Gate of God - ตอนที่ 574 นางเป็นคนเริ่ม
ตอนที่ 574 นางเป็นคนเริ่ม
”เป็นแบบนี้ได้ยังไง?เขาไม่ได้ไร้พลัง?”
ปิงหยาง จ้องไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
ก่อนหน้านี้นางคิดว่าฟาง เจิ้งจือ ทั้งเย่อหยิ่ง กล้าบ้าบิ่นและไร้เดียงสา เขากำลังต่อรองกับพ่อของนาง!
อย่างไรก็ตามปิง หยาง รู้สึกคาดไม่ถึง
คนที่ไม่แข็งแกร่งมักทำท่าทีหยิ่งผยองเพื่อหลอกให้ผู้คนเชื่อว่าตนนั้นไม่ได้อ่อนแออย่างไรก็ตาม ถ้าคนๆนั้นแข็งแกร่งล่ะ?
เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
มันผิดหมด!
ทุกอย่างมันผิดไปหมด!
ไม่เพียงแต่นางทุกคนในห้องนี้ทั้งองค์รัชทายาท ราชาต้วน องค์จักรพรรดิ ล้วนเข้าใจผิดกันหมด
”เจ้าไร้ยางอายคนมีความสามารถพอที่จะต่อรองเขาต่อรองกับท่านพ่อ เจ้าหน้าที่ระดับสาม?เขาควรจะเป็นถึงรัฐมนตรีด้วยซ้ำ! ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นแผนของเขาจริงๆ พวกเราต้องคุยกันหน่อยแล้ว!”
จากนั้นปิง หยาง ก็เดินไปหา ฟาง เจิ้งจือ
นางอยากเห็นความสามารถของเจ้าไร้ยางอายชัดๆนางอยากรู้ว่าเขาแข็งแกร่งเท่ากับที่นางคิดหรือไม่
แก้มสีแดงจากอาการเมาค่อยๆหายไปอย่างไรก็ตามดูเหมือนนางจะไม่รู้ตัวเลยว่านางได้เข้าเข้าไปใกล้เกินไป ใบหน้าของนางแทบจะชิดกับ ฟาง เจิ้งจือ
ฉากนี้…
ทุกคนต่างจ้องมองตาม
พวกเขาต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นพวกเขาเห็นองค์หญิง ปิง หยาง เข้าไปใกล้ ฟาง เจิ้งจือ มากขึ้นเรื่อยๆ
และยิ่งใกล้ขึ้นอีก…
”ช่างน่าอายจริงๆ!”
ถ้าคนที่ทำเรื่องนี้เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ปิง หยาง พวกเขาคงตะโกนกันลั่นไปแล้ว
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่กล้า!
เพราะว่านางคือปิง หยาง นางเป็นที่รักขององค์จักรพรรดิ และที่สำคัญองค์จักรพรรดิเองก็ยืนอยู่ด้วย
”ชายคนนี้ทำให้องค์หญิง… ”
”ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขากล้าต่อรองกับองค์จักรพรรดิและแสดงความไม่พอใจต่อตำแหน่งที่ได้รับเขาไม่ได้สนใจองค์รัชทายาทแม้แต่น้อย! ”
”ในตอนที่ฟาง เจิ้งจือ อยู่ที่บ้านพัก ปิง หยางถ้าเขาคิดจะทำอะไรแบบนี้กับองค์หญิง มันช่างไร้ยางอายมาก องค์หญิงยังไม่ได้แต่งงานด้วยซ้ำ!”
”ข้าคิดว่าเขาคงไม่ทำเช่นนั้นหรอกใช่ไหม?”
ความคิดเหล่านี้เข้ามาในหัวของพวกเขาจากนั้นพวกเขาก็มองไปที่ฟาง เจิ้งจือ อีกครั้งด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป
ชายที่ไร่ยางอายกล้าหลอกจิตใจที่บริสุทธิ์ขององค์หญิงปิง หยาง!
”ฟางเจิ้งจือ เจ้ากล้า…” หลิน เทียนหลง อยากจะพูดออกไป แต่มีสายของสภาจับจ้องอยู่มากมาย
แววตาคู่หนึ่งเหล่มองปิง หยาง ในขณะที่กำมือแน่น
ถ้าหาก…
ฟางเจิ้งจือ และ ปิง หยาง มีความสัมพันธ์เช่นนั้นกันจริงๆ
เขาจะไม่สามารถทำอะไรกับฟาง เจิ้งจือ ได้อีก เพราะองค์จักรพรรดิจะไม่ยอมให้ ปิง หยาง ต้องด่างพร้อยแน่
กลายเป็นหญิงม่าย?
ไม่มีทาง!
ทั่วบริเวณกลับเงียบลงชั่วขณะ
หลินมู่ไป รู้สึกหมดคำพูดท่าทีของเขาแปลกไป แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
ในฐานะพ่อ!
เขาพยายามมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับปิง หยาง
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดเลยว่า ปิง หยาง จะหลงรัก ฟาง เจิ้งจือ ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้
”ลูกของข้ายังเด็ก!ข้ายังอยากให้นางอยู่กับข้า ผ่านไปไม่กี่ปี เจ้ากล้าดียังไง…”หลิน มู่ไป่ คิดอยู่ในใจแต่ไม่สามารถพูดออกมาได้
นั่นเป็นเพราะปิง หยาง เป็นคนเข้าไปหา ฟาง เจิ้งจือ อย่างเห็นได้ชัด
หรือก็คือ…
ลูกสาวที่เขารักเป็นคนเริ่มก่อนถ้าเขาบังคับให้นางหยุดตอนนี้ …
การแต่งงานในกลุ่มชนชั้นสูง
มันเป็นสิ่งที่ซับซ้อนมาตลอด
บางครั้งก็ทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจบางครั้งก็ทำเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ
แน่นอนว่าหลิน มู่ไป่ ไม่คิดจะใช้ ปิง หยาง ทำเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองใดๆแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยินดีจะให้คนธรรมดามาแต่งงานกับนาง
ไม่ต้องพูดถึงนางที่เข้าหาฟาง เจิ้งจือ
เขาเองก็ไม่ได้คิดว่าฟาง เจิ้งจือ จะไม่ดีพอ
มันก็แค่…
หลินมู่ไป่ ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มันกระทันหันเกินไป เขาไม่ได้ทำใจยอมรับมัน เขาควรจะรับ ฟาง เจิ้งจือ มาเป็นเขยดีหรือไม่?
ในตอนนั้นหลิน มู่ไป่ คิดอย่างจริงจังถึงเรื่องนี้ มันเป็นปัญหาที่เขาไม่เคบพบเจอมาก่อน
ฟางเจิ้งจือ ไม่สามารถเดาความคิดของคนอื่นได้ อย่างไรก็ตามเขารู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ
ก่อนที่เขาจะหันหลังไปมองดวงตาของเขาเบิกกว้าง
นั่นเป็นเพราะเขาเห็นแววตาสีฟ้าที่สดใสคู่หนึ่งกำลังใกล้เข้ามาอย่างช้าๆพร้อมกับริมฝีปากสีชมพูที่อ่อนนุ่ม
ความคิดของฟาง เจิ้งจือ ยุ่งเหยิงไปชั่วครู่ เขาไม่คิดเลยว่า ปิง หยาง จะทำเช่นนี้
จนกระทั่ง…
เขารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆบนใบหน้า
”เกิดอะไรขึ้น!”ฟางเจิ้งจือ ได้สติจากความงุนงงและก้าวถอยออกไปทันที เขานับถือในความรู้ของตัวเองเสมอ แต่ความใกล้ชิดนี้มันอะไรกัน?
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ใบหน้า!
ที่สำคัญที่สุดคือ…
มีเหล่าเจ้าหน้าที่องค์รัชทายาท ราชต้วน แม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ หลิน มู่ไป่ กำลังมองดูพวกเขาอยู่
ฟางเจิ้งจือ จ้องมองไปที่องค์จักรพรรดิ
จากนั้นก็สังเกตุเห็นสีหน้าที่ซีดขาวของเขา
นั่น…คงจะเป็นท่าทีของพ่อที่เห็นลูกสาวของเขาถูกล่วงเกินนั่นไม่ใช่สีหน้าของความโกรธ แต่ไม่ใช่ความสุขอย่างแน่นอน
”เชี่ยเขาคงไม่คิดว่าข้ามีความสัมพันธ์บางอย่างกับลูกสาวของเขาใช่ไหม?” ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกราวกับตัวเองถูกกล่าวหา เขาต้องการที่จะอธิบายตัวเอง
ปิงหยาง มอง ฟาง เจิ้งจือ ที่ถอยออกไป ก่อนที่นางจะได้สติและ…กรีดร้องออกมา
”หืม?หา!”
ในเวลาเดียวกันเท้าข้างหนึ่งของนางก็ลอยไปหาฟาง เจิ้งจือ
มันเป็นการโจมตีธรรมดาเพื่อป้องกันตัว
แต่มันกลับส่งฟาง เจิ้งจือ กระเด็นออกไปไกลก่อนที่ก้นของเขาจะกระแทกกับพื้น
”อุ้ก!”เขาอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่เขาจะตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือไง?!”
ฟางเจิ้งจือ โกรธมาก เขาถูกเตะทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ข้าถูกเตะแบบนี้เจ้าควรจะชดใช้ข้าสักห้าหมื่น ไม่สิแสนนึง!”
ขณที่ฟาง เจิ้งจือ กำลังฟูมฟาย แต่ ปิง หยาง กลับตกตะลึง
ไม่ใช่แค่นางแม้แต่เหวิน เต๋าเปา หรือ เหยียน ซิว และ หนานกง มู่ ก็ตกตะลึง พวกเขาไม่รู้ว่าควรแสดงความรู้สึกเช่นไรออกมาดี
เขาถูกเตะ?
เป็นไปได้ยังไง?
ถ้าปิง หยาง คาดเดาเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องหนังสือได้ ทำไม เหยียน ซิว และ หนานกง มู่ จะเดาไม่ได้
อย่างไรก็ตาม………..ไอรีนโนเวล
ถ้าฟาง เจิ้งจือ มีพลัง เขาจะถูกเตะโดย ปิง หยาง ได้ยังไง? มันเป็นการโจมตีที่ไม่ได้วางแผนเอาไว้
หรือเขายอมโดนเตะเพราะมีจุดประสงค์อื่น?
พวกเขาจะไม่คิดอย่างนั้น
เพราะฟาง เจิ้งจือ เป็นคนที่จะไม่ยอมให้ตัวเองต้องเจ็บปวดแน่นอน
ถ้าเช่นนั้นเกิดอะไรขึ้น?
ผู้คนต่างมองไปที่ฟาง เจิ้งจือ ที่นั่งอยู่บนพื้น ก่อนที่จะมองหน้ากัน
แต่เดิม…
แม้พวกเขาจะคิดว่าคนที่เข้าไปในห้องหนังสือขององค์รัชทายาทจะไม่ใช่ฟาง เจิ้งจือ แต่มันก็ยังดูน่าสงสัยอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาไร้ข้อสงสัยแล้ว
เป็นเพราะปิง หยาง แค่เตะธรรมดา ถ้า ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ไร้พลัง เขาต้องหลบแน่นอน มันเป็นปฏิกริยาอัตโนมัติ
แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น!
”เขาไร้พลังอย่างแท้จริง!”
ในแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความดูถูกในความคิดของพวกเขา การที่ ฟาง เจิ้งจือ ยืนอยู่ที่นี่ได้เพราะเขาเป็นพื่อนกับ ปิง หยาง
สำหรับความแข็งแกร่งของเขานั้น…แม้แต่ลูกเตะธรรมดาของ ปิง หยาง เขายังหลบไม่ได้ ไม่ต้องไปพูดถึงการเอาชนะผู้ที่อยู่ในระดับจุติเลย
องค์จักรพรรดิมองไปที่ฟาง เจิ้งจือ ที่กำลังลุกขึ้นมาอย่างงุ่มง่าม
ตอนนี้เขาเป็นเพียงแค่คนอ่อนแอเท่านั้น
”ข้าหวาดระแวงเกินไปงั้นหรือ?”องค์จักรพรรดิส่ายหัว ก่อนจะหันไปมอง ปิง หยาง
ความรู้สึกอันอบอุ่นเอ่อล้นขึ้นมาในใจเขา
”พวกนางช่างเหมือนกันเหลือเกินทั้งปาก จมูก โดยเฉพาะดวงตาอันสดใสนั่น…”
องค์จักรพรรดิค่อยๆหลับตาลง
ในใจของเขามีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นนางเต้นรำไปมาในจิตใจของเขา ทุกท่วงท่าช่างเต็มไปด้วยความงดงาม
”ลูกสาวของพวกเราโตขึ้นมากเลยนะเจ้ารู้ไหม? ทำไมเจ้าไม่มาเยี่ยมนางบ้างเลย นี่ก็ผ่านไปหลายปีแล้ว?”
”มากกว่าสิบปีแล้วมันไม่มีความหวังสำหรับพวกเราจริงๆงั้นหรือ?”
”ไม่ข้าจะไม่ยอมแพ้!”
”มันต้องมีโอกาสอยู่แน่นอนข้าจะรอจนถึงวันนั้น…”
”ข้าได้ขอร้องท่านลุงแล้วแต่เขาไม่เห็นด้วยเจ้ารู้ไหม…”
”ลูกสาวของเราโตขึ้นมากนางมีคนที่ชอบแล้ว”
”ข้าควรทำยังไงดี?ข้าอยากให้นางอยู่ข้างกายข้าตลอดไป แต่ข้ารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ สักวันหนึ่งนางต้องแต่งงาน”
”แต่…”
”ต่อให้ลูกสาวของเราแต่งงานเจ้าก็ไม่คิดจะมางั้นหรือ? เจ้านั้นไร้หัวใจขนาดนั้นเลยงั้นหรือ?”
”ช่วยบอกข้าทีว่าข้าควรทำเช่นไร?”
”ท่านพ่อท่านพ่อ ท่านเป็นอะไรไหม?”
เสียงอของปิง หยาง ดังขึ้นพร้อมกับแรงเขย่าที่ส่งมาที่แขนของเขา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวล
แน่นอน…
ว่ามันเป็นการรบกวนความคิดขององค์จักรพรรดิ
ปิงหยาง เป็นเพียงคนเดียวที่กล้าหาญและได้รับอนุญาติให้ทำเช่นนี้ ถ้าผู้อื่นทำจะต้องโดนประหารอย่างแน่นอน
”หืม?”องค์จักรพรรดิจ้องมอง ปิง หยาง อีกครั้ง พร้อมกับใบหน้าที่กลับมาอ่อนโยน “ไม่มีอะไร ข้าแค่คิดถึงบางเรื่องเท่านั้น?”
”ท่านคิดถึงท่านแม่อีกแล้วงั้นหรือ?”ปิง หยาง ถามด้วยความคาดหวัง
เหล่าเจ้าหน้าที่ต่างเหงื่อตก
อย่างที่ปิง หยาง เคยกล่าวอาณาจักรเซี่ยเคยมีราชินี มีมากกว่าหนึ่ง แต่มันก็เป็นเรื่องกว่าสิบปีมาแล้ว
สำหรับคนที่ปิง หยาง เอ่ยถึง นางควรจะเป็นราชินีของอาณาจักรเซี่ยคนล่าสุด นางถูกเสนอให้เป็นราชินีตั้งแต่นางปรากฎตัวมาครั้งแรก
ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะปรากฏตัว…
อาณาจักรเซี่ยมีราชินีอยู่องค์หนึ่งเป็นมารดาขององค์รัชทายาท
อย่างไรก็ตามเมื่อผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวตำแหน่งองค์ราชินีก็ถูกเปลี่ยนทันที มันรวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด
เพราะคนที่แนะนำให้ทำเช่นนั้นเป็นราชินีองค์ก่อนหน้า
และไม่มีใครคัดค้าน
ไม่มีใครสงสัยเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งนี้
ราชินีองค์ก่อนเต็มใจสละตำแหน่ง
มันเป็นช่วงเวลาแห่งความเจริญรุ่งเรืองและความสุขตอนนั้นอาณาจักรเซี่ยไม่ได้มีกำลังทหารที่แข็งแกร่ง แต่ทุกอาณาจักรล้วนหวาดกลัว
ในตอนนั้นดินแดนต่างๆต่างเข้ามาเยี่ยมเยือน
ทุกคนเห็นราชินีองค์ใหม่
แต่ทันใดนั้น…
ราชินีองค์ใหม่ไม่ได้อยู่ในอาณาจักรเซี่ยนานนัก
สิบปีผ่านไปนางออกจากอาณาจักรเซี่ย นางหันหลังให้วัง เมืองหลวง ก่อนที่จะเดินออกไปจากอาณาจักรเซี่ยและไม่หวนกลับมาอีกเลย
หลังจากนั้นอาณาจักรเซี่ยก็ถูกห้อมล้อมด้วยศัตรูและสงครามมากมาย