ไม่มีสิ่งใดในโลกที่มั่นคงเสมอไป อย่างที่ท่านได้บอก ตอนนี้องค์จักรพรรดิยังโปรดปรานเขาอยู่ แต่ถ้าองค์จักรพรรดิไม่โปรดปรานเขาแล้วล่ะ?”
”หมายความว่าอะไร?”
”ข้ามีแผนกำจัดองค์รัชทายาทหรือก็คือข้าจะทำให้ท่านสามารถควบคุมสภาและมีความมั่นคงในตำแหน่งของท่านได้!” ซู ฉิง กล่าวด้วยความเชื่อมั่น
”กำจัดองค์รัชทายาทในทันที?” ฉือ เฮา สับสน
แม้ว่าในประวัติศาสตร์จะมีการยึดคืนตำแหน่งองค์รัชทายาทมากมายแต่มันก็ถือเป็นเรื่องใหญ่มากที่จะทำได้
และ…
ที่สำคัญจากท่าทีขององค์จักรพรรดิในวันนี้…
เขายังคงโปรดปรานองค์รัชทายาทอยู่นี่หมายความว่าเขายังคงฝากความหวังไว้ที่ หลิน เทียนหลง แล้วพวกเขาจะกำจัด หลิน เทียนหลง ออกไปได้ยังไง?
ฉือเฮา ไม่อยากเชื่อ
ที่จริงแม้แต่ท่านฮั่วและราชาต้วนก็ไม่เชื่อ
”ซู ฉิง เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ต้องการฟังคำสัญญาลอยๆ และด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ข้าไม่ต้องการเสี่ยงอะไรทั้งนั้น” ราชาต้วนพูด
”ฝ่าบาทโปรดมั่นใจแผนนี้ไม่มีความเสี่ยงอะไรทั้งนั้น” ซู ฉิง แนะนำ
”เจ้าสามารถจัดการองค์รัชทายาทโดยไม่มีความเสี่ยงงั้นรึ?”ท่านฮั่ว ถามขึ้นมาโดยไม่เชื่ออีกครั้ง
”ใช่”ซู ฉิง พยักหน้า
”งั้นให้พวกเราฟังแผนการของเจ้า”ท่านฮั่วขมวดคิ้ว เขาคิดเสมอว่าแผนการของตัวเองนั้นดีเยี่ยม แต่สุดท้ายเขาก็เป็นได้แค่ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์
เมื่อสองปีก่อนซู ฉิง ได้รับความไว้วางใจจากราชาต้วน แต่ตอนนั้นเขาเป็นแค่เจ้าหน้าที่ระดับสี่
ตอนนั้นท่านฮั่วไม่ได้อะไรกับ ซู ฉิง มากนัก
แต่…
ปีที่แล้วซู ฉิง กลับมาจากแดนใต้ เขากระโดดจากเจ้าหน้าที่ระดับสี่กลายเป็นหัวหน้าของห้ากองตรวจการในแดนเหนือ
ท่านฮั่วจะไม่อิจฉาได้ยังไง?
และตอนนี้ซู ฉิง ได้ก้าวเข้ามาในที่พักของราชาต้วน พร้อมกับบอกว่ามีแผนกำจัด หลิน เทียนหลง
เขาจะเชื่อเรื่องนี้ได้ยังไง?
เพจหลัก: Gate of god TH
ตอนที่ 562 บรรยากาศที่เปลี่ยนไป
”ท่านฮั่วท่านไม่ต้องกังวล รออีกเพียงสามวันเท่านั้น!”ซู ฉิง ส่ายหัว
”สามวัน?!”ท่านฮั่วหันไปมองที่ราชาต้วนและฉือ เฮาเขากัดฟันแน่นและตอบกลับ “เอาล่ะ พวกเราจะรออีกสามวัน แต่ถ้าเจ้าทำตามสัญญานั้นไม่ได้ล่ะ?”
”ข้าจะทำทุกอย่างตามที่ท่านต้องการ!”ซูฉิง ยิ้มออกมา
…
ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีดาวเต็มฟ้าแสงของมันส่องประกายระยิบระยับเบื้องล่าง ณ ทางเข้าบ้านพักของ ปิง หยาง
”นายน้อยฟางท่านจะไปแล้วหรือ?”
”ใช่”
”ท่านต้องการทหารคุ้มกันหรือไม่?”ทหารยามที่ทางเข้าเงยหน้ามองดวงดาวและเอ่ยถามด้วยความกังวล
”ไม่”
”รับทราบนายน้อยฟาง ระวังตัวด้วย”
”ขอบคุณ”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าและออกจากบ้าน
ทหารยามต่างมองหน้ากันแต่ไม่มีใครคิดจะบอก ปิง หยาง
เพราะว่านี่เป็นคำสั่งของปิง หยาง
ฟางเจิ้งจือ สามารถเข้าออกบ้านของ ปิง หยาง ตามแต่ที่เขาต้องการ
ฟางเจิ้งจือ ค่อยๆเดินหายไปจากบ้านพัก ปิง หยางตอนนั้นเอง ก็มีร่างๆหนึ่งกระโดดลงมาจากหลังคาบ้าน
”นายท่าน!”ร่างนั้นเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นริมฝีปากที่งดงามแม้ว่าร่างของนางจะกำลังสั่นเท่าก็ตาม
ฉิงยี่ ผู้ที่เผชิญหน้ากับ ฉือ เฮา ที่หมู่บ้านภูเขาทางเหนือ
”ทำไมเรียกข้าออกมาในคืนนี้?”ฟางเจิ้งจือ ถามหลังจากที่มอง ฉิง ยี่
”นายหญิงได้มาถึงแล้วนางอยากจะพบท่าน”
”วู่จวี้เอ๋อ?!”ฟาง เจิ้งจือ ถามด้วยความประหลาดใจ
”ใช่!”ฉิงยี่ พยักหน้า
”ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้บอกว่านางจะไม่เข้ามาในเมืองหลวงอีกงั้นหรือ?มันดีแล้วหรือที่จะมานัดเจอกันในเวลาแบบนี้?”ฟาง เจิ้งจือ บ่นด้วยความรำคาญ
ฉิงยี่ นิ่งงันไปทันที
ถ้ามีคนอื่นถามเรื่องเรื่องนี้นางจะแทงเขาที่หัวใจให้ตายเสียตรงนี้
แต่ถ้าฟาง เจิ้งจือ ถามนางจึงไม่แปลกใจนัก
”นายท่านตามข้ามา!”
”อืม”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าและตาม ฉิง ยี่ ไป พวกเขาเดินไปหยุดที่หน้าร้านอาหาร
ฟางเจิ้งจือ เคยมาที่นี่แล้ว
ภัตราคารหอมหวล
ร้านที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองเหยียนมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานจนกลายเป็นที่รวมตัวของเหล่าชนชั้นสูงทั้งยังเป็นร้านที่ ปิง หยาง ชื่นชอบ
แน่นอนว่านั่นก็ผ่านมานานแล้วตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ เดินเข้ามาแล้วรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง
อย่างเช่นเมื่อตอนนั้นที่เขาเข้ามาแล้วได้รับการต้อนรับจากเด็กเสิร์ฟแต่ในตอนนี้เป็นการต้อนรับการกลับมาของเจ้าของร้านที่หายไปนาน
”ยินดีต้อนรับนายท่าน!”เจ้าของร้านเห็น ฟาง เจิ้งจือ และทักทายด้วยความนับถืออย่างที่สุด
”ภัตราคารหอมหวลเป็นร้านของผู้หญิงคนนั้นด้วยงั้นเหรอ?”ฟาง เจิ้งจือ ผงะเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดเบาๆ “อืม เห็นได้ชัดเลยว่านางนะช่างชอบความคึกคัก แต่ถ้ามองถึงค่าอาหารของที่นี่แล้วมันช่างสิ้นเปลือง”
”แค่ก!”
ตอนที่ฟาง เจิ้งจือ พูดจบนั้นแอง ได้มีเสียงไอมาจากด้านบนพร้อมกับเสียงแจกันตก
”โอช่างหูดีอะไรขนาดนี้แค่นี้ก็ยังได้ยิน?” ฟาง เจิ้งจือ ขยับไปด้านข้างทันที จากนั้นเขาก็มองไปด้านบนบริเวณหน้าต่างที่เปิดออกด้วยความระแวง
เจ้าของตกตะลึงเขาเหลือบมองไปด้านบนด้วยความกลัว ก่อนจะไม่ลังเลพา ฟาง เจิ้งจือ เข้าไปในร้านอาหาร
”เชิญท่าน”
”อืม”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าก่อนจะตามเจ้าของร้านอาหารเข้าไป
โดยปกติค่ำคืนในเมืองหลวงเต็มไปด้วยความคึกคัก
ต่างจากในร้านอาหาร
ร้านอาหารจะคึกคักในตอนเช้าถึงบ่ายก่อนจะเงียบลงในตอนดึกที่ร้านใกล้จะปิด ไม่มีใครมากินอาหารในช่วงนี้
ฉิงยี่ ไม่ได้ตาม ฟาง เจิ้งจือ เข้าไปในร้านอาหาร แต่เขากลับพุ่งตัวหายไปในความมืด
เจ้าของร้านพาฟาง เจิ้งจือ ไปนั่งในศาลาที่ตกแต่งอย่างงดงาม
”พวกเรามาถึงแล้ว”เจ้าของร้านก้มหัว
”อืมเจ้าไปได้แล้ว” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
”รับทราบ!”เจ้าของตอบพร้อมกับถอยตัวออกไป
ฟางเจิ้งจือ เปิดประตูและเดินเข้าไป
ในศาลามีหญิงสาวนางหนึ่งนั่งอยู่นางสวมระโปรงยาว ผิวของนางงดงาม หน้าของนางก็สมบูรณ์แบบเช่นกัน
ผู้นำนิกายเงาคนปัจจุบันวู่ จวี้เอ๋อ
”เจ้าไม่ได้บอกว่าจะไม่เข้าเมืองหรอกเหรอ?”ฟางเจิ้งจือ ลืมเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นไปและเบะปากถามอย่างรังเกียจ
”ข้าบอก!แล้วเจ้าล่ะ ที่บอกว่าจะไม่ทำตัวเด่น?”วู่ จวี้เอ๋อ ยิ้มเล็กน้อย นางไม่คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ ลืมสิ่งที่เกิดขึ้น
ฟางเจิ้งจือ ไม่รู้สึกอะไรกับท่าทีเช่นนี้ของ วู่ จวี้เอ๋อ เขาใช้เวลาอยู่กับนางถึงหนึ่งปี เขาคงจะมองการกระทำของนางออกอยู่แล้ว
เขาเป็นคนเดียวที่รู่ว่าวู่ จวี้เอ๋อ ไม่มีทางแสดงท่าทีแบบนี้กับใคร
ความฉลาดของนางนั้นแตกต่างกับฉือ กูเหยียน หรือ หยุน ชิงวู เป็นอย่างมาก
พวกนางนั้นมักทำอะไรอย่างเปิดเผย
แต่วู่ จวี้้เอ๋อ นั้นต่างออกไป
นางชอบความบาดหมางนางชอบดูคนต่อสู้กันและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
มันไม่น่าสนใจหรอกหรือ?ยกตัวอย่างสงครามแดนใต้ ทุกฝ่ายต่างวุ่นวายอยู่กับการต่อสู้
สุดท้ายฟาง เจิ้งจือ ก็หายตัวไปอย่างร่องรอย…แน่นอนว่า วู่ จวี้เอ๋อ ต้องฉกฉวยผลประโยชน์
นอกจากนี้ผู้หญิงคนนี้หลบซ่อนในสถานที่ลับของตัวเองแม้จะเป็น ฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่รู้ว่านางมีสถานที่แบบนั้นมากแค่ไหน
ยกตัวอย่างเช่นภัตราคารแห่งนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะวู่ จวี้เอ๋อ ให้เขามาพบที่นี่ เขาก็ยังไม่รู้ว่าภัตราคารหอมหวลเองก็เป็นสถานที่ของนิกายเงา
สำหรับผู้หญิงที่มักซ่อนอยู่ในเงามืดแบบนั้นฟาง เจิ้งจือ จะเชื่อในความอ่อนโยนของนางได้อย่างไร?
”ข้ารีบเกินไปรึ?”ฟางเจิ้งจือ พูด
”แล้วเจ้าไม่คิดอย่างนั้นรึไง?การเข้ามาในเมืองเหยียนโดยไม่ได้เตรียมตัวก่อน เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันอันตรายแค่ไหน?” วู่ จวี้เอ๋อ ต่อว่า ฟาง เจิ้งจือจากนั้นนางก็รินชาให้ ฟาง เจิ้งจือ “ชาที่เจ้าโปรดปราน”
”อันตราย?ข้าไม่คิดอย่างนั้น” ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัวแล้วจิบชา “ความจริงแล้ว ชาของที่นี่รสชาติไม่เลวเลย”
”ดีกว่าของข้างั้นเหรอ?”วู่จวี้เอ๋อ ยิ้ม
”ฮ่าฮ่า…บอกข้าหน่อยว่าอะไรทำให้เจ้ามาที่นี่?”ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มพร้อมถาม เขารู้ดีว่าเจ้าของร้านของแย่แน่ถ้าเขาตอบไปว่า “ใช่”
”แน่นอว่าเพื่อมาช่วยเจ้า” วู่ จวี้เอ๋อ ยิ้มด้วยความรัก
”เจ้าจะช่วยข้ายังไง?”ฟางเจิ้งจือ ค่อยๆนั่งลง
”เจ้าอยากให้ข้าช่วยยังไงล่ะ?”วู่จวี้เอ๋อ ถกกระโปรงขึ้น เผยให้เห็นขาอ่อนที่นวลนุ่มของนาง
”นอกจากการรวบรวมข่าวสารความสามารถที่สำคัญของนิกายเงาก็แค่การกระจายข่าวออกไป เจ้าหน้าที่กฎหมาย เหวิน ฉวน มีคำสารภาพที่เขียนด้วยลายมือของ ซู ฉิง เจ้าเผยแพร่คำสารภาพนี้ไปทั่วเมืองในเช้าวันพรุ่งนี้ได้หรือไม่?”ฟาง เจิ้งจือ กล่าวออกมา
”พรุ่งนี้ตอนเช้า?”วู่จวี้เอ๋อ ดูอึกอักเล็กน้อย
ในฐานะผู้นำของนิกายเงานางไม่ได้เป็นคนที่ไม่รอบคอบอย่าง ฟาง เจิ้งจือ ในทางตรงกันข้าม ภายใต้การควบคุมของนาง ทำให้นิกายเงาเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และที่สำคัญที่สุด…
วู่จวี้เอ๋อ รู้ถึงลำดับความสำคัญเป็นอย่างดี
หรือก็คือในการทำงานนางไม่เคยลังเลใจแม้แต่น้อย การทำงานให้สมบูรณ์แบบนั้นคือตัวตนของนาง
”มีปัญหาอะไรไหม?”
”ไม่ข้าขอตัวล่ะ” วู่ จวี้เอ๋อ ยืนขึ้นแล้วเดินไปที่ประตู
”รอเดี๋ยวเจ้ามีข่าวคราวของ หนานกง มู่ ไหม?”ฟาง เจิ้งจือ ถามขึ้นขณะที่ วู่ จวี้เอ๋อ อยู่ที่ประตู
”ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนหนานกง มู่ จะมาถึงที่เมืองเหยียนในวันพรุ่งนี้และเข้าร่วมการทดสอบระดับจักรพรรดิเท่าที่รู้ ความสามารถของเขายังไม่เท่า หนานกง เฮา แต่เรื่องนี้คงดีกว่า ถ้าเจ้าได้รู้ด้วยตัวเอง”วู่ จวี้เอ๋อ เดินออกไป
”ข้าต้องรู้เองเหรอ?”ฟางเจิ้งจือ มองไปที่นอกหน้าต่าง แล้วยิ้มเยาะ แววตาของเขาสว่างขึ้น ทุกคนต้องตกใจถ้าได้เห็นแววตานี้
เพราะมันผ่านมามากกว่าหนึ่งปีแล้วที่แววตาของใครบางคนเปล่งประกายอย่างงดงามเช่นนี้
และชื่อนั้นคือ…
ฉือกูเหยียน!
เพจหลัก: Gate of god TH